ค
พอเดือนยี่สี่ค่ำนำพระบาท |
ทรงรถราชญาติวงศ์ตามส่งหมด |
เป็นสิ้นความสามพระองค์อยู่ทรงพรต |
ที่บรรพตสิงคตรดุจนิมนต์ |
ยอดคีรีมีต้นโรทันใหญ่ |
น้ำปลายใบหยดย้อยเหมือนฝอยฝน |
ครั้นแสงแดดแผดส่องต้องมณฑล |
เป็นหมอกมนมีอยู่แต่บุราณ |
ด้วยคีรีนี้เป็นหลักลังกาทวีป |
ยอดเหมือนกลีบจงกรมมณฑลสถาน |
ครั้นถึงสิบห้าวันก็บันดาล |
เป็นฝนซ่านโซมสาดไม่ขาดคราว |
โซ่เหล็กล่ามสามสายฝ่ายเหนือใต้ |
ต่างกระไดปีนป่ายเหนี่ยวสายสาว |
จึงนับถือลือเลื่องเป็นเรื่องราว |
มีรูปเจ้าสิงคุตร์สุดคิริน |
เมื่อแรกตั้งลังกาลงมาเกิด |
กล่าวกำเนิดน่าฟังหวังถวิล |
ว่ารูปทรงองค์สิงคตรบุตรพระอินทร์ |
ดำเหมือนนิลกินถั่วงากินสาคู |
ครั้นสิ้นเหล่าชาวลังกาจึงฝรั่ง |
ยกมาตั้งทั้งเจ๊กจีนจึงกินหมู |
แต่ก่อนเขาเล่ามาถึงเราจึงรู้ |
เท็จจริงอยู่กับผู้เฒ่าที่เล่ามา |
ค
พระอภัยไปตั้งหลังบรรพต |
รักษาพรตพรหมจรรย์ด้วยหรรษา |
รำภาสะหรีลีวันยุพาผกา |
คุมโยธาฝรั่งอยู่ทั้งพัน |
เก็บส้มสูกลูกไม้เผือกมันมั่ง |
ถวายทั้งสามองค์ให้ทรงฉัน |
เป็นป่ากว้างทางเดินเนินอรัญ |
ไปสามวันจึงถึงวังเมืองลังกา |
สินสมุทไปบำรุงกรุงผลึก |
ไปปราบศึกสืบวงศ์เผ่าพงศา |
สุดสาครเสาวคนธ์สุมณฑา |
ครองลังกาผาสุกสนุกสบาย |
พวกทมิฬกินปักษาชื่อวาโหม |
ไปพาราวาโหมส่งโสมถวาย |
ทหารใหญ่อ้ายย่องตอดนั้นวอดวาย |
นางสุนีหนีกายสูญหายไป
ฯ |