4 พระบรมธาตุ
4
พระบรมธาตุ
ตำนานที่มาโดยละเอียด
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อายุกว่าพันปี
พระธาตุลำปางหลวง
ลำปาง
โดย
สำนักงานนิตยสารเทียนชัย
ตำนานพระแก้วมรกต ตามพงศาวดารเหนือ
จะกล่าวถึงพระอรหันต์เจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงนามว่าพระนาคเสน
อันเชี่ยวชาญจบด้วยไตรปิฎก และมีปัญญาอันฉลาดล้ำลึก รู้จักแก้ปัญหาโจทย์
ปริศนาทั้งปวง เป็นอาจารย์ของพระยามิลินทราชมหากษัตริย์
เมื่อพระศรีสากยมุนีโคตมบรมพุทธครูเจ้าได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
นานได้ 500 พระวัสสา ยังมีพระอรหันต์เจ้าองค์หนึ่งมีนามว่าพระมหานาคเสน
เป็นศิษย์ของพระมหาธรรมรักขิตเถรอยู่ในอโศการาม นครปาตลีบุตร
เมื่อพระมหาธรรมรักขิตเถรเจ้านิพพานไปแล้ว
อยู่ต่อมาพระมหานาคเสนผู้เป็นศิษย์ได้พิจารณาด้วยปัญญาว่า
ควรที่จะสร้างพระพุทธรูปไว้ให้เป็นที่นมัสการแก่มนุษย์และเทพยดาทั้งหลายต่อไปภายภาคหน้า
แต่ถ้าสร้างด้วยเงินทองจะให้มั่นคงทนถึง 5000 พระวัสสา หาได้ไม่
ด้วยคนทั้งปวงย่อมมีโลภโมโทโสกลัวจะทำอันตราย แก่พระพุทธรูปให้เสียหายต่อไป
ควรที่จะสร้างพระพุทธรูปด้วยแก้วอันประเสริฐสุด
อย่าให้คนทั้งปวงคิดทำลายให้เสียหายในภายหน้า
แต่จะหาแก้วอันวิเศษสุดที่จะสร้างเป็นพระพุทธรูปจากที่ใดคิดแล้วให้วิตกกังวลอยู่
ครั้นนั้น สมเด็จอมรินทราธิราชบพิตร
พระองค์ได้เห็นอัธยาศัยอันแรงกล้าแห่งพระมหานาคเสนเถรเจ้า
อันมีความปรารถนาที่จะสร้างพระพุทธรูปด้วยแก้วิเศษดังนั้นแล้ว
สมเด็จพระอมรินทราจึงเสด็จลงมาจากสวรรค์
พร้อมด้วยพระวิษณุกรรมเทพบุตรไปนมัสการพระมหานาคเสนก็รับอาสาที่จะนำแก้วอันประเสริฐมาจากเขาบุลบรรพต
มาถวายสร้างเป็นพระพุทธรูป
พระอินทร์จึงตรัสแก่พระวิษณุกรมเทพบุตรให้นำแก้วอันประเสริฐที่อยู่ในเขาเวบุลบรรพตมาโดยเร็ว
เพื่อที่จะถวายแก่พระมหานาคเสนเจ้าสร้างเป็นพระพุทธรูปให้เป็นที่นมัสการกราบไหว้ของมนุษย์และเหล่าเทพทั้งหลาย
ฝ่ายพระวิษณุกรรมเทพบุตร กราบทูลสมเด็จพระอินทราว่าการจะไปเอาแก้วอันประเสริฐเขาเวบุลบรรพตนั้น
มีพวกกุมภัณฑ์คนธรรพ์ยักษ์ เทพยดาอารักษ์ทั้งปวงเฝ้ารักษาแก้วไว้อยู่
ครั้นจะไปผู้เดียวเห็นทีเขาจะไม่ให้
ขอเชิญองค์สมเด็จมหาบพิตรเสด็จไปพร้อมกับข้าพเจ้าเถิด ซึ่งพวกกุมภัณฑ์คนธรรพ์ยักษ์
เทพยดาอารักษ์ทั้งปวงเมื่อเห็นพระองค์สมเด็จอินทราธิราชเจ้าแล้ว
เขาจะให้ถวายลูกแก้วอันประเสริฐแก่พระองค์ท่าน
เมื่อพระอินทราเจ้า
ได้ทรงฟังถ้อยคำของพระวิษณุเทพบุตรนั้นแล้ว พระองค์ก็เสด็จไปสู่เขาเวบุลบรรพตพร้อมพระวิษณุกรรมเทพบุตร
เห็นกุมภัณฑ์คนธรรพยักษ์ทั้งปวงอยู่เป็นอันมาก
พระอินทร์จึงตรัสขอเอาแก้วอันประเสริฐเพื่อไปถวายแก่พระมหานาคเสนาด้วยพระองค์เจ้าปรารถนาจะสร้างแปลงให้เป็นพระพุทธรูปให้เป็นที่สักการะแก่คนและเทพยดาทั้งปวง
ฝ่ายกุมภัณฑ์คนธรรพ์ยักษ์ จึงกราบทูลว่า
อันแก้วอันประเสริฐที่ข้าพเจ้าทั้งหลายรักษานี้
เป็นแก้วมณีโชตของพระบรมจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า มีแก้วบริวารพันลูกล้อมอยู่
ครั้นจะถวายแก้วแก่พระอินทรเจ้าภายภาคหน้าเมื่อพระบรมจักรพรรดิราชาธิราชเกิดมา
ข้าพเจ้าทั้งปวงก็จะหาแก้วอันประเสริฐมาถวายท่านมิได้แต่ว่าข้าพเจ้าทั้งปวงจะถวายแก้วมรกตลูกหนึ่ง
มีรัศมีเขียวงามบริสุทธิ์ แก่สมเด็จพระมหาบพิตรเจ้า
ซึ่งแก้วมรกตลูกนี้มีแก้วประเสริฐพันลูกเป็นบริวารล้อมอยู่ ขอให้พระอินทราธิราชจงไปเอาแก้วมรกตอยู่ถัดกำแพงอันล้อมแก้วมณีโชติลูกนั้นไป
สมเด็จพระอินทราธิราช ได้ฟังถ้อยคำของกุมภัณฑ์คนธรรพ์ยักษ์ทั้งปวง
กราบทูลแล้วก็พาพระวิษณุกรรมเทพบุตรเสด็จไปเอาแก้วมรกตนั้น ครั้นได้แล้วก็เสด็จมาอโศการาม
ถวายแก้วมรกตนั้นแก่พระมหานาคเสนเจ้าแล้ว ก็เสด็จกลับเมืองสวรรค์ของพระองค์
พระมหานาคเสนเจ้าได้แก้วมรกตแล้ว ก็ให้มีความปิติยินดีเป็นที่สุด
แล้วคิดรำพึงว่าจะหาบุคคลใดที่มีปัญญาอันฉลาดมาแปลงแก้วมรกตนี้ให้เป็นพระพุทธรูปนี้เล่า
พระวิษณุกรรมเทพบุตร ท่านรู้ซึ้งถึงความคิดของพระมหานาคเสนเจ้า
จึงแปลงกายมาเป็นมนุษย์รับอาสา พระมหานาคเสนเจ้า
แปลงแก้วมรกตอันประเสริฐสุดเป็นพระพุทธรูปงามสวยสดสีเขียวมรกตอยู่นานได้ 7 วัน
จึงสำเร็จ จากนั้นพระวิษณุกรรมเทพบุตรทรงเนรมิตเป็นมหาวิหารใหญ่
ให้เป็นที่ประดิษฐานองค์พระแก้วมรกต เมื่อประดับประดาเครื่องประดับทั้งปวง
เหนือแท่นรัตนบัลลังก์กาญจน์อันตั้งพระแก้วมรกต ไว้ในอโศการามนั้นแล้ว
จึงพระวิษณุกรรมเทพบุตรก็เสด็จกลับสู่สวรรค์เทวโลกอันเป็นที่อยู่แห่งตน
พระอัมรินทราธิราช พระพรหม เทพยดา นาค ครุฑ มนุษย์ คนธรรพ์
กุมภัณฑ์ทั้งปวง ครั้นได้รู้ว่าพระวิษณุกรรมเทพบุตร
ได้แปลงแก้วมรกตเป็นพระแก้วมรกตให้แก่พระนาคเสนแล้ว
ต่างก็มีความชื่นชมโสมนัสยินดีถ้วนหน้า จึงนำมาซึ่งสิ่งของอันควรสักการบูชาทั้งปวง
มีดอกไม้ธูปเทียนเป็นประธาน พากันมาถวายนมัสการบูชา องค์พระแก้วมรกตเป็นอันมาก
เหล่าพระอรหันต์สาวกเจ้าภิกษุสงฆ์จากที่ต่าง ๆ ทั่วทั้งชมพูทวีป
ทั้ง 4 ทิศ 8 ทิศ มีพระมหานาคเสนเป็นประธาน ก็พร้อมใจกันเข้านมัสการพระแก้วมรกตเจ้า
แม้ท้าวมหากษัตริย์แลอำมาตย์เสนาราชมนตรีทั้งปวง อันอยู่แต่ประเทศราชทั้ง 4 ทิศ 8
ทิศ ต่างก็พากันมาถวายนมัสการบูชาพระแก้วมรกตทั้งสิ้น
ซึ่งพระแก้วมรกตดูหาจิตวิญญาณมิได้ก็ได้กระทำปฏิหาริย์เปล่งแสงฉัพพรรณรังสีออกมา
พระอินทร์ พระพรหม หมู่เทพยดา นาค ครุฑ คนธรรพ์
กุมภัณฑ์ทั้งปวงและพระอรหันต์เจ้าทั้งหลาย ครั้นได้เห็นสิ่งอัศจรรย์
อานุภาพแห่งพระแก้วมรกตปรากฏต่อสายตา ก็ให้มีน้ำใจปิติยินดีเป็นที่สุด
ก็พร้อมใจกันแซ่ซ้องสาธุการกันมากมาย เหมือนเสพสมด้วยดุริยางค์ดนตรีทิพย์ต่าง ๆ
นั้นแล
พระมหานาคเสนจึงนำเอาพระบรมสารีริกาตุ 7
พระองค์อันงามบริสุทธิ์มีฉัพพรรณรังสีต่าง ๆ กัน ตั้งวางไว้บนพานเงิน 7 พาน
ซ้อนกันขึ้นตั้งไว้ยังพานทอง 7 พาน ซ้อนกันตั้งยังพานแก้ว 7 พาน
จากนั้นจึงอัญเชิญพระบรมธาตุเจ้า 7 องค์ ใส่ลงในผอบแก้วอันสวยวิจิตรงดงาม
จึงยกผอบแก้วขึ้นประดิษฐานไว้บนพานเงินพานทองและพานแก้วนั้น
ฝ่ายพระอินทร์ พระพรหม เทพยดา พระอรหันต์และคนทั้งปวง
ต่างชื่นชมปิติโสมนัสหาที่สุดมิได้ ก็พร้อมกันถวายนมัสการบูชาด้วยดอกไม้และสุคนธรส
พร้อมกับสรรเสริญยกย่องพระแก้วมรกต เทพยดาเจ้าก็โปรยดอกไม้ทิพย์ถวายบูชาแล้ว
ก็สรงน้ำยังพระบรมชินธาตุเจ้า 7 พระองค์ ด้วยน้ำสุคนธรสอันหอมในผอบแล้ว
พระบรมธาตุทั้ง 7 พระองค์ก็ทรงทำปฏิหาริย์ เปล่งฉัพพรรณรังสีพระรัศมี 6 ประการ
ให้รุ่งเรืองสว่างใสไปทั่วทั้ง 4 ทิศ 8 ทิศ ทั่วท้องนภากาศ
พระมหานาคเสนเจ้าก็ตั้งสัตย์อธิษฐานอัญเชิญพระบรมธาตุทั้ง 7
พระองค์เข้าไปยังองค์พระแก้วมรกต
พระองค์หนึ่งก็เสด็จเข้าไปพระโมฬี
พระองค์หนึ่งเสด็จเข้าในพระพักตร์ พระองค์หนึ่งเสด็จเข้าไปพระหัตถ์กำขวา
พระองค์หนึ่งเสด็จเข้าในพระหัตถ์กำซ้าย พระองค์หนึ่งเสด็จเข้าในเข่าขวา
พระองค์หนึ่งเสด็จเข้าในเข่าซ้าย
และอีกพระองค์หนึ่งเสด็จเข้าในพระชงค์ของพระแก้วมรกตสิ้นทั้ง 7 พระองค์
เมื่อนั้นพระแก้วเจ้าก็ทำปฏิหาริย์ยกฝ่ายพระบาทขาวดุจดังจะเสด็จลงจากบัลลังก์กาญจน์
พระอินทร์ พระพรหม เทพยดา และคนทั้งปวงต่างเห็นเป็นอัศจรรย์ยิ่งนัก
ก็ร้องแซ่ซ้องสาธุการเป็นการใหญ่ แล้วก็ถวายบูชาด้วยแก้วแหวนเงินทอง ของมีค่า
ผ้าผ่อน เครื่องอาบอบแก่พระแก้วมรกตเป็นอันมาก
พระมหานาคเสนเจ้า ครั้นได้เห็นอัศจรรย์นั้นแล้ว
ก็เล็งอรหันต์มรรคญาณไปข้างหน้า
จึงเห็นว่าพระแก้วมรกตจะไม่ได้อยู่ในเมืองปาตลีบุตรเป็นมั่นคง
จึงทำนายไว้ว่าพระแก้วมรกตจะเสด็จไปโปรดสัตว์ในประเทศ 5 แห่ง คือ ลังกาทวีป
เป็นกัมโพชวิสัยแห่ง 1 ศรีอยุธยาวิสัยแห่ง 1 โยนกวิสัยแห่ง 1 สุวรรณภูมิแห่ง 1
ปมหลวิสัยแห่ง 1 รวมเป็น 5 แห่ง
และซึ่งคนทั้งปวงที่บูชาพระแก้วมรกตอยู่ชั่วแดนอุยแห่งตน
ครั้นจุติจากโลกแล้วก็เกิดในสวรรค์เทวโลกสิ้นทุกคนแล
พระมหานาคเสนเจ้า
อันประกอบด้วยศิลาภิคุณอันบริสุทธิ์
สร้างพระแก้วมรกตให้เป็นที่สักการะนมัสการบูชาส่งเสริมพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองต่อถึง
5000 พระวัสสา เหมือนพระสุริยาทิตย์ยังปรากฏในสภากาศเวลหา
ครั้นท่านอยู่ตามเขตแดนอายุของท่านนั้นอันมีสังโยชนธรรมหากสิ้นแล้วท่านก็ถึงแก่พระนิพพานธาตุ
มีวิบากขันธ์และกรรมชะรูปในวันนั้น
ล่วงมาได้ 300 ปี จากพระพุทธศาสนาครบ 500 พระวัสสา
มีเจ้าแผ่นดินองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระเจ้าตะกะละเป็นหลานของพระเจ้าบุญดะละราชธิราช
ครองราชย์อยู่ในเมืองปาตลีบุตร ท่านก็ปฏิบัติบูชาพระแก้วมรกตต่อไป
พระองค์ท่านมีพระราชโอรสองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า เจ้าศิริกิตติกุมาร
เมื่อพระราชบิดาสวรรคต เจ้าศิริกิตติราชกุมารก็ขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นกษัตริย์เมืองปาตลีบุตร
ครั้งนั้นกิดศึกสงครามในเมืองปาตลีบุตร ผู้คนรบพุ่งล้มตายกันมาก
คนที่ปฏิบัติรักษาพระแก้วเห็นเหตุการณ์ไม่สู้ดีกลัวพระแก้วเจ้าจะเป็นอันตรายจึงอัญเชิญพระแก้วมรกตขึ้นสำเภาลำหนึ่งพร้อมด้วยพระปิฎกธรรม
และสิ่งของอันควรบูชาพระแก้วเจ้าพากันหนีเข้าไปสู่กัมโพชวิสัย
คือลังกาทวีปพระแก้วมรกตอยู่ในลังกาทวีปได้ 200 ปี
จากที่พระพุทธองค์เสด็จเข้าสู่ปรินิพพานนั้น พระพุทธศาสนาก็ครบ 1000 พระวัสสา
ในกาลต่อมา มีกษัตริย์พระองค์หนึ่ง ครองราชย์อยู่ที่กรุงพุกาม
ทรงพระนามว่า พระอนุรุธราชาธิราช มีฤทธิ์เดชศักดานุภาพ
สามารถเหาะเหินเดินในอากาศได้ท่านมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
ท่านปฏิบัติรักษาคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้ามิได้ขาด
ณ ที่นั้นมีพระภิกษุองค์หนึ่ง นามว่า
สีลขันธ์ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ 5 พระวัสสา
ท่านศึกษาเล่าเรียนมามากมีปัญญาเฉลียวฉลาดท่านพิจารณาดูพระปิฎกธรรมในเมืองพุกามนั้น
ฝึกอักขระ พยัญชนะหาถูกต้องไม่
ท่านจึงไปเรียนปรึกษากับพระอาจารย์ที่อยู่ในวิหารว่า
ซึ่งเราทั้งหลายได้ทำการบรรพชา และอุปสมบทกรรมมาแต่เก่าก่อนนั้นผิดเสียแล้ว
เห็นว่าไม่ถูกอักขระพยัญชนะ จะคิดอ่านอย่างไรดีเล่า
ฝ่ายพระอาจารย์ตอบท่านสีลขันธ์ว่า
แต่ดั้งเดิมหาได้พิจารณาดูในพระปฏิกธรรมที่ผิดอักขระพยัญชนะนั้นไม่
ได้กระทำสืบต่อมาตามอย่างธรรมเนียมท่านแต่เก่าก่อนนั้น
ถ้าหากผิดด้วยอักขระพยัญชนะเสียอย่างนั้น เจ้าจงคิดอ่านด้วยปัญญาของเจ้าเถิด
เจ้าสีลขันธ์ภิกษุคิดตรึกตรองจะไปดูการอุปสมบทในเมืองลังกาทวีป
เมื่อท่านพิจารณาเห็นอย่างนั้นแล้ว ท่านจึงเข้าไปบอกแก่พระเจ้าอนุรุธราชาธิการ
เจ้าเมืองพุกามถึงพระปิฏกธรรม
ที่อยู่ในเมืองของพระองค์นั้นผิดไม่ถูกต้องตามอักขระพยัญชนะการทำบรรพชากรรมและอุปสมบทกรรม
มาแต่หนหลังนั้นผิดเสียแล้วให้พระองค์ทรงทราบ
ครั้นพระเจ้าอนุรุธราชาธิราช
ได้ทรงฟังถ้อยคำของท่านสีลขันธ์ภิกษ์นั้นแล้ว พระองค์จึงทรงตรัสถามว่า
ถ้าแลพระปิฏกธรรมทั้งปวงที่อยู่ในเมืองเราผิดเพี้ยนเสียแล้ว
ไม่ถูกต้องตามอักขระพยัญชนะอย่างนั้น ยังจะมีเมืองไหนอีกเล่า
ท่านสีลขันธ์ภิกษุจึงถวายพระพรว่า
อันพระปิฏกธรรมไม่ผิดอักขระพยัญชนะนั้นเรียนขึ้นโดยท่านพระมหาพุทธโฆษาจารย์เถระอยู่ในเมืองลังกาทวีปนั้นเป็นอันบริสุทธิ์นักหนา
เมื่อพระอนุรุธราชาธิราช ได้ทรงฟังดังนั้นแล้ว
พระองค์มีความยินดีเป็นอันมาก จึงให้เสนาบดีจัดแจงนำเรือสำเภา 2 ลำ
แล้วให้นิมนต์พระสงฆ์ 8 พระองค์พร้อมกับพระสีลขันธ์เจ้ากับให้อำมาตย์ 2 คน
และบ่าวไพร่ทั้งปวงขึ้นบนเรือสำเภา นำสิ่งเครื่องบรรณาการเป็นอันมาก
ให้แก่อำมาตย์ทั้งสองนำเรือสำเภานั้นไปสู่ลังกาทวีป
ส่วนองค์ท่านสังเกตดูว่าเรือสำเภาทั้งสองแล้วพระองค์ก็ให้อำมาตย์แต่งเครื่องบรรณาการไปถวายเจ้าเมืองลังกาทวีป
กราบทูลที่เสด็จมาลังกาทวีปในครั้งนี้ด้วยมีความปรารถนาจะขอเรียนเอาพระปิฏกธรรมกับพระคัมภีร์สัททาวิเสสขึ้นไปไว้ปฏิบัติรักษาในเมืองพุกาม
พระเจ้านครลังกาทวีปได้รับฟังเรื่องของอำมาตย์ทั้งสองให้ความยินดีเป็นอันมาก
จึงให้อำมาตย์เสนาทั้งปวงให้นำสิ่งของบรรณาการข้าวปลาอาหารไปทูลถวายแก่พระอนุรุธราชาธิราชและให้ปลูกโรงเป็นตำหนักให้เป็นที่พักแก่พระเจ้าอนุรุธราชาธิราชนั้นด้วย
ฝ่ายเจ้าภิกษุสีลขันธ์ก็เข้าไปนมัสการพระมหาสังฆราชทั้งปวงว่า
มีเมืองพุกามทวีปพระปิฏกธรรมผิดด้วยอักขระพยัญชนะ
ข้าทั้งปวงพร้อมกันมาด้วยมีความปรารถนาจะขอเขียนเอาพระปิฏกธรรมทั้งสามกับพระคัมภีร์
สัททาวิเสสขึ้นเพื่อเป็นมูลพระศาสนาในพุกามทวีป
กับขอบวชซ้ำเป็นเณรและอุปสมบทเป็นภิกษุสงฆ์ให้บริสุทธิ์
พระสังฆราชเจ้า จึงบอกกล่าวแก่พระภิกษุสงฆ์คนทั้งปวงในลังกาทวีป
กับให้พระมหากษัตริย์เจ้าเมืองลังกาทวีปเป็นองค์ประธานนำเครื่องสมณบริขารเป็นอันมากแล้วให้พระภิกษุสงฆ์เข้ามาพร้อมมูลในอุโบสถ
มีพระสีลขันธ์เป็นประธานกับพระภิกษุสงฆ์ 8 องค์
อันมาแต่พุกามทวีปก็ให้บวชเป็นสามเณรแล้วให้อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ทั้ง 8
พระองค์นั้นแล ท่ามกลางความยินดีเป็นอย่างที่สุดของพระมหากษัตริย์เจ้า
แลอำมาตย์เสนาราชมนตรีแลคนทั้งปวง ครานั้นเทพยดาทั้งปวงก็ยินดีมากนักหนา
โปรยข้าวตอกดอกไม้มาถวายบูชา
พระเจ้าอนุรุธราชาธิราชเมื่ออยู่ในลังกาทวีป
ท่านก็ให้พระภิกษุสงฆ์เขียนลอกเอาพระปิฏกธรรมสาร
ซึ่งพระองค์ก็ทรงร่วมเขียนเอาไว้ด้วย ครั้นเขียนสำเร็จครบถ้วนแล้ว
พระองค์ก็ขอเอาพระแก้วมรกตกับกษัตริย์เจ้าเมืองลังกาพระสหายครั้นได้แล้วพระองค์ก็ให้อัญเชิญพระแก้วมรกตกับพระปิฏกธรรมอันพวกเมืองพุกามเขียนขึ้นไปไว้ในเรือสำเภาลำหนึ่ง
แล้วให้เอาพระปิฏกธรรมอันพวกเมืองลังกาช่วยเขียนนั้น กับพระภิกษุทั้ง 8
องค์นั้นขึ้นไปในเรือสำเภาอีกลำหนึ่ง แล้วพระองค์ก็เสด็จขึ้นหลังม้าอัศดร
เหาะกลับเมืองพุกามโดยสุขสวัสดิ์ พระองค์ก็อยู่คอยเรือสำเภาทั้ง 2 ลำนั้น
ส่วนเรือสำเภาทั้งสองลำ ครั้นออกมากลางมหาสมุทรก็ผจญพายุกลางทะเล
เรือสำเภาอันใส่พระปิฏก ธรรม พวกชาวลังกาก็กลับถึงเมืองพุกามโดยสวัสดิภาพ
ส่วนเรือสำเภาที่อัญเชิญพระแก้วมรกตกับพระปิฏกธรรมของชาวพุกามเขียนนั้น
พลัดหลงเข้าไปยังเมืองอินทรปัตนคร
เมื่อพระอนุรุธราชาธิราชเห็นเรือสำเภาพระปิฏกธรรมเข้ามาแต่ลำเดียว
หาเห็นลำที่ทรงพระปิฏกธรรมกับพระแก้วมรกตนั้นไม่
พระองค์ทรงน้อยพระทัยเป็นหนักหนานึกแหนงแคลงพระทัยอยู่
กลัวจะมีเหตุเป็นอันตรายทรงพิจารณาห่วงวิตกในน้ำพระทัยมิได้ขาด
ต่อมินานพระองค์ก็ทรงทราบข่าวว่าเรือที่ทรงพระปิฏกธรรม
กับพระแก้วมรกตนั้นพลัดเข้าไปในเมืองอินทรปัตนคร
พระองค์ก็เสด็จโดยเหาะทางนภากาศไปจนถึงเมืองอินทรปัตนคร
เมื่อเสด็จลงจากหลังม้าอัศดร สู่พระอารามแห่งหนึ่ง ใกล้เมืองอินทรปัตนครนั้น
ทรงเห็นแผ่นศิลาใหญ่พระองค์ก็ถ่ายปัสสาวะลงบนแผ่นหลังศิลานั้น
น้ำปัสสาวะของพระองค์ก็ลอดหินลงมาที่ลุ่ม
พระภิกษุองค์หนึ่งซึ่งอยู่ในพระอารามมาเห็นน้ำมูตรของพระมหากษัตริย์องค์นั้น
ลอดหลังศิลาลงไปก็ให้บังเกิดความอัศจรรย์ยิ่งนัก ท่านจึงถามพระเจ้าอนุรุธว่ามาจากเมืองใดท่านนี้ชื่อใด
ฝ่ายพระเจ้าอนุรุธราชาธิราชท่านก็ปิดบังเสียไม่บอกไปตามสัตย์จริง
ท่านจึงบอกไปว่าเป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าอนุรุธเจ้าเมืองพุกาม
พระภิกษุเจ้าจึงถามว่าด้วยเหตุอันใด
พระเจ้าอนุรุธจึงกล่าวว่าพระเจ้าเมืองพุกามใช้ให้มานำสำเภาอันทรงพระแก้วมรกตและพระปิฏกธรรมซึ่งพลัดหลงเข้ามาถึงเมืองอินทรปัตนครกลับเมืองพุกาม
พระเจ้าเมืองอินทรปัต
ครั้นได้ฟังเรื่องราวอันพระสังฆราชเจ้าถวายก็ทรงคิดในพระทัยและกล่าวแก่พระสังฆราชเจ้าว่า
ซึ่งเรือสำเภาพระแก้วมรกตกับพระปิฏกธรรมพลัดหลงเข้ามาในบ้านเมืองเรานี้
ก็ด้วยบุญญาธิการของเรา เราจะไม่ให้
ครั้นพระองค์ตรัสดังนั้นแล้วจึงพระสังฆราชเจ้าก็กราบทูลลา
ความเรื่องนี้ก็เลื่องลือไปทั่วอินทรปัตนคร
ความทราบถึงพระเจ้าอนุรุธราชาธิราชให้รู้สึกทรงกริ้วโกรธเป็นหนักหนา
พระองค์จึงคิดพิจารณาดูน้ำพระทัยของพระองค์ว่าแม้จะฆ่ากษัตริย์เมืองอินทรปัต
อำมาตย์เสนาก็ยังได้พระองค์เปรียบเหมือนพระยาธรรมมิกราชาธิราช
ครั้นจะฆ่าเสียบาปกรรมก็จะตกแก่พระองค์อย่างกระนั้นเลย
จำละต้องแสดงศักดานุภาพให้คนทั้งปวงเห็นเป็นที่อัศจรรย์ให้เขาเข็ดขามเกรงกลัวฤทธิ์อำนาจแห่งกูเถิด
ครั้นพระองค์ดำริเช่นนั้นแล้ว
ก็เอาไม้มาทำเป็นรูปดาบแล้วทาด้วยฝุ่นหินสี พระองค์ก็เกาะขึ้นสู่นภากาศ
แล้วทำประทักษิณรอบกำแพงเมืองนครอินทรปัต 3 รอบ
สะกดคนทั้งเมืองแล้วพระองค์ก็เสด็จเข้าไปยังปราสาทราชมณเฑียรแห่งกษัตริย์เจ้าเมืองอินทรปัต
ท่านก็เอาดาบไม้นั้นขีดพระศอกเจ้าเมือง พระอัครมเหสี
และเสนาบดีผู้น้อยผู้ใหญ่ทั่วทุกคน แล้วเสด็จโดยนภากาศป่าวร้องด้วยสุรสิงหนาทว่า
ถ้ายังไม่ยอมคืนพระแก้วมรกตและพระปิฏกธรรมแก่เราผู้เป็นกษัตริย์นั้นไซร้
จะตัดศีรษะท่านทั้งปวงพรุ่งนี้เสียสิ้น ถ้าท่านไม่เกรงกลัวพระราชอาญาของเรา
ท่านทั้งหลายจงลูกคอของท่านทั้งปวงเถิด
ครั้นเมื่อเจ้าเมืองอินทรปัตนครและเสนาอำมาตย์ผู้น้อยผู้ใหญ่ได้ยินเสียงสิงหนาททั่วเมืองอินทรปัตนคร
ก็มีความตกใจเป็นหนักหนา พากันลูบคอดูเห็นฝุ่นหินติดอยู่ที่คอทุกคน
ก็ให้เกรงขามกลัวฤทธิ์เดชของพระเจ้าอนุรูราช
พระองค์จึงให้อำมาตย์ทั้งสองผู้ฉลาดด้วยปัญญาไปกราบทูลแก่พระอนุรุธราชว่า
ซึ่งเรือสำเภาพระแก้วมรกตกับพระปิฏกธรรมพลัดหลงมาในที่นี้
ถ้าเป็นเรือสำเภาของท่านโดยแท้ พระเจ้าอินทรปัตนครทรงเห็นแก่พระราชไมตรี
พระองค์ท่านก็ไม่ขัดขวาง
ใช้ให้ข้าพระองค์ทั้งสองมาถวายคืนแก่พระองค์แต่พระองค์เสด็จมาพระองค์เดียวเห็นเป็นไม่สมควร
ขอเชิญพระองค์ท่านเสด็จกลับไปยังเมืองพุกามก่อน
ข้าพระองค์จะขอพระราชทานจัดส่งคืนให้ภายหลัง
เมื่อพระอนุรุธราชาธิราชได้ฟังคำของอำมาตย์กราบทูลดังนั้นแล้ว
ก็เสด็จเหาะกลับทางนภากาศ
มาถึงเมืองพุกามครั้นเมื่อพระเจ้าอนุรุธราชเสด็จกลับเมืองพุกามแล้ว
พระเจ้าอินทรปัตนครก็ให้อำมาตย์เสนาราชมนตรีทั้งปวง
อัญเชิญยกพระแก้วมรกตประดิษฐานในที่สมควรแล้ว
พระองค์ก็ให้แต่งเรือสำเภานำพระปิฏกธรรมส่งไปให้พระเจ้าอนุรุธราชยังเมืองพุกาม
เมื่อพระเจ้าอนุรุธราชาธิราช ได้สำเภาพระปิฏกธรรมที่พระเจ้าอินทรปัตนครส่งให้นั้นแล้ว
ก็ให้ยกไว้ในที่สมควร แต่พระองค์ยังไม่เห็นพระแก้วมรกต ก็ทราบในน้ำพระทัยซึ่งพระเจ้าอินทรปัตมีความปรารถนาใคร่จะได้พระเจ้าเจ้าไว้ปฏิบัติบูชา
พระองค์ก็ไม่มีอาลัยในองค์พระแก้วเจ้า
ก็ยกย่องส่งเสริมพุทธศาสนาในเมืองพุกามเจริญรุ่งเรืองต่อไป
ขณะนั้นพระพุทธศาสนาได้ล่วงเลยมาได้ 1182 พระวัสสา พระอนุรุธราชก็ตัดเสียพุทธศักราชอันเก่า
แล้วตั้งเอาพุทธศักราชแรกขึ้นมา ซึ่งพระปิฏกธรรมทั้ง 3 พระคัมภีร์สักททาวิเลสก็ดี
ก็ไม่ผิดอักขระพยัญชนะพุทธศาสนาก็แผ่ขจรไปทั่วสากลชมพูทวีปต่อไปตั้งแต่นั้นมา
จะกล่าวถึงพระเจ้าอินทรปัตนั้น
ครั้นได้พระแก้วมรกตแล้วก็ให้อำมาตย์เสนา
ชาวเมืองทั้งปวงให้มาฉลองบูชาพระแก้วมรกตด้วยสิ่งบูชาเป็นอันมาก
พระองค์ก็ปฏิบัติบูชารักษาพระแก้วเจ้าเป็นประจำมิได้ขาด
แต่นั้นมาพระพุทธศาสนาก็เจริญรุ่งเรืองทั่วสกุลทวีปด้วยอนุภาพของพระแก้วมรกต
พระแก้วเจ้าก็อยู่ในเมืองอินทรปัตนครได้หลายชั่วกษัตริย์จนถึงสมัยพระเจ้าเสนก
ซึ่งพระองค์ก็มีพระราชโอรสองค์หนึ่งครั้นเจริญวัยพอเล่นได้ก็เอาแมลงวันเขียวมาเลี้ยงไว้ตัวหนึ่ง
ใส่ไว้ในผอบทองคำ ก็เอามาเล่นทุกวัน ในครั้นนั้นมีพระอาจารย์ของพระเจ้าเสนกราช
อาจารย์คนนี้ก็มีบุตรชายคนหนึ่งก็เลี้ยงแมงมุมเสือตัวหนึ่ง
กุมารทั้งสองต่างก็ถือเล่นด้วยกันทุกวัน
มาวันหนึ่งแมงมุมเสือของกุมรปุดรหิตอาจารย์นั้น
ได้กินแมลงวันเขียวของราชบุตรนั้นเสีย เจ้าราชบุตรกุมารก็ร้องไห้เป็นนักหนา
บ่าวของราชบุตรก็เข้าวังกราบทูลแก่พระเจ้าเสนกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
พระเจ้าอินทรปัตนครครั้นได้ฟังคำกราบทูลก็ทรงกริ้วเป็นนักหนา
สั่งให้เพชฌฆาตให้จับเอากุมารของปุโรหิต ให้ผูกจมในสระเสีย
ฝ่ายปุโรหิตบิดาของกุมารก็ให้มีความเดือดแค้นกล่าวว่าพระเจ้าแผ่นดินนี้หาทรงธรรมไม่
คิดได้ดังนี้ต่อมามินานปุโรหิตก็พาเอาบุตรภรรยา
บ่าวไพร่ชายหญิงของท่านหนีออกจากเมืองไปในประเทศอื่น
ยังมีพระยานาคอันอาศัยอยู่ในสระนั้น ท่านให้มีความโกรธพระเจ้าอินทรปัตนครว่า
พระองค์หาทรงธรรมไม่ เอาคนหาโทษมิได้มาจมเสียในสระของเรา ควรที่เราจะทำปฏิหาริย์ให้น้ำท่วมเมืองอินทรปัตนคร
คิดได้ดังนั้นแล้วพระยานาคก็ให้น้ำท่วมนครอินทรปัต
บ้านเมืองก็ฉิบหายผู้คนล้มตายเป็นอันมาก
เหลือแต่คนที่อยู่บนสำเภายังมีพระเถรเจ้าองค์หนึ่ง
ท่านก็อัญเชิญพระแก้วมรกตขึ้นสู่สำเภาลำหนึ่ง หนีจากเมืองอินทรปัตนครขึ้นสู่หมู่บ้านเหนือขึ้นไป
จะกล่วถึงพระเจ้าอิตยราชครองราชย์สมบัติในเมืองอยุธยาครั้นพระองค์ได้ทราบข่าวน้ำท่วมอินทรปัตนคร
ก็ให้วิตกกังวลเป็นอันมาก กลัวพระแก้วมรกตจะเสียหาย พระองค์จึงเสด็จพร้อมกับจัตุรงคเสนาทะแกล้วทหารเป็นอันมาก
ยกมานครอินทรปัตสืบหาองค์พระแก้วมรกตจนพบ
ก็กวาดผู้คนที่สมัครกับพระแก้วมรกตเสด็จกลับกรุงเทพมหานครอโยธยา
ครั้นพระองค์ได้พระแก้วมรกตมาแล้วก็มีความเลื่อมใสยินดีเป็นที่สุด
พระองค์ก็จัดแจงให้เหล่าเสนาอำมาตย์ราชมนตรีทั้งปวง
จัดแต่งเครื่องบูชาพระแก้วมรกตเป็นอันมาก เป็นต้นว่าแก้วและเงินคำ
แล้วป่าวร้องให้ราษฏรทั่วสารทิศทั้ง 4 ทิศ 8 ทิศ นำสิ่งของ แก้ว แหวน เงินทอง
ดอกไม้ ธูปเทียน มาพร้อมกัน ร่วมกันฉลองพระแก้วมรกตนานได้เดือนหนึ่งแล้ว
ก็แห่อัญเชิญพระแก้วมรกตขึ้นประดิษฐานในพระศรีรัตนศาสดาราม
ซึ่งประดับประดาด้วยแก้วและเงินคำอันงามวิจิตรเป็นอันมาก
พระเจ้าอาทิตย์ราชก็ทรงปิติโสมนัสพระทัยหาที่สุดมิได้
ก็เข้าถวายบูชาพระแก้วมรกตทุกวันมิได้ขาด ด้วยอานุภาพของพระแก้วมรกต
พระพุทธศาสนาก็เจริญรุ่งเรืองมากในกรุงศรีอโยธยา
สืบกษัตริย์ต่อมาได้หลายชั่วกษัตริย์
อยู่ต่อมาข้างหน้า เจ้าพระยากำแพงเพชรก็ยกกองทัพเรือมาทูลขอพระแก้ว
เจ้าขึ้นไปไว้เมืองกำแพงเพชร ต่อมามินานท่านก็มีพระราชบุตรพระองค์หนึ่ง
เมื่อเจริญเติบโตขึ้นพระองค์ก็ตั้งให้ขึ้นไปครองเมืองละโว้
ครั้นนั้นพระราชบุตรมีความระลึกถึงพระแก้วมรกตเป็นที่สุด
ด้วยมีน้ำพระทัยอยากได้พระแก้วมรกตไว้ปฏิบัติบูชารักษา
ท่านจึงมาเมืองกำแพงเพชรกราบทูลพระมารดาให้พระมารดากราบทูลพระราชบิดา
ขอเอาพระแก้วมรกตไปเมืองละโว้
จึงอ้อนวอนพระราชมารดาอยู่หลายพักหลายหน
ฝ่ายพระมารดาทนคำอ้อนวอนขององค์ราชบุตรก็มิอาจขัดขืนได้
จึงขึ้นไปกราบทูลเจ้าเมืองกำแพงเพชรถึงพระราชโอรสมีความปรารถนา
จะขอพระราชทานพระแก้วมรกตขึ้นไปปฏิบัติรักษาในเมืองละโว้
ขอพระองค์ได้ทรงโปรดตามความปรารถนาเถิด
เมื่อเจ้าเมืองกำแพงเพชรได้รับฟังถ้อยคำของพระมเหสี
ก็ทรงเมตตาในพระราชโอรสเป็นหนักหนา จึงตรัสให้ตามความปรารถนาทุกประการ
แต่พระแก้วเจ้าที่อยู่ในพระอารามนั้น มีอยู่มากนักหลายองค์อยู่
ถ้าพระราชโอรสรู้จักพระแก้วมรกตเป็นองค์ใดแน่แท้ก็จงเอาไปเถิด
ฝ่ายพระอัครมเหสีและพระราชทานทองคำสองตำลึงแก่นายประตูให้แสดงว่าองค์ใดเป็นพระแก้วมรกตเป็นสำคัญ
ครั้นตกกลางคืนนายประตูก็เอาดอกไม้แดงทอดไว้บนพระหัตถ์ของพระแก้วมรกตให้รู้ในสำคัญ
ฝ่ายพระอัครมเหสีและพระราชบุตรก็เข้าไปในปราสาทเห็นดอกไม้แดงวางบนพระหัตถ์ของพระแก้วมรกตก็อัญเชิญพระแก้วเจ้ามายังเมืองละโว้
พระองค์ก็ปฏิบัติบูชาพระแก้วมรกตได้ปีเก้าเดือน
ก็เอากลับมาคืนพระราชบิดาที่เมืองกำแพงเพชร
ลุมาถึง พระยาพรหมทัตเจ้าเมืองเชียงราย
ท่านเป็นมิตรไมตรีกับเจ้าเมืองกำแพงเพชรพระองค์ทราบว่าพระแก้วมรตกอยู่เมืองกำแพงเพชร
ท่านมีความปรารถนาจะได้พระแก้วมรกตมาปฏิบัติบูชารักษาในเมืองเชียงราย
ท่านจึงนำเสนาอำมาตย์ไพร่พลทั้งปวง
ลงมาสู่เมืองกำแพงเพชรอันเป็นพระสหายแล้วก็แห่เอาพระแก้วมรกตขึ้นไปไว้เมืองเชียงราย
พระองค์อ่านก็ปฏิบัติบูชารักษาเป็นประจำทุกวันมิได้ขาด
ชาวเชียงรายทั้งปวงก็พากันมานมัสการเสมอ
ต่อมาเจ้าเมืองเชียงใหม่ผู้เป็นพระเจ้าอาของเจ้าเมืองเชียงราย
ก็เกิดกรณีเป็นอริวิวาทกัน
เจ้าเมืองเชียงใหม่เป็นอาก็พาไพร่พลโยธาทะแกล้วทหารกล้าเป็นอันมากยกขึ้นไปรบพุ่งกับเมืองเชียงราย
ทัพเมืองเชียงรายสู้ไม่ได้ก็แตกกระจัดกระจายไปทั่ว
เจ้าเมืองเชียงใหม่ก็อัญเชิญพระแก้วมรกต
และกวาดต้อนครอบครัวผู้คนลงมาไว้เมืองเชียงใหม่
ท่านก็สร้างปราสาทหลังหนึ่งในวังท่านก็ให้ประดับประดาแก้วและเงินทองคำบริสุทธิ์เป็นอันมากเชิญพระแก้วมรกตขึ้นประดิษฐานไว้ในปราสาทนั้น
พระองค์ก็ป่าวร้องให้ราษฎรทุกขอบแขวงตำบล
มาร่วมเฉลิมฉลองนำเครื่องสักการบูชามาสักการบูชาพระแก้วเจ้าได้ 7 วัน 7 คืน
ในครั้นนั้นพระพุทธศาสนาในเมืองเชียงใหม่ก็เจริญรุ่งเรืองเป็นที่สุดด้วยเดชานุภาพของพระแก้วมรกต
ซึ่งเจ้าเมืองเชียงใหม่ก็ปฏิบัติบูชารักษาพระแก้วมรกตจนสิ้นอายุขัยของท่าน
แต่นั้นมาราชตระกูลลูกหลานของท่านก็ปกครองเมืองเชียงใหม่สืบต่อกันมาหลายชั่วกษัตริย์
ตั้งแต่แรกองค์สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์เสด็จดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพาน
ต่อมาจนถึงพระมหานาคเสนสร้างพระแก้วมรกตจนพระแก้วมรกตเสด็จไปสู่เมืองเชียงใหม่นั้น
พระพุทธศักราชล่วงไปได้ 200 จุลศักราชได้ 818 พรรษา
ครั้นอยู่ต่อมามีพระราชโอรสพระองค์หนึ่งเป็นบุตรของพระเจ้าวิชุนราชมหากษัตริย์
ครองราชย์อยู่ในเมืองศรีสัตนาคนหุต อุดมรัตน์
ชวาละวัติมหานครทรงพระนามว่าเจ้าโพธิสารราชกุมารเมื่อพระองค์เจริญวัยได้สิบห้าปี
พระเจ้าวิชุนราชพระบิดาได้สวรรคต
พระเจ้าโพธิสารก็ได้ครองราชย์สมบัติในเมืองศรีสัตนาคนหุตแทนพระราชบิดา
อยู่ต่อมาพระเจ้าแซกคำก็เสด็จมาทางอากาศ
ก็ให้ประดิษฐานอยู่ในเมืองศรีสัตนาคนหุต ให้คนทั้งปวงบูชาพระแซกคำอยู่เป็นนิตย์
ด้วยบุญญาธิการ
เดชานุภาพกิตศักดิ์ของพระเจ้าโพธิสารกษัตริย์นั้นเข้ามาถึงกษัตริย์ที่ครองเมืองเชียงใหม่ท่านมีความยินดีในบุญฤทธิ์แลอิทธิฤทธิ์
มหัทธิศักดานุภาพของพระเจ้าโพธิสาร
ท่านจึงให้อำมาตย์นำเอาพระธิดานางยอดคำราชกัญญามาถวายพระเจ้าโพธิสาร
จึงพระเจ้าโพธิสารก็ได้แต่งตั้งนางยอดคำราชกัญญา ให้เป็นอัครมเหสีแล้วแปลงพระนามว่า
นางหอสูงตั้งแต่นั้นมา
นางหอสูงราชเทวี
ก็ประสูติพระราชโอรสองค์หนึ่งทรงพระนามว่าเจ้าไชยเชษฐาราชกุมาร
มีพระสนมคนหนึ่งประสูติพระราชบุตร ทรงนามว่า เจ้ากิถนาวะราชกุมาร
และมีอัครมเหสีอีกองค์หนึ่งทรงพระนามว่า เจ้าศรีวรวงษาราชกุมาร
ซึ่งพระเจ้าโพธิสารครองเมืองศรีสัตนาคนหุตนครนั้น ก็ได้พระราชโอรสรวมสามพระองค์
จะกล่าวถึงเมืองเชียงใหม่หลังจากได้ให้นางยอดคำราชธิดาขอพระองค์เป็นอัครมเหสีของพระเจ้าโพธิสารแล้ว
อยู่ต่อไปมินาน เจ้าเมืองเชียงใหม่ได้สวรรคต
เมืองเชียงใหม่ก็หาคนตระกูลเจ้านายที่จะสืบราชสมบัติมิได้
เสนาอำมาตย์ราชบัณฑิตทั้งปวงก็มาปรึกษาหารือกันในสิหิงคมหาอาราม
พร้อมกับมหาสังฆราชาเจ้าวัดที่นั้น จึงพร้อมใจกันแต่งให้อำมาตย์ทั้งหลายเป็นราชทูต
นำเอาเครื่องราชบรรณาการไปสู่เมืองศรีสัตนาคนหุตอุดมรัตนชวาละวัติมหานคร
ไปขอพระไชยเชษฐาราชกุมาร ให้มาครองราชย์สมบัติในเมืองเชียงใหม่
ฝ่ายพระเจ้าโพธิสารมิอาจที่จะขัดขืนได้
ด้วยเห็นแก่ราชไมตรีจึงให้อำมาตย์ทั้งปวง
จัดแจงแต่งจตุรงค์เสนาทั้งสี่พร้อมไพร่พลพาเจ้าไชยเชษฐาราชกุมารซึ่งอายุได้สิบสองปีนั้นขึ้นครองราชย์ในเมืองเชียงใหม่
เมื่อเสร็จการทั้งปวงพระองค์ก็เสด็จกลับมาเมืองศรีสัตนาคนหุต
ครั้นอยู่มาได้นานสามปี พระเจ้าโพธิสารก็สวรรคตรวมพระชนม์มายุได้ 42 ปี
เหล่าเสนาอำมาตย์ราชบัณฑิตและไพร่พลทั้งปวง ก็ปรึกษาพร้อมกันยกเอาเจ้าศรีวรวงษาราชกุมารให้เป็นเจ้าเมืองเวียงจันทน์บุรีราชธานีแล้ว
จึงแต่งราชสาสน์ไปบอกข่าวแก่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช
กษัตริย์เมืองเชียงใหม่ให้ทราบข่าวการสวรรคตของพระเจ้าโพธิสารพระราชบิดา
เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช
ได้ฟังข่าวสารนั้นแล้วก็มิอาจตั้งอยู่ได้
ด้วยระลึกถึงพระราชบิดาและบ้านเมืองของท่านควรที่พระองค์หน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์จะไปดูแลบ้านเมืองของท่านก่อน
จะได้ทำบุญให้ทานพร้อมกับญาติพี่น้องทั้งปวง
ถวายพระราชกุศลให้แก่พระราชบิดา ครั้นพระองค์ทรงคิดในพระทัยแล้ว
ก็ให้วิตกกังวลต่อไปว่า
เมื่อพระองค์เสด็จกลับไปถึงเมืองชวาละวัตนครของพระองค์การที่จะกลับคืนมาเมืองเชียงใหม่นั้นจะช้าเร็วเท่าใดหารู้ไม่
ควรที่พระองค์ผู้เป็นกษัตริย์อัญเชิญเอาพระแก้วมรกตไปด้วย
ครั้นพระองค์วิตกดังนั้นก็ให้เสนาอำมาตย์ราชจตุรงค์จัดแจงอาราธนาอัญเชิญเอาพระแก้วมรกตมายังเมืองศรีสัตนาคนหุต
แล้วก็ให้เชิญพระแก้วมรกตขึ้นประดิษฐานไว้ในปราสาทที่พระเจ้าแซกคำ
พระองค์ก็ให้เสนาอำมาตย์ราชมนตรีจัดแจงสิ่งของที่จะทำบุญให้ทานเป็นอันมาก
พระองค์พร้อมด้วยเจ้านายขติราชวงศา เสนาอำมาตย์ ไพร่ฟ้าพลเมืองทั้งปวง
ก็พากันมาฉลองบูชาพระแก้วมรกตเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน
ครั้นเสร็จงานแล้วพระองค์ก็อยู่ปฏิบัติบูชารักษาพระแก้วมรกตมิได้ขาด พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชมาอยู่ในเมืองศรีสัตนาคนหุต
นานได้ 3 ปี
จะกล่าวถึงเมืองเชียงใหม่
ครั้นพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชเสด็จกลับเมืองชวาละวัตินครได้ 3 ปี
เสนาอำมาตย์มีความหวั่นวิตกว่าบ้านเมืองไม่มีกษัตริย์ปกครอง
กลัวจะเกิดความวิบัติเสียหาย ก็พากันมาปรึกษาเมื่อพิจารณาดังนั้นแล้ว
จึงพร้อมกันสืบหาขัติยราชวงศาอันสืบเนื่องเชื้อสายกษัตริย์มาแต่เก่าก่อน
จึงเห็นพระสงฆ์องค์หนึ่งปรากฏนามว่า พระเมกุฏิ
อันเป็นราชวงศามาแต่ก่อนจึงพากันอาราธนาให้ลาสิกขาบทเสีย
ก็พร้อมกันทำพิธีขัติราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ขึ้นครองเมืองเชียงใหม่ต่อไป
ความทราบถึงพระไชยเชษฐาธิราช
ถึงเรื่องพระเมกุฏิได้ขึ้นครองราชย์สมบัติในเมืองเชียงใหม่
พระองค์ทรงกริ้วโกรธเป็นนักหนาจึงให้เสนาบดีเกณฑ์ไพร่พลโยธาทะแกล้วทหารทั้งปวง
เสด็จยกทัพขึ้นไปตีได้เมืองเชียงแสนแล้วก็ยกกองทัพไปตีเอาเมืองเชียงใหม่
ข่าวว่ากองทัพพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชตีได้เมืองเชียงแสน
ทำให้พระเมกุฏิเจ้าเมืองเชียงใหม่เกรงกลัวตกใจกลัวพระเดชานุภาพของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช
พระเมกุฏิจึงยกเอาเมืองเชียงใหม่ไปถวายให้แก่เจ้าเมืองอังวะ
เจ้าเมืองอังวะก็ให้เกณฑ์กองทัพยกเข้ามาช่วยหนุนกองทัพเมืองเชียงใหม่อันมาก
ฝ่ายพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช
ยกกองทัพไพร่พลทหารมาถึงปลายแดนเองเชียงใหม่
พระองค์ทราบข่าวว่าพระเมกุฎิได้เอาเมืองเชียงใหม่ไปถวายพวกพม่า
กองทัพพม่ายกกองทัพขึ้นมาอุดหนุนเมืองเชียงใหม่ พระองค์ทรงดำริว่า
ครั้นพระองค์จะยกกองทัพเข้าตีเมืองเชียงใหม่
การศึกสงครามครั้งนี้ก็จะยืดเยื้อเป็นสงครามใหญ่ ถ้าไพร่ลาวตายก็เสียข้า
พระราชบิดาของพระองค์ก็จะฉิบหายทั้งสองฝ่าย
ครั้นพระองค์ดำริได้เช่นนั้นก็ให้เลิกทัพกลับมาตั้งอยู่ในเมืองเชียงแสนนานได้ 9
ปีเศษ พระองค์จึงให้เลิกทัพกลับมาเมืองศรีสัตนาคนหุตของพระองค์
หลังจากนั้นพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชก็มาพิจารณาถึงเมืองชวาละขัตินครของพระองค์นั้น
เป็นเมืองที่คับแคบนัก มีภูเขาใหญ่น้อยเรียงรายไปทั่ว
ไม่สมควรที่จะปกครองอยู่ในเมืองนี้
การที่พระองค์ผู้เป็นกษัตริย์จะไปสร้างแปลงที่อยู่ใหม่ในที่อันกว้างขวางจึงสมควร
เมื่อพระองค์ทรงพิจารณานั้นแล้วก็จัดแจงแต่งตั้งเจ้านายเนาบดีไว้ปกครองดูแลในเมืองศรีสัตนาคนหุตไว้เรียบร้อยเป็นอันดีแล้ว
พระองค์ก็พาอำมาตย์เสนาบดีไพร่พลทั้งปวงขึ้นไปอัญเชิญพระแก้วมรกตแล้ว
พระองค์ก็เสด็จไปยังเวียงจันทน์บุรี
ให้จัดแจงสร้างแปลงบ้านเมืองให้ดีงามจนเรียบร้อย
พระองค์ก็อยู่ครองราชสมบัติในเมืองเวียงจันทน์บุรี
จากนั้นพระองค์ก็ให้สร้างปราสาทหลังหนึ่งในวังของท่าน
จัดแจงประดับประดาด้วยแก้วและเงินคำอันบริสุทธิ์แล้วพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชก็ให้อัญเชิญพระแก้วมรกตและพระเจ้าแซกคำขึ้นประดิษฐานในปราสาทหลังนี้
พระองค์ก็ถวายเครื่องสมณบริขารทั้งปวง อันมี บาตรคำ ฉัตรคำ ร่มคำ พานคำ
และเครื่องบูชาทำด้วยแก้วและเงินคำอันบริสุทธิ์งดงามแล้ว
ก็ถวายบูชาไว้ยังพระแก้วมรกตและพระเจ้าแซกคำ
พระองค์ยังได้สร้างเจดีย์แห่งหนึ่งไว้ทางทิศตะวันออก
ถัดจากเจดีย์ของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชที่ได้สร้างไว้
จากนั้นพระองค์ก็ให้สร้างเจดีย์น้อย 30 เจดีย์ ให้แวดวงล้อมเป็นบริวารทั่วไป
แล้วพระองค์ก็ทรงพระราชทานนามพระมหาเจดีย์ว่า เจดีย์พระโลกจุฬามณีศรีเชียงใหม่
พระองค์ก็ให้จัดแจงข้าหญิงข้าชายอย่างละร้อยให้เป็นข้าปฏิบัติรักษาพระแก้วมรกตและพระเจ้าแซกคำ
พระองค์ก็ให้มีการเฉลิมสมโภชบูชาพระแก้วมรกตและพระเจ้าแซกคำให้ทำบุญให้ทานเดือนหนึ่งจึงเสร็จการด้วยเดชะผลบุญของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช
ก็ครองราชย์สมบัติในเมืองเวียงจันทน์บุรีราชธานี
เกษมสุขสโมสรจนพระองค์ถึงพิราลัยไปตามบุญกรรมอายุขัยของท่านนั้นแล