|
|
|
|
|
|
|
|
|
แผนที่
|
สาธารณรัฐอาร์เมเนีย Republic of Armenia
|
|
ข้อมูลฟื้นฐาน
อาร์เมเนียเป็นประเทศในกลุ่ม CIS ซึ่งประกาศเอกราชหลังจากการการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
ชาวอาร์เมเนียมีเหตุต้องอพยพถิ่นฐานหลายครั้งในประวัติศาสตร์ เนื่องจากถูกรุกรานจากชนชาติต่างๆ จึงทำให้ปัจจุบันมีประชากรเพียง 3 ล้านคนในอาร์เมเนีย แต่อีก 8 ล้านคน กระจัดกระจายอยู่ในประเทศต่างๆ อาทิ รัสเซีย (2.5 ล้าน) ตะวันออกกลาง (1 ล้าน) สหรัฐฯ (7 แสน) ยุโรป (5.2 แสน) ละตินอเมริกา (3.6 แสน) ออสเตรเลีย (7 หมื่น) และแคนาดา (5 หมื่น) โดยในไทยมีชาวอาร์เมเนีย ประมาณ 40-50 คน ส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจอัญมณี รองเท้า และอุตสาหกรรมก่อสร้าง ในช่วงทศวรรษที่ 90 อาร์เมเนีย ได้เข้าเป็นสมาชิก Council of Europe และมีการปฏิรูปเศรษฐกิจ ซึ่งนำมาสู่ความมั่นคงและเจริญเติบโตของประเทศในระดับหนึ่ง แต่ชาวอาร์เมเนียส่วนมากยังมีความเป็นอยู่ที่ยากจน เศรษฐกิจอาร์เมเนียและรายได้ส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมเจียระไนเพชรและบรั่นดี ซึ่งอาร์เมเนียมีชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญ
อาร์เมเนียมีข้อพิพาทกับอาเซอร์ไบจานในเรื่องดินแดนนากอร์โน-คาราบัคและมีความขัดแย้งกับตุรกีในประเด็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอาร์เมเนียในสมัยอาณาจักรออตโตมัน เมื่อปีค.ศ.1915 ทำให้ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับทั้งสองประเทศและชายแดนกับประเทศทั้งสองถูกปิด นอกจากนี้ อาร์เมเนียไม่มีทางออกทะเลและเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมกับอิหร่านและจอร์เจียยังไม่ทันสมัย ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และเศรษฐกิจของอาร์เมเนียเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม อาร์เมเนียยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซีย โดยรัสเซียเห็นว่าการสนับสนุนและรักษาความเป็นพันธมิตรกับอาร์เมเนีย เป็นแนวทางเดียวที่จะกีดกันตุรกีให้อยู่นอกเขต Trans-Caucasus และเป็นการกดดันอาเซอร์ไบจาน ซึ่งมีความขัดแย้งด้านผลประโยชน์ในทะเลสาปแคสเปียนกับรัสเซีย อาร์เมเนียเป็นสมาชิก Euro-Atlantic Partnership Council และ Council of Europe และมีนโยบายต่างประเทศแบบ complementarity approach คือ มีความสัมพันธ์อันดีกับทุกประเทศ และรักษาความสัมพันธ์ที่ดีทั้งกับรัสเซียและสหรัฐฯ สำหรับภูมิภาคเอเชีย อาร์เมเนียมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งจีน อินเดีย และญี่ปุ่น
ที่ตั้ง อยู่ทางตอนใต้ของเทือกเขา Transcaucasus ระหว่างทะเลดำและทะเลสาบแคสเปียน(ไม่มีทางออกทะเล)
ทิศเหนือ จรดพรมแดนจอร์เจีย ทิศใต้จรดพรมแดนอิหร่าน
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จรดพรมแดนอาร์เซอร์ไบจาน ทิศตะวันตกจรดพรมแดนตุรกี
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ จรดเขตนากิเชวันของอาร์เซอร์ไบจาน
พื้นที่ 29,800 ตารางกิโลเมตร ประมาณร้อยละ 80 เป็นเทือกเขา เป็นประเทศขนาดเล็กที่สุดในกลุ่มสาธารณรัฐ Transcaucasus
เมืองหลวง กรุงเยเรวาน (Yerevan : 1.2 ล้านคน)
ประชากร 2,971,650 (July 2007 est.)
โดยมีกลุ่มชนชาติ ดังนี้ ชาวอาร์เมเนีย ร้อยละ 97.9 ที่เหลือได้แก่ ชาว Yezid ชาวเคิร์ด ชาวรัสเซีย ชาว Assyrian ชาวยิว และชาวกรีก
ภูมิอากาศ แห้งแบบภาคพื้นทวีป หน้าหนาวหนาวเย็น หน้าร้อนร้อนจัด มีฝนตกหนักบริเวณภูเขา
ภาษาราชการ ภาษาอาร์เมเนีย และภาษารัสเซีย
ศาสนา คริสต์นิกายอาร์เมเนียน อพอสโตลิก 94% อื่น ๆ 6%
หน่วยเงินตรา Drams (414.69 Dram = 1 USD ในปี 2550)
ระบอบการปกครอง สาธารณรัฐประชาธิปไตย โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุข อยู่ในตำแหน่งวาระละ 5 ปี ประธานาธิบดีคนเดียวกันจะดำรงตำแหน่งได้ไม่เกินสองวาระ มีอำนาจในการบริหารประเทศ และเป็นผู้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจำนวน 25 คน ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ มีการแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 10 จังหวัด และ 1 เมือง (Yerevan)
ประธานาธิบดี นาย Robert Kocharian (30 มีนาคม 2541)
นายกรัฐมนตรี นาย Serzh Sargsyan (4 เมษายน 2550)
รัฐมนตรีต่างประเทศ นาย Vardan Oskanian (20 เมษายน 2541)
สถาบันทางการเมือง
- ฝ่ายนิติบัญญัติ ระบบสภาเดียว คือ สภาแห่งชาติ มีการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาทุก ๆ 4 ปี มี 131 ที่นั่ง โดยแบ่งเป็นแบบเขตเดียวคนเดียว (one-mandate electoral districts) จำนวน 75 ที่นั่ง และแบบบัญชีรายชื่อ (party lists) จำนวน 56 ที่นั่ง โดยมีการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2550 และพรรค Republican (HHK) ได้คะแนนสูงสุด
- ฝ่ายบริหาร
1. ประธานาธิบดีเป็นประมุข อยู่ในตำแหน่งวาระละ 5 ปี ประธานาธิบดี คนเดียวกันจะดำรงตำแหน่งได้ไม่เกินสองวาระ มีอำนาจในการบริหารประเทศ และเป็นผู้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจำนวน 25 คน ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
*ในเดือนมีนาคม 2546 นาย Robert Kocharian ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้งเป็นสมัยที่ 2
2. นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งประธานาธิบดีจะเป็นผู้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภา และนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้เสนอชื่อคณะรัฐมนตรีต่อประธานาธิบดี โดยคณะรัฐมนตรีประกอบด้วยรัฐมนตรี 25 คน (21 กระทรวง)
- ฝ่ายตุลาการ ศาลฎีกา (9 คน) ศาลรัฐธรรมนูญ (9 คน)
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ 16.94 พันล้าน USD (ปี 2550)
รายได้ประชาชาติต่อหัว 5,700 USD (ปี 2550)
การขยายตัวทางเศรษฐกิจ 13.4% (ปี 2550)
อุตสาหกรรม อุตสาหกรรมเพชรเจียรระไน อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร ยางรถยนต์ อุตสาหกรรมสิ่งทอ อาหารสำเร็จรูป
ทรัพยากรธรรมชาติ ทองแดง อลูมิเนียม
ตลาดนำเข้าที่สำคัญ รัสเซีย ยูเครน เบลเยี่ยม เติร์คเมนิสถาน อิตาลี เยอรมนี อิหร่าน อิสราเอล สหรัฐฯ จอร์เจีย
ตลาดส่งออกที่สำคัญ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ รัสเซีย อิสราเอล สหรัฐฯ จอร์เจีย อิหร่าน
สินค้านำเข้าที่สำคัญ ก๊าซธรรมชาติ ปิโตรเลียม ยาสูบ อาหาร เพชร
สินค้าออกที่สำคัญ เพชร แร่ธาติ อาหาร พลังงาน (2550)
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐอาร์เมเนีย |
1. ความสัมพันธ์ทั่วไป
1.1 การทูต
หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในช่วงปลายปี 2534 สาธารณรัฐต่าง ๆ ซึ่งเคยรวมเป็นสหภาพโซเวียตได้แยกตัวออกเป็นอิสระและประกาศตัวเป็นเอกราช รวม 12 ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย ยูเครน เบลารุส คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน จอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน เติร์กเมนิสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กิซ และมอลโดวา ซึ่งไทยได้ให้การรับรองเอกราชของประเทศเหล่านี้เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2534 ต่อมา ประเทศเหล่านี้ได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (Commonwealth of Independent States) หรือ CIS
ประเทศไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐอาร์เมเนีย เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2535 โดยทั้งสองฝ่ายยังมิได้เปิดสถานเอกอัครราชทูตในเมืองหลวงของกันและกัน ฝ่ายไทยได้มอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก มีเขตอาณาครอบคลุมอาร์เมเนีย และต่อมาเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2542 ไทยได้เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำอาร์เมเนีย โดยมีนายอาร์ทัวร์ มครัตชยาน (Artur Mkrtchyan) สัญชาติอาร์เมเนีย ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำสาธารณรัฐอาร์เมเนีย
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2541 รัฐบาลไทยได้อนุมัติให้อาร์เมเนียเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำประเทศไทย โดยมีนายโนแรร์ เดอ เคโวเคียน (Norair Der-Kevorkian) สัญชาติอังกฤษ ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์อาร์เมเนียประจำประเทศไทย
1.2 การเมือง
ไทยกับอาร์เมเนียไม่มีปัญหาทางการเมืองหรือข้อขัดแย้งใดๆ ความสัมพันธ์ระหว่างกันราบรื่น แม้ว่าจะมีการปฏิสัมพันธ์ไม่มากนัก ไทยและอาร์เมเนียได้จัดตั้งกลุ่มมิตรภาพระหว่างสมาชิกรัฐสภาไทย-อาร์เมเนีย (Thailand-Armenia Parliamentarians Friendship Group) ขึ้น ซึ่งจะเป็นกลไกที่ช่วยขยายความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศไปสู่มิติด้านนิติบัญญัติและการเมืองได้เป็นอย่างดี
ในกรอบของความสัมพันธ์พหุภาคี ซึ่งอาเซอร์ไบจานและอาร์เมเนียมีประเด็นพิพาทในเรื่องดินแดน Nargorno-Karabakh ซึ่งเป็นประเด็นที่ยืดเยื้อและไม่สามารถหาข้อยุติได้ และทั้งสองฝ่ายได้หยิบยกข้อพิพาทดังกล่าวขึ้นต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติทุกปี ที่ผ่านมาไทยได้ดำเนินนโยบายต่อสองประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นข้อพิพาทดังกล่าว โดยการรักษาความเป็นกลาง และให้ความสำคัญกับทั้งสองประเทศเท่าเทียมกัน และพยายามส่งเสริมให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาเพื่อยุติข้อขัดแย้งโดยสันติ
1.3 เศรษฐกิจ
ภาพรวมการค้าไทย-อาร์เมเนีย
การค้าระหว่างไทยกับอาร์เมเนียยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก และมีความไม่แน่นอนสูง อาร์เมเนียเป็นประเทศคู่ค่าลำดับท้าย ๆ ของไทยในกลุ่มประเทศ CIS ในปี 2550 มีมูลค่าการค้ารวม 2.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยไทยส่งออก 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำเข้า 1.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 78.6 ของยอดส่งออกรวมของไทยในปี 2544 ตาข่ายจับปลา (สัดส่วนร้อยละ 18.4) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป (สัดส่วนร้อยละ 2.4) เลนส์ (สัดส่วนร้อยละ 0.3) กล้วยไม้ เครื่องโทรสาร โทรพิมพ์ เครื่องโทรศัพท์และอุปกรณ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ เครื่องกีฬาและเครื่องเล่นเกม เสื้อผ้าสำเร็จรูป เป็นต้น
สินค้าไทยที่มีศักยภาพในการส่งออกไปยังอาร์เมเนีย ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ ตาข่ายจับปลา เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ กระดาษและเยื่อกระดาษ เครื่องกีฬา เสื้อผ้าสำเร็จรูป สิ่งทออื่นๆ ยานพาหนะและส่วนประกอบ ตู้เย็น ผ้าผืน เป็นต้น
สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ สินแร่โลหะอื่นและเศษโลหะ ซึ่งมีสัดส่วนถึงร้อยละ 90.2 จากยอดรวมการนำเข้าทั้งหมดในปี 2544 ผลิตภัณฑ์โลหะ (สัดส่วนร้อยละ 5.7) ยาง ยางสังเคราะห์ รวมทั้งเศษยาง (สัดส่วนร้อยละ 3.8) สบู่ ผงซักฟอก และเครื่องสำอาง (สัดส่วนร้อยละ 0.2) แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ ของเล่น เครื่องเล่นกีฬา และเครื่องเล่นเกม เครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรม กระดาษ กระดาษแข็งและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
- สินค้าจากอาร์เมเนียที่มีศักยภาพที่ไทยอาจพิจารณานำเข้า ได้แก่ สินแร่โลหะอื่นๆและเศษโลหะ ผลิตภัณฑ์โลหะ ยาง ยางสังเคราะห์รวมทั้งเศษยาง สบู่ ผงซักฟอก เครื่องสำอาง แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องเพชรพลอย อัญมณี ของเล่น เครื่องเล่นกีฬา เครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรม กระดาษ กระดาษแข็ง เป็นต้น
ปัญหาและอุปสรรคทางการค้า
- สินค้าของแต่ละฝ่ายยังไม่เป็นที่รู้จักของตลาด เนื่องจากนักธุรกิจของแต่ละฝ่ายยังขาดโอกาสในการพบปะเพื่อสร้างความรู้จักซึ่งกันและกัน รวมทั้งขาดการประชาสัมพันธ์และการประสานงานเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเศรษฐกิจและการค้าทั้งในภาครัฐบาลและเอกชน
- ระบบการผลิตของอาร์เมเนียยังคงใช้เทคโนโลยีที่ล้าหลังของอดีตสหภาพโซเวียต จึงทำให้ประสิทธิภาพการผลิตต่ำและไม่สามารถผลิตเพื่อการส่งออกได้ นอกจากนี้ อาร์เมเนียยังประสบปัญหาโดยทั่วไปในลักษณะเดียวกันกับประเทศ CIS อื่นๆคือการขาดแคลนเงินทุน อาร์เมเนียจึงสนใจที่จะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อนำมาปรับปรุงและขยายกำลังการผลิตบนพื้นฐานของเทคโนโลยีและการจัดการสมัยใหม่มากกว่าที่จะค้าขายกันอย่างเดียว
- อาร์เมเนียเป็นประเทศขนาดเล็ก จำนวนประชากรเพียง 2.9 ล้านคน และประชาชนมีอำนาจการซื้อจำกัด ไม่มีทางออกทะเล ตลาดมีขนาดเล็ก และถูกปิดล้อมโดยประเทศที่มีกรณีพิพาทระหว่างกัน และมีรัฐมุสลิมที่มีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับอาร์เมเนียเกือบรอบด้าน คือ อาเซอร์ไบจาน ตุรกี และอิหร่าน นอกจากนี้ระบบการขนส่งของประเทศยังไม่ทันสมัยและเพียงพอจึงเป็นอุปสรรคสำคัญในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
2. ความตกลงที่สำคัญกับไทย
ไทยและอาร์เมเนียได้ลงนามใน Joint Action Plan (2548-2550) ระหว่างกัน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ความร่วมมือของทั้งสองประเทศพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะด้านการเกษตรและการศึกษา โดยอาร์เมเนียส่งต้นองุ่น 28 ต้น 10 สายพันธุ์มาให้ก.เกษตรฯ เพาะพันธุ์ และสถาบันการศึกษาไทย ได้เสนอรับนักศึกษาอาร์เมเนียมาศึกษาในไทยด้วย
3. การเยือนที่สำคัญ
3.1 ฝ่ายไทย
- นายสวนิต คงสิริ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะผู้แทนกระทรวงฯ เยือนอาร์เมเนียเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 1-3 มิถุนายน 2542 โดยได้ร่วมลงนามพิธีสารว่าด้วยการปรึกษาหารือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศไทย-อาร์เมเนีย (Protocol on Consultations between the Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Foreign Affairs of the Republic of Armenia) กับนาย Armen Baibourdian รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาร์เมเนีย เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2542 และได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับนาย Vartan Oskanian รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาร์เมเนีย นาย Vladimir M. Movsisyan รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรอาร์เมเนีย นาย Galik R. Arzumanyan รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง การคลังและเศรษฐกิจ และนาย Aram Vardanyan ประธาน สหภาพผู้ผลิตและนักธุรกิจอาร์เมเนีย
รมว.กต. ขณะดำรงตำแหน่ง TTR เดินทางเยือนอาร์เมเนีย เมื่อวันที่ 17-22 มี.ค. ค.ศ.2003 และดร.วีระชัย วีระเมธีกุล ผช.รมต.ฯ เดินทางเยือนอาร์เมเนีย เมื่อวันที่ 7-9 ก.ย. ค.ศ.2005
3.2 ฝ่ายอาร์เมเนีย
- นาย Vartan Oskanian รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนที่ 1 เดินทางเยือนประเทศไทย เมื่อวันที่ 21-24 พฤษภาคม 2540 เพื่อเยี่ยมเยียนชาวอาร์เมเนียในประเทศไทย และหารือประเด็นทวิภาคีไทย-อาร์เมเนีย กับ นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
- นาย Ashot Melki-Shahnazarian เอกอัครราชทูตสัญจรแห่งอาร์เมเนียเข้าพบหารือประเด็นความสัมพันธ์ทวิภาคี และแจ้งความคืบหน้ากรณีดินแดนนากอร์โน-คาราบัค กับนายอภินันท์ ปวนะฤทธิ์ อธิบดีกรมยุโรป เมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 2541 ณ วังสราญรมย์
- นาย Armen Baibourdian รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเยือนประเทศไทยเมื่อวันที่ 19-22 กรกฎาคม 2542 เพื่อกระชับความสัมพันธ์และหารือประเด็นทวิภาคีไทย-อาร์เมเนียกับ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยระหว่างการเยือน นาย Baibourdian ได้มีโอกาสพบหารือกับนายอนุรักษ์ จุรีมาศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมด้วย โดยในโอกาสเดียวกันนี้ นาย Baibourdian ได้มอบร่างความตกลงทวิภาคี 2 ฉบับ คือ ความตกลงว่าด้วยการเว้นการตรวจลงตราผู้ถือหนังสือเดินทางทูต ราชการ และพิเศษ ระหว่างกัน (Agreement Concerning the Mutual Exemption of Visas of Diplomatic and Official/Service or Special Passports) และความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรไทย-
อาร์เมเนีย (Agreement on Agricultural Cooperation) ให้ฝ่ายไทยพิจารณา
- นาย Vardan Oskanian รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาร์เมเนีย เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ครั้งที่ 10 (UNCTAD X) ในปี 2543 ที่ประเทศไทย
- นาย Tatoul Markarian รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาร์เมเนีย เดินทางเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 5-8 พฤศจิกายน 2544 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน หาลู่ทางการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน และร่วมลงนามในอนุสัญญาเพื่อเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับอาร์เมเนีย รวมทั้งมอบสารจากนาย Vardan Oskanian รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาร์เมเนีย เชิญ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการฯ เยือนอาร์เมเนีย
ทั้งนี้ นอกจากการเข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการฯ และหารือกับ ฯพณฯ ดร. ประชา คุณะเกษม ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการฯ แล้ว นาย Markarian ยังได้พบหารือกับ ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล ผู้แทนการค้าไทย นอกจากนี้ได้หารือกับ น.พ. วินัย สวัสดิวร รองอธิบดีกรมการแพทย์ เรื่องความร่วมมือในการผลิตยา Armenicum ซึ่งเป็นยารักษาโรค AIDs ที่อาร์เมเนียค้นพบ และหารือกับนายอภิชัย การุณยวาณิชย์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในเรื่องความร่วมมือในการทำฝนเทียม
นรม. Andranik Margaryan ได้เดินทางเยือนไทยในลักษณะ Working Visit ระหว่างวันที่ 9-13 มิ.ย. 2548 ซึ่งเป็นการเยือนครั้งแรกระดับหัวหน้ารัฐบาลระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ ปธน.Robert Kocharyan ได้แสดงความประสงค์ที่จะเดินทางเยือนไทยด้วย
มกราคม 2551
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|