|
www.dooasia.com >
เมืองไทยของเรา >
สารานุกรมไทยฉบับย่อ
เล่ม ๒๕ ราชบัณฑิตยสถาน
- โลกธรรม
ลำดับที่ ๔๖๖๐ - .... หน้า ๑๕,๘๔๑ - ๑๖,๔๓๘
๔๖๖๐. ราชบัณฑิตยสถาน
เป็นหน่วยงานอิสระ มีฐานะเป็น กรม ปัจจุบันอยู่ในบังคับบัญชาของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๙ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ฯ มีพระบรมราชโองการ ฯ ให้ประกาศว่า
เดิมกรรมการหอพระสมุดสำหรับพระนคร มีหน้าที่แต่จัดการหอพระสมุดสำหรับพระนคร
มีหน้าที่แต่จัดการหอพระสมุดสำหรับพระนครอย่างเดียว ทรงเห็นสมควรฟื้นฟูกิจการของกรมราชบัณฑิต
ซึ่งมีมาแต่โบราณ และเป็นตำแหน่งสำหรับทรงตั้งผู้มีความรู้ศาสตราคมไว้รับราชการ
จึงโปรดเกล้า ฯ ให้จัดตั้งราชบัณฑิตสภาขึ้น และให้เปลี่ยนนามกรรมการหอพระสมุดสำหรับพระนครเป็น
ราชบัณฑิตสภา
ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๗๖ ได้มีการตรา พรบ.ว่าด้วยการราชบัณฑิตสถานขึ้น คณะผู้จัดตั้งราชบัณฑิตสถานส่วนใหญ่เป็น
นักเรียนเก่าฝรั่งเศส ในมาตรา ๖ ได้กล่าวถึงหน้าที่ของหน่วยงานนี้ไว้ว่า
(๑) เพื่อกระทำการค้นคว้าในสรรพวิชา แล้วนำออกเผยแพร่ให้เป็นคุณประโยชน์แก่บ้านเมืองและประชาชน
(๒) เพื่อทำการติดต่อแลกเปลี่ยนความรู้กับสมาคมปราชญ์ ในนานาประเทศ
(๓) เพื่อให้ความเห็นและคำปรึกษา "กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้แก่รัฐบาล
ในเรื่องที่เกี่ยวกับวิชาการ ซึ่งรัฐบาลได้ร้องขอ"
งานอันเป็นหน้าที่หลักของรัชบัณฑิตยสถาน โดยตรงนั้นเน้นไปในทางวิชาการ มีหกโครงการใหญ่
ๆ ด้วยกันคือ
๑. งานชำระพจนานุกรม และจัดทำพจนานุกรม สาขาวิชาต่าง ๆ
๒. งานทำอักขรานุกรมภูมิศาสตร์ทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งการทำพจนานุกรมศัพท์ภูมิศาสตร์
เป็นต้น
๓. งานทำสารานุกรม เช่น สารานุกรมไทย สารานุกรมประวัติศาสตร์ทั้งไทย และสากล
และสารานุกรมศัพท์ดนตรีไทย
๔. งานบัญญัติศัพท์ภาษาต่างประเทศ เป็นภาษาไทยในสาขาวิชาต่าง ๆ
๕. งานกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทย เช่น การใช้เครื่องหมายวรรคตอน
ลักษณะนาม และหลักเกณฑ์การทับศัพท์
๖. งานสร้างหนังสือวิชาการประเภทต่าง ๆ รวมทั้งการแปล
งานที่เกี่ยวกับวิชาการยกเว้นข้อ ๖ ล้วนจัดทำโดยคณะกรรมการ หรือคณะบรรณาธิการ
ซึ่งคณะรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้ง โดยมีกองต่าง ๆ เป็นผู้รับสนองงาน
๒๕/๑๕๘๔๑
๔๖๖๑. ราชบุรี
จังหวัดในภาคตะวันตก มีอาณาเขตทิศเหนือติดต่อกับ จ.กาญจนบุรี ทิศตะวันออก
ติดต่อกับ จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร และ จ.สมุทรสงคราม ทิศใต้ติดต่อกับ จ.เพชรบุรี
ทิศตะวันตก ติดต่อกับประเทศพม่า โดยมีทิวเขาตะนาวศรี เป็นแนวกั้นพรมแดน ภูมิประเทศทางซีกตะวันออกเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ
โดยมีแม่น้ำแม่กลองไหลจาก จ.กาญจนบุรี เข้ามาทางด้านทิศเหนือ ผ่านไปทางทิศใต้
เข้าไปในเขต จ.สมุทรสงคราม ส่วนซีกตะวันตกเป็นที่ราบลูกเนิน และภูเขาเตี้ย
ๆ ไปจนจดทิวเขาตะนาวศรี มีแม่น้ำชีไหลจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ขึ้นไปทางเหนือ
ไปลงแม่น้ำแควน้อย ใน จ.กาญจนบุรี มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และทางวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง
เช่น ถ้ำจอมพล ถ้ำบิน ถ้ำฤาษี ตลาดน้ำดำเนินสะดวก
จ.ราชบุรี เป็นเมืองโบราณ ไม่มีหลักฐานแน่นอนว่า สร้างมาแต่เมื่อใด ต่อมาในสมัยสุโขทัย
ปรากฎในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง ฯ ว่า เป็นเมืองขึ้นของกรุงสุโขทัย ตัวเมืองเดิมตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำแม่กลอง
ยังมีเนินดินซึ่งเป็นกำแพงเมืองเก่า ปัจจุบันเรียกเมืองเก่านี้ว่า ค่ายหลุมดิน
อยู่ใน ต.หลุมดิน อ.เมือง ฯ ต่อมาสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
โปรดเกล้า ฯ ให้ย้ายมาตั้งเมืองใหม่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำแม่กลอง เมื่อปี พ.ศ.๒๓๖๐
และย้ายไปอยู่ฝั่งขวาแม่น้ำแม่กลองอีก ในปี พ.ศ.๒๔๔๐
๒๕/๑๕๘๕๐
๔๖๖๒. ราชยาน
คือ พาหนะของพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องราชูปโภคประกอบพระราชอิสริยยศ
ได้แก่ ราชยานประเภทคานหาม ราชรถ พระคชาธร (ช้างต้น) ม้าต้น เรือพระที่นั่ง
เป็นต้น ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มุขอำมาตย์และเสนาบดีจตุสมดภ์ จะต้องกราบบังคมทูลถวายราชยาน
ในพิธีเสด็จออกมหาสมาคม เช่น
สมุหนายก กราบบังคมทูลถวาย พระยาช้างต้น พระยาม้าต้น หัวเมืองเอก โท ตรี จัตวา
และไพร่พลฝ่ายพลเรือน
สมุหพระกลาโหม กราบบังคลทูลถวาย พระมหาพิชัยราชรถ เรือพระที่นั่ง เรือกระบวนพร้อมเครื่องสรรพยุทธ
กับถวายหัวเมืองเอก โท ตรี จัตวา และไพร่พลฝ่ายทหาร
เครื่องประกอบพระราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ ที่เป็นราชยาน มีดังต่อไปนี้
๑. คานหาม
ได้แก่
๑.๑ พระยานมาศ
มีคานหามคู่ มีคนหามแปดคน
๑.๒ พระยานมาศสามลำคาน
เป็นคานหามขนาดใหญ่ คนหามสองผลัด จำนวนหกสิบคน เดิมใช้สำหรับอัญเชิญพระโกศ
พระบรมศพพระมหากษัตริย์
๑.๓ พระราชยานกง
มีคานหามสองคาน มีคนหามแปดคน
๑.๔ พระราชยานถม
มีแบบและลักษณะแบบพระยานมาศ เว้นแต่หุ้มด้วยเงินถม ลงยาทอง พระราชยานองค์นี้
เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย ณ นคร) สร้างถวายรัชกาลที่สาม
๑.๕ พระราชยานงา
มีแบบและลักษณะอย่างพระราชยานถม เว้นแต่ทำด้วยงาช้าง สลักลาย ฝีมืองดงาม สร้างเมื่อปี
พ.ศ.๒๔๓๒
๑.๖ พระราชยานลงยา
มีแบบและลักษณะแบบพระราชยานถม สร้างในสมัยรัชกาลที่ห้า
๑.๗ พระราชยานพุดตานถม
ทำด้วยไม้หุ้มเงินสลักลายเบา ถมยาทาทอง เดิมสร้างขึ้นสำหรับเป็นพระราชอาสน์
และทำเป็นพระราชยานได้ สร้างสมัยรัชกาลที่ห้า
๑.๘ พระที่นั่งราชยานพุดตานทอง
ทำด้วยไม้สลักหุ้มทอง มีภาพประดับสองชั้น สร้างขึ้นสำหรับเป็นพระที่นั่งพุดตานกาญจสิงหาสน์
ที่ทอดเหนือพระราชบัลลังก์ ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร พระที่นั่งองค์นี้ สามารถดัดแปลงเป็นพระราชยานได้
๑.๙ พระที่นั่งราเชนทรยาน
ทำด้วยไม้สลักปิดทองรูปทรงบุษบก มีคานหามสี่คาน ใช้คนหามครั้งละ ๕๖ คน สร้างในสมัยรัชกาลที่หนึ่ง
ใช้ในเวลาเสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ ที่เรียกว่า ขบวนสี่สาย
๒. พระคชาธาร
คือ การผูกช้างพระที่นั่ง สำหรับพระมหากษัตริย์เมื่อเสด็จพระราชดำเนินออกศึก
การผูกช้างแบบนี้ เรียกว่า ผูกเครื่องมั่น
ใช้สัปคับคชาธาร ที่เรียกว่า พระที่นั่งพุดตานทอง ตั้งกลางหลังช้างผูกโยงด้วยเชือก
ให้ยึดมั่นกับช้าง กลางพระที่นั่งพุดตาน ปักเศวตฉัตรดาลเจ็ดชั้น ผูกศัตราวุธทั้งด้านซ้าย
และด้านขวา เหมือนกันคือ ทวน ง้าว โตมร ปืน หอกซัด มีนายท้ายช้างนั่งท้าย
ทำหน้าที่บังคับช้าง และมีกลางช้าง สองมือถือแพนหางนกยูง ทำหน้าที่ให้อาณัติสัญญาณ
พระมหากษัตริย์ประทับบนคอช้าง ถือพระแสงของ้าวรบกับข้าศึก ที่เรียกว่า ยุทธหัตถี
การผูกช้างพระที่นั่ง เป็นพระราชยานพาหนะในยามปกติ มีสองอย่างคือ พระที่นั่งละคอ
และพระที่นั่งประพาสโถง
๓. ราชรถ
มีสองคัน คือ
๓.๑ พระมหาพิชัยราชรถ
สร้างในรัชกาลที่หนึ่ง ใช้ประโยชน์เฉพาะในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระมหากษัตริย์
๓.๒ เวชยันตราชรถ
สร้างในรัชกาลที่หนึ่ง มีขนาดและการใช้งานเช่นเดียวกับพระมหาพิชัยราชรถ สร้างไว้คู่กัน
๔. ราชรถน้อย
เป็นราชรถแปดล้อ มีสามคัน จัดเข้าในริ้วขบวนแห่พระบรมศพพระมหากษัตริย์ ใช้สำหรับเป็นราชรถพระนำ
ราชรถโยง และราชรถทรงโปรย
๕. เรือพระที่นั่ง
แบ่งออกเป็นสี่ประเภทคือ
๕.๑ เรือพระที่นั่งกราบ
สร้างด้วยไม้ ตั้งบัลลังก์กัญญา ได้แก่ เรือประจำทวีป และเรือรุ้งประสานสาย
๕.๒ เรือพระที่นั่งศรี
สร้างด้วยไม้ ตัวเรือสลักภาพพื้นสีลายทอง ตั้งบัลลังก์กัญญา เป็นที่ประทับ
เช่น เรือพระที่นั่งทวยเทพถวายกร พื้นเรือสีแสด ยาว ๓๔.๖๕ เมตร ฝีพาย
๔๘ คน พันท้ายเรือสองคน เรือเอนกชาติภุชงค์
พื้นเรือสีชมพู ตัวเรือสลักเป็นลายนาค ยาว ๕๔.๔๐ เมตร ฝีพาย ๖๑ คน พันท้ายเรือสองคน
๕.๓ เรือพระที่นั่งเอกชัย
สร้างด้วยไม้ สลักลาย พื้นสีปิดทอง ตั้งบุษบก หรือ บัลลังก์กัญญา เช่น เรือพระที่นั่งประภัสสรชัย
ยาว ๓๖.๙๕ เมตร ฝีพาย ๔๓ คน พันท้ายเรือสองคน
๕.๔ เรือพระที่นั่ง
สร้างด้วยไม้สลักปิดทอง หัวเป็นรูปสัตว์ ตั้งบุษบก หรือ บัลลังก์กัญญา เช่น
เรือพระที่นั่งศรีสุพรรณหงส์
หัวเรือเป็นรูปหงส์ ยาว ๔๔.๙๐ เมตร ฝีพาย ๕๐ คน พันท้ายเรือสองคน เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช
หัวเรือเป็นรูปนาคเจ็ดเศียร พื้นเรือสีเขียว ยาว ๔๒.๙๕ เมตร ฝีพาย ๕ถ คน พันท้ายเรือสองคน
๒๕/๑๕๘๕๒
๔๖๖๓. ราชวัติ
มีบทนิยามว่า "รั้วแถว ที่มีฉัตรปักเป็นระยะ ๆ " ในทางปฎิบัติของทางราชการ
ราชวัติ คือ แผงทำจากไม้ที่ตัดเป็นซี่เล็ก ๆ เรียกว่า ไม้ระแนง ขัดไขว้ตีประกบเข้ากับกรอบ
ลักษณะเป็นแผงมีช่องว่างตาตาราง แล้วนำเอาอีกหนึ่งแผง มาต่อหักมุมเป็นข้อศอก
ปักฉัตรที่มุมนี้หนึ่งคัน และปลายแผงทั้งสองปลาย ปลายละหนึ่งคัน ใช้สำหรับกั้นเป็นรั้วกำหนดเขต
และเขตนั้นอยู่ในอำนาจของทางราชการ
มีพระราชประเพณี ที่จะต้องมีราชวัติฉัตรธง ได้แก่ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระราชพิธีขึ้นระวางสมโภชช้างสำคัญ พระราชพิธีสมโภชเดือน ขึ้นพระอู่สมเด็จเจ้าฟ้า
พระราชกุมาร กุมารี หรือ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้า ที่โปรดเกล้า ฯ สมโภชเป็นพิเศษ
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
๒๕/๑๕๘๖๓
๔๖๖๔. ราชสาสน์
อำเภอ ขึ้น จ.ฉะเชิงเทรา แรกตั้งเป็นกิ่งอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๐ ขึ้น อ.พนมสารคาม
ยกฐานะเป็นอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๗
๒๕/๑๕๘๖๙
๔๖๖๕. ราชาวดี ๑
เป็นการลงยาชนิดหนึ่ง โดยใช้น้ำยาสีฟ้า แตะแต้มใส่ลงให้ติดถาวร บนลวดลายเพื่อตกแต่งเครื่องทองรูปพรรณชนิดต่าง
ๆ งานลงยาราชาวดี เริ่มมีในสมัยอยุธยาตอนกลาง โดยพวกพ่อค้าชาวเปอร์เซีย
นำเครื่องทองรูปพรรณ และวิธีการลงยาราชาวดี เข้ามาเผยแพร่
๒๕/๑๕๘๖๙
๔๖๖๖. ราชาวดี ๒
เป็นไม้พุ่มสูงประมาณ ๒ - ๓ เมตร แต่อาจสูงได้ถึง ๖ เมตร ทรงพุ่มโปร่ง กิ่งมีขน
ใบเดี่ยว ออกตรงข้าม รูปไข่ ขอบใบจักร ดอกสีขาว ออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง มีกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน
ช่อดอกเป็นช่อกระจะ ผลแห้งเมื่อแก่ แตกเป็นสองซีก
๒๕/๑๕๘๗๑
๔๖๖๗. ราตรี - ต้น
เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง หรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูง ๒ - ๓ เมตร ใบเดี่ยว เรียงสลับเวียนรอบกิ่ง
ใบรูปหอก หรือรูปไข่ ขอบใบเรียบ ช่อดอกออกตามซอกใบ หรือปลายกิ่ง มีดอกห่าง
ๆ บนช่อ ช่อดอกแบบช่อกระจุก หรือเป็นช่อแยกแขนงเป็นพวงของหลายช่อ ดอกขนาดเล็ก
กลีบดอกสีขาวอมเขียว หรือขาวนวล ผลสีนวลขาว เป็นแบบผลเนื้อ
ดอกราตรี บานเวลากลางคืน กลิ่นหอมแรง นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ใบใช้เป็นสมุนไพร
รักษาอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ รักษาโรคลมบ้าหมู ถ้าใช้มากเป็นพิษถึงตาย
๒๕/๑๕๘๗๑
๔๖๖๘. ร่าน
เป็นบุ้งชนิดหนึ่ง มีขน หรือหนามเป็นกระจุก เฉพาะส่วนของลำตัว เมื่อไปสัมผัสจะรับพิษ
ทำให้เกิดอาการแสบร้อน หรือคัน
หนอนร่าน เข้าดักแด้ภายในรังที่เป็นเปลือกแข็ง ที่ตัวหนอนทำขึ้นก่อนที่จะเป็นดักแด้
และออกจากดักแด้ และรังเมื่อเจริญวัยเต็มที่เป็นผีเสื้อ
๒๕/๑๕๘๗๒
๔๖๖๙. รามเกียรต์
เป็นวรรณคดีสำคัญเรื่องหนึ่งของไทย มีความสัมพันธ์ต่อวัฒนธรรมไทยหลายประการ
อาทิวรรณกรรมการแสดงศิลปกรรม ราชทินนามและอื่น ๆ เรื่องรามเกียรติ์ที่เป็นบทละคร
มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ตลอดมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ แต่ความรู้เกี่ยวกับรามเกียรติ์
โดยเฉพาะตัวละครสำคัญนั้น เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในสมัยสุโขทัย หรืออาจจะนานกว่านั้น
๒๕/๑๕๘๗๖
๔๖๗๐. รามคำแหงมหาราช, พ่อขุน
ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่สามในราชวงศ์พระร่วง แห่งอาณาจักรสุโขทัย
เสวยราชย์ประมาณปี พ.ศ.๑๘๒๒ - ๑๘๔๑ พระองค์ทรงรวบรวมอาณาจักรไทยเป็นปึกแผ่นกว้างขวาง
ทั้งยังได้ทรงประดิษฐ์ตัวอักษรไทยขึ้น ทำให้ชาติไทยได้สะสมความรู้ทางศิลปะ
วัฒนธรรม และวิชาการต่าง ๆ สืบทอดกันมากว่า ๗๐๐ ปี
พ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นพระราชโอรสองค์ที่สามของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์กับพระนางเสือง
ตามพงศาวดารโยนก พ่อขุนรามคำแหง ฯ แห่งสุโขทัย พระยามังราย ฯ แห่งล้านนา พระยางำเมืองแห่งพะเยา
เป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน
เมื่อพระองค์มีพระชนมายุ ๑๙ พรรษา ได้ทรงทำยุทธหัตถีมีชัยต่อพ่อขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์จึงทรงขนานพระนามพ่อขุนรามคำแหงว่า พระรามคำแหง
พระองค์ทรงประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นใช้เมื่อปี พ.ศ.๑๘๒๖ ในด้านการปกครองทรงปกครองแบบพ่อกับลูก
พระองค์ยังทรงใช้พระพุทธศาสนา เป็นเครื่องช่วยในการปกครอง เมื่อประชาชนเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา
และประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่ดีที่ชอบ การปกครองก็สะดวกง่ายดายขึ้น
ในด้านอาณาเขต พระองค์ได้ขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาลคือ ทางทิศตะวันออกทรงปราบได้เมืองสระหลวงสองแคว
(พิษณุโลก) ลุมบาจาย สะค้า (สองเมืองนี้อาจอยู่แถวลุ่มแม่น้ำน่านหรือแถวป่าสักก็ได้)
ข้ามฝั่งแม่น้ำโขงไปถึงเวียงจันทน์ เวียงคำ ในประเทศลาว ทางทิศใต้ทรงปราบได้คนที
(บ้านโดน กำแพงเพชร) พระบาง (นครสวรรค์) แพรก (ชัยนาท)
สุพรรณภูมิ ราชบุรี เพชรบุรี นครศรีธรรมราช มีฝั่งทะเลสมุทร เป็นเขตแดน ทางทิศตะวันตกทรงปราบได้เมืองฉอด
เมืองหงสาวดี และมีสมุทรเป็นแดน ทางทิศเหนือทรงปราบได้เมืองแพร่ เมืองน่าน
เมืองพลัว (อ.ปัว จ.น่าน) ข้ามฝั่งโขงไปถึงเมืองชวา (หลวงพระบาง)
๒๕/๑๕๘๘๗
๔๖๗๑. รามราชาธิราช, สมเด็จพระ
เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระราเมศวร ขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ห้า
แห่งกรุงศรีอยุธยา และพระองค์ที่สามในราชวงศ์เชียงราย พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์
เมื่อปี พ.ศ.๑๙๓๐ และเสด็จไปครองเมืองปทาคูจาม เมื่อปี พ.ศ.๑๙๔๔
๒๕/๑๕๘๙๒
๔๖๗๒. รามัญ
ดูมอญ (ลำดับที่ ๔๒๓๑)
๒๕/๑๕๘๙๘
๔๖๗๓. รามัน
อำเภอขึ้น จ.ยะลา เดิมเป็นเมืองชื่อเมืองราห์มัน ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๓๓๔
เมื่องมีการแบ่งเมืองปัตตานีออกเป็นเจ็ดหัวเมือง ต่อมาเมื่อตั้งเป็นมณฑลเทศาภิบาลจึงยุบเป็นอำเภอเรียกว่า
อ.ราห์มัน ขึ้น จ.ยะลา แล้วเปลี่ยนเป็น อ.โกตาบารู เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๐ เปลี่ยนเป็น
อ.รามัน ในปี พ.ศ.๒๔๙๙
๒๕/๑๕๘๙๘
๔๖๗๔. รามาธิบดีที่ ๑, สมเด็จพระ
(พ.ศ.๑๕๘๗ - ๑๙๑๒) ทรงเป็นมหากษัตริย์ผู้ทรงสร้างกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
ทรงครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ.๑๘๙๓ - ๑๙๑๒ เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในพระนามว่า
สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง
ทรงเป็นเชื้อราชวงศ์เชียงราย บรรพบุรุษของพระองค์อพยพจากทางเหนือคือ เวียงไชยปราการ
ลงมาทางใต้
๒๕/๑๕๘๙๘
๔๖๗๕. รามาธิบดีที่ ๒, สมเด็จพระ
(พ.ศ.๒๐๑๕ - ๒๐๗๒) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่สิบ แห่งกรุงศรีอยุธยา และพระองค์ที่เจ็ดในราชวงศ์สุวรรณภูมิ
ทรงเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงพระนามว่าพระเชษฐาธิราช ทรงเป็นพระมหาอุปราช
เมื่อปี
พ.ศ.๒๐๑๘ ครองราชย์เมื่อปี พ.ศ.๒๐๓๔ และสวรรคต เมื่อปี พ.ศ.๒๐๗๒
เหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยของพระองค์รวมสามด้านได้แก่
ด้านการศาสนา
ในปี พ.ศ.๒๐๔๒ โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างพระวิหารหลวงในวัดพระศรีสรรเพชญ์ และในปี
ต่อมาโปรดเกล้า ฯ ให้หล่อพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ ประดิษฐานในพระวิหารหลวง ถวายพระนามว่าพระศรีสรรเพชญ์
และโปรดให้สร้างพระเจดีย์ใหญ่สององค์ภายในวัดพระศรีสรรเพชญ์ เพื่อประดิษฐานพระอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
และสมเด็จพระบรมราชาธิราช โดยมีเจดีย์ใหญ่ที่สร้างเพิ่มขึ้นภายหลังอีกหนึ่งองค์
เพื่อประดิษฐานพระอัฐิของพระองค์เองรวมเป็นสามองค์
ด้านการทหาร
มีการสร้างตำราพิชัยสงคราม รวมทั้งการวางระบบควบคุมกำลังคนอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการทำบัญชีเกณฑ์ผู้คนอย่างมีระเบียบแบบแผน
โดยมีกรมพระสุรัสวดีเป็นผู้ดำเนินการ มีชาวโปร์ตุเกสเป็นทหารอาสาอยู่ในกรมฝรั่งแม่นปืนหรือกรมเกณฑ์หัดอย่างฝรั่งเป็นต้น
พระองค์เสด็จไปตีเมืองลำปางได้ในปี พ.ศ.๒๐๕๘
ด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
มีการติดต่อค้าขายและทำไมตรีทางการค้าอย่างเป็นทางการกับประเทศจีน มีการส่งทูตไปเมืองจีนห้าครั้ง
โปร์ตุเกสเป็นประเทศแรกที่ส่งทูตมาทำสัญญาไมตรีสามครั้ง ได้ทำสัญญาทางราชไมตรีทางการค้านับเป็นสัญญาฉบับแรกที่ไทยทำกับต่างประเทศ
ทรงอนุญาตให้ชาวโปร์ตุเกสตั้งห้างค้าขายที่กรุงศรีอยุธยา และเมืองปัตตานี
เมืองนครศรีธรรมราช และเมืองมะริด ส่วนโปร์ตุเกสรับจัดหาปืน และกระสุนดินดำให้ไทย
ยอมให้ไทยไปตั้งหลักแหล่งที่เมืองมะละกาได้
๒๕/๑๕๙๐๕
๔๖๗๖ รามานุช
เป็นนักปรัชญาที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของอินเดีย เป็นชาวทมิฬในอินเดียใต้ หลักปรัชญาของรามานุช
มีอิทธิพลเป็นอย่างมาก ต่อชีวิตของชาวอินเดียมาถึงปัจจุบัน
รามานุชเกิดเมื่อประมาณปี พ.ศ.๑๕๖๐ ได้ศึกษาลัทธิเวทานตะ ต่อมาท่านได้โต้แย้งกับอาจารย์
เพราะตีความข้อความบางตอนในคัมภีร์อุปนิษัทไม่ตรงกันคือ อาจารย์ตีตามแนวเอกนิยมของศังกราจารย์
แต่ท่านไม่เห็นด้วย
ท่านได้รจนาคัมภีร์ไว้หลายเล่ม ได้ตั้งอาศรมขึ้นหลายแห่ง และได้ชักนำประชาชนจำนวนมาก
ให้นับถือไวษณพ ท่านมรณภาพเมื่อประมาณปี พ.ศ.๑๖๘๐
๒๕/๑๕๙๑๐
๔๖๗๗. รามายณะ
แปลว่า เรื่องราวของพระราม โดยขนบนิยมของอินเดียถือว่าเป็นกาพย์เรื่องแรก
ในวรรรณคดีอินเดียซึ่งแต่งขึ้นเป็นภาษาสันสกฤต ในรูปแบบของคำประพันธ์ที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่
เรียกว่า โศลก กวีผู้แต่เรื่องรามยณะได้รับการยกย่องว่า เป็นอาทิกวีคือ กวีคนแรก
และบทประพันธ์เรื่องนี้ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็น อาทิกาพย์ คือ กาพย์ชิ้นแรก
ที่มีการเขียนขึ้นในแนวจิตนิยม
กาพย์เรื่องรามายณะเป็นผลงานของฤษีวาลมีกิ เป็นมหากวี ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดคนหนึ่งของโลก
ได้แต่งเรื่องรามยณะ เป็นจำนวน ๒๔,๐๐๐ โศลก แบ่งเนื้อเรื่องออกเป็นเจ็ดกาณฑ์
หรือเจ็ดตอน คือ
ตอนที่หนึ่ง
เรียกว่า พาลกาณฑ์ คือ เรื่องราวในวัยเด็กของพระราม กล่าวถึงกำเนิดของการแต่งเรื่องนี้
ประวัติผู้แต่ง กำเนิดพระรามและน้อง ๆ คือ พระลักษณ์ พระภรต และพระศัตรุฆน์
พระราม พระลักษณ์ไปปราบอสูร พระรามมีชัยในการประลองศรได้อภิเษกสมรสกับนางสีดา
ตอนที่สอง
เรียกว่า อโยธยากาณฑ์ เป็นตอนที่เริ่มเนื้อเรื่องสำคัญของรามายณะ บรรยายเรื่อง
นครอโยธยา ท้าวทศรถตั้งพระรามเป็นรัชทายาท แต่นางไกเกยี ผู้เป็นมเหสีองค์ที่สอง
และเป็นพระมารดาของพระภรต ทูลของราชสมบัติให้ราชโอรสของตน โดยทวงสัญญาที่ให้ไว้
ท้าวทศรถจำใจต้องให้พระรามออกเดินป่าสิบสี่ปี
ตอนที่สาม
เรียกว่า อรัณยกาณฑ์ หมายถึง ตอนเดินป่า พระรามได้มาตั้งอาศรม อยู่ริมฝั่งแม่น้ำโคทาวรี
นางรากษสตนหนึ่งชื่อ ศูรปนขา (สำมนักขา) มาพบเข้ามีความหลงไหลในพระรามและพระลักษณ์
แต่ทั้งสองไม่ยินดีด้วยนาง นางจะทำร้ายนางสีดา พระลักษณ์จึงลงโทษนางโดยตัดหู
ตัดจมูกแล้วไล่ไป นางไปฟ้องพญาขร ผู้เป็นพี่ พญาขรยกกองทัพมาปราบพระราม แต่ถูกพระรามฆ่าตาย
นางศูรปนขา หนีไปกรุงลงกา และยุยงทศกัณฐ์ผู้เป็นพี่ชายใหญ่ ให้มาชิงนางสีดาไป
ทศกัณฐ์ลักพานางสีดาไปได้สำเร็จ พระราม พระลักษณ์ ออกติดตามนางสีดา
ตอนที่สี่
เรียกว่า กิษกินธากาณฑ์ ว่าด้วยการทำไมตรีระหว่างพระรามกับสุครีพ ราชาวานร
พระรามได้ช่วยสุครีพปราบพาลี สุครีพพร้อมด้วยหลาน (ลูกพาลี) ชื่อ องคต และหนุมัต
(หนุมาน) ผู้เป็นที่ปรึกษาได้พร้อมใจกัน ยกกองทัพติดตามพระราม พระลักษณ์ไป
ตอนที่ห้า
เรียกว่า สุนทรกาณฑ์ พรรณาความงามของเกาะลังกา ตลอดจนปราสาทราชมณเฑียรของทศกัณฐ์
หนุมานข้ามไปเกาะลังกา ได้พบนางสีดาแจ้งให้ทราบว่า พระรามยกกองทัพตามมาแล้ว
ตอนที่หก
เรียกว่า ยุทธกาณฑ์ ว่าด้วยการสงครามใหญ่ระหว่างฝ่ายพระรามกับฝ่ายทศกัณฐ์
เป็นตอนที่พรรณาอย่างยืดยาวที่สุดกว่าทุกตอน พระรามยกทัพข้ามไปเกาะลังกา โดยให้กองทัพลิงทำสะพานยาว
๒๐ โยชน์ สะพานนั้นชื่อว่า รามเสตุ (สะพานพระราม)
ฝ่ายทศกัณฐ์ ก็เตรียมรับศึก วิภีษณะ (พิเภก) ผู้เป็นน้อง กล่าวเตือนสติแต่ทศกัณฐ์โกรธ
วิภีษณะจึงแยกทางกับพี่ชาย และเดินทางไปสวามิภักดิ์ต่อพระราม และเป็นที่ปรึกษาช่วยแนะนำพระราม
จนเอาชนะฝ่ายทศกัณฐ์ได้
เมื่อเสร็จศึกลงกาแล้ว นางสีดาได้ลุยไฟแสดงความบริสุทธิ์ พระรามให้วิภีษณะครองกรุงลังกา
แล้วยกทัพกลับ พระภรตถวายราชสมบัติคืน
ตอนที่เจ็ด
เรียกว่า อุตตรกาณฑ์ หรือบทส่งท้าย เช่นเดียวกับตอนที่หนึ่งคือ เป็นตอนที่มีผู้แต่งเพิ่มเติมภายหลัง
ได้ดำเนินความต่อไปว่า ประชาชนได้ติฉินนินทาว่า นางสีดามีมลทินไม่สมควรแต่งตั้งเป็นมเหสี
พระรามจึงให้พระลักษณ์นำนางสีดาไปปล่อยนอกราชอาณาจักร พระลักษณ์เอานางไปฝากฝังไว้กับฤษีวาลมีกิ
ที่ตั้งอาศรมอยู่ที่ตำบลประยาคุ นางประสูติโอรสฝาแฝด คือ พระกุศะ และลวะ (พระมงกุฎ
และพระลพ) ต่อมาพระรามได้พบโอรสทั้งสอง พระรามจึงเชิญฤษีวาลมีกิ และนางสีดามาที่นครอโยธยา
พระรามขอให้นางสีดากล่าวปฎิญาณว่า นางเป็นผู้บริสุทธิ์ นางสีดาไม่กล่าว แต่ประกาศเชิญพระแม่ธรณี
(ปถถิวี) ขึ้นมาเป็นพยาน แผ่นดินก็แยกออก พระธรณีขึ้นมารับนางสีดา แล้วพานางสีดากลับคืนสู่ใต้ดิน
ทำให้พระรามเศร้าโศกมาก ต่อมาได้สละราชสมบัติให้โอรสทั้งสองขึ้น ครองแทน พระองค์พร้อมด้วยราชบริพารลงไปสู่แม่น้ำสรยุ
อันศักดิ์สิทธิ์แล้วหายไป กลับคืนสู่ความเป็นพระวิษณุ ผู้เป็นเจ้าในสวรรค์ชั้นไวกูณฑ์
เรื่องก็จบเพียงเท่านี้
กล่าวโดยสรุปได้ว่า แท้ที่จริง นิทานพระราม
อันเป็นโครงเรื่องคร่าว ๆ ของเรื่องรามายณะนั้นมีมานานแล้ว ทำนองวรรณกรรมท้องถิ่นของอินเดีย
นอกจากนี้ ก็มีเรื่อง ราโมปาขยานัม
อันเป็นการเล่าเรื่องรามายณะโดยย่อ แทรกอยู่ในมหาภารตะ เพื่อปลอบโยนยุธิษฐิระ
ในการที่นางเทราปทีถูกราชาแห่งสินธุ ลักพาเอาตัวไป เรื่องรามายณะ จากข้อมูลดั้งเดิมคือ
นิทานพระราม นั้นมีมาก่อนพุทธกาลแต่ไม่ถึงสมัยพระเวท ตรงข้ามกับมหากาพย์มหาภารตะ
ซึ่งมีชื่อบุคคลอ้างถึงแม้ในคัมภีร์ฤคเวท อันเก่าแก่ถึง ๔,๐๐๐ ปี แต่รามายณะได้รบการปรับปรุงจนกลายเป็นกาพย์สมบูรณ์แบบ
เร็วกว่า มหาภารตะ เพราะในเวลา ๒๐๐ ปี ก่อนคริสต์กาลนั้น กาพย์รามายณะมีรูปเล่มสมบูรณ์
เสร็จก่อนมหาภารตะไม่ต่ำกว่า ๗๐๐ ปี
๒๕/๑๕๙๑๕
๔๖๗๘. ราเมศวร พระ
เป็นพระนามหนึ่งที่พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาพระราชทานแก่ พระราชโอรสในตำแหน่งพระมหาอุปราช
สันนิษฐานว่ามีสี่พระองค์คือ พระราเมศวร ในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่หนึ่ง
(พระเจ้าอู่ทอง) พระรามราชา ในรัชกาลสมเด็จพระราเมศวร พระราเมศวรในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่สอง
(เจ้าสามพระยา) และพระราเมศวร ในรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์
๔๖๙๗. ราเมศวร, สมเด็จพระ
(พ.ศ.๑๙๑๒ - ๑๙๑๓ และ พ.ศ.๑๙๓๑ - ๑๙๓๘) พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่สอง
แห่งกรุงศรีอยุธยา ครองราชสมบัติสองครั้ง ทรงเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระรามาธิบดีที่หนึ่ง
(พระเจ้าอู่ทอง) ได้รับโปรดเกล้า ฯ ให้ไปครองเมืองลพบุรี และให้ยกทัพไปตีกรุงกัมพูชา
แต่ไม่สำเร็จ
เมื่อพระเจ้าอู่ทอง เสด็จสวรรคต ในปี พ.ศ.๑๙๑๒ พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์ที่กรุงศรีอยุธยา
ปีต่อมาสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่หนึ่ง (ขุนหลวงพะงั่ว) ได้เสด็จมาจากเมืองสุพรรณบุรี
พระองค์จึงถวายราชสมบัติแด่พระปิตุลา แล้วเสด็จกลับไปครองเมืองลพบุรี ตามเดิม
จนปี พ.ศ.๑๙๓๑ สมเด็จพระเจ้าทองลัน (ทองจันทร์) พระราชโอรสสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่หนึ่ง
เสด็จขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดา สมเด็จพระราเมศวรจึงเสด็จมาจากเมืองลพบุรี
ปลงพระชนม์สมเด็จพระเจ้าทองลัน แล้วขึ้นครองราชย์เป็นครั้งที่สอง เสด็จสวรรคตในปี
พ.ศ.๑๙๓๘
เหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยของพระองค์ ส่วนใหญ่เป็นการทำสงครามขยายพระราชอาณาเขต
เหนืออาณาจักรล้านนาและกัมพูชา เสด็จไปตีเมืองเชียงใหม่ได้สำเร็จ โปรดให้อพยพชาวล้านนา
ส่งไปยังเมืองพัทลุง สงขลา นครศรีธรรมราช และจันทบุรี และเสด็จไปตีกรุงกัมพูชา
๒๕/๑๕๙๒๘
๔๖๘๐. ร่าย
เป็นคำประพันธ์กรองประเภทหนึ่ง แบ่งออกเป็นสี่แบบคือ ร่ายโบราณ ร่ายสุภาพ
ร่ายดั้น และร่ายยาว
๑. ร่ายโบราณ
แบ่งออกเป็นวรรค ๆ แต่ละวรรคใช้คำห้าคำ ยกเว้นบางกรณีอาจใช้คำมากกว่าห้าคำ
แต่มีน้อย ในการแต่งร่ายโบราณอาจจบลงห้วน ๆ เมื่อหมดเนื้อความโดยไม่ต้องมีโคลงสองสุภาพต่อท้าย
เหมือนร่ายสุภาพและร่ายดั้น
๒. ร่ายสุภาพ
ใช้คำวรรคละห้าคำรวด เมื่อจบข้อความต้องลงท้ายด้วยโคลงสองสุภาพเสมอ
๓. ร่ายดั้น
มีวรรคละห้าคำ เหมือนร่ายสุภาพ เพียงแต่ตอนจบข้อความนั้น ต้องลงท้ายด้วยบาทที่สาม
และบาทที่สี่ของโคลงสี่ดั้น
ทั้งสามร่ายดังกล่าวข้างต้น มีข้อบังคับตรงกันคือ คำสุดท้ายในวรรคแรก ส่งสัมผัสไปวรรคที่สอง
และคำสุดท้ายของวรรคที่สอง ส่งสัมผัสไปวรรคที่สาม ทำดังนี้ต่อ ๆ กันไป เมื่อส่งสัมผัสด้วยวรรณยุกต์ใด
ก็ต้องรับสัมผัสด้วยวรรณยุกต์อย่างเดียวกันเสมอ
๔. ร่ายยาว
เป็นร่ายที่มีลักษณะเหมือนร่ายโบราณ ร่ายสุภาพและร่ายดั้น จะต่างกันเล็กน้อยตรงที่ร่ายยาว
ใช้คำไม่ตายตัว อย่างต่ำสองคำ แต่อย่างสูงจะกี่คำก็ได้ เพียงแต่ไม่ให้ยืดยาวไป
จนอ่านไม่สะดวกเท่านั้น ตอบจบเนื้อความก็จบเฉย ๆ ไม่มีโคลงมาต่อข้างท้าย การส่งสัมผัสไม่บังคับวรรณยุกต์
ให้ตรงกับตัวรับสัมผัสในวรรคต่อไป จะส่งสัมผัสด้วยวรรณยุกต์อะไร การรับสัมผัสก็ไม่จำเป็นต้องสัมผัสด้วยวรรณยุกต์เหมือนกัน
ลักษณะของร่ายยาวดูเผิน ๆ เหมือนกับร้อยแก้ว ที่เพิ่มสัมผัสลงไปเท่านั้น ร่ายยาวจึงเป็นแบบคำประพันธ์ถึงร้อยแก้วกึ่งร้อยกรอง
๒๕/๑๕๙๓๐
๔๖๘๑. ราษฎร์บูรณะ
เขตขึ้นกรุงเทพ ฯ เดิมเป็นอำเภอ เปลี่ยนเป็นเขต เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๕
๒๕/๑๕๙๓๓
๔๖๘๒. ราษีไศล
อำเภอ ขึ้น จ.ศรีษะเกษ เดิมเป็นเมืองชื่อ เมืองคง ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๒๔ เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองราษีไศล
ถึงปี พ.ศ.๒๔๔๐ ยุบเป็น อ.ราษีไศล แล้วเปลี่ยนเป็น อ.คง เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๐
ถึงปี พ.ศ.๒๔๘๑ เปลี่ยนชื่อเป็น อ.ราษีไศล อีก
๒๕/๑๕๙๓๓
๔๖๘๓. ราหุล - พระ
เป็นโอรสเจ้าชายสิทธัตถะ (พระสมณโคดม พุทธเจ้า) กับพระนางยโสธรา หรือพิมพา
แห่งศากยวงศ์ นครกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ ประสูติในวันที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช
พระราหุลกุมารได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อคราวที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพระพุทธบิดา
และพระประยูรญาติที่เมืองกบิลพัสดุ์ โดยมีพระสารีบุตรเป็นอุปัชฌาย์
ด้วยวิธีให้รับไตรสรณคมน์คือ
ให้เปล่งวาจาถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึก ซึ่งถือปฎิบัติกันมาจนถึงปัจจุบัน
นับเป็นสามเณรรูปแรกในพระพุทธศาสนา
เนื่องจากการบรรพชาของพระราหุล พระเจ้าสุทโธทนะจึงได้กราบทูลขอพรพระพุทธเจ้าว่า
ต่อไปนี้ถ้าผู้ใดไม่ได้รับอนุญาตจากบิดามารดาก่อน ขออย่าให้ผู้นั้นบวชเลย
พระพุทธเจ้าทรงประทานพรตามที่ขอ และทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามมิให้ภิกษุบวชผู้ที่บิดามารดา
ยังไม่อนุญาต
เมื่อพระพุทธองค์ทรงเห็นว่า พระราหุลมีอุปนิสัยแก่กล้าพอจะบรรลุธรรมชั้นสูงแล้ว
จึงทรงแสดงจุฬราหุโลวาทสูตร เป็นสูตรเดียวกับราหุลสูตร
ในสังยุตนิกาย สฬายตนวรรค ว่าด้วยอายตนะหก คือ ทรงสอนว่า ตา หู จมูก ลิ้น
และกาย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็น อนัตตา เมื่อจบพระธรรมเทศนา พระราหุลได้บรรลุอรหัตผล
ต่อมาพระพุทธองค์ทรงประกาศสถาปนาในท่ามกลางสงฆ์ ยกย่องพระราหุลว่า เป็น เอตทัคคะ
คือ เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผู้ใคร่ต่อการศึกษา
๒๕/๑๕๙๓๔
๔๖๘๔. ราหู
เป็นคำที่ใช้เรียกตำแหน่งสำคัญตำแหน่งหนึ่งของดวงจันทร์ บนเส้นทางโคจรรอบโลก
เมื่อมองจากอวกาศนอกโลก จะเห็นระนาบทางโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ เป็นมุมประมาณ
๕ องศา ๘ ลิบดา ดวงจันทร์จึงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่เหนือ หรือใต้ระนาบทางโคจรของโลก
มีจุดสำคัญสองจุด ที่ดวงจันทร์ผ่านระนาบทางโคจรของโลก เรียกว่า จุดโหนด
ถ้าผ่านจากเหนือระนาบลงสู่ใต้ระนาบทางโคจรของโลกเรียกว่า จุดโหนดลง
และจุดตรงข้ามซึ่งดวงจันทร์ผ่านระนาบ
ทางโคจรของโลกจากใต้ระนาบขึ้นเหนือระนาบเรียกว่า
จุดโหนดขึ้น
นักโหราศาสตร์เรียก จุดโหนดขึ้นว่า ราหู
และเรียกจุดโหนดลงว่า เกตุ ราหูและเกตุ จึงไม่ใช่ดวงดาวจริง แต่เป็นจุดสมมุติแสดงตำแหน่ง
ดวงจันทร์บนระนาบทางโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์
เวลาใดที่ราหู หรือเกตุ อยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์พอดี เวลานั้นจะเกิดสุริยุปราคา
และก่อนหรือหลังเวลานี้ ประมาณสองสัปดาห์ มักจะเกิดจันทรุปราคาด้วย
ตามตำราโลกธาตุ พระราหูครองธาตุลม ผิวผ่อง กาฬพรรณ หมอกเมฆ ประดับเทพอาภรณ์ล้วนสัมฤทธิ์
ทรงครุฑราชเป็นพาหนะ เมื่อจรไปรับแสงอาทิตย์แล้ว เลยมาครองธาตุลมทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
๒๕/๑๕๙๓๘
๔๖๘๕. รำเพย - ต้น
เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก มีโคนแข็ง ใบเดี่ยว เรียงสลับเวียนบนกิ่ง ใบรูปขอบขนานเรียวยาวมาก
ช่อดอกแบบช่อกระจุก มีดอกประปรายห่าง ๆ บานที่ละหนึ่งถึงสองดอก ก้านช่อดอกยาว
ดอกมีขนาดใหญ่ กลิ่นหอม สีสด เด่นสะดุดตา โดยทั่วไปสีเหลืองสด อาจมีสีแสดได้บ้าง
ดอกเป็นรูปปากแตร ผลแบบผลเมล็ดเดี่ยวแข็ง มีเนื้อขาว ผลเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมแบน
สีแดงเมื่อแก่สีดำ นิยมใช้เป็นไม้ประดับ และใช้เป็นสมุนไพร
๒๕/๑๕๙๓๙
๔๖๘๖. รำมะนา
เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตี เป็นกลองขึงหนังด้านเดียว หน้ากลองที่ขึ้นหนังผายออก
ตัวกลองสั้น รูปร่างคล้ายกะละมัง สันนิษฐานว่าได้แบบอย่างมาจากเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งของมลายู
ที่เรียกว่า เรบานา รำมะนามีสองชนิดคือ รำมะนา สำหรับวงมโหรี และรำมะนา สำหรับวงลำตัด
รำมะนา สำหรับวงมโหรีมีขนาดเล็ก หน้ากว้างประมาณ ๒๖ ซม. สูงประมาณ ๗ ซม. ใช้มือตี
บรรเลงคู่กับโทนมโหรี มักสร้างอย่างสวยงาม เช่น ทำด้วยงาฝังไม้ หรือไม้ฝังงา
เป็นการสลับสี
รำมะนา สำหรับวงลำตัด มีขนาดใหญ่ หน้ากว้างประมาณ ๔๘ ซม. สูงประมาณ ๑๓ ซม.
ลำตัดวงหนึ่ง จะใช้รำมะนากี่ลูกก็ได้ คนตีนั่งล้อมวง และร้องเป็นลูกคู่ไปด้วย
๒๕/๑๕๙๔๑
๔๖๘๗. รำมะนาด
เป็นโรคชนิดหนึ่ง เกิดที่เหงือกและกระดูกรองรับรากฟันใต้เหงือก มีลักษณะสำคัญคือ
มีร่องระหว่างเหงือกกับฟันลึกเกินกว่า ๓ มม. เนื่องจากเยื่อบุผิว และเส้นใยเหงือก
ซึ่งยึดรากฟันในภาวะปรกติหลุดจากรากฟัน และขยายลงสู่ปลายรากในแนวลึก เกิดการละลายกระดูกรองรากฟันร่วมด้วย
สาเหตุของโรคนี้ ซับซ้อน เกิดขึ้นแล้วไม่หายเองตามความเข้าใจเดิม เป็นโรคเรื้อรัง
การป้องกันสามารถทำได้โดยการแปรงฟัน นวดเหงือก และทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธี
๒๕/๑๕๙๔๑
๔๖๘๘. ริดสีดวง
เป็นโรคบางชนิดที่เกิดที่จมูก ตา และทวารหนัก สาเหตุ อาการ และการดำเนินของโรคที่เกิดที่อวัยวะดังกล่าว
มีลักษณะแตกต่างกัน
ริดสีดวงจมูก
เป็นภาวะที่มีก้อนเนื้อในโพรงจมูก แต่ไม่ได้จัดเป็นกลุ่มพวกเนื้องอก หรือมะเร็ง
สาเหตุการเกิดยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด มักพบในผู้ใหญ่ หรือวัยหนุ่มสาว การรักษาแบ่งออกเป็น
การรักษาด้วยยา และด้วยการผ่าตัด
ริดสีดวงตา
เป็นโรคเยื่อตาอักเสบ ที่มีกระจกตาอักเสบร่วมด้วย เป็นโรคที่ติดต่อง่าย มีสาเหตุจากเชื้อโรค
การกระจายโรคมีมากในชุมชนเขตร้อน ชุมชนในภูมิประเทศแห้งแล้ง มีฝุ่นมาก แมลงชุกชุม
และในชุมชนหนาแน่น
โรคริดสีดวงตา เกิดเฉียบพลันก่อนแล้วจึงกลายเป็นเรื้อรัง อาการของโรคมีอาการตาแดง
ระคายเคืองตา น้ำตาไหล ตาไม่สู้แสง ถ้าเป็นที่กระจกตา จะมีอาการแสบตา และระคายเคืองตามากขึ้น
การรักษาใช้ยาปฎิชีวนะ หรือยาประเภทซัวโฟนนาไมด์ กินและป้ายตานาน ๓ - ๔ สัปดาห์
ริดสีดวงทวาร
เป็นโรคหลอดเลือดดำโป่งพองขอดที่ทวารหนัก มีลักษณะเป็นติ่ง หรือก้อนยื่นออกมาจากปากทวารหนัก
แบ่งเป็นสองจำพวกด้วยกันคือ ริดสีดวงทวารภายนอก และริดสีดวงทวารภายใน โดยถือเอาหูรูดทวารหนักเป็นเกณฑ์
อาการสำคัญของริดสีดวงทวาร มีสามประการที่สำคัญคือ
๑. อาการเลือดออก
เลือดที่ออกมีลักษณะแดงสด บางรายที่เสียเลือดบ่อย ๆ เรื้อรัง ๆ จะมีอาการโลหิตจาง
๒. หัวริดสีดวงโผล่
ทำให้มีอาการเจ็บปวด เมื่อเสียดสีเวลาเดิน
๓. อักเสบแตกเป็นแผล
จะมีอาการเจ็บมากขึ้น จนถ่ายอุจจาระไม่สะดวก มีการเจ็บอยู่ตลอดเวลา บางครั้งการอักเสบนี้
ทำให้เชื้อโรคลุกลามเข้ากระแสเลือดได้โดยง่าย
ในการรักษา แต่เดิมรักษาด้วยการผ่าตัดอย่างเดียว แต่ปัจจุบันมีการรักษาสองวิธีคือ
๑. การรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด
ประกอบด้วย การใช้ยาฉีดรักษา เพื่อให้หลอดเลือดนั้นตีบเล็กลง เป็นการรักษาชั่วคราว
อีกวิธีหนึ่งคือ ใช้ยางรัดหัวริดสีดวง เพื่อให้เน่าแล้วหัวริดสีดวง จะฝ่อลงเป็นการรักษาชั่วคราวเช่นกัน
และอีกวิธีหนึ่งคือ การถ่วงหูรูด
๒. วิธีผ่าตัด
คือ การตัดเอากลุ่มเลือดดำ ที่โป่งพองเป็นหัวริดสีดวงนั้นออก โดยไม่ทำลายกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนัก
๒๕/๑๕๙๔๔
๔๖๘๙. ริ้น
เป็นแมลงพวกตัวบึ่ง หรือตัวบึ่งที่มีขนาดเล็กมาก ดูดกินเลือดคนหรือสัตว์ ทำให้เกิดอาการเจ็บเป็นตุ่มคัน
ตามบริเวณที่ถูกดูดนั้น
ริ้น มีทั้งชนิดดูดเลือดคน และดูดเลือดสัตว์ หลายชนิดเป็นสื่อในการนำโรคมาสู่คน
หรือสัตว์อีกด้วย
๒๕/๑๕๙๕๓
๔๖๙๐. รีเนียน
เป็นธาตุลำดับที่ ๗๕ เป็นธาตุที่หายาก และมีราคาสูง นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน
ค้นพบเมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๘ เป็นโลหะสีเงิน เมื่ออยู่ในลักษณะเป็นผง อาจมีสีเทา
หรือสีดำ เป็นโลหะหนักที่สุดโลหะหนึ่ง มีความแข็งมากจึงทนทาน ต่อการสึกกร่อนได้ดีมาก
มีขีดหลอมละลายสูงถึง ๓,๑๘๐ องศาเซลเซียส มีขีดเดือด ๕,๖๒๗ องศาเซลเซียส
รีเนียม ใช้นำไปทำประโยชน์หลายประการ เช่น นำไปผสมกับธาตุอื่น ให้เป็นโลหะเจือ
เพื่อใช้ทำเทอร์มอดับเบิล อุณหภูมิสูงใช้นำไปทำปลายปากกา ทำอุปกรณ์ไฟฟ้าบางอย่าง
๒๕/๑๕๙๕๗
๔๖๙๑. รือเสาะ
อำเภอ ขึ้น จ.นราธิวาส แรกตั้งเป็นกิ่งอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๐ ขึ้น อ.ระแงะ
ยกฐานะเป็นอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๒
๒๕/๑๕๙๖๐
๔๖๙๒. รุ้ง
เป็นปรากฎการณ์ธรามชาติที่เกิดขึ้นในบรรยากาศโลก และเป็นปรากฎการณ์ท้องถิ่น
เกิดจากละอองน้ำแยกแสงสีขาว ออกเป็นเจ็ดสี เรียงลำดับความยาวของคลื่นแสง จากความยาวคลื่นสั้นไปหาความยาวคลื่นยาวคือ
ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง
สาเหตุที่รุ้งปรากฎเป็นแถบโค้ง เพราะละอองน้ำในแนวโค้งเท่านั้นที่สะท้อนแสงมาเข้าตาเราได้
๒๕/๑๕๙๖๐
๔๖๙๓. รุสโซ
(พ.ศ.๒๒๕๕ - ๒๓๒๑) เป็นนักคิดนักเขียนชาวฝรั่งเศส ในยุคสว่าง หรือยุคแห่งความรู้แจ้ง
รุสโซมีแนวคิดที่ลึกซึ้งและน่าสนใจหลายด้าน แต่แนวคิดที่โดดเด่นและรู้จักกันแพร่หลายคือ
แนวคิดทางการศึกษา ซึ่งมีอิทธิพลต่อแนวทางการศึกษาปัจจุบัน แนวคิดทางการเมือง
และการปกครอง ซึ่งมีอิทธิพลต่อการปฎิวัติฝรั่งเศส และแนวความคิดยกย่องเชิดชูธรรมชาติ
ซึ่งมีอิทธิพลต่อนักเขียนแนวโรมแมนติก ในสมัยต่อมา
๒๕/๑๕๙๖๔
๔๖๙๔. รูทีเนียม
เป็นธาตุลำดับที่ ๔๔ ไม่มีปรากฎอยู่ในธรรมชาติในภาวะธาตุอิสระ แต่มีปรากฎอยู่ในภาวะเป็นสารประกอบ
ปะปนอยู่ในแร่หลายชนิดของโลหะ ในตระกูลแพลทินัม มีพบตามบริเวณเทือกเขาอูราล
ประเทศรัสเซีย ในทวีปอเมริกาเหนือและทวีปอเมริกาใต้
ธาตุรูทีเนียม เป็นโลหะที่ทนทานต่อการสึกกร่อนมาก มีประโยชน์มาก เช่น ใช้นำไปเจือกับโลหะแพลทินัม
หรือกับโลหะอื่น ในตระกูลแพลทินัม เป็นโลหะเจือ ซึ่งมีสมบัติแข็งแกร่งทนทานต่อการสึกหรอมากยิ่งขึ้น
ใช้โลหะเจือเหล่านี้ทำประโยชน์เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นเรือนกรอบของอัญมณีในอุตสาหกรรมเพชรพลอย
นอกจากนี้ ยังใช้สารประกอบของธาตุรูทีเนียม เป็นตัวเร่งปฎิกิริยา ในปฎิกิริยาเคมีหลายชนิดอีกด้วย
๒๕/๑๕๙๘๐
๔๖๙๕. รูบิเดียม
เป็นธาตุลำดับที่ ๓๗ นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันสองคน เป็นผู้ค้นพบ เมื่อปี
พ.ศ.๒๔๐๔ ธาตุนี้มีปรากฎอยู่ตามเปลือกโลก เป็นปริมาณมากเป็นลำดับที่สิบหก
และไม่มีอยู่ในภาวะเป็นธาตุอิสระ แต่อยู่ในลักษณะเป็นสารประกอบ ปนอยู่ในแร่ต่าง
ๆ หลายชนิด กระจายอยู่ทั่วโลก
รูบิเดียม ใช้นำไปทำประโยชน์หลายประการ เช่น นำไปรวมตัวกับโลหะธาตุอื่น เป็นโลหะเจือ
นำไปใช้ในหลอดสูญญากาศ นำไปใช้ในเครื่องยนต์บางชนิด นำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของโฟโตเซลล์
ใช้นำไปทำแก้วชนิดพิเศษ
๒๕/๑๕๙๘๒
๔๖๙๖. เรณูนคร
อำเภอ ขึ้น จ.นครพนม เดิมชื่อเมืองเว ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๔๙ ได้เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองเรณูนคร
ถึงปี พ.ศ.๒๔๕๐ ยุบลงเป็นตำบล แล้วตั้งเป็นกิ่งอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๓ ยกฐานะเป็นอำเภอ
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๘
๒๕/๑๕๙๘๔
๔๖๙๗. เรดอน
เป็นธาตุลำดับที่ ๘๖ เป็นแก๊ส นับเป็นแก๊สที่หายากแก๊สหนึ่งในธรรมชาติ โดยทั่วไปมีสมบัติเฉื่อยต่อปฎิกิริยาทางเคมี
เป็นธาตุกัมมันตรังสี และเป็นผลมาจากการเสื่อมสลายของธาตุเรเดียม และธาตุเรเดียมมีปรากฎกระจายอยู่ทั่วไปทั่วโลก
เมื่อแก๊สเรดอนเสื่อมสลายไป ย่อมให้รังสีแอลฟา บีตา และแกมมา ซึ่งเป็นอันตรายต่อเซลล์ของสิ่งมีชีวิต
๒๕/๑๕๙๘๕
๔๖๙๘. เรดาร์
เป็นคำย่อ ในภาษาอังกฤษ มาจากคำเต็มที่แปลว่า การตรวจจับและหาระยะห่างด้วยวิทยุ
ในทางปฎิบัติ หมายถึง อุปกรณ์หรือวิธีการใช้คลื่นวิทยุ ซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ในการตรวจจับและหาตำแหน่งที่อยู่ของวัตถุ ที่สามารถสะท้อนคลื่นวิทยุได้
เรดาร์ อาศัยหลักการที่ว่า คลื่นวิทยุสามารถสะท้อนกลับได้ เมื่อตกกระทบลงบนวัตถุที่นำไฟฟ้า
ทำนองเดียวกับที่คลื่นเสียงสะท้อนกลับได้ เมื่อตกกระทบลงบนวัตถุแข็ง ที่ไม่ดูดกลืนเสียง
หลักการสะท้อนกลับของคลื่นวิทยุเช่นว่านี้ มีปรากฎอยู่ในผลของการทดลอง ที่แสดงถึงสมบัติของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เยอรมันเป็นผู้กระทำใน พ.ศ.๒๔๒๓ จนกระทั่งถึงช่วง พ.ศ.๒๔๗๘
- ๒๔๘๒ นักวิทยาศาสตร์ และวิศวกรไฟฟ้า จึงสามารถประดิษฐ์อุปกรณ์เรดาร์
ที่ใช้งานได้ขึ้นเป็นผลสำเร็จ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เรดาร์ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
เพื่อใช้ในทางทหาร หลังจากสงครามสิ้นสุดลงแล้ว งานด้านพลเรือนได้นำเรดาร์มาใช้ประโยชน์มากขึ้น
เช่น การนำทางเรือและเครื่องบิน การสำรวจพื้นโลก และอวกาศ การตรวจจับเมฆฝน
และพายุหมุน เป็นการตรวจจับความเร็วยานพาหนะบนทางหลวง
๒๕/๑๕๙๘๗
๔๘๙๙. เรเดียม
เป็นธาตุลำดับที่ ๘๘ เป็นธาตุกัมมันตรังสี ที่มีปรากฎในธรรมชาติ นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส
สองสามีภรรยา เป็นผู้ค้นพบธาตุนี้ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๑
การค้นพบธาตุเรเดียม นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้แก่วงการวิทยาศาสตร์อย่างมาก
โดยเฉพาะในวงการฟิสิกส์ และวงการวิชาแพทย์
ในธรรมชาติ เรเดียมมีปรากฎอยู่ในแร่หลายชนิด และมักมีปรากฎอยู่ร่วมกับธาตุยูเรเนียม
เรเดียมที่มีปรากฎอยู่ในธรรมชาติในปัจจุบัน เกิดจากการแตกสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสีคือ
ยูเรเนียม ทอเรียม และแอกทิเนียม
เรเดียม ลักษณะเป็นโลหะ เมื่อบริสุทธิ์และเตรียมได้ใหม่ ๆ มีสีขาวเงินจ้า
สดใส แต่เมื่อปล่อยให้ถูกอากาศ สีจะเปลี่ยนเป็นสีดำ ซึ่งเข้าใจว่า เรเดียมมีปฎิกิริยากับไนโตรเจนในอากาศ
เรเดียมสามารถเปล่งแสงเรืองได้เช่นเดียวกับเกลือของมัน
ธาตุเรเดียม มีความว่องไวทางปฎิกิริยาเคมีสูงมาก สามารถละลายในน้ำได้ดี และรุนแรง
ให้แก๊สไฮโดรเจน ธาตุเรเดียมและสารประกอบของมัน รวมทั้งสารที่ได้จากการแตกสลายของเรเดียม
มีสมบัติเป็นพิษอย่างแรง เนื่องจากรังสีที่แผ่ออกมา ธาตุเรเดียมเมื่อแตกสลายจะให้ธาตุเรดอน
ซึ่งมีลักษณะเป็นแก๊สกัมมันตรังสี และเป็นแก๊สพิษ เมื่อเรเดียมแตกสลายจนถึงที่สุด
ก็จะแปรสภาพไปเป็นธาตุตะกั่วที่เสถียร การแผ่รังสีก็เป็นอันสิ้นสุด
ธาตุเรเดียม มีประโยชน์มากในงานวิทยาศาสตร์หลายแขนง โดยอาศัยรังสีกัมมันตภาพของธาตุนี้
เช่น เป็นแหล่งให้อนุภาคนิวตรอน ใช้ผลิตสารสีเรืองแสงเพื่อใช้ในกิจการต่าง
ๆ บางประเภท เป็นแหล่งสำคัญที่ให้ธาตุเรดอน ซึ่งนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายประการ
ในทางการแพทย์ใช้เรเดียม เพื่อรักษาโรคมะเร็ง และยังใช้เรเดียมและเกลือซัลเฟตของมัน
มาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมถลุงโลหะ
๒๕/๑๕๙๙๑
|
|