|
แผนที่
|
ราชอาณาจักรบาห์เรน Kingdom of Bahrain
|
|
ที่ตั้ง บาห์เรนตั้งอยู่ในอ่าวเปอร์เซีย ประกอบด้วยเกาะต่างๆประมาณ 33 เกาะในอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งห่างจากฝั่งทะเลตะวันออกของซาอุดีอาระเบีย 24 กิโลเมตรและห่างจากชายฝั่งทะเลตะวันตกของกาตาร์ 27 กิโลเมตร
พื้นที่ ประมาณ 712 ตารางกิโลเมตร
เมืองหลวง กรุงมานามา (Manama)
ภูมิอากาศ ช่วงฤดูหนาว (ธันวาคม-มีนาคม) อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 19 - 29 องศาเซลเซียส ช่วงฤดูร้อน (เดือนเมษายน-ตุลาคม) อุณหภูมิอาจสูงถึง 49 องศาเซลเซียส
ประชากร 724,645 คน (2549 )
เชื้อชาติ ชาวบาห์เรน 62.4%, อื่นๆ 37.6%
ภาษา อาหรับ (ภาษาอังกฤษก็ใช้กันอย่างกว้างขวาง)
ศาสนา อิสลาม (ชีอะห์และสุหนี่) 85% คริสต์และอื่นๆ 15%
วันชาติ 16 ธันวาคม
วันประกาศเอกราช 15 สิงหาคม (ได้รับเอกราชจากอังกฤษปี 2514)
วันสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-บาห์เรน 17 มกราคม 2520
เวลา ช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง
ประมุขของประเทศ H.H. Shaikh Hamad bin Isa Al Khalifa
นายกรัฐมนตรี H.H. Shaikh Khalifa bin Salman Al Khalifa
รัฐมนตรีต่างประเทศ H.E. Shaikh Khalid bin Ahmed Al Khalifa
รูปแบบการปกครอง
เดิมกษัตริย์ Hamad bin Isa Al Khalifa ดำรงตำแหน่งเจ้าผู้ครองรัฐ (Emir) แต่ต่อมาได้ทรงเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และเปลี่ยนชื่อประเทศจากรัฐบาห์เรน (State of Bahrain) เป็นราชอาณาจักรบาห์เรน (Kingdom of Bahrain) ในปี 2545
ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กษัตริย์เป็นผู้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี โดยมีรัฐสภาซึ่งประกอบด้วย สภาที่ปรึกษา (Shura Council เทียบเท่าวุฒิสภา) ซึ่งมาจากการแต่งตั้ง และสภาผู้แทนราษฎร (Nuwwab Council) ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง ทำหน้าที่ในด้านนิติบัญญัติ อย่างไรก็ดี ในทางปฏิบัติการตัดสินใจทางการเมืองการปกครองขึ้นอยู่กับกษัตริย์ รวมทั้งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพระปิตุลาของกษัตริย์ Hamad ทั้งนี้ สมาชิกพระราชวงศ์ Al Khalifa ดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะกระทรวงด้านความมั่นคง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ เป็นต้น
รัฐบาลบาห์เรนได้ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมือง และพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ภายในประเทศ โดยเมื่อเดือนตุลาคม 2545 บาห์เรนได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี
การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 2 ของบาห์เรน มีขึ้นในปลายเดือนพฤศจิกายน 2549 โดยมีการเลือกตั้งซ่อม ในบางเขตเลือกตั้ง ในต้นเดือนธันวาคม 2549 โดยสมาคมการเมือง Al Wefaq Society ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน เคร่งศาสนาอิสลามนิกายชีอะต์และได้คว่ำบาตรการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก ได้รับเลือกตั้ง 17 ที่นั่ง จาก 40 ที่นั่ง
ทางด้านการทหาร กองทัพบาห์เรนมีกำลังพล 11,200 คน ทหารบก 8,500 คน ทหารเรือ 1,200 คน ทหารอากาศ 1,500 คน ทั้งนี้ การที่บาห์เรนเป็นประเทศเล็กและมีกำลังพลจำกัด จึงพึ่งพาประเทศสมาชิกอื่นๆ ในคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council GCC) โดยเฉพาะอย่างยิ่งซาอุดีอาระเบีย ในการป้องกันประเทศ นอกจากนี้ บาห์เรนยังเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือที่ 5 (Fifth Fleet) ของสหรัฐอเมริกา
ประวัติศาสตร์โดยสังเขป
บาห์เรนเคยอยู่ใต้อารักขาของอังกฤษตั้งแต่ปี 2363 โดยอำนาจการปกครองถูกแบ่งออกระหว่างเจ้าครองนครกับข้าหลวงอังกฤษ อิหร่านเคยอ้างสิทธิเหนือบาห์เรนมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 แต่เมื่อปี 2523 อิหร่านยอมรับรายงานของ UN ที่แสดงข้อเท็จจริงว่าชาวบาห์เรนต้องการเป็นอิสระมากกว่าที่จะถูกรวมไว้กับอิหร่าน บาห์เรนได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2514 ตามสนธิสัญญามิตรภาพฉบับใหม่ที่ทำกับอังกฤษ หลังจากที่ความพยายามในการรวมประเทศกับกาตาร์และ Trucial States (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) เป็นสหพันธรัฐไม่ประสบความสำเร็จ
บาห์เรนเป็นประเทศแรกในอ่าวอาหรับที่ขุดพบน้ำมันดิบ ในปี 2475 และมีการสร้างโรงกลั่นน้ำมันขึ้น อย่างไรก็ดี ปริมาณน้ำมันดิบที่ขุดพบในบาห์เรนนับว่ามีจำนวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับคูเวตและซาอุดีอาระเบีย
ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
บาห์เรนเป็นประเทศอาหรับที่ดำเนินนโยบายสายกลาง มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประเทศสมาชิกอื่นๆ ใน GCC โดยเฉพาะอย่างยิ่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และคูเวต นอกจากกลุ่มประเทศ GCC บาห์เรนมุ่งกระชับความสัมพันธ์กับประเทศสมาชิกในกลุ่มสันนิบาตอาหรับ (League of Arab States หรือ Arab League) เพื่อสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค
ความสัมพันธ์กับอิหร่านมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เมื่อนาย Mohammed Khatami ได้รับเลือกตั้งให้ดำรง ตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่านเมื่อปี 2540 กษัตริย์ Hamad เสด็จฯ เยือนอิหร่านในปี 2545 ซึ่งนับเป็นการเยือนอิหร่านครั้งแรกของประมุขบาห์เรนตั้งแต่การปฏิวัติอิหร่าน (Islamic Revolution) ในปี 2522 อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่นาย Mahmoud Ahmadinejad สมาชิกกลุ่มการเมืองหัวรุนแรงเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่านเมื่อเดือนมิถุนายน 2548 บาห์เรนดำเนินความสัมพันธ์กับอิหร่านในลักษณะระมัดระวังมากขึ้น
ทางด้านความสัมพันธ์กับประเทศตะวันตก บาห์เรนมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร บาห์เรนเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือที่ 5 ของสหรัฐอเมริกา (The 5th Fleet) และเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลางที่สหรัฐอเมริกามีข้อตกลง FTA ด้วย
อัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 7.6 (2549)
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ 17.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (2549)
รายได้ประชาชาติต่อหัว 25,300 ดอลลาร์สหรัฐ (ปี2549)
ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ปลา ไข่มุก
อัตราเงินเฟ้อ ร้อยละ 3.5 (2549)
อัตราผู้ว่างงาน ร้อยละ 15 (2548)
สินค้าออกที่สำคัญ น้ำมัน และผลิตภัณฑ์น้ำมัน สิ่งทอ
สินค้าเข้าที่สำคัญ น้ำมันดิบ เครื่องจักร เคมีภัณฑ์
ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ
ส่งออก ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอเมริกา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
นำเข้า ซาอุดีอาระเบีย ญี่ปุ่น เยอรมัน สหรัฐอเมริกา อังกฤษ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
สกุลเงิน Bahrain Dinar (BHD)
อัตราแลกเปลี่ยน Bahrain Dinar (BHD) : (1 US$ = 0.376 dinar) (2549)
อุตสาหกรรมสำคัญ โรงกลั่นน้ำมัน ผลิตอลูมิเนียม ปุ๋ย ธนาคารต่างประเทศ ซ่อมเรือและท่องเที่ยว
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับราชอาณาจักรบาห์เรน |
ด้านการเมือง
ไทยและบาห์เรนได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2520 โดยไทยให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาดมีเขตอาณาคลุมถึงบาห์เรนด้วย ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2532 ให้บาห์เรนอยู่ใต้เขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูต ณ คูเวต ความสัมพันธ์ทางการเมืองไทย-บาห์เรนมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ภายหลังการเปิด สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมานามา เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2547 และมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างภาครัฐและเอกชนเป็นประจำ บาห์เรนอยู่ระหว่างดำเนินการเปิดสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไปแล้ว เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2549 ในระหว่างนี้ สถานเอกอัครราชทูตบาห์เรน ณ กรุงปักกิ่ง มีเขตอาณาครอบคลุมประเทศไทย
ไทยและบาห์เรนมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิด บาห์เรนถือเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับประเทศไทยมากที่สุด มีบทบาทเป็นสะพานเชื่อมไทยสู่ประเทศในตะวันออกกลาง ได้ช่วยแก้ไขภาพลักษณ์ของไทยในเวที OIC (Organization of Islamic Conference - OIC) นายกรัฐมนตรีบาห์เรนทรงชื่นชมพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งทรงชื่นชอบอัธยาศัยไมตรีของคนไทย นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีบาห์เรนทรงมีความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย อย่างไรก็ดี ทรงมั่นใจว่าทางการไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างดี
ด้านเศรษฐกิจ
การค้าระหว่างไทย บาห์เรนในปี 2549 มีมูลค่ารวม 289.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออกเป็นมูลค่า 78.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้า 210.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้า อย่างไรก็ดี การส่งออกของไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมูลค่าการค้ารวมเพิ่มขึ้นจากปี 2548 ร้อยละ 57.2
สินค้าออกของไทยไปบาห์เรนที่สำคัญ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับ อากาศและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ตู้เย็น ผลิตภัณฑ์ พลาสติก เสื้อผ้าสำเร็จรูปด้าย และเส้นใยประดิษฐ์ ทองแดงและผลิตภัณฑ์ทองแดง สินค้าสำคัญที่ไทยนำเข้าจากบาห์เรน ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป สินแร่ ปุ๋ย เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ และผ้าผืน เป็นต้น
นายกรัฐมนตรีบาห์เรนได้ทรงพยายามกระตุ้นการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับบาห์เรน และผลักดันให้สมาคมผู้ลงทุนและผู้ประกอบการในต่างประเทศ (Overseas Business Investment Association OBIA ) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และบริษัท Promoseven ของบาห์เรน ร่วมมือกันจัดตั้งศูนย์ Thai Business Center (TBC) เป็นศูนย์ส่งเสริมการค้าไทยที่กรุงมานามา ซึ่งเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2549 โดยเน้นการแสดงเอกลักษณ์ความเป็นไทยทั้งในด้านสินค้าและบริการ 6 กลุ่ม ได้แก่ อุตสาหกรรมการก่อสร้าง สินค้าหัตถกรรม (OTOP) สปาและการแพทย์ไทย สินค้ากลุ่มแฟชั่น ร้านอาหารไทย และ super -market ที่จัดจำหน่ายผลไม้สด อาหารสดและแช่แข็ง และอาหารฮาลาลกระป๋อง
ปัจจุบันมีคนไทยในบาห์เรนประมาณ 2,000 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานฝีมือ หรือกึ่งฝีมือ เช่น ช่างเคาะพ่นสี ช่างซ่อมรถยนต์ ช่างทำผม ช่างตัดเย็บเสื้อผ้า และพนักงานร้านอาหารไทย คนงานส่วนใหญ่ อาศัยอยู่ที่กรุงมานามา และเมืองริฟฟา (เมืองท่องเที่ยวของบาห์เรน) และเมืองมูฮารัค (เป็นเมืองใหญ่ของบาห์เรนและเป็นที่ตั้งของ Bahrain International Airport)
ด้านสังคมวัฒนธรรม
ในขณะนี้ ประเทศไทย และบาห์เรน ยังไม่มีความร่วมมือด้านการศึกษาและวัฒนธรรม อย่างไรก็ดี ชาวบาห์เรนส่วนใหญ่รู้จักและคุ้นเคยกับประเทศไทย เนื่องจากนิยมเดินทางมาพักผ่อนในประเทศไทย
ความตกลง
ความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างกัน ลงนามเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2523
ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและวิชาการ ลงนามเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2544
ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นภาษีซ้อน ลงนามเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2544
ความตกลงเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน ลงนามเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2545
ความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูง (High Joint Commission) ไทย-บาห์เรน ลงนามเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2545
ความตกลงการบินฉบับใหม่ ลงนามเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2549
การเยือนที่สำคัญ
ฝ่ายไทย
พระราชวงศ์
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ เยือนบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของมกุฎราชกุมารบาห์เรนในขณะนั้น (สมเด็จพระราชาธิบดีองค์ปัจจุบัน) ระหว่างวันที่ 13-15 มีนาคม 2532
รัฐบาล
พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เยือนบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 10 - 11 มิถุนายน 2545
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เยือนบาห์เรนเพื่อเข้าร่วมการประชุม Gulf Investment Forum ระหว่างวันที่ 8 - 10 เมษายน 2545
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รองนายกรัฐมนตรี นำคณะส่งเสริมอาหารฮาลาลไทยเยือนบาห์เรน ระหว่างวันที่ 28 - 29 เมษายน 2547
ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี เยือนบาห์เรนและประเทศ GCC เพื่อกราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระราชาธิบดีบาห์เรน และเจ้าผู้ครองรัฐ GCC เสด็จฯ เยือนไทยเพื่อร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างวันที่ 20 - 25 พฤศจิกายน 2548
ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี เยือนบาห์เรนอย่างเป็นทางการ เพื่อเปิดศูนย์ Thai Business Center ณ กรุงมานามา ระหว่างวันที่ 24 - 27 เมษายน 2549
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 24 - 25 พฤศจิกายน 2541
ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม - 1 เมษายน 2545
นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เยือนบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 29 เมษายน - 2 พฤษภาคม 2545
ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนบาห์เรนเพื่อร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-บาห์เรน ครั้งที่ 1 และเป็นประธานในพิธีเปิดสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามาอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 13 - 15 กุมภาพันธ์ 2547
นางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เยือนบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 7 - 8 เมษายน 2547
นายกันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 1 - 2 กรกฎาคม 2548
นายกันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 21 - 23 พฤษภาคม 2549
นายสวนิต คงสิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 27 - 29 พฤศจิกายน 2549
นายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 20 - 22 เมษายน 2550
ฝ่ายบาห์เรน
พระราชวงศ์
H.H. Shaikh Khalifa bin Salman Al Khalifa นายกรัฐมนตรีบาห์เรน
- เสด็จเยือนไทย ในฐานะพระอาคันตุกะของรัฐบาล และทรงเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2544
- เสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการในลักษณะ Working Visit ระหว่างวันที่ 1 - 3 พฤศจิกายน 2544
- เสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการในลักษณะ Working Visit ระหว่างวันที่ 20 - 22 พฤศจิกายน 2545
- เสด็จร่วมพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะผู้แทนราชอาณาจักรบาห์เรน ระหว่างวันที่ 11 - 29 มิถุนายน 2549
- เสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะพระอาคันตุกะของรัฐบาล (Official Visit) และทรงเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างวันที่ 10 - 12 มกราคม 2550
รัฐบาล
H.E. Shaikh Mohammed bin Mubarak Al Khalifa รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรน เยือนไทยเพื่อร่วมการประชุม Asia Cooperation Dialogue จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 18-19 มิถุนายน 2545
H.E. Mr. Ali Saleh Al Saleh รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์บาห์เรน เยือนไทยเพื่อร่วมการประชุม Asia Cooperation Dialogue ที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 21-22 มิถุนายน 2546
H.E. Dr. Majeed bin Muhsen Al Alawi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมบาห์เรน เยือนไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 15-19 กันยายน 2547
H.E. Mr. Fahmi bin Ali Al Jowder รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาและการเคหะบาห์เรน เยือนไทยระหว่างวันที่ 27 - 30 ธันวาคม 2547
ผู้แทนทางการทูต
ฝ่ายไทย
เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมานามา นายพิทักษ์ พรหมบุบผา
Royal Thai Embassy
Villa No132, Road 66
Block 360, Zinj Area,
Manama, P.O. Box 26475
Tel. (973) 1724-6242
Fax. (973) 1727-2714
E-mail: thaimnm@mfa.go.th
ฝ่ายบาห์เรน
เอกอัครราชทูตบาห์เรน ณ กรุงปักกิ่ง H.E. Mr. Karim Ebrahim Al-Shakar
Embassy of the Kingdom of Bahrain
10-06, No.22
Dong Fang Donglu Road,
Liangmaqiao Diplomatic Residence
Compound, Chaoyang District Royal 100600,
Beijing, The Peoples Republic of China
Tel. : (8610) 6532-6483,6532-6485,6532-6486
Fax : (8610) 6532-6393,6532-6435
E-mail: bahembj@yahoo.com
อุปทูตบาห์เรนประจำประเทศไทย Mr. Khalil Yaqoob Al Khayat
Embassy of the State of Kuwait (Temporary Chancery)
Sathorn Nakhon Tower, 24A Fl.,
100/44 North Sathorn Rd.,
Bangrak, Bangkok 10500
Tel: 0-2636-6600, 0-2636-7461-3
Fax: 0-2636-7360
E-mail: kuembasy @inet.co.th
*****************
สิงหาคม 2550
เรียบเรียงโดย กองตะวันออกกลาง กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา โทร. 0-2643-5051-52 E-mail : southasian03@mfa.go.th
|
|