4 พระบรมธาตุ
4
พระบรมธาตุ
ตำนานที่มาโดยละเอียด
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อายุกว่าพันปี
พระธาตุลำปางหลวง
ลำปาง
โดย
สำนักงานนิตยสารเทียนชัย
ตำนานพระแก้วมรกต วัดพระธาตุลำปางหลวง
จากตำนานพระแก้วมรกตของวัดพระธาตุลำปางหลวงกล่าวไว้ว่า
เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานล่วงไปได้ 1000 ปี
ศิษย์แห่งตถาคตได้จุติจากดาวดึงส์มาเกิดที่เมืองกุกุตนคร
เมื่อจำเริญวัยขึ้นมาจักบวชเป็นภิกษุสงฆ์ตั้งอยู่ในสมณะเพศจนได้เป็น เถร
บนสวรรค์เทพธิดาองค์หนึ่งก็ได้จุติลงมาเกิดในเมืองกุกุตนครเช่นเดียวกันนางผู้นี้ชื่อว่า
สุชาดา นางมีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก
ได้มาเป็นอุปัฏฐากพระมหาธาตุเจ้าวัดม่อนดอนเต้า (วัดพระแก้วดอนเต้า)
และมหาเถรเจ้าองค์นี้ด้วย
อยู่ต่อมาวันหนึ่งพระมหาเถร มีจิตปฎิสนธิ์ให้คิดอยากจะสร้างพระพุทธรูปสักองค์หนึ่งแต่ยังหาวัตถุสิ่งใดที่จะแกะสลักหาได้ไม่
คราวนั้นมีพระยานาคตนหนึ่งอยู่รักษาในแม่น้ำวังกะนะที (แม่น้ำวัง)
ได้นำเอาแก้วมรกตลูกหนึ่ง สุกใสเปล่งประกายรัศมีสวยงามมากมาจากเมืองนาคของพระองค์
พระยานาคก็เอาแก้วมรกตลูกนั้นใส่เข้าในหมากเต้า (แตงโม) ในไร่ของนางสุชาดา
เช้าวันรุ่งขึ้นวันหนึ่งนางสุชาดาก็เข้าไปในไร่เก็บดอกไม้เพื่อเอาไปบูชาพระมหาธาตุและถวายพระมหาเถร
พลันนางสะดุดพบหมากเต้าลูกหนึ่งมีสีสันสุกใสผิดแผกกว่าลูกอื่น ๆ
นางจึงนำมาวัดมหาธาตุดอนเต้า แล้วถวายให้แก่พระมหาเถร
เมื่อผ่าออกมาปรากฏมีแก้วมรกตลูกหนึ่งอยู่ในแตงโม
พระมหาเถรและนางสุชาดาเมื่อได้เห็นแก้วมรกตนั้นแล้วก็ให้มีความปลื้มปิติเป็นอย่างมาก
ส่วนพระมหาเถรเมื่อได้แก้วมรกตมาแล้วก็พยายามแกะสลักเป็นพระพุทธรูป
แต่สลักอย่างใดก็หาเข้าไม่พระมหาเถรพยายามสลักอยู่หลายวันก็ไม่สำเร็จ
วันหนึ่งขณะกำลังพิจารณาหาทางที่จะสลักแก้วมรกตอยู่หน้ากุฏิ
ก็มีชายแก่คนหนึ่งมาจากไหนไม่ปรากฏรับอาสาที่จะสลักแก้วมรกตลูกนั้นให้เป็นพระพุทธรูป
เมื่อมหาเถรเข้าไปเพื่อที่จะเอาเครื่องมือให้แก่ชายคนแก่นั้นครั้นกลับออกมาก็แลเห็นองค์พระพุทธรูปแก้วมรกตมีสีสันสุกใส
วรรณผ่องใสเปล่งประกายกับแสงสวยสดงดงามมากยิ่งนัก
แต่พระมหาเถรมองหาชายแก่ในที่นั้นไม่พบ
ก็ออกเที่ยวตามหาจนทั่วบริเวณก็หาพบไม่
พระมหาเถรจึงคิดว่าชะรอยว่าพระอินทร์และเทวดาลงมาช่วยเนรมิตให้แก้วมรกตลูกนั้นให้เป็นพระพุทธรูป
พระมหาเถรและนางสุชาดาต่างก็มีความยินดีเป็นอันมาก
กิติศัพท์เรื่องพระแก้วมรกตได้ร่ำลือไปทั่วหมู่บ้านและหัวเมือง ประชาชนจากที่ต่าง ๆ
ก็ทยอยมาทำการสักการบูชากราบไหว้พระแก้วมรกตเป็นอันมาก
ส่วนพระมหาเถรและนางสุชาดาก็ได้ร่วมกันจัดงานสมโภชพระพุทธรูปแก้วมรกตนิมนต์พระภิกษุสงฆ์มาสวดสมโภช
สถานที่แห่งนี้จึงมีชื่อเรียกกันต่อมาว่า วัดพระแก้วดอนเต้า จนทุกวันนี้
ล่วงต่อมามีบุคคลบางพวกบางหมู่
ได้เล่าลือกันว่าพระมหาเถรและนางสุชาดาเป็นชู้กัน เป็นที่เสื่อมเสียแก่พระศาสนา
ข่าวลือดังกล่าวทราบถึงอำมาตย์เสนาของเจ้าปกครองเมืองนั้น
ได้นำความขึ้นกราบทูลเจ้าผู้ครองนครให้ทรงทราบ
พระองค์เมื่อได้รับฟังเรื่องราวนั้นแล้วหาได้ทรงพิจารณาหาข้อเท็จจริงให้ถ่องแท้ไม่
ทรงบัญชาให้เพชฌฆาตนำตัวนางสุชาดาไปประหารเสียที่ริมฝั่งน้ำแม่วังคะนะที
ก่อนลงมือประหาร นางได้ตั้งสัตย์อธิษฐานว่า
ถ้าข้าเป็นชู้กับพระมหาเถรจริงตามคำกล่าวหาก็ขอให้เลือดของข้าพุ่งสู่พื้นดิน
แต่ถ้าตัวข้ามิได้เป็นชู้กับพระมหาเถร ก็ขอให้เลือดของข้าพุ่งขึ้นสู่อากาศ
อย่าได้ตกสู่พื้นดินเลย
เมื่อเพชฌฆาตประหารฟันคอนางขาด
ปรากฏว่าเลือดของนางพุ่งขึ้นสู่อากาศโดยไม่ตกสู่พื้นดินแม้สักหยด
เพชฌฆาตเห็นเหตุการณ์อย่างนั้นก็นำเหตุการณ์ไปกราบทูลให้เจ้านครให้ทรงทราบเมื่อพระองค์ทรงทราบเหตุการณ์เช่นนั้นทรงเสียพระทัยเป็นอันมาก
ลุกขึ้นจากแท่นแล้วก็วิ่งไปมาล้มลงขาดใจตายในบัดนั้น
พระมหาเถรเกรงว่าจะมีภัย
ก็หนีออกจากวัดพระแก้วดอนเต้าพร้อมกับนำพระพุทธรูปพระแก้วมรกตไปด้วย หนีไปพำนักอยู่วัดลัมภะกัปปะ
(วัดพระธาตุลำปางหลวง)
ดังนั้นพระพุทะรูปแก้วมรกตองค์นั้นจึงได้สถิตประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุลำปางหลวงมาจนตราบเท่าทุกวันนี้