ยอดดอยภูแว อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน
ท้องทะเลบนยอดดอย
ท้องทะเลบนยอดดอยภูคา
อุดมพร พลศักดิ์
นักยกน้ำหนักหญิง เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 28
ธรรมชาติและทิวไม้หนาทึบ ยิ่งขึ้นสูงไปเท่าไร
ก็ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนว่า
ตัวเองหลุดพ้นจากแสงสีและความศิวิไลซ์มาสู่ตัวตนที่แท้จริง
ถ้าถามว่า ระหว่าง ทะเล กับ ภูเขา ชอบที่ไหนมากกว่า
สำหรับอรแล้ว ทะเลต้องมาก่อน แต่ถึงจะบอกว่ารักการใช้เวลาอยู่ริมหาดทรายมากขนาดนั้น
ก็มีบ้างเหมือนกันที่อร ตกหลุมรัก บรรยากาศบนยอดเขาเข้าเต็มๆ เรื่องมีอยู่ว่า
หลังกลับจากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ (ครั้งที่ 28) ที่ประเทศกรีซ อรก็ตัดสินใจ
แขวนเหล็ก เพราะรู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จถึงที่สุดแล้ว
และอยากให้เวลากับตัวเองบ้าง
พอดีคุณอาซึ่งทำงานอยู่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จ.น่าน ชวนไปเที่ยว
จากตัวจังหวัดน่านประมาณ 30 กม. ถึง อ.ปัว มีทางขึ้นเขาอีกประมาณ 30 กม. จะถึงยอด
ทางขึ้นเขาเป็นถนนลาดยางสองเลนสวนกัน คดเคี้ยวสูงชันสักหน่อย
เวลาขับเลยต้องระวังเป็นพิเศษ
ธรรมชาติและทิวไม้ที่ขึ้นหนาทึบสองข้างทางทำให้รู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้หลุดพ้นจากแสงสีและความศิวิไลซ์มาสู่ตัวตนที่แท้จริง
อ้อ!
ก่อนขึ้นเขาต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมก่อนหัวละ 20 บาท ถือได้ว่าถูกมากๆ
สำหรับประสบการณ์ที่ได้กลับมา ซึ่งมีคุณค่าอย่างมหาศาลแก่ชีวิต
และที่นี่อาจจะเป็นการเที่ยวครั้งเดียวในชีวิตสำหรับหลายๆ คน
จากที่ทำการอุทยานฯ ไปไม่เท่าไร
มีจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวนิยมมาบันทึกภาพวิวสวยๆ
กลับไปประกอบบันทึกการเดินทางของตัวเองจำนวนมาก
หลังจากถึงจุดที่สวยที่สุดจุดหนึ่งบนยอดดอย พอได้สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
แล้วลืมตามองรอบๆ เต็มที่... บอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่อรว่า
เทือกเขาในสวิตเซอร์แลนด์ที่ใครต่อใครเขาก็ว่าสวยนะ
มันก็คงไม่ต่างไปจากภาพตรงหน้าอรตอนนั้นแน่!!
อรเดินสำรวจไปเรื่อยๆ เห็นยอดเขาเรียงราย
มีต้นไม้เขียวขจีแซมอยู่กับพื้นดิน และหินสีน้ำตาลสดกับสีแดงๆ
ของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า เหมือนภาพภาพสวยๆ ในหนังสือ
ที่ไกลลิบๆ
สุดลูกหูลูกตาจะเห็นแนวเขาแบ่งเขตประเทศไทยกับลาวต่อเนื่องเป็นทิวแถว
เคยอ่านเจอในหนังสือ เขาเปรียบลอยเอื่อยเหมือนคลื่นที่ค่อยๆ กระทบฝั่ง
เสียดายอยู่อย่างที่ไม่มีโอกาสได้ดูต้นชมพูภูคาออกดอก
เท่าที่เห็นมีแค่ต้นไม้ที่มีกิ่งก้านสาขาหุ้มด้วยเปลือกไม้แห้งๆ
ถ้าไม่บอก่อนว่ามันยังรอวันผลิตดอก ก็คงนึกว่าตายไปแล้วแน่ๆ ต้นชมพูภูคาที่ว่านี้
เป็นพันธุ์ไม้หิมาลัยที่หายากที่สุดพันธุ์หนึ่งของโลก
ครั้งหนึ่งนักวิชาการเชื่อกันว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว
แต่ก็มาพบว่าขึ้นอยู่ในป่าที่ดอยนี้ เลยตั้งชื่อตามสถานที่ว่า ชมพูภูคา
ก่อนขึ้นเขาต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมก่อนหัวละ 20 บาท ถือได้ว่าถูกมากๆ
สำหรับประสบการณ์ที่ได้กลับมา
ซึ่งมีคุณค่าอย่างมหาศาลแก่ชีวิต
จากที่เห็นในภาพ กลีบดอกเป็นสีขาวอมชมพู ชูช่อเป็นพวงใหญ่
เวลาออกดอกจะบานพร้อมกันเต็มต้น แต่เขาบอกว่ามันจะออกดอกแค่ช่วงเดือน ก.พ.
เป็นพันธุ์ไม้ที่จะหาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้
...อรเดินหามุมสงบก่อนทิ้งตัวลงนอนแผ่เพื่อจะได้มองท้องฟ้าให้ชัดๆ
ตอนนั้นพระอาทิตย์ลับฟ้าไปพักใหญ่แล้วและพระจันทร์ก็ขึ้นมาส่องแสงเรือนรองทำให้ท้องฟ้าสีขมุกขมัวใสจนเห็นดาวได้ชัดเจน
อรนอนอยู่บน ท้องทะเลแห่งหุบเขา จ้องมอง ทะเทดาว
จนเกือบลืมไปว่าตอนนั้นไม่ได้มีเราคนเดียวอยู่ที่นั่น เพราะช่วงเวลาสั้นๆ
ที่ลืมตัวไปกับกลิ่นใบไม้และลมเย็นๆ รอบตัว ก็อดคิดไม่ได้ว่า
นี่เป็นโลกส่วนตัวที่มีแค่เรากับธรรมชาติเท่านั้น
เดิมที่ว่ายังไงอรก็รัก ทะเล มากว่า ภูเขา
แต่ที่ดอยภูคานี้คงยกเว้นไว้สักที่หนึ่ง เพราะ ภูเขา ที่นี่ มี ทะเล ให้เรา
ดู ได้ไม่รู้เบื่อจริงๆ
ผาชู้
ชมพูภูคา
วัดภูมินทร์
เส้นทางความสุขที่สามสิบเก้า
|