www.dooasia.com >
เมืองไทยของเรา >
พระอภัยมณี
ตอนที่
๔๑ นางสุวรรณมาลี หึงหน้าป้อม
นางสุวรรณมาลี เมื่อสุดสาครเข้าไปเมืองลังกาแล้วก็เฝ้าคอยหา พอเห็นหัสไชยกลับมา
ทูลความให้ทรงทราบว่า สุดสาครไปสมสู่อยู่กับนางสุลาลีวัน ก็เสียใจยิ่งนัก
รำพันว่าถ้าไม่ห่วงพระธิดาก็จะกลืนยาพิษเสียให้บรรลัยวาญ
อยู่เป็นคนทนอายนั้นหลายอย่าง |
อุราพ่างเพียงระบมด้วยคมขวาน |
ยิ่งคิดแค้นแม้นกายจะวายปราณ |
คำโบราณว่าเอาชื่อให้ลือชา |
ฯลฯ
แม้ไม่เลี้ยงเที่ยงแท้แล้วแม่นี้ |
ถวายชีวีตามความประสงค์ |
จะเชือดคอให้ตายทำลายลง |
จำเพาะตรงพักตราพระสามี
ฯ |
ค
แล้วสั่งพราหมณ์สามนายอยู่ค่ายใหญ่ |
เราจะไปรบพุ่งชาวกรุงศรี |
ทหารเราชาวผลึกล้วนฝึกดี |
ช่วยกันตีชาวลังกาค่าอย่าช้านาน |
ฯลฯ
ให้ทหารเดินทัพขับพลโห่ |
ทหารโล่เขนดั้งหน้าหลังสลอน |
ประโคมฆ้องกลองแห่สังข์แตรงอน |
เสียงสะท้อนสะท้านทุ่งมากรุงไกร
ฯ |
เมื่อกองทัพยกมาถึงที่ป้อมก็หยุดรถทรงตรงหน้าพลับพลานอกปราการ พระมเหสีจึงตรัสสั่งให้หัสไชยเข้าไปทูลแจ้งจอมกษัตริย์ว่าจะขอเข้าเฝ้า
ถ้าไม่ให้พบจะทำสงคราม
หัสไชยรีบอภิวาทแล้วก็เข้าไปในวัง ขึ้นไปบนมณเฑียร ทูลสองกษัตริย์ให้ทราบตามเนื้อความหลัง
พระอภัยใหลหลงทรงพระสรวล |
เฝ้ารบกวนเกรงมเหสี |
ให้พวกเราเข้าสู้ดูสักที |
ไหนจะตีเข้าได้ในประตู
ฯ |
ค
นางละเวงเกรงศึกทีฮึกหึง |
จะอื้ออึงอัปยศให้อดสู |
คิดผ่อนปรนกลศึกฝึกต่อครู |
จะลองสู้ศึกรักให้หักทบ |
ฯลฯ
คิดจะออกรับหน้าพาผัวไปยั่งเล่น ให้คนขี้หึงต้องหมองใจ แล้วแกล้งว่าเมื่อเขามาพบก็ขอให้พระองค์ออกไปรับ
แม้จะรักครองสัตย์จงตัดเขา |
มิโปรดเกล้ายั่งยืนจงคืนกลับ |
จะตามไปให้เห็นกายนางนายทัพ |
ได้ยินกับสองหูดูกับตา |
หรือว่าพระจะไม่ไปอย่างไรเล่า |
พลางหยิกเพลาเป่ามนต์ดลคาถา |
พระโอนอ่อนผ่อนผันตามวัณฬา |
ไปสิพากันไปล้อให้พอการ
ฯ |
องค์ละเวงรับสั่งพระอภัยแล้วก็ออกมาเตรียมกำลังแต่งองค์ทรงเครื่อง แล้วเชิญให้พระอภัยทรงเครื่อง
ล้วนเครื่องดำสำคัญวันอาทิตย์ |
ตามจริตศักราชพระศาสนา |
อร่ามเรืองเครื่องสำหรับประดับประดา |
พระมาลาสวมสอดใส่ยอดเพชร |
ทรงรองบาทชาติฝรั่งนวมหนังนุ่ม |
พระชงฆ์หุ้มคลุมสนับแล้วสรรพเสร็จ |
กระบี่พระองค์ทรงกุดั่นกัลเม็ด |
แล้วเสด็จนำนางจากปรางค์ทอง |
ฯลฯ
เห็นกองทัพนับหมื่นดูดื่นดาษ |
วรนาฎนางกษัตริย์ทรงรถา |
เห็นลูกน้อยสร้อยสุวรรณ
จันทรสุดา |
ชลนาแนวนองจะร้องทัก |
กลับเคลิ้มองค์หลงลืมพระลูกแก้ว |
รู้จักแล้วก็ดูไม่รู้จัก |
นางเสแสร้งแกล้งเมียงเข้าเคียงพักตร |
ทำชวนชักชี้ให้ดูหมู่โยธา |
ฯลฯ
ค
ฝ่ายโฉมยงนงลักษณ์อัคเรศ |
ทอดพระเนตรบนพลับพลาหลังคาสี |
ไม่รู้จักพักตรพระอภัยมณี |
ด้วยภูมีเหมือนฝรั่งเมืองลังกา |
นีกว่าใครไหนหนอมาคลอหญิง |
ดูเย่อหยิ่งกั้นกลดมียศถา |
สองนงเยาว์เข้าชิดทูลกิจจา |
พระบิดานะพุคะพระชนนี |
ฯลฯ
ยิ่งแสนแค้นแน่นอัดตรัสไม่ออก |
เหมือนเสี้ยนยอกเนตรสลายทั้งซ้ายขวา |
สุดจะขืนกลืนกลั้นตันอุรา |
ทรงโศกากรรมเอ๋ยไม่เคยเป็น |
ฯลฯ
ค
พระอภัยได้เห็นพักตร์อัคเรศ |
ยังชื่นเนตรนึกคิดสนิทสนม |
พอลูกสาวเจ้าลังกาเป่าอาคม |
เคลิ้มอารมณ์รื้อค้อนว่างอนเกิน |
กระต่ายแก่แร่ข้ามมาตามติด |
ช่างไม่คิดขวยอายระคายเขิน |
เขาเบื่อใจไม่อยู่จนสู้เมิน |
มาก้ำเกินดูเบาเพราะเมามัว |
ฯลฯ
ได้เริดร้างต่างคนก็ต่างอยู่ |
ยังไม่รู้สึกตัวมามัวหึง |
ชะร้องไห้ไม่ฟื้นสะอื้นอึง |
ชาติหน้าจึงจะช่วยปลอบให้ชอบใจ |
ค
มเหสีตีทรวงเข้าฮักฮัก |
อกมิหักแล้วหรือกรรมจะทำไฉน |
นางแสนแค้นแสนละห้อยน้อยพระทัย |
สลบไปแล้วเป็นครู่จึงรู้องค์ |
ฯลฯ
ไม่มีโทษโกรธตรัสถึงตัดขาด |
เหมือนพระบาทฟาดฟันบั่นเกศา |
แต่ลูกน้อยสร้อยสุวรรณ
จันทร์สุดา |
มาวันทาพระไม่ทักเลยสักคำ |
ฯลฯ
อันฝรั่งลังกาเป็นข้าศึก |
ไม่เคยนึกว่าพระองค์จะหลงไหล |
แม้พวกอื่นหมื่นแสนทั้งแดนไตร |
น้องมิได้ข้องขัดพระอัชฌา |
นี่ศัตรูงูพิษมันคิดคด |
ให้เสียยศเสียชาติพระศาสนา |
เสียโอรสหมดทั้งพระอนุชา |
แต่ธิดาเด็กนิดยังคิดชัง
ฯ |
ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาก็ออกมากล่าวประฌาม และเยาะเย้ย พระมเหสีด้วยประการต่าง
ๆ
ประเดี๋ยวนี้ดีแตกแหลกแล้วค่ะ |
เขาไม่ละลดดอกจะบอกให้ |
พระตัดขาดศาสนาไม่อาลัย |
อย่าร่ำไรสำออยตะบอยวอน |
ค
นางฟังคำซ้ำแค้นยิ่งแสนแสบ |
ความเจ็บแทบถึงกระดูกดังถูกศร |
น้อยหรือเสียงเปรี้ยงแปร้นมันแสนงอน |
กลับมาค่อนขอดขุดถึงอุศเรน |
ฯลฯ
แต่รุ่นราวสาวแส้จนแก่เฒ่า |
ไม่เหมือนเจ้าองค์เอกภิเษกดิบ |
ได้สุคนธ์มนต์เจือดังเนื้อทิพย์ |
ขึ้นจนลิบลอยเหลิงกว่าเชิงเทิน |
ฯลฯ
มาแต้มเติมเสริมความตามพระโอษฐ |
นางตัวโปรดเปรื่องประสิทธิ์ด้วยฤทธิ์ผี |
แต่กระดาษวาดรูปจูปเป็นปี |
ประเดี๋ยวนี้องค์เธอบำเรอเอง |
ฯลฯ
แต่เพียงพี่แล้วมิหนำยังซ้ำน้อง |
โอรสสองแทรกเจือเหลือขยัน |
เหมือนไหมย้อมปลอมเส้นเบญจพรรณ |
จึงต้องฟั่นเผือผดุงบำรุงบำเรอ |
ฯลฯ
ทั้งสองนางโต้คารมกันด้วยประการต่าง ๆ แล้วพระมเหสีจึงทูลอ้อนวอนพระอภัยให้เป็นหลัก
ไม่เอนเอียง
มิเมตตาฆ่าเมียเสียให้ม้วย |
แต่อย่าช่วยเสริมซ้ำมาปรำปรัก |
เสียแรงน้องรองบาทสามิภักดิ์ |
พระเหมือนหลักโลกเที่ยงไม่เอียงเอน
ฯ |
พระอภัยยังกล่าวเข้าข้างองค์ละเวง ทำให้พระมเหสีเสียพระทัยมาก
ด้วยทุกข์ร้อนซ้อนซมระดมทับ |
จนลมจับนงลักษณ์พักตร์สลด |
ล้มสลบทบทับอยู่กับรถ |
เจียนจะปลดชีวานิคาลัย
ฯ |
สองธิดาสร้อยสุวรรณ จันทรสุดา เห็นพระมารดาเป็นลมสลบไปก็ร้องเรียกให้พระบิดาช่วย
แต่นางละเวงบอกพระอภัยว่า พระมเหสีเจ้ามารยา พระอภัยก็เชื่อแล้วกลับไปวัง
สองบุตรจึงขอให้หัสไชยช่วย พอตกค่ำพระมเหสีจึงพลิกฟื้นขึ้นมา แล้วให้เลิกโยธา
จะกลับเข้าเมือง แล้วรู้สึกโศกกำศวล ระทดพระทัยยิ่งนัก
อันโศกอื่นหมื่นแสนในแดนโลก |
มันไม่โศกลึกซึ้งเหมือนหึงผัว |
ถึงเสียทองของรักสักเท่าตัว |
ค่อยยังชั่วไม่เสียดายเท่าชายเชือน |
ถึงสมบัติวัตถาบรรดาศักดิ์ |
ลูกที่รักร่วมใจก็ไม่เหมือน |
ทั้งแสนแค้นแสนรักคอยตักเตือน |
จนฟั่นเฟือนใฝ่ฝันถึงวัณฬา |
พระมเหสีจึงให้หัสไชยแต่งสารไปยังพระปิตุราชมาตุรงค์ของหัสไชย เพื่อว่าจะมีหมอมนต์มาแก้ไข
หัสไชยแต่งสารแล้วให้ม้าใช้ไปลงเรือ ยังฝั่งน้ำตำบลถนนพระราม
ข้ามไปยังเมืองการะเกด
กล่าวถึงเจ้าเมืองรมจักร กับองค์อัครชายา พร้อมทั้งองค์เกษราและพระธิดาอรุณรัศมีต่างเฝ้าคอยศรีสุวรรณตั้งแต่ปีขาลถึงปีระกาก็ยังไม่กลับมา
รวมทั้งไพร่พลที่ไปด้วยกันก็ยังไม่มีใครกลับมาเลย
ข้างครอบครัวตัวไพร่ที่ไปทัพ |
ผัวหากลับมาไม่ก็ใจหาย |
จะนั่งนอนร้อนรนกระวนกระวาย |
ต้องขวนขวายเช้าค่ำด้วยจำเป็น |
ที่หญิงดีมีศักดิ์รู้รักผัว |
ก็ซ่อนตัวมิให้ชายทั้งหลายเห็น |
ถึงยามนอนหมอนฟูกกระดูกเย็น |
น้ำตากระเด็นดังหนึ่งกายจะวายวาง |
ที่เช่นชั่วผัวต้องไปกองทัพ |
พอผัวลับแล้วก็เต้นออกเล่นหาง |
ที่กินลึกฝึกลูกเลี้ยงไว้เคียงข้าง |
ถึงผัวร้างสามปีไม่มีชู้ |
ฯลฯ
ด้วยผัวเมียทั่วโลกที่โศกถึง |
เปรียบเหมือนหนึ่งเรือร้างค้างมรสุม |
ถึงตัวไปในใจอยู่เป็นคู่คุม |
ถึงแก่หนุ่มนึกเห็นก็เช่นกัน |
ฯลฯ
พอได้รู้ข่าวเรื่องเมืองผลึกก็ไต่ถามกันเป็นที่อึกทึกทั่วเมือง บ้างก็ว่ากองทัพกลับมาแล้ว
พากันออกมารับ พอสารมาถึงวัง ขุนนางก็รับสารไปเฝ้าเจ้าเมือง
ค
อ่านแถลงแจ้งความสามกษัตริย์ |
ซึ่งข้องขัดเข้าเชิงระเริงหลง |
เหมือนเรื่องหลังทั้งหมดท้าวทศวงศ์ |
หยิบสารตรงขึ้นปราสาทนั่งอาสน์ทอง |
ฯลฯ
เมื่อได้อ่านสารให้ฟังแล้ว องค์เกษราไม่คิดหึง แต่กลับไปสงสารศรีสุวรรณ เกรงว่านางฝรั่งจะปฏิบัติไม่ดีเท่า
พระชนนีจึงว่าพระธิดาว่า เขาชิงผัวไปแล้วยังไม่รู้สึก แล้วตรัสว่า
แม่มาลีพี่สะใภ้หล่อนไปแล้ว |
พาลูกแก้วไปกับแม่ได้แก้ผัว |
แล้วทูลท้าวคราวนี้มันตีครัว |
ลูกเขยมัวเมียฝรั่งคิดอย่างไร
ฯ |
ท้าวทศวงศ์ตรัสว่าจะพาลูกกับนัดดาไปด้วยกัน ส่วนพระอัครชายาให้อยู่ดูแลเมือง
แล้วตรัสสั่งเสนาในให้จัดแจงแต่งเรือ
ใหญ่น้อยจำนวนร้อยลำ
ตั้งขบวนปีกหางอย่างปักษา
จะข้ามน้ำไปยังเมืองลังกา
ทอดประจำลำทรงตรงฉนวน |
ตั้งกระบวนแบบหัดไม่ขัดขวาง |
เป็นทัพหงส์สองอาจผาดนภางค์ |
มีปีกหางครบถ้วนกระบวนบิน
ฯ |
พอรุ่งเช้า เมื่อทั้งหมดแต่งองค์ทรงเครื่องแล้วก็มาลงเรือออกเดินทางไปเมืองผลึก
พอพลบค่ำคล้ำมัวทั่วทุกทิศ |
ยิ่งมืดมิดมิ่งขวัญประหวั่นไหว |
น้ำกระจายพรายแดงดั่งแสงไฟ |
แล่นมาในแนวคลื่นทุกคืนวัน
ฯ |
กล่าวถึงเจ้าเมืองการะเวก เมื่อได้รับสารจากหัสไชยแจ้งว่าสุดสาครกับพระญาติรวมสี่องค์หลงคลั่งอยู่เมืองลังกาก็ร้อนใจ
เมื่อหนุ่มสาวราวกับไฟใกล้ดินหู |
สุดจะสู้ศึกรักนั้นหนักหนา |
พระตรัสพลางทางถามขุนโหรา |
ให้ชำระชะตาสุดสาคร
ฯ |
โหรทำนายว่าสุดสาครนั้นเคราะห์ร้าย แต่ผู้ทรงธรรมสมณะจะช่วยเหลือให้เพิ่มพูนภิญโญเดโชชัย
เจ้าเมืองการะเกดได้ฟังแล้วเชื่อโหรเพราะไม่เคยทายผิด แล้วไปพบพระอัครชายาปรึกษาว่า
จะทำอย่างไรจึงจะเหมาะสม เพราะพระอภัยไปอยู่ในเมืองลังกา
แต่นงลักษณ์อัคเรศอยู่เขตค่าย |
เราเป็นชายไปถึงพระมเหสี |
จะพูดจาปราศรัยก็ไม่ดี |
ครั้นจะมิเจรจาก็น่าชัง |
ซึ่งดีชีวาทั่วโลกไม่เล็งเห็น |
เกลือกจะเป็นรอยร้ายไปภายหลัง |
จะแต่งให้ใครข้ามตามไปฟัง |
ก็คิดยังไม่เห็นใครจะไปเลย
ฯ |
องค์จันทวดีอัครชายาทูลพระสามีว่า ท่านทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ มีชันษากว่าร้อยยี่สิบปี
เป็นผู้รู้เรื่องโบราณ ขอให้เชิญท่านไปช่วยสุดสาคร
แล้วเป็นครูสืบวงศ์พงศ์กษัตริย์ |
จนกัดถัดมาถึงเราเล่าหนังสือ |
อายุยืนตื้นลึกใด้ฝึกปรือ |
ทั้งสัตย์ซื่อไม่สอพลอพูดล่อลวง |
จะไปหามาเหมือนเหล่าเขาทั้งปวง |
เป็นที่ล่วงเกินครูรู้วิชา |
ฯลฯ
ฝ่ายพระธิดาเสาวคนธ์รู้เรื่องก็สงสารสุดสาคร จึงทูลขอพระบิดาอาสาไปพาสุดสาครกลับมา
สองกษัตริย์ได้ฟังพระลูกรัก คิดจะทัดทานก็จะยาวความ จึงตรัสอนุญาตให้ไปกับปาโมกข์โลกเชษฐ์
จะวอนวานท่านปาโมกข์โลกเชษฐ์ |
ผู้วิเศษไสยศาสตร์ฉลาดเฉลียว |
ไปด้วยเจ้าคราวนี้ก็ดีเจียว |
ลงลำเดียวจะได้ถามความโบราณ |
แล้วองค์กษัตริย์ก็ตรัสสั่ง ท้าวหาข้าเฝ้ามนตรีให้จัดเรือและโยธาหาญยกไปเมืองลังกา
วันรุ่งขึ้น พอเวลาสายจอมกษัตริย์ พระมเหสีกับพระธิดาพากันไปหาทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์
คฝ่ายทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ |
เป็นพราหมณ์เทศเทวฤทธิ์อิศยมภุ์ |
มีสมบัติพัสถานพานอุดม |
แต่อารมณ์ไม่สู้รักด้วยมักน้อย |
ฯลฯ
สามกษัตริย์นมัสการ อาจารย์เฒ่า แล้วเล่าเรื่องต้นแต่หนหลังให้ทราบ แล้วขอให้ท่านไปกับพระธิดาเพื่อช่วยสุดสาคร
ให้พ้นจากคุณไสย
ค
ฝ่ายทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ |
ทรงไตรเพทพิทยาภาษาไสย |
สังเกตยามตามนรางค์เป็นทางใน |
เห็นจะได้คืนคงสืบพงศ์พันธุ์ |
ฯลฯ
แต่ฝรั่งครั้งนี้ใช้ผีหญิง |
เข้าแทรกสิงเสียทีเดียวให้เฉียวฉุน |
ลงลึกซึ้งถึงกระดูกดังถูกคุณ |
นี่หากบุญของพระหน่อไม่มรณา |
อยู่ในวังรังควานประมาณมาก |
เห็นแสนยากยิ่งนักจะรักษา |
แก้ไม่หายฝ่ายหมอจะมรณา |
จะอุตส่าห์สามิภักดิ์ไปสักครั้ง |
ทูลว่าจะไปกับท่านยายด้วยเป็นผู้ที่รู้วิชามารยาหญิง เพื่อจะได้ดูกำลังลบเล่ห์เสน่ห์ใน
แล้วสังเกตดูเห็นพระธิดา มีไฝแฝงโอษฐจะเป็นผู้ที่โมโหร้าย ปีหน้าชะตาตก จึงทูลความว่ามีเคราะห์ร้ายทั้งสองพี่น้อง
จึงเผอิญให้ต้องจากเมือง เมื่อปลายมือจะรุ่งเรืองได้ครอบครองสุริย์วงศ์สืบพงศ์พันธุ์
ขบวนเรือเดินทางมาถึงฝั่งเมืองลังกา ไปบรรจบกับขบวนเรือของเมืองรมจักร เสาวคนธ์เข้าไปอัญชลีกษัตริย์ทั้งสี่องค์
ท้าวเจ้าเมืองรมจักรไต่ถามนามวงศ์ของนาง ครั้นทราบแล้วก็สงสารนางอย่างนัดดา
เกษราเห็นว่านางอ่อนกว่าอรุณรัศมีจึงขอให้เป็น พี่น้องกันด้วยความรักนางเหมือนเป็นธิดา
อรุณรัศมีก็รักนางเหมือนน้องเป็นที่ชื่นชอบซึ่งกันและกัน แล้วทั้งหมดก็เดินทางไปยังเมืองลังกา
ตอนที่ ๔๒
หัสไชยแก้เสน่ห์
กล่าวถึงเรื่องในวัง วัณฬาได้ครองคู่กับพระอภัยมณีตั้งแต่เดือนยี่ถึงเดือนกลางเดือนห้า
องค์วัณฬาก็ตั้งครรภ์แล้วฝันว่า กลืนดาวจรเข้ในท้องฟ้า แล้วมีเทวดาเหาะมาถือสายฟ้าฟาดนาง
แล้วควักจักษุนางออกทั้งสองข้างมองอะไรไม่เห็น เมื่อตื่นขึ้นจึงทูลพระอภัยถึงความฝัน
พระอภัยบอกว่านางมีท้องแล้ว แล้วตรัสอวดว่า
เห็นแล้วหรือมือเก่านะเจ้าพี่ |
ไม่ถึงปีก็ได้เชื้อเหลือขยัน |
ไม่นับถือหรือว่าจะเล่นพนัน |
คนละปีมิให้คั่นจนวันตาย
ฯ |
ฝ่ายองค์ละเวงวัณฬาคิดถึงความฝัน ก็รู้ว่าร้ายจึงให้หานางรำภาสะหรีกับสองธิดา
ให้ช่วยกันทำนายฝัน นางยุพาผกาจับยามดูรู้แล้ว จึงทูลว่าที่ได้กลืนดาวจรเข้นั้น
จะทรงครรภ์ได้ปรากฎยศยงพงศ์ประยูร ส่วนที่อารักษ์ควักเนตรนั้น จะทำให้ห่างเหเสน่หา
และจะมีไพรีมาภายในสิบห้าวัน นางได้ฟังคำก็ใจหาย จึงตรัสถามว่าจะแก้ไขอย่างไร
นางยุพาผกาก็ทูลให้แต่งบัตรพลี ตามคัมภีร์ไสยให้ทรงศีลเจ็ดวัน
นางยุพาผกาทูลแถลง |
จะต้องแต่งบัตรพลีคัมภีร์ไสย |
ประตูทั้งแปดทิศให้ปิดไว้ |
อย่าให้ใครเข้าออกบอกกิจจา |
ในเจ็ดวันนั้นพระองค์จงทรงศีล |
ตัดให้สิ้นพยาบาทปรารถนา |
สังเวยไหว้ไทเทวโลกา |
ให้รักษาสะเดาะพระเคราะห์นาม |
ฯลฯ
นางรำภาก็บอกว่าตนฝันประหลาดว่า ฟ้าฟาดจนวังเวียงไหว แต่ขวานฟ้าวาบเข้าไปในปากแล้วกลืนเข้าไป
นางยุพาก็บอกว่าตนฝันเห็นเมฆเป็นเกลียวกลีบ มีครีบหงอนเหมือนสายรุ้งพุ่งลงที่อุทร
นางสุลาลีก็บอกว่าตนฝันว่า อ้าปากกลืนแผ่นดินเข้าไปได้ แล้วต้องว่ายน้ำจนสำลัก
องค์วัณฬาได้ฟังความฝันของนางทั้งสาม จึงทำนายตามตำราว่านางทั้งสามจะมีครรภ์
จากนั้นก็ให้นางทั้งสามไปจัดตั้งบัตรพลี นางทั้งสามจึงสั่งให้สนมกรมวังไปดำเนินการ
พอตกค่ำองค์วัณฬาก็ให้นางทั้งสามกลับไปหลับนอน แล้วทั้งหมดก็กลับไปหาคู่ครองของตน
เมื่อคราวมัวผัวเหมือนหนึ่งขี้ผึ้งเคล้น |
จะปั้นเป็นรูปอะไรก็ไม่ขัด |
ปูว่าหอยพลอยว่าด้วยสารพัด |
เพราะรู้กลปรนนิบัติช่างดัดแปลง
ฯ |
ฝ่ายองค์ละเวงวัณฬาทูลพระอภัยว่า นางฝันร้ายจะทำการสะเดาะห์เคราะห์ จึงอย่าให้พระองค์เข้ามาใกล้นางเป็นเวลาเจ็ดวัน
แต่พระอภัยจะไปด้วย
กล่าวถึงบาทหลวงเฒ่า เมื่อเสียเขาเจ้าประจัญแล้วก็แปลงเป็นไพร่พลคนแก่ ลูกศิษย์พาไปอยู่ที่บ้านสะพานยนต์
มีความอายและตรอมใจจนคิดจะฆ่าตัวตายอยู่หลายหน คิดว่าข้าศึกทำซ้อนกลแต่ฝ่ายหญิงทำกลลวงตนไม่ล่วงรู้
เมื่อใช้ให้คนไปฟังข่าวได้ทราบเรื่องราวแล้ว ก็ให้คิดอดสูที่พระอภัยไม่ตาย
แต่กลายเป็นชู้เข้าไปอยู่กับลูกสาวเจ้าลังกา
แขกฝรั่งทั้งหลายพวกนายไพร่ |
ก็พร้อมใจกันให้ขาดพระศาสนา |
ยิ่งแค้นขัดอัดอั้นตันอุรา |
ดังเลือดตาแกจะตกตีอกตึง |
ฯลฯ
บาทหลวงอยู่ป่ามาได้ห้าเดือน คิดลูกสาวเจ้าลังกายิ่งนัก ในเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วบอกพวกชาวบ้าน
และทหารที่เป็นศิษย์ว่า จะไปในวังเพื่อด่าว่าองค์ละเวงให้สาแก่ใจ แล้วออกเดินทางไปเมืองลังกาเป็นเวลาสามคืน
ผ่านไปทางไหนก็มีคนนับถือคอยต้อนรับ เมื่อมาถึงเมืองทราบว่าองค์วัณฬาจะสะเดาะห์เคราะห์
บาทหลวงดูรู้การว่าศาลนี้ |
ชื่อพลีโลกาบูชาขยัน |
นางวัณฬาน่าที่จะมีครรภ์ |
คงพบกันแล้วสินะกูจะคอย |
ฯลฯ
เช้าวันรุ่งขึ้นลูกสาวเจ้าลังกา พร้อมสามนางกษัตริย์ผู้เป็นภัสดา แล้วเชิญองค์กษัตริย์ออกไปยังเชิงเทิน
ตรวจดูไพร่พลในกองทัพ มาถึงประตูตะวันออกตรงหน้าศาลสมมติว่า เป็นเทพก็หยุดทำการเซ่นถวาย
ครั้นสรรพเสร็จเสด็จมาบูชาศาล |
ทุกทวารถวายของที่สองสาม |
อร่ามเรืองเครื่องบูชาสง่างาม |
แล้วเลียบตามเชิงเทินดำเนินมา
ฯ |
ฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง เห็นลูกสาวเจ้าลังกาอยู่เคียงสามี เลียบเชิงเทินเดินมาเป็นคู่ทั้งสี่คู่
ล้วนมีท้องทุกคน
พลอยขายหน้าฝรั่งทั้งประเทศ |
เสียประเภทพวกหญิงชาวสิงหล |
ยิ่งฉุนคิดแม้ว่ากายถวายชนม์ |
จะให้คนเลื่องชื่อออกอืออึง
ฯ |
แล้วเดินมาที่หน้าประตูแล้ว ร้องด่าฝ่ายหญิงทั้งสี่คน
ยังลวงหลอกกลอกกลับไปรับชู้ |
มาเป็นคู่หลู่ขาดพระศาสนา |
มึงผ่าเหล่าเผ่าพันธุ์อีวัณฬา |
คบขี่ข้ามาเขาเลี้ยงไว้เคียงตัว |
ฯลฯ
มึงลวงกูรู้ทันทำผันผ่อน |
เหมือนหนึ่งหนอนบ่อนไส้กินไตตับ |
จนด่านแตกแยกย้ายล้มตายยับ |
เพราะมึงกลับกลายแกล้งไปแปลงความ |
จนฝรั่งลังกาเป็นข้าเขา |
เพราะมึงเข้าเพศภาษาสยาม |
เป็นเมียน้อยช้อยชดช่างงดงาม |
เมียหลวงตามเข้ามาหึงถึงประตู |
กูรักใคร่ให้วิชาสารพัด |
ไม่ซื่อสัตย์ซ้ำปดให้อดสู |
แกล้งคิดอ่านพาลโกรธยกโทษกู |
เมื่อจืดแล้วจึงรู้จักคุณเกลือ |
ฯลฯ
องค์วัณฬาได้ฟังสังฆราชบาทหลวงด่าว่า ก็ไม่โกรธ และขอสมาบาป บอกถึงความจำเป็นที่ต้องทำเช่นนี้เพื่อรักษาไพร่พล
ไม่ให้ต้องพลอยตายในศึกครั้งนี้
ประทานโทษโปรดเกล้าเถิดเจ้าคะ |
ไม่ทิ้งพระศาสนาหามิได้ |
เจ้าคุณมาธานีฉันดีใจ |
นิมนต์ไปวัดวาให้ถาวร
ฯ |
ทั้งสามนางได้ต่อปากคำกับบาทหลวงในเรื่องการรบที่เขาเจ้าประจัญ องค์ละเวงเกรงจะเป็นบาปจึงพาสามนางออกไปให้ห่างบาทหลวง
เข้าวังไป
กล่าวถึงท้าวทศวงศ์เดินทัพมาถึงเมืองลังกาตอนกลางคืนแล้วเข้าไปที่ค่ายศรีสุวรรณพร้อมกันหมด
องค์สุวรรณมาลีก็พาบุตรีกับหัสไชยไปเฝ้าท้าวทศวงศ์ พระองค์จึงตรัสถามถึงเรื่องเมืองลังกา
องค์สุวรรณมาลีก็ตรัสเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทรงทราบ ท้าวทศวงศ์ได้ฟังแล้วก็ทรงรำพึงว่า
เวทมนต์ของฝ่ายลังกานั้นขลังอย่างไร ทำให้ทั้งหนุ่มทั้งแก่หลงเสน่ห์ไปหมดเหมือนติดตัง
แล้วตรัสว่า เสาวคนธ์มาตามพี่ ได้พราหมณ์โลกเชษฐ์มาแก้คลั่งให้หาย แล้วตรัสถามว่า
พราหมณ์ครูจะพบกษัตริย์ทั้งสี่องค์ได้ที่ไหน
ค
นางทูลว่าอาการนั้นพานเคลิ้ม |
แต่ความเดิมจำได้ไม่ใหลหลง |
แม้ทราบว่าฝ่าพระบาทญาติวงศ์ |
มาถึงคงจะออกมาเฝ้าฝ่าธุลี |
ฯลฯ
แล้วทูลว่าหัสไชยเคยไปเฝ้า แต่ตอนนี้ได้ปิดประตูห้ามคนเข้าออกเป็นเวลาเจ็ดวัน
ค
ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์เห็นกลศึก |
นางนิ่งนึกตรึกตราแล้วว่าขาน |
ถ้าละไว้ให้เสร็จสำเร็จการ |
จะเชี่ยวชาญเชิงมนต์กลวิชา |
ฯลฯ
จึงคิดให้เข้าไปทำลายพิธี หัสไชยเห็นด้วยจึงทูลเชิญพี่นางกับสองพราหมณ์พฤฒาไปตรวจดูค่ายบนพลับพลาเพื่อจะได้ตริตรองหาลู่ทาง
ท้าวทศวงศ์ได้ฟังก็ชมว่าฉลาดเกินวัย แล้วให้สององค์พาท่านอาจารย์ไปช่วยกันคิดอ่าน
ฝ่ายเสาวคนธ์ชวนหัสไชยไปหาปาโมกข์โลกเชษฐ์แล้วเล่าเหตุการณ์แต่หนหลังให้ฟัง
บอกว่าองค์วัณฬาสะเดาะเคราะห์ทำอุบายล่อลวง พฤฒาเฒ่าจึงบอกว่านางทรงครรภ์แล้วฝันร้ายกลัววายปราณจึงบนบานบวงสรวง
ไม่ได้ลวงใคร เสาวคนธ์จึงขอให้พระอาจารย์ช่วยแก้มนต์เวทวิเศษ
ค
พราหมณ์พฤฒาว่ากระนั้นวันพรุ่งนี้ |
จะแก้ผีภูติพรายให้หายหลง |
แล้วพราหมณ์เอาทองคำทำเป็นธง |
มาเขียนลงอักขระพระศุลี |
แล้วลงยันต์พระพิเนกเสกสะกด |
ดังจักรกรดพระนารายณ์ทำลายผี |
ให้น้องนางพลางสอนซ่อนให้ดี |
ไปให้พี่เผ่าพงศ์องค์ละคัน |
ฯลฯ
แล้วลงเลขเสกข้าวตอกเป็นดอกฟ้า |
ล้ำบุปผาในแผ่นดินสิ้นทั้งหลาย |
ยื่นดอกไม้ให้กุมารเหมือนหลานชาย |
สอนอุบายที่จะให้เข้าในวัง
ฯ |
วันรุ่งขึ้น หน่อกษัตริย์หัสไชยแต่งองค์ทรงเครื่อง เอาธงทองซ่อนไปในกายทั้งซ้ายขวา
แล้วเอาพานทองใส่ดอกไม้เสก เสร็จแล้วออกมาหน้าสนาม จัดขบวนเดินทางไปยังประตูเมืองลังกา
แล้วบอกนายประตูว่าตนเอาดอกฟ้าที่นางหนึ่งฝากมาให้ลูกสาวเจ้าลังกาที่กำลังเคราะห์ร้าย
จะได้หายจากเคราะห์ร้ายนั้น แต่นายประตูตอบว่ามีรับสั่งไม่ให้ใครเข้าออก หน่อกษัตริย์จึงตรัสว่านายประตูโง่เขลาที่มาห้ามปรามความแผ่นดิน
มีโทษถึงตัดศีรษะ
แม้ปิดบังของหลวงให้ร่วงหล่น |
ตัวจะพ้นความตายฉิบหายหรือ |
เป็นขุนนางช่างโง่เหมือนโคกระบือ |
ดีแต่ดื้อไม่รู้จักที่หนักเบา |
นายประตูนำความไปบอกท้าวนาง พวกในวังฟังว่าเป็นดอกฟ้าก็ใคร่จะได้เห็น จึงนำความไปทูลลูกสาวเจ้าลังกา
ค
ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงไม่เกรงกริ่ง |
คิดว่าจริงจะใคร่ดูดอกบุหงา |
หลงอุบายหมายจิตว่าเทวา |
เอาดอกฟ้ามาให้คุ้มภัยพาล |
ฯลฯ
นางจึงให้เปิดประตูออกกไปรับ พระกุมารเข้าไปในวัง ถึงตึกเย็นเห็นนางอยู่ข้างนอกจึงถวายดอกไม้
นางพิศดูดอกไม้ แต่อ่านอักขระไม่ออกจึงให้หานางยุพาสุลาลี ทั้งสองนางก็รีบมาหา
หน่อกษัตริย์หัสไชย เห็นได้ช่องจึงลามายังห้องพระพี่ แล้วมอบธงให้องค์ละคัน
สุดสาครได้คิดแล้วก็เสียดายยศ หยิบธงทองแล้วพากันไปห้องสินสมุทยื่นธงให้ สินสมุทรู้สึกตัวแล้วรีบพาน้องไปยังห้องพระบิดา
ยื่นธงถวายให้ พระอภัยก็คลายคลั่ง
นางวัณฬาแอบมองตามช่องฉาก |
พอเห็นหลากจิตพรั่นประหวั่นไหว |
เข้าชิงธงที่องค์พระอภัย |
มาหักให้ย่อยยับสำทับความ |
พอธงหักพระอภัยก็กลับหลงองค์ละเวงอีก ฝ่ายหัสไชยก็ไปฉุดสินสมุทกับสุดสาคร
วิ่งหนีออกมาข้างนอก แล้วขับขี่พาหนะสิงห์กับม้ามังกรกลับไปกองทัพไปเฝ้าองค์สุวรรณมาลี
นางดีใจวิ่งออกมารับสินสมุทกับสุดสาครก็เป็นลมสลบไป เมื่อแก้ไขฟื้นขึ้นมาแล้วก็ได้พบท้าวทศวงศ์
องค์อรุณรัสมี ทั้งองค์แล้วเกษราแล้วทำความรู้จักกัน
ค
ฝ่ายอรุณรัศมีเป็นพี่น้อง |
บังคมสองพี่ชายสายสมร |
จอมกษัตริย์ตรัสว่าสุดสาคร |
อายุอ่อนแต่เป็นที่พระพี่ยา |
ฯลฯ
ทั้งหมดได้ปรึกษากัน ที่จะแก้ไขสองกษัตริย์ต่อไป นางเกษรารำพันถึงศรีสุวรรณว่า
แม้ไม่เลี้ยงเคียงองค์พระทรงศักดิ์ |
จะสมัครอยู่เป็นข้าเหมือนทาสี |
วิบากกรรมถึงรำภาจะด่าตี |
ก็ตามทีเกิดสู้ทนไปจนตาย |
สนองคุณมลิกาฝ่าพระบาท |
จนสิ้นชาติชาตินี้ไม่หนีหาย |
ถึงชาติอื่นหมื่นชาติไม่คลาดคลาย |
พลางฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย |
ฯลฯ
ท้าวทศวงศ์ทรงให้ทุกคนพากันไปอ้อนวอนให้พราหมณ์พฤฒาช่วย เมื่อไปพบแล้วก็เล่าความทั้งหมดให้ฟัง
พราหมณ์พฤฒาทูลว่า พระอภัยอยู่ในวังจึงยากที่ตนจะเข้าไปชิดใกล้ เพื่อแก้ไขให้หาย
จึงคิดให้ท่านยายคิดอุบายแก้ไขเข้าในวัง
ซึ่งพี่น้องสองออกมานอกได้ |
มันจะใช้ผีทับให้กลับหลัง |
ภาวนาอย่าประมาทให้พลาดพลั้ง |
ด้วยเคราะห์ยังอีกสิบห้าทิวาวัน |
ฯลฯ
ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์แค้นใจสุดสาคร จึงออกปากต่อว่าสุดสาครก็ยอมรับผิด
มิห่วงน้องสองชนกที่ปกเกล้า |
พี่จะเผาตัวตายเพราะขายหน้า |
ถึงอยู่ไปก็ไม่พ้นคนนินทา |
จนม้วยฟ้าสูญดินไม่สิ้นอาย |
ฯลฯ
ท้าวทศวงศ์ตรัสห้ามสองพี่น้อง อธิบายเหตุผลให้ฟัง องค์เสาวคนธ์จึงขอโทษสุดสาคร
ฝ่ายสินสมุทกลับกล่าวว่าตนไม่อายใคร มีเมียแขก ฝรั่ง ทั้งมอญไทยยิ่งดีใจ
สุดสาครร้อนใจถึงพระบิดา จึงบอกแก่พราหมณ์พฤฒาว่า หยูกยาของฝ่ายลังกานั้นขลัง
แก้ไขได้ไม่ถนัดจึงจะลาไปเกาะแก้พิสดาร นิมนต์ท่านโยคีมาแก้ไข ท่านครูเฒ่าก็เห็นด้วย
|