เอกสารชิ้นนี้ได้เรียบเรียงโดยแบ่งเป็นวัน ๆ รวมเจ็ดวัน หรือเจ็ดขั้นตอนดังนี้
วันที่ ๑
ปลุกใจให้ฮึกเหิม ให้เห็นว่าการต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดน เป็นการต่อสู้ในทางศาสนา
เช่นเดียวกับการต่อสู้ของท่านนบีมูฮัมมัด โดยอ้างบทบัญญัติ ๘:๖๕, ๔:๗๕, ๓:๑๓๒,
๕:๕๙, ๔:๕๘ ที่ได้แสดงให้เห็นถึงศัตรูของอิสลามคือบรรดาคนนอกศาสนา (กาฬิร)
ทั้งคนนอกศาสนา และมุสลิมผู้ทรยศคือ ศัตรูของการต่อสู้ ที่จะต้องขจัดให้หมดสิ้นไป
บทบัญญัติในคัมภีร์กุรอ่านที่นำมาอ้าง ในวันที่
๑
บทบัญญัติ ๘:๖๕
(ซูเราะฮ์ ที่ ๘ อัล - อัมฟาล อายะฮ์ที่ ๖๕)
"และถ้าหากเจ้าได้ถามพวกเขา แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่าแท้จริงพวกเราเป็นเพียงแต่พูดสนุก
และพูดเล่นเท่านั้น จงกล่าวเถิด (มูฮัมมัด) ว่าต่ออัลลอฮ์ และบรรดาบทบัญญัติของพระองค์
และรอซูลของพระองค์กระนั้น หรือที่พวกท่านเย้ยหยันกัน"
บทบัญญัติ ๔:๗๕
(ซูเราะห์ ที่ ๔ อัน - นิซาอ์ อายะฮ์ ที่ ๗๕)
"มีเหตุใดเกิดขึ้นแก่พวกเจ้ากระนั้นหรือ ที่พวกเจ้าไม่สู้รบในทางของอัลลอฮ์
ทั้ง ๆ ที่บรรดาผู้อ่อนแอ ไม่ว่าชายและหญิงและเด็ก ๆ ต่างกล่าวกันว่า พระเจ้าของเรา
โปรดนำพวกเราออกไปจากเมืองนี้ ซึ่งชาวเมืองเป็นผู้ข่มเหงรังแก และโปรดให้มีขึ้นแก่พวกเรา
ซึ่งผู้คุ้มครองคนหนึ่งจากที่พระองค์ และโปรดให้มีขึ้นแก่พวกเรา ซึ่งผู้ช่วยเหลือคนหนึ่งจากที่พระองค์"
บทบัญญัติ ๓:๑๓๒
(ซูเราะห์ ที่ ๓ อาละอิบรอน อายะฮ์ที่ ๑๓๒)
"และพวกเจ้าจงเชื่อฟังอัลลอฮ์ และรอซูลของพระองค์ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความเมตตา"
บทบัญญัติ ๔:๕๘
(ซูเราะห์ที่ ๔ อัน - นิซาด์ อายะฮ์ที่ ๕๘)
"แท้จริงอัลลอห์ ใช้พวกเจ้าให้มอบคืนบรรดาของฝากแก่เจ้าของของมัน และเมื่อพวกเจ้าตัดสินระหว่างผู้คน
พวกเจ้าก็จะต้องตัดสินด้วยความยุติธรรม แท้จริงอัลลอฮ์ แนะนำพวกเจ้าด้วยสิ่งซึ่งดีจริง
ๆ พวกเจ้าด้วยสิ่งซึ่งดีจริง ๆ แท้จริงงอัลลอห์เป็นผู้ได้ยินและเห็น"
วันที่ ๒ ปลุกใจให้คนที่ต่อสู้ว่าอย่าได้กลัว
เพราะคนที่ต่อสู้เพื่อให้ได้ดินแดนคืนมา หากเขาตายก็จะตายอย่างนักรบ ศักดิ์สิทธิ์หรือชะฮีด
โดยอ้างบทบัญญัติ ๓,๑๔๕, ๓:๑๕๐, ๓:๑๖๙, ๔:๘๔, ๔:๙๔, ๓:๑๒๕ และอ้างหะดิษที่ว่า
ด้วยเรื่องการทวงสิทธิ์คืน โดยเปรียบเทียบว่า ปัตตานีคือดินแดนที่ถูกปล้นไป
เป็นหน้าที่ของลูกหลานเชื้อสายมลายูต้องทวงคืน
บทบัญญัติในคัมภีร์กุรอ่านที่นำมาอ้าง ในวันที่
๒
บทบัญญัติ ๓:๑๔๕
(ซูเราะห์ที่ ๓ อาละอิมรอน อายะฮ์ที่ ๑๔๕)
"และไม่เคยปรากฎแก่ชีวิตใดที่จะตายนอกจากด้วยอนุมัติของอัลลอห์เท่านั้น ทั้งนี้เป็นลิขิตที่กำหนดไว้
และผู้ใดต้องการผลตอบแทนในโลกนี้ เราก็จะให้เขาจากโลกนี้ และผู้ใดต้องการผลตอบแทนในปรโลก
เราก็จะให้แก่เขาในปรโลก และจะตอบแทนแก่ผู้กตัญญูทั้งหลาย"
บทบัญญัติ ๓:๑๕๐
(ซูเราะห์ ที่ ๓ อาละอิบรอม อายุฮ์ที่ ๑๔๕)
"แต่ทว่าอัลลอห์ต่างหากคือ ผู้ช่วยเหลือพวกเจ้า และพระองค์เป็นผู้ที่ดีเยี่ยมในบรรดาผู้ช่วยเหลือทั้งหลาย"
บทบัญญัติ ๓:๑๕๔
(ซูเราะห์ที่ ๓ อาละ อิมรอน อายะฮ์ที่ ๑๕๔)
"แล้วพระองค์ก็ให้ความปลอดภัยแก่พวกเจ้า หลังจากความโศกเศร้านั้นคือ ให้มีการงีบหลับครอบคลุมกลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเจ้า
และอีกกลุ่มหนึ่งวนั้น ตัวของพวกเราเองทำให้พวกเขากระวนกระวายใจ พวกเขากล่าวหาอัลลอฮ์
โดยปราศจากความเป็นธรรมอย่างพวกสมัยงมงาย (อัลญาฮิลียะฮ์) พวกเขากล่าวว่า
มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากกิจการนั้นเป็นสิทธิของพวกเราบ้างไหม จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด)
ว่าแท้จริงกิจการนั้นทั้งหมด เป็นสิทธิของอัลลอฮ์เท่านั้น พวกเขาปกปิดไว้ในใจของพวกเขา
สิ่งซึ่งพวกเขาไม่เปิดเผยแก่เจ้า พวกเขากล่าวว่าหากปรากฎว่า มีสิ่งหนึ่งวสิ่งใดเกิดจากกิจการนั้นเป็นสิทธิของเราแล้ว
พวกเราก็ไม่ถูกฆ่าตายที่นี่ จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าแม้พวกท่านอยู่ในบ้านของพวกวท่าน
แน่นอนบรรดาผู้ที่การฆ่าได้ถูกกำหนดแก่พวกเขาก็จะออกไปสู่ที่นอนตายของพวกเขา
และเพื่ออัลลอฮ์จะทดสอบ สิ่งที่อยู่ในหัวอกของพวกเจ้า และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้รอบรู้สิ่งที่อยู่ในหัวอกทั้งหลาย"
บทบัญญัติ ๓:๑๖๙
(ซูเราะห์ที่ ๓ อาละอิบรอน อายะฮ์ที่ ๑๖๙)
"และเจ้าจงอย่าได้คิดเป็นอันขาดว่า บรรดาผู้ที่ถูกฆ่าในทางของอัลลอฮ์นั้นตาย
มิได้ พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ณ พระเจ้าของพวกเขาในสภาพที่ได้รับปัจจัยยังชีพ"
บทบัญญัติ ๔:๘๔
(ซูเราะห์ที่ ๔ อัน - นิซาอ์ อายะฮ์ที่ ๘๔)
"เจ้าจงสู้รบในทางของอัลลอฮ์เถิด โดยที่เจ้ามิได้ถูกบังคับ (ให้เกณฑ์ผู้ใด)
นอกจากตัวของเจ้าเอง และจงปลุกใจบรรดาผู้ศรัทธาด้วย เป็นไปได้ว่าอัลลอฮ์จะยับยั้งกำลังรบของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้น
และอัลลอฮ์เป็นผู้มีกำลังรบที่เข้มแข็งกว่า และเป็นผู้ที่มีการลงโทษที่รุนแรงกว่า"
บทบัญญัติ ๔ : ๙๔
(ซูเราะห์ที่ ๔ อัน - นิซาอ์ อายะฮ์ที่ ๙๔)
"ผู้ที่ศรัทธาทั้งหลาย เมื่อพวกเจ้าเดินทางไปในทางของอัลลอฮ์ ก็จงให้ประจักษ์ชัดเสียก่อน
และจงอย่ากล่าวแก่ผู้ที่กล่าวสลามแก่พวกเจ้าว่าท่านมิใช่เป็นผู้ศรัทธา โดยแสวงหาสิ่งอำนวยประโยชน์ชั่วคราวแห่งชีวิต
ความเป็นอยู่ในโลกนี้ แต่ ณ ที่อัลลอฮ์นั้น มีปัจจัยยังชีพอันมากมาย ในทำนองเดียวกันนั้น
พวกเจ้าก็เคยเป็นมาก่อน แล้วอัลลอฮ์ได้โปรดปรานแก่พวกเจ้า ดังนั้น พวกเจ้าจงให้ประจักษ์เสียก่อน
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นรอบรู้อย่างถี่ถ้วนในสิ่งที่พวกเจ้าทำอยู่"
บทบัญญัติ ๘:๖๐
(ซูเราะห์ที่ ๘ อัล - อัมฟาล อายะฮ์ที่ ๖๐)
"และพวกเจ้าจงเตรียมไว้สำหรับ (ป้องกัน) พวกเขา สิ่งที่พวกเจ้าสามารถอันได้แก่กำลังอย่างหนึ่งอย่างใด
และการผูกม้าไว้ โดยที่พวกเจ้าจะทำให้ศัตรูของอัลลอฮ์ และศัตรูของพวกเจ้าหวั่นเกรงด้วยสิ่งนั้น
และพวกอื่น ๆ อีก อื่นจากพวกเขา ซึ่งพวกเจ้ายังไม่รู้จักพวกเขา อัลลอฮ์รู้จักพวกเขาดี
และสิ่งที่พวกเจ้าบริจาคในทางของอัลลอฮ์นั้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตาม สิ่งนั้นจะถูกตอบแทนแก่พวกเจ้าโดยครบถ้วน
โดยที่พวกเจ้าจะไม่ถูกอธรรม"
บทบัญญัติ ๔:๑๒๔
(ซูเราะห์ที่ ๔ อัน - นิซาฮ์ อายะฮ์ที่ ๑๒๔)
"ผู้ใดที่ต้องการสิ่งตอบแทนในโลกนี้ ก็ที่อัลลอฮ์นั้นมีสิ่งตอบแทนในโลกนี้
และปรโลก และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ได้ยินผู้เห็น"
บทบัญญัติ ๓:๑๒๕
(ซูเราะห์ที่ ๓ อาละอิมรอน อายะฮ์ที่ ๑๒๕)
"เพียงพอแน่นอนหากพวกเจ้าอดทนและยำเกรง และพวกเขาจะมายังพวกเจ้าในทันทีทันใด
แล้วพระเจ้าของพวกเจ้า ก็จะหนุนกำลังแก่พวกเจ้าอีก ด้วยจำนวนมลาอิกะฮ์ห้าพัน
โดยมีเครื่องหมาย"
วันที่ ๓
ขยายผลจากวันที่ ๒ ในแนวคิดเกี่ยวกับคนทรยศ (มุนาฟิก) ชี้ให้เห็นว่ามุสลิมคนใดก็ตาม
แม้จะเคร่งครัดในการปฏิบัติศาสนาเพียงใด แต่ถ้าไม่เห็นด้วยกับการต่อสู้ ตามแนวทางของพวกเขา
เขาเหล่านั้นก็หาใช่ผู้ศรัทธาที่แท้จริง ไม่เขาเป็นแค่คนทรยศ หรือมุนาฟิก
(คนกลับกลอก) ซึ่งที่อยู่ของมุนาฬิกตามทัศนะของผู้เขียนคือ การตกนรก
โดยอ้างคัมภีร์กุรอานบทบัญญัติ ๒:๒๑๖, ๘:๖๐, ๔:๑๓๙, ๔:๑๔๕, ๙:๒๓, ๙:๔๘, ๙:๗๓,
๕:๔๗, ๘:๑๒
บทบัญญัติในคัมภีร์กุรอ่านที่นำมาอ้างในวันที่
๓
บทบัญญัติ ๒:๑๒๖
(ซูเราะห์ที่ ๒ อัล - บะเกาะเราะฮ์ อายะฮ์ที่ ๑๒๖)
"การสู้รบนั้นได้ถูกกำหนดแก่พวกเจ้าแล้ว ทั้ง ๆ ที่มันเป็นสิ่งที่รังเกียจแก่พวกเจ้าและอาจเป็นไปได้ว่า
การที่พวกเจ้าเกลียดสิ่งหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่สิ่งนั้นเป็นสิ่งดีแก่พวกเจ้า และอาจเป็นไปได้ว่าการที่พวกเจ้าชอบสิ่งหนึ่ง
ทั้ง ๆ ที่สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เลวร้ายแก่พวกเจ้า
และอัลลอฮ์นั้นรู้ดี
แต่พวกเจ้าไม่รู้"
บทบัญญัติ ๘:๖๐
(ซูเราะฮ์ที่ ๘ อัล - อัมฟาล อายะฮ์ที่ ๖๐)
"และพวกเจ้าจงเตรียมไว้สำหรับ (ป้องกัน) พวกเขา สิ่งที่พวกเจ้าสามารถอันได้แก่
กำลังอย่างหนึ่งอย่างใด และการผูกม้าไว้ โดยที่พวกเจ้าจะทำให้ศัตรูของอัลลอฮ์
และศัตรูของพวกเจ้าหวั่นเกรงด้วยสิ่งนั้น และพวกอื่น ๆ อีกอื่นจากพวกเขา ซึ่งพวกเจ้ายังไม่รู้จักพวกเขา
อัลลอฮ์รู้จักพวกเขาดี และสิ่งที่พวกเจ้าบริจาค ในทางของอัลลอฮ์นั้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตาม
สิ่งนั้นจะถูกตอบแทนแก่พวกเจ้าโดยครบถ้วน โดยที่พวกเจ้าจะไม่ถูกอธรรม"
บทบัญญัติ ๔:๑๓๙
(ซูเราะอ์ที่ ๔ อัน - นิซาอ์ อายะฮ์ที่ ๑๓๙)
"บรรดาผู้ที่ยึดเอาบรรดาผู้ปฎิเสธศรัทธาเป็นมิตรอื่นจากผู้ศรัทธาทั้งหลายนั้น
พวกเขาจะแสวงหากำลังอำนาจ ที่พวกเขากระนั้นหรือ แท้จริงกำลังอำนาจนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮ์ทั้งหมด"
บทบัญญัติ ๔:๑๔๕
(ซูเราะฮ์ ที่ ๔ อัน - นิซาอ์ อายะฮ์ที่ ๑๔๕)
"แท้จริงบรรดามุนาฟิกนั้นอยู่ในขั้นต่ำสุดจากนรก และเจ้าจะไม่ได้พบผู้ช่วยเหลือใด
ๆ สำหรับพวกเขาเป็นอันขาด"
บทบัญญัติ ๙:๒๓
(ซูเราะฮ์ที่ ๙ อัต - เตาบะฮ์ อายะฮ์ที่ ๒๓)
"บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่าได้ถือเอาบิดาของพวกเจ้าและพี่น้องของพวกเจ้าเป็นมิตร
หากพวกเขาชอบการปฎิเสธ ศรัทธาเหนือการอีมาน และพวกใดในหมู่พวกเจ้าให้พวกเขาเป็นมิตรแล้ว
ชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือ ผู้อธรรม"
บทบัญญัติ ๙:๔๘
(ซูเราะฮ์ ที่ ๙ อัต - เตาบะฮ์ อายะฮ์ที่ ๔๘)
"แท้จริงนั้น พวกเขาได้แสวงหาความวุ่นวายมาก่อนแล้ว และวางแผนต่าง ๆ นานา
เพื่อต่อต้านเจ้า จนกระทั่งความจริงได้มา และคำสั่งของอัลลอฮ์ได้ประจักษ์ขึ้น
ทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่พอใจ"
บทบัญญัติ ๙:๗๓
(ซูเราะฮ์ที่ ๙ อัต - เตาบะฮ์ อายะฮ์ที่ ๗๓)
"นบี จงต่อสู้บรรดาผู้ปฎิเสธศรัทธาและบรรดาผู้กลับกลอกในการศรัทธา (มุนาฟิกกีน)
และจงเฉียบขาดแก่พวกเขา และที่อยู่ของพวกเขานั้นคือ นรกญะฮันนัม และที่กลับไปนั้น
ชั่วช้าจริง ๆ "
บทบัญญัติ ๕:๔๗
(ซูเราะฮ์ที่ ๕ อัล - มาอิดะฮ์ อายะฮ์ที่ ๔๗)
"และบรรดาผู้ที่ได้รับ อัล - อินญีล ก็จงตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ให้ลงมาในนั้น
และผู้ใดที่มิได้ตัดสินด้วย สิ่งที่อัลลอฮ์ได้ให้ลงมาแล้ว ชนเหล่านั้นคือ
ผู้ที่ละเมิด "
บทบัญญัติ ๘:๑๒
(ซูเราะฮ์ที่ ๘ อัล - อัมฟาล อายะฮ์ที่ ๑๒)
"จงรำลึกถึงขณะที่พระเจ้าของเจ้าให้บทบัญญัติแก่มลาอิกะฮ์ ว่า แท้จริง ข้านั้นร่วมอยู่กับพวกเจ้าด้วย
ดังนั้น พวกเจ้าจงทำให้บรรดาผู้ศรัทธามั่นคงเถิด ความกลัวเข้าไปในหัวใจของบรรดาผู้ปฎิเสธศรัทธาแล้ว
พวกเจ้าจงฟันลงบนก้านคอ และจงฟันทุก ๆ ส่วนปลายของนิ้วมือ จากพวกเขา"
วันที่ ๔
ได้เสนอแนวทางการปฏิบัติตน เริ่มตั้งแต่การปฏิบัติต่อผู้ร่วมดำเนินการการเชื่อฟังผู้นำ
ความกล้าหาญในการฆ่าศัตรู และให้มีความอดทนในการก่อการต่าง ๆ โดยอ้างบทบัญญัติ
๓:๑๕๑, ๓:๒๘, ๓:๑๑๘, ๘:๔๖, ๔:๑๙, ๒:๑๙๐, ๒:๑๙๑,๒ : ๑๙๓, ๒:๑๙๕, ๙:๒๐, ๓:๒๐๐
แกนสำคัญของเรื่องคือ แนวคิดทางประวัติศาสตร์ ว่าปัตตานีถูกปล้น จึงต้องต่อสู้เอาคืนมา
การต่อสู้เพื่อให้ได้ดินแดนคือการญีฮาด หรือการต่อสู้ในทางศาสนา
บทบัญญัติในคัมภีร์กุรอ่านที่นำมาอ้างในวันที่
๔
บทบัญญัติ ๓:๑๕๑
(ซูเราะฮ์ ที่ ๓ อาละอิมรอน อายะฮ์ที่ ๑๕๑)
"เราจะโยนความกลัวเข้าไปในหัวใจของบรรดาผู้ที่ปฎิเสธศรัทธาเหล่านั้น เนื่องจากการที่พวกเขาให้มีภาคีแก่อัลลอฮ์
ซึ่งสิ่งที่อัลลอฮ์มิได้ให้หลักฐานใด ๆ มายืนยันในสิ่งนั้น และที่อยู่ของพวกเขาคือ
ขุมนรก ช่างเลวร้ายจริง ๆ ซึ่งที่อยู่ของบรรดาผู้อธรรม "
บทบัญญัติ ๓:๒๘
(ซูเราะฮ์ที่ ๓ อาละอิมรอน อายะฮ์ที่ ๒๘)
"ผู้ศรัทธาทั้งหลายนั้นจงอย่าได้ยึดเอาบรรดาผู้ปฎิเสธศรัทธาเป็นมิตรอื่นจากบรรดามุมิน
และผู้ใดทำเช่นนั้น เขาย่อมไม่อยู่ในสิ่งใดที่มาจากอัลลอฮ์ นอกจากพวกเจ้าจะป้องกัน
(ให้พ้นอันตราย) จากพวกเขาจริง ๆ เท่านั้น และอัลลอฮ์เตือนพวกเจ้าให้ยำเกรงในอัลลอฮ์
และยังอัลลอฮ์นั้นคือ การกลับไป (ของพวกเจ้า)
บทบัญญัติ ๓:๑๑๘
(ซูเราะฮ์ที่ ๓ อาละอิมรอน อายะฮ์ที่ ๑๑๘)
"ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่าได้ยึดเอาเพื่อนสนิทที่รู้เห็นกิจการภายในอื่นจากพวกของเจ้าเอง
ซึ่งเขาเหล่านั้น จะไม่ลดละแก่พวกเจ้า ในการก่อความเสียหายให้เกิดขึ้น พวกเขาชอบการที่พวกเจ้าลำบาก
แท้จริงความเกลียดชังต่าง ๆ ได้เผยออกมาแล้ว จากปากของพวกเขา และสิ่งที่หัวอกของพวกเขาซ่อนไว้นั้น
ใหญ่ยิ่งกว่าแน่นอน เราได้แจกแจงบรรดา บทบัญญัติไว้แก่พวกเจ้าแล้ว หากพวกเจ้าใช้ปัญญากัน"
บทบัญญัติ ๘:๔๖
(ซูเราะฮ์ที่ ๘ อัล อัมฟาล อายะฮ์ที่ ๔๖)
"และจงเชื่อฟังอัลลอฮ์ และรอซูลของอัลลอฮ์เถิด และจงอย่าขัดแย้งกัน จะทำให้พวกเจ้าย่อท้อ
และทำความเข็มแข็งของพวกเจ้าหมดไป และจงอดทนเถิด แท้จริงอัลลอฮ์นั้นอยู่กับผู้ที่อดทนทั้งหลาย"
บทบัญญัติ ๔:๑๙
(ซูเราะฮ์ ที่ ๔ อัน - นิซาอ์ อายะฮ์ที่ ๑๙)
"ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ไม่อนุมัติแก่พวกเจ้า การที่พวกเจ้าจะเอาบรรดาหญิงเป็นมรดกด้วยการบังคับ
และไม่อนุมัติเช่นเดียวกัน การที่พวกเจ้าจะขัดขวางบรรดานางเพื่อพวกเจ้าจะเอาบางส่วนของสิ่งที่พวกเจ้าได้ให้แก่พวกนาง
นอกจากว่าพวกนางจะกระทำสิ่งลามก อันชัดแจ้งเท่านั้น และจงอยู่ร่วมกับพวกนางด้วยดี
หากพวกเจ้าเกลียดพวกนาง ก็อาจเป็นไปได้ว่า การที่พวกเจ้าเกลียดสิ่งหนึ่ง ขณะเดียวกันอัลลอฮ์ก็ให้มีในสิ่งนั้น
ซึ่งความดีอันมากมาย"
บทบัญญัติ ๒:๑๙๐
(ซูเราะฮ์ที่ ๒ อัล - บะเกาะเราะฮ์ อายะฮ์ที่ ๑๙๐)
"และพวกเจ้าจงต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์ ต่อบรรดาผู้ที่ทำร้ายพวกเจ้า และจงอย่ารุกราน
แท้จริงอัลลอฮ์ไม่ชอบบรรดาผู้รุกราน"
บทบัญญัติ ๒:๑๙๑
(ซูเราะฮ์ที่ ๒ อัล - บะเกาะเราะฮ์ อายะฮ์ที่ ๑๙๑)
"และจงประหัตประหารพวกเขา ณ ที่ใดก็ตามที่พวกเจ้าพบพวกเขา และจงขับไล่พวกเขา
ออกจากที่ ที่พวกเขาเคยขับไล่พวกเจ้าออก และก่อความวุ่นวายนั้น ร้ายแรงยิ่งกว่าการประหัตประหารเสียอีก
และจงอย่าสู้รบกับพวกเขา ณ อัล - มัสยิดิลฮะรอม จนกว่าพวกเขาจะทำร้ายพวกเจ้าในที่นั้น
หากพวกเขาทำร้ายพวกเจ้าแล้ว ก็จงประหัตประหารพวกเขาเสีย เช่นนั้นแหละคือ การตอบแทนแก่ผู้ปฎิเสธศรัทธา"
บทบัญญัติ ๒:๑๙๓
(ซูเราะฮ์ที่ ๒ อัล - บะเกาะเราะฮ์ อายะฮ์ที่ ๑๙๓)
"และจงสู้รบกับพวกเขา จนกว่าการก่อความวุ่นวาย จะไม่ปรากฎขึ้น และจนกว่าการ
อิบาดะฮ์ ทั้งหลายจะเป็นสิทธิของอัลลอฮ์เท่านั้น แต่หากพวกเขายุติ ก็ย่อมไม่มีการเป็นปฎิปักษ์ใด
ๆ นอกจากแก่บรรดาผู้อธรรมเท่านั้น"
บทบัญญัติ ๒:๑๙๕
(ซูเราะฮ์ที่ ๒ อัล - บะเกาะเราะฮ์ อายะฮ์ที่ ๑๙๕)
"และพวกเจ้าจงบริจาคในทางของอัลลอฮ์ และจงอย่าโยนตัวของพวกเจ้าสู่ความพินาศและจงทำดีเถิด
แท้จริงอัลลอฮ์นั้น ชอบผู้ทำดีทั้งหลาย"
บทบัญญัติ ๙:๒๐
(ซูเราะฮ์ที่ ๙ อัต - เตาบะฮ์ อายะฮ์ที่ ๒๐)
"บรรดาผู้ที่ศรัทธา และอพยพ และต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์ ทั้งด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขา
และชีวิตของพวกเขา ย่อมเป็นผู้มีลำดับชั้นยิ่งใหญ่กว่า ณ ที่อัลลอฮ์ และชนเหล่านยี้แหละพวกเขาคือผู้มีชัยชนะ"
บทบัญญัติ ๓:๒๐๐
(ซูเราะฮ์ที่ ๓ อาละอิบรอน อายะฮ์ที่ ๒๐๐)
"บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จะมีความอดทนและจงต่างอดทนซึ่งกันและกัน และจงประจำอยยู่ชายแดน
และพึงเกรงกรัวอัลลอฮ์เถิด เพื่อว่าพวกเจ้าบจะได้รับความสำเร็จ"
วันที่ ๕
เป็นการปลุกความรู้สึกการต่อสู้และชี้ให้เห็นถึงโทษ หรือบาปของผู้ที่ไม่ยอมออกไปต่อสู้ร่วมกับพวกเขา
พยายามปลุกให้ฮึกเหิม โดยให้เชื่อว่าการต่อสู้ของพวกเขานั้น พระเจ้าจะอยู่ข้างพวกเขา
และท่านนบีจะดุอา (ขอพร) ให้การต่อสู้ของพวกเขา และพระเจ้าจะส่งมลาอิกะฮ์
(เทวทูต) มาช่วยในการต่อสู้ของพวกเขา โดยอ้างบทบัญญัติจากคัมภีร์กุรอาน ๗:๑๙๖,
๙:๓๙, ๙:๓๘
บทบัญญัติในคัมภีร์กุรอ่านที่นำมาอ้างในวันที่
๕
บทบัญญัติ ๗:๑๙๖
(ซูเราะฮ์ที่ ๗ อัล - อะอ์รอฟ อายะฮ์ที่ ๑๙๖) "แท้จริงผู้คุ้มครองฉันนั้นคือ
อัลลอฮ์ ผู้ให้คัมภีร์ลงมา และในขณะเดียวกันอัลลอฮ์ ก็คุ้มครองบรรดาผู้ประพฤติดีทั้งหลาย"
บทบัญญัติ ๙ :๓๙
(ซูเราะฮ์ที่ ๙ อัต - เตาบะฮ์ อายะฮ์ที่ ๓๙)
"ถ้าหากพวกเจ้าไม่ออกไป อัลลอฮ์ก็จะลงโทษพวกเจ้าอย่างเจ็บปวด และจะให้พวกหนึ่งอื่นจากพวกเจ้ามาแทน
และพวกเจ้าไม่สามารถ จะยังความเดือดร้อน ให้เแก่อัลลอฮ์ได้แต่อย่างใด และอัลลอฮ์นั้นมีเดชานุภาพเหนือจากสิ่งทุกอย่าง"
บทบัญญัติ ๙:๓๘
(ซูเราะฮ์ที่ ๙ อัต - เตาฮ์ อายะฮ์ที่ ๓๘)
"บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย มีอะไรเกิดขึ้นแก่พวกเจ้ากระนั้นหรือ เมื่อได้ถูกกล่าวแก่พวกเจ้าว่า
จงออกไปต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์ พวกเจ้าก็แนบหนักอยู่กับพื้นดิน พวกเจ้าพึงวพอใจต่อชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้
แทนปรโลกกระนั้นหรือ สิ่งอำนวยความสุขแห่งชีวิตความเป็นอยู่ในโลกนี้นั้น ในปรโลกแล้วไม่มีอะไร
นอกจากสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น"
วันที่ ๖
เป็นการปลุกให้เตรียมตัวเตรียมใจก่อนออกปฏิบัติการ โดยเริ่มตั้งแต่การขออภัยโทษในความผิดบาปของตน
(เตาบะฮ์) ให้มีความรู้สึกรักการตายในหนทางของศาสนา
ไม่มีความเกรงกลัวภัยใด ๆ เพราะได้รับความคุ้มครองจากพระเจ้าแล้ว ส่วนผู้ที่ไม่กล้าออกไปร่วมปฏิบัติการพร้อมพวกเขา
เพราะไม่เข้าใจหลักคำสอนที่แท้จริงของอิสลามปลุกให้เห็นว่า หมดเวลาที่จะรอคอยแล้ว
ถึงเวลาที่จะเสียสละชีวิตในหนทางของศาสนา โดยอ้างบทบัญญัติจากคัมภีร์กุรอาน
๔:๗๐, ๘:๑๕, ๘:๔๕, ๙:๔๑, ๒:๒๑๖, ๑๔:๓
บทบัญญัติในคัมภีร์กุรอ่านที่นำมาอ้างในวันที่
๖
บทบัญญัติ ๔:๗๐
(ซูเราะฮ์ที่ ๔ อัน - นิซาอ์ อายะฮ์ที่ ๗๐)
"ความกรุณาดังกล่าวนั้น มาจากอัลลอฮ์และเพียงพอแล้วที่อัลลอฮ์เป็นผู้รอบรู้"
บทบัญญัติ ๘:๑๕
(ซูเราะฮ์ที่ ๘ อัล - อัมฟาล อายะฮ์ที่ ๑๕)
"บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย เมื่อพวกเจ้าพบบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาเคลื่อนมา
พวกเจ้าจงอย่าหันหลังหนีพวกเขา"
บทบัญญัติ ๘:๔๕
(ซูเราะฮ์ที่ ๘ อัล - อัมฟาล อายะฮ์ที่ ๔๕)
"บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย เมื่อพวกเจ้าพบกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ก็จงยืนหยัดเถิด
และจงรำลึกถึงอัลลอฮ์มาก ๆ เพื่อว่าพวกวเจ้าจะได้รับความทสำเร็จ"
บทบัญญัติ ๙:๔๑
(ซูเราะฮ์ที่ ๙ อัต - เตาบะฮ์ อายะฮ์ที่ ๔๑)
"พวกเจ้าจงออกไปกันเถิด ทั้งผู้ที่มีสภาพว่องไวและผู้ที่สภาพเชื่องช้า และจงเสียสละทั้งด้วยทรัพย์ของพวกเจ้า
และชีวิตของพวกเจ้าสในทางของอัลลอฮ์ นั่นแหละคือสิ่งที่ดียิ่งสำหรับพวกเจ้า
หากพวกเจ้ารู้"
บทบัญญัติ ๒:๒๑๖
(ซูเราะฮ์ที่ ๒ อัล - บะเกาะเราะฮ์ อายะฮ์ที่ ๒๑๖)
"การสู้รบนั้นได้กำหนดแก่พวกเจ้าแล้ว ทั้งที่นั่นเป็นที่รังเกียจแก่พวกเจ้า
และอาจเป็นไปได้ว่าการที่พวกเจ้าเกลียดสิ่งหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่สิ่งนั้นดีสำหรับพวกเจ้า
และกว็อาจเป็นไปได้ว่าการที่พวกเจ้าชอบ สิ่งหนึ่งทั้ง ๆ ที่สิ่งนั้นเป็นสิ่งเลวร้ายแก่พวกเจ้า
และอัลลอฮ์นั้นรู้ดี แต่พวกเจ้าไม่รู้"
บทบัญญัติ ๑๔:๓
(ซูเราะฮ์ที่ ๑๔ อิบรอฮิม อายะฮ์ที่ ๓๘)
"บรรดาผู้พอใจเลือกเอาชีวิตในโลกนี้เหนือปรโลก และปิดกั้นจากทางของอัลลอฮ์
และต้องการที่จะให้มันคดเคี้ยว ชนเหล่านั้นอยู่ในการหลงทางที่ห่างไกล"
วันที่ ๗
สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปฏิบัติการว่า อาจมีมุสลิมบางคนไม่เห็นด้วย ก็ขออย่าได้กังวล
เพราะพระเจ้าได้ประทับตราให้หัวใจพวกเขามืดบอด ไม่สามารถเห็นสัจธรรมได้ ไม่ต้องกังวลต่อการฆ่าคนนอกศาสนา
และให้ปฏิบัติดีต่อมุสลิม โดยอธิบายว่า การฆ่าคนนอกศาสนา
และแม้แต่การฆ่าญาติพี่น้องพ่อแม่ ก็สามารถทำได้ พราะเป็นการสร้างความโปรดปรานแก่พระเจ้า
เมื่อได้ชัยชนะแล้ว หรือยึดดินแดนได้แล้ว พวกเขาจะจัดการปกครองตามแนวคิดว่า
๑. เนื่องจากดินแดนบริเวณดังกล่าว เคยถูกปกครองด้วยพระราชาที่สืบเชื้อสายมาจากกลันตัน
จึงเป็นการเหมาะสม ที่จะสถาปนาราชวงศ์กลันตันขึ้นปกครอง ที่นับถือศาสนาอิสลาม
นิกายสุนนีมัชฮับซาฟีอี (สำนักความคิดสายอิหม่ามซาฟีอี)
๒. ควรมีสภาสูงสุด ซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการมุสลิม ผู้นับถือแนวทางมัชฮับซาฟีอี
และตัวแทนบุคคลในสาขาอาชีพต่าง ๆ สภานี้มีอำนาจสูงสุดในการแต่งตั้งและถอดถอนผู้นำ
๓. ให้มีสภาประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง จากประชาชนบริหารประเทศ สุดท้ายได้มีการอ้างบทบัญญัติต่าง
ๆ สลับกับคำปลุกระดมโดยอ้างบทบัญญัติ ที่เคยอ้างมาแล้วคือ ๓:๑๓๙ , ๓:๑๕๐,
๕:๔๗, ๘:๑๗, ๔:๕๘, ๕:๙
บทบัญญัติในคัมภีร์กุรอ่านที่นำมาอ้างในวันที่
๗
บทบัญญัติ ๓:๑๓๙
(ซูเราะฮ์ที่ ๓ อาละอิมรอน อายะฮ์ที่ ๑๓๙)
"และพวกเจ้าจงอย่าท้อแท้ และจงอย่าเสียใจ และพวกเจ้านั้นคือ ผู้ที่สูงส่งยิ่ง
หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา"
บทบัญญัติ ๓:๑๕๐
(ซูเราะฮ์ที่ ๓ อาละอิมรอน อายะฮ์ที่ ๑๕๐)
"แต่ทว่าอัลลอฮ์ต่างหากคือผู้ช่วยเหลือพวกเจ้า และอัลลอฮ์เป็นผู้ดีเยี่ยมในบรรดาผู้ช่วยเหลือทั้งหลาย"
บทบัญญัติ ๕:๔๗
(ซูเราะฮ์ที่ ๕ อัล - มาอิดะฮ์ อายะฮ์ที่ ๔๗)
"และบรรดาผู้ที่ได้รับ อัล - อินญีล ก็จงตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ให้ลงมาในนั้น
และผู้ใดที่มิได้ตัดสินด้วย สิ่งที่อัลลอฮ์ได้ให้ลงมาแล้ว ชนเหล่านั้นคือ
ผู้ที่ละเมิด "
บทบัญญัติ ๘:๑๗
(ซูเราะฮ์ที่ ๘ อัล - อัมฟาล อายะฮ์ที่ ๑๗)
"พวกเจ้ามิได้ฆ่าพวกเขาแต่ทว่าอัลลอฮ์ต่างหากที่ฆ่าพวกเขา และเจ้ามิได้ขว้าง
ขณะที่เจ้าขว้าง แต่ทว่าอัลลอฮ์ต่างหากที่ขว้าง และเพื่อว่าวอัลลอฮ์จะทดสอบบรรดาผู้ศรัทธาอย่างงดีงามจาออัลลอฮ์
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นได้ยิน รอบรู้"
บทบัญญัติ ๔:๕๘
(ซูเราะฮ์ที่ ๔ อัน - มิซาอ์ อายะฮ์ที่ ๕๘)
"แท้จริงอัลลอฮ์ใช้พวกเจ้าให้มอบคืนบรรดาของฝากแก่เจ้าของของมัน และเมื่อพวกเจ้าตัดสินด้วยความยุติธรรม
แท้จริงอัลลอฮ์แนะนำด้วยเจ้าด้วยสิ่งซึ่งดีจริง ๆ แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ได้ยินและเห็น"
บทบัญญัติ ๕:๙
(ซูเราะฮ์ที่ ๕ อัล - มาอิดะฮ์ อายะฮ์ที่ ๙)
"และอัลลอฮ์ได้สัญญาแก่บรรดาผู้ที่ศรัทธา และประกอบสิ่งที่ดีงามทั้งหลายว่า
สำหรับพวกเขานั้นคือการอภัยโทษ และรางวัลอันยิ่งใหญ่"
ทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว เป็นภาพรวมของเอกสารที่ชื่อว่า เบอร์ญีฮาด ดิ ปัตตานีที่เขียนขึ้น
เพื่อปลุกความรู้สึกชาติพันธุ์นิยม โดยนำเอาเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์
และคำสอนของศาสนา มาเป็นเครื่องมือในการสร้าง หรืออธิบายความชอบธรรม ในการปฎิบัติการประกอบกับกระแสของโลกที่เกิดขึ้นในโลกมุสลิม
มีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น
การต่อสู้กับการปฎิบัติการของคนกลุ่มนี้ นอกเหนือจากการปฎิบัติในเชิงกายภาพ
เพื่อหยุดยั้งการกระทำอันโหดเหี้ยมแล้ว เป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคน ที่จะช่วยกันเป็นกำลังสำคัญในการอธิบายความเข้าใจที่ถูกต้อง
ของหลักคำสอนของอิสลามในเรื่องนี้ |