ท่องเที่ยว || เพิ่มข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว|| ดูดวงตำราไทย|| อ่านบทละคร|| เกมส์คลายเครียด|| วิทยุออนไลน์ || ดูทีวี|| ท็อปเชียงใหม่ || รถตู้เชียงใหม่
  dooasia : ดูเอเซีย   รวมเว็บ   บอร์ด     เรื่องน่ารู้ของสยาม   สิ่งน่าสนใจ  
 
สำหรับนักท่องเที่ยว
ตรวจสอบระยะทาง
แผนที่ 77 จังหวัด
คู่มือ 77 จังหวัด(PDF)
จองโรงแรม
ข้อมูลโรงแรม
เส้นทางท่องเที่ยว(PDF)
ข้อมูลวีซ่า
จองตั๋วเครื่องบิน
จองตั๋วรถทัวร์
ทัวร์ต่างประเทศ
รถเช่า
197 ประเทศทั่วโลก
แลกเปลี่ยนเงินสากล
ซื้อหนังสือท่องเทียว
dooasia.com แนะนำ
  เที่ยวหลากสไตล์
  มหัศจรรย์ไทยเแลนด์
  เส้นทางความสุข
  ขับรถเที่ยวตลอน
  เที่ยวทั่วไทย 77 จังหวัด
  อุทยานแห่งชาติในไทย
  วันหยุดวันสำคัญไทย-เทศ
  ศิลปะแม่ไม้มวยไทย
  ไก่ชนไทย
  พระเครื่องเมืองไทย
 
 
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเกาหลี
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศลาว
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเวียดนาม
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศพม่า
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศจีน
 
เที่ยวภาคเหนือ กำแพงเพชร : เชียงราย : เชียงใหม่ : ตาก : นครสวรรค์ : น่าน : พะเยา : พิจิตร : พิษณุโลก : เพชรบูรณ์ : แพร่ : แม่ฮ่องสอน : ลำปาง : ลำพูน : สุโขทัย : อุตรดิตถ์ : อุทัยธานี
  เที่ยวภาคอีสาน กาฬสินธุ์ : ขอนแก่น : ชัยภูมิ : นครพนม : นครราชสีมา(โคราช): บุรีรัมย์ : มหาสารคาม : มุกดาหาร : ยโสธร : ร้อยเอ็ด : เลย : ศรีสะเกษ : สกลนคร : สุรินทร์ : หนองคาย : หนองบัวลำภู : อำนาจเจริญ : อุดรธานี : อุบลราชธานี : บึงกาฬ(จังหวัดที่ 77)
  เที่ยวภาคกลาง กรุงเทพฯ : กาญจนบุรี : ฉะเชิงเทรา : ชัยนาท : นครนายก : นครปฐม : นนทบุรี : ปทุมธานี : ประจวบคีรีขันธ์ : ปราจีนบุรี : พระนครศรีอยุธยา : เพชรบุรี : ราชบุรี : ลพบุรี : สมุทรปราการ : สมุทรสาคร : สมุทรสงคราม : สระแก้ว : สระบุรี : สิงห์บุรี : สุพรรณบุรี : อ่างทอง
  เที่ยวภาคตะวันออก จันทบุรี : ชลบุรี : ตราด : ระยอง

  เที่ยวภาคใต้ กระบี่ : ชุมพร : ตรัง : นครศรีธรรมราช : นราธิวาส : ปัตตานี : พัทลุง : พังงา : ภูเก็ต : ยะลา : ระนอง : สงขลา : สตูล : สุราษฎร์ธานี




        ประชาชนกัมพูชานับถือศาสนาพุทธ จึงมีวัดวาอารามตั้งอยู่ทั่วประเทศ เช่นเดียวกับประเทศไทย แต่ยังอยู่ในช่วงการทำนุบำรุง หลังจากถูกทำลายไปในช่วงที่เขมรแดงปกครอง ในแง่ของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กัมพูชาได้รับความช่วยเหลือจากสหประชาชาติ ประเทศตะวันตก และประเทศอื่น ๆ หลังจากมีการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว 2 ครั้ง

        กัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านติดกับไทย มีประวัติศาสตร์ อารยธรรมยาวนาน นครวัด และนครธม นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่อัศจรรย์ชิ้นหนึ่งในเอเชีย ศิลปวัฒนธรรมที่งดงามของกัมพูชา มีความคล้ายคลึงกันมากกับศิลปวัฒนธรรมไทย ภาษาเขมรมาจากรากศัพท์สันสกฤต จึงมีคำหลายคำในภาษาเขมรที่คุ้นหูคนไทย นอกจากนี้อิทธิพลทางวัฒนธรรมของฝรั่งเศสยังคงมีให้เห็นในเมืองหลวงและต่างจังหวัด

       ที่ตั้ง กัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านทางตะวันออกของไทย ที่มีพรมแดนติดกันประมาณ 890 กม. ประชากร 11 ล้านคน (1.1 ล้านในกรุงพนมเปญ) ภาษา เขมร ฝรั่งเศส อังกฤษ ศาสนา พุทธ รัฐบาล ประชาธิปไตย ในระบบพระมหากษัตริย์ สกุลเงิน 100 เรียล (Riel) = 1 บาท เงินเหรียญสหรัฐใช้กันอย่างแพร่หลาย สภาพอากาศ เช่นเดียวกับประเทศไทย

        หากพูดถึงประเทศกัมพูชา ภาพในความรู้สึกของชาวโลก คงมองออกมาคล้าย ๆ กันว่าเป็นประเทศที่ตกอยู่ในห้วงแห่งสงครามเสมือนดินแดนต้องคำสาป ภาพการสู้รบ และความตายตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมายังคงอยู่ในความทรงจำของชาวโลก หากขยายเข้าไปในความทรงจำนั้น ก็คงจะเห็นภาพหัวกะโหลกมนุษย์กองโต ในทุ่งสังหาร คิลลิ่งฟิลด์ฝังลึกอยู่ในความรู้สึกอย่างยากที่จะลืมเลือน

        ประเทศกัมพูชา ในเวลานี้ก็เหมือนคนที่เพิ่งตื่นจากฝันร้ายจากภัยสงครามที่เขมรแดงได้มอบให้ กับสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จากเหตุการณ์นั้น คนเขมรเกือบสามล้านชีวิตต้องตายลง และสงครามก็ได้ทิ้งร่องรอยฝากไว้ให้กับชาวเขมรที่เหลือรอดด้วยสภาพความพิการทางร่างกายกว่า 1.4 แสนราย พื้นที่ 1 ใน 3 ของประเทศยังเต็มไปด้วยกับระเบิดไม่น้อยกว่า 10 ล้านลูก ปัจจุบันชาวกัมพูชาและทหารต้องสูญเสียอวัยวะจากการเหยียบกับระเบิดดังกล่าวอีกปีละไม่น้อยกว่า 3,000 คน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะเห็นภาพความพิการของคนเขมรอยู่ดาษดื่น

        วันนี้ฝันร้ายดังกล่าวได้ยุติลงแล้วอย่างสิ้นเชิงเมื่อหลายฝ่ายยอมวางอาวุธและหันหน้าเข้าหากัน การพัฒนาประเทศกำลังเริ่มเดินเครื่องหลังจากที่ต้องหยุดชะงักมาเป็นเวลานาน ความล้าหลังของประเทศในทุก ๆ ด้านกำลังได้รับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ

        ทางหนึ่งที่รัฐบาลกัมพูชาจะสามารถหาเงินเข้าประเทศได้โดยง่าย คือการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งทางกัมพูชามีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อติดอันดับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง นครวัด-นครธมอยู่แล้ว การทำประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในประเทศกัมพูชา ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวฯ ของเขมร นายเวง เสรีวุธ มีแผนที่จะประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในประเทศโดยเน้นตลาดใหญ่คือนักท่องเที่ยวจากไทย

        ย้อนไปในอดีตเกี่ยวกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเที่ยวนครวัด-นครธม เมื่อปี ค.ศ.1958 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้าไปเที่ยวถึง 4.5 แสนคน หากนำมาเปรียบเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวเมื่อปีที่แล้วมีเพียง 1.2 แสนคน ซึ่งแตกต่างกันมากแสดงให้เห็นถึงการอ่อนประชาสัมพันธ์ จึงเป็นเรื่องที่เร่งด่วนที่รัฐบาลของนายกฮุ่น เซน ต้องลงมือทำประชาสัมพันธ์ เพื่อแข่งกับประเทศในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

        ในการเดินทางโดยเครื่องบินของสายการบินต่างประเทศ หรือสายการแอร์คัมโพสของกัมพูชา ที่บินจากกรุงเทพฯ ในขณะนี้ยังคงต้องใช้เส้นทางบินที่ต้องไปลงจอดที่สนามบินโปเชียนตง กรุงพนมเปญ ก่อนที่จะต่อเครื่องบินภายในประเทศของเขาในวันรุ่งขึ้น (ยกเว้นสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ที่ได้รับอนุญาตให้ลงจอดด้วยสัญญาปีต่อปี) ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะรัฐบาลของนายกฯ ฮุน เซน ต้องการเห็นกรุงพนมเปญโตไปพร้อมกับจังหวัดเสียมราฐ และยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับสายการบินภายในประเทศอย่างเป็นกอบเป็นกำ

        ในกรุงพนมเปญแหล่งท่องเที่ยวยังไม่ค่อยมีอะไรที่ยิ่งใหญ่เท่าใดนัก นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ส่วนใหญ่จะเข้าไปชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของเขา จากนั้นก็จะไปที่ พระบรมมหาราชวังเขมรซึ่งจำลองแบบวัดพระแก้วจากประเทศไทยไปเกือบทั้งหมด และสุดท้ายก็จะไปดู ตุล สะแลง และทุ่งสังหาร คิลลิ่ง ฟิลด์ ดูแล้วเกิดความหดหู่ใจอย่างยิ่ง

        สิ่งหนึ่งที่เห็นในกรุงพนมเปญในการมาเยือนครั้งนี้ (นอกจากความไม่เป็นระเบียบของการจราจร และขอทานที่เดินขอสตางค์กับนักท่องเที่ยวอย่างตื้อไม่เลิก) ก็คือวิถีชีวิตของคนเขมรที่ซึมซับรับแบบอย่างจากประเทศไทยไปเกือบร้อยเปอร์เซ้นต์ทั้งระบบราชการ และเอกชน มีคนไทยมาทำมาหากินอยู่ที่นี่กว่า1,600 คน ทั้งค้าขาย และทำธุรกิจ คนเขมรชื่นชอบสินค้าที่ผลิตจากประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะเชื่อว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพและหาซื้อได้ง่าย ละครทีวีและภาพยนต์จากประเทศไทยก็เช่นกันล้วนได้รับความสูงมากถึงขนาดมีโปสเตอร์และรูปถ่ายดาราจากประเทศไทย ติดอยู่ตามร้านค้าหรือบ้านเรือนแทบทุกแห่ง
Top


สิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราล่วงรู้ถึงความเป็นมาของตนเอง และล่วงรู้ถึงความเป็นอยู่ของบรรพบุรุษในอดีตได้นั้น ก็คือการศึกษาหลักฐานต่าง ๆ ทางประวัติศาสตร์ ที่จะบอกเล่า เรื่องราวของคนแต่ละกลุ่มแต่ละชาติพันธุ์ ให้คนรุ่นหลังอย่างเราได้ศึกษา

        หลักฐานทางประวัติศาสตร์อย่างสถาปัตยกรรมประติมากรรม จิตรกรรม จึงมิได้เป็นเพียงมรดกของมวลมนุษยชาติที่ต้องปกป้อง และรักษาเท่านั้น และรักษาเท่านั้น แต่ยังเป็นอนุสรณ์สะท้อนให้คนรุ่นหลังได้เห็นถึงสัจะรรมข้อหนึ่งที่ว่า ทุกสรรพสิ่งบนโลกล้วนเป็นของไม่เที่ยง เมื่อถึงยุคแห่งความรุ่งเรืองก็ย้อมถึงยุคแห่งความเสื่อม และดับสูญ

        นครวัด-นครธมเป็นโบราณสถานเก่าแก่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของชาวเขมร เป็นที่เชิดหน้าชูตาเพียงแห่งเดียวของประเทศกัมพูชา มีอายุกว่า 900 ปี ถูกสร้างขึ้นโดย พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ราวกลางศตวรรษที่ 11 เพื่อเป็นเทวสถานที่บูชาพระวิษณุในร่างของพระองค์ในขณะมีชีวิต และเป็นสถานสุสานที่ทรงรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระวิษณุเมื่อสิ้นพระชนม์

        ประมาณ หนึ่งร้อยปีล่วงมาแล้ว มีนักธรรมชาติวิทยาท่านหนึ่งชื่อ อังรี มูโอต์ ได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางในหนังสือของเขาชื่อ การท่องโลก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ทำให้ชาวโลกสนใจโบราณสถานของขอมอย่างจริงจัง ตอนหนึ่งเขาได้บรรยายถึงเมืองพระนครไว้ว่าเป็นนฤมิตรกรรมทางสถาปัตย์ ซึ่งอาจไม่มีสิ่งก่อสร้างใดที่สร้างมาแล้วหรือที่จะสร้างต่อไปในโลกเสมอเหมือนได้ คำกล่าวนั้นไม่ได้เกิดความจริงแต่ประการใด

        การที่ชาวขอมโบราณจะสร้างสถาปัตยกรรม ที่มีความยิ่งใหญ่ได้นั้น ย่อมเกิดขึ้นได้ด้วยความเชื่อในศาสนาเป็นหลักใหญ่ และพระมหากษัตริย์ต้องมีพระราชอำนาจมาก ที่จะสามารถรวบรวมทั้งทาส และประชาชนมาสร้างได้

        มีสมมุติฐานถึงระยะเวลาในการสร้างนครวัดของนักสำรวจ และนักวิชาการทางโบราณคดีหลายรายได้คาดการณ์คล้ายกันจนไม่เหลือช่องว่างให้คาดเดา โดยบอกว่าการสร้างอาจจะใช้คนหรือทาสผลัดเปลี่ยนหมุนเงวียนไม่น้อยกว่า 12 ล้านคน ใช้ช้างมากว่า 4 หมื่นเชือก และใช้ช่างจำหลักหินที่มีฝีมืออีกไม่น้อยกว่า 5 พันคนด้วยเทคนิคในการก่อสร้างที่ชาวเขมรหรือขอมที่มีอยู่ในขณะนั้นถือได้ว่ามีความชำนาญมากกว่าชนชาติอื่นในย่ายอินโดจีน ชาวเขมรหรือขอมโบราณสามารถสร้างแราสาทหลังหนึ่งได้จากทุกด้านพร้อมกันโดยใช้คนงานจำนวนมาก ตามการคำนวณ เชื่อว่าการสร้างปรางค์ก่ออิฐที่สูงประมาณ 12 เมตร ฐานกว้าง 5 เมตร สามารถสร้างให้เสร็จสิ้นได้ภายใน30 วัน การสร้างปราสาทนครวัดจึงไม่ใช้เวลาไปกว่า 50 ปีเป็นอย่างสูง

        และด้วยเหตุความคลั่งไคล้ต่อสิ่งก่อสร้างมหึมานี่เอง ก็นำมาซึ่งความล่มสลายในช่วงปลายสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในศตวรรษที่ 14 ได้เกิดศึกสงครามโดยกองทัพจากกรุงศรีอยุธยาที่มารุกรานพลเมืองของอาณาจักรขอมที่เหนื่อยกับการสร้างเมืองถูกบังคับไห้ออกรบ ซึ่งก็ไม่สามารถต้านทานทัพจากกรุงศรีอยุธยาได้ เพราะหลายร้อยปีนับตั้งแต่เริ่มสร้างเมืองพลเมืองขอมถูกบังคับให้สร้างปราสาทและสุสานอย่างหนักมาโดยตลอดและล้มตายไปเป็นจำนวนมหาศาลหามิได้รับแรงบันดาลใจจากความศรัทธาร่วมกันในทางศาสนากับผู้สร้างไม่ บางทีชาวขอมอาจเห็นด้วยซ้ำไปว่าการสงครามเป็นเสมือนความหลุดพ้นจึงไม่พยายามปกป้องประเทศของตน

        โบราณสถานเมืองพระนคร จึงเป็นเสมือนสิ่งเตือนใจให้คนรุ่นหลังอย่างเราได้รู้ว่าความฟุ่มเฟือยคลั่งไคล้ในเทพเจ้าของผู้มีอำนาจที่อยู่บนความทุกยากแสนสาหัสของประชาชน ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ และต้องเสื่อมสลายลงในที่สุด ศาสนาที่มีความอ่อนโยนสมถะไม่สิ้นเปลือง และเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้เท่านั้น จึงจะได้รับความศรัทธาอย่างแท้จริง
Top


        มีเรื่องเล่าขานกันจนกลายเป็นตำนานประจำราชวงศ์นโรดมและพสกนิกรชาวกัมพูชาว่าเมื่อครั้งอาณาจักรชัยวรมัน (ขอม)ทางตอนเหนือของประเทศหมดอำนาจลง เจ้าหญิงซึ่งเป็นผู้สืบขัตติยราชตระกูลได้นำข้าราชบริพารที่จงรักภักดีล่องเรือมาตามลำน้ำทนนสาบหรือแม่น้ำทะเลสาบ จนมาถึงจุดที่เป็นกำเนิดของอาณาจักรพนมเปญ (คือเดือนเพ็ญ) นับแต่นั้นราชวงศ์เขมรินทร์ก็ครองราชย์บัลลังก์สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน ขณะเดียวกันมีเรื่องเล่าถึงคำทำนายสืบต่อกันว่าเมื่อถึงกษัตริย์องค์ที่ 14 ครองราชย์เมื่อใด การสืบราชบัลลังก์ก็จะถึงการสิ้นสุดโดยมีเหล่ากาดำบินว่อนเต็มท้องฟ้า บดบังแสงอาทิตย์ไม่ให้ตกทอดถึงแผ่นดิน พร้อมกับคาบผลไม้เน่าสีแดงมาทิ้ง เสมือนหนึ่งเลือดจะต้องนองแผ่นดิน ซึ่งเรื่องนี้สมเด็จพระนุโรดมสีหนุ ตรัสบ่อยครั้งเกี่ยวกับตำนานดังกล่าว โดยทรงเปรียบกลุ่มเขมรแดงว่าเป็นกาตามตำนานความเชื่อ เนื่องจากกลุ่มเขมรแดงนิยมแต่งกายในชุดชาวนาย้อมผ้าสีดำที่มีส่วนทำให้พระองค์ต้องพลัดแผ่นดิน

        มาถึงยุคประชาธิปไตย มีการเลือกตั้งภายใต้การดูแลของสหประชาชาติ ในการร่างรัฐธรรมนูญนั้นมีการถกเถียงและได้ผลสรุปออกมาว่า ประมุกแห่งรัฐได้แก่กษัตริย์ ซึ่งในปัจจุบันก็คือสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ส่งผลให้อนาคตผู้ที่จะสืบทอดราชบัลลังก์องค์ต่อไปได้แก่ สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ แต่พระโอรสองค์โต พระองค์นี้ต้องการมีส่วนร่วมในอำนาจในทางการเมืองและผลประโยชน์ต่าง ๆ อย่างเต็มตัวและจัดตั้งพรรคฟุนซินเปกขึ้นมากกว่าความต้องการในฐานะประมุกของประเทศ แต่คำทำนายจะเป็นจริงหรือไม่ เวลาเท่านั้นจะเป็นคำตอบ
Top

Home
แหล่งอ้างอิง
- หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 7 ธันวาคม 2536 หน้า 2
- หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 14 พฤษภาคม 2542 หน้า5
- หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2542 หน้า5
วันสำคัญของไทย

วันสำคัญของไทยและต่างประเทศอื่นๆ

     

วันชาติต่างประเทศ

วันชาติอินเดีย
วันชาติปากีสถาน
วันชาติอเมริกา

วันชาติมาเลย์
วันชาติเม็กซิโก
วันชาติซาอุดิอาระเบีย
วันชาติเยอรมนี
วันชาติฟินแลนด์
วันชาติสเปน
วันชาติกัมพูชา
วันชาติเลบานอน
วันชาติลาว
วันชาติพม่า
วันชาติออสเตรเลีย
วันชาติฝรั่งเศส
เดือนมกราคม
เดือนกุมภาพันธ์
เดือนมีนาคม
วันขึ้นปีใหม่
วันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ
วันพ่อขุนรามคำแหง
วันสถาปนาโครงการ อพป.แห่งชาติ
วันเด็กแห่งชาติ
วันครู
วันกองทัพไทย
วันนักประดิษฐ์
วันวาเลนไทม์
วันปลอดควันพิษจากไฟป่า
วันมาฆบูชา
วันทหารผ่านศึก
วันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก
วันศิลปินแห่งชาติ
วันสหกรณ์แห่งชาติ
วันน้ำของโลก
วันกองทัพอากาศ
วันสตรีสากล
เดือนเมษายน
เดือนพฤษภาคม
เดือนมิถุนายน
วันข้าราชการพลเรือน
วันรักการอ่าน
วันอนุรักษ์มรดกไทย
วันเช็งเม้ง
วันจักรี
วันประมงแห่งชาติ
วันสงกรานต์
วันผู้สูงอายุแห่งชาติ
วันครอบครัว
วันคุ้มครองโลก
วันแรงงานแห่งชาติ
วันฉัตรมงคล
วันพืชมงคล
วันวิสาขบูชา
วันต้นไม้แห่งชาติ
วันงดสูบบุหรี่โลก
วันสิ่งแวดล้อมโลก
วันอานันทมหิดล
วันดำรงราชานุภาพ
วันสุนทรภู่
วันต่อต้านยาเสพติด
เดือนกรกฎาคม
เดือนสิงหาคม
เดือนกันยายน
วันลูกเสือแห่งชาติ
วันอาสาฬหบูชา
วันเข้าพรรษา
วันภาษาไทยแห่งชาติ
วันรพี
วันแม่แห่งชาติ
วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ
วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
วันสืบ นาคะเสถียร
วันโอโซนโลก
วันเยาวชนแห่งชาติ
วันมหิดล
เดือนตุลาคม
เดือนพฤศจิกายน
เดือนธันวาคม
วันสารทไทย
วันตำรวจ
วันเทคโนโลยีของไทย
วันปิยะมหาราช
วันสหประชาชาติ
วันออกพรรษา
วันเทโวโรหนะ
วันฮาโลวีน
วันลอยกระทง
วันวชิราวุธ - วันประถมศึกษา
วันโลกต้านเอดส์
วันสิ่งแวดล้อมไทย
วันพ่อแห่งชาติ
วันเฉลิมพระชนมพรรษา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ

วันรัฐธรรมนูญ
วันกีฬาแห่งชาติ
วันคริสต์มาส
วันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ
วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

ประเพณีไทย


 
 
dooasia.com
สงวนลิขสิทธิ์ © 2550 ดูเอเซีย    www.dooasia.com

เว็บท่องเที่ยว จองที่พัก จองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ ข้อมูลท่องเที่ยว ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม แผนที่ การเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร จองที่พักและโรงแรมออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตทั่วโลก คลิปวีดีโอ ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ลาว เวียดนาม ขอขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวลาว การท่องเที่ยวกัมพูชา การท่องเที่ยวเวียดนาม มรดกไทย กรมป่าไม้
dooasia(at)gmail.com ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย. สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์