ท่องเที่ยว || เพิ่มข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว|| ดูดวงตำราไทย|| อ่านบทละคร|| เกมส์คลายเครียด|| วิทยุออนไลน์ || ดูทีวี|| ท็อปเชียงใหม่ || รถตู้เชียงใหม่
  dooasia : ดูเอเซีย   รวมเว็บ   บอร์ด     เรื่องน่ารู้ของสยาม   สิ่งน่าสนใจ  
 
สำหรับนักท่องเที่ยว
ตรวจสอบระยะทาง
แผนที่ 77 จังหวัด
คู่มือ 77 จังหวัด(PDF)
จองโรงแรม
ข้อมูลโรงแรม
เส้นทางท่องเที่ยว(PDF)
ข้อมูลวีซ่า
จองตั๋วเครื่องบิน
จองตั๋วรถทัวร์
ทัวร์ต่างประเทศ
รถเช่า
197 ประเทศทั่วโลก
แลกเปลี่ยนเงินสากล
ซื้อหนังสือท่องเทียว
dooasia.com แนะนำ
  เที่ยวหลากสไตล์
  มหัศจรรย์ไทยเแลนด์
  เส้นทางความสุข
  ขับรถเที่ยวตลอน
  เที่ยวทั่วไทย 77 จังหวัด
  อุทยานแห่งชาติในไทย
  วันหยุดวันสำคัญไทย-เทศ
  ศิลปะแม่ไม้มวยไทย
  ไก่ชนไทย
  พระเครื่องเมืองไทย
 
 
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเกาหลี
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศลาว
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเวียดนาม
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศพม่า
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศจีน
 
เที่ยวภาคเหนือ กำแพงเพชร : เชียงราย : เชียงใหม่ : ตาก : นครสวรรค์ : น่าน : พะเยา : พิจิตร : พิษณุโลก : เพชรบูรณ์ : แพร่ : แม่ฮ่องสอน : ลำปาง : ลำพูน : สุโขทัย : อุตรดิตถ์ : อุทัยธานี
  เที่ยวภาคอีสาน กาฬสินธุ์ : ขอนแก่น : ชัยภูมิ : นครพนม : นครราชสีมา(โคราช): บุรีรัมย์ : มหาสารคาม : มุกดาหาร : ยโสธร : ร้อยเอ็ด : เลย : ศรีสะเกษ : สกลนคร : สุรินทร์ : หนองคาย : หนองบัวลำภู : อำนาจเจริญ : อุดรธานี : อุบลราชธานี : บึงกาฬ(จังหวัดที่ 77)
  เที่ยวภาคกลาง กรุงเทพฯ : กาญจนบุรี : ฉะเชิงเทรา : ชัยนาท : นครนายก : นครปฐม : นนทบุรี : ปทุมธานี : ประจวบคีรีขันธ์ : ปราจีนบุรี : พระนครศรีอยุธยา : เพชรบุรี : ราชบุรี : ลพบุรี : สมุทรปราการ : สมุทรสาคร : สมุทรสงคราม : สระแก้ว : สระบุรี : สิงห์บุรี : สุพรรณบุรี : อ่างทอง
  เที่ยวภาคตะวันออก จันทบุรี : ชลบุรี : ตราด : ระยอง

  เที่ยวภาคใต้ กระบี่ : ชุมพร : ตรัง : นครศรีธรรมราช : นราธิวาส : ปัตตานี : พัทลุง : พังงา : ภูเก็ต : ยะลา : ระนอง : สงขลา : สตูล : สุราษฎร์ธานี


สถานการณ์ ๓ + ๑ จชต.
๑ - ๓๑ ส.ค.๕๒

          เสถียรภาพที่ไม่มั่นคงอย่างยิ่งของรัฐบาล ประกอบกับเป็นการโยกย้ายและการพิจารณางบประมาณ ทำให้แนวร่วมจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องโหมก่อเหตุที่มีลักษณะของ “การถูกจำกัดด้วยปริมาณ จึงต้องเพิ่มความรุนแรงเป็นการชดเชย” ให้เพิ่มขึ้นให้ได้ เพื่อเป็นฐานสนับสนุนให้แกนนำซึ่งอยู่ในคราบของนักการเมืองและนักสิทธิมนุษยชน ใช้เป็นเงื่อนไขต้อรองให้มีการลดงบประมาณด้านความมั่นคงลง และสอดแทรกเงื่อนไขการให้ประชาชนในพื้นที่ภายใต้ความควบคุมของ NGO เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการวิถีชีวิตของตนเอง ทำสำคัญคือการก่อเหตุมีการแยก พุทธ – อิสลาม ชัดเจนขึ้น
          แกนนำแนวร่วม sympathizer และกลุ่มที่เข้ามาแสวงประโยชน์จากปัญหาความหวาดระแวงของคนต่างเชื่อชาติ/ศาสนา ใน ๓ จชต. ยังคงประสานการเคลื่อนไหวใช้เงือนไขที่รัฐบาลไม่สามารถหยุดการก่อเหตุและการก่อเหตุที่มีความรุนแรงขึ้นโดยละเลยไม่นำพาการที่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวเชิงกว้างได้ ชี้นำให้สังคมเห็นว่าการมีทหารนอกพื้นที่เข้าไปประจำอยู่ใน ๓ จชต. ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ หากต้องให้คนในพื้นที่เข้ามามีส่วนในการแก้ปัญหากันเองและด้วยการซ่อนเร้นการกดดันให้มีการปลดอาวุธคนไทยพุทธไว้อย่างชาญฉลาด ที่สำคัญคือความพยายามเสี้ยมความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับทหาร อย่างไม่ลดละ ทั้งโดยการประชุม สัมมนา การให้สัมภาษณ์ และการตีพิมพ์บทความ รวมทั้งการอ้าง “ความสมานฉันท์” คุกคามให้เกิดการเบี่ยงเบนข้อเท็จจริง เพื่อจะทำให้การแก้ไชปัญหาไม่ถูกจุด/ตรงประเด็น
         ในขณะที่แนวร่วมกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อลดบทบาททหารใน ๓ จชต.อย่างหนักในช่วงฤดูการโยกย้ายให้ความดีความชอบอยู่นั้น ทางทหารก็กำลังเล่งซื้อใจอิสลามแข่งกับรัฐบาล ซึ่งกำลังพยายามทุกวิถีทางที่จะให้ ๓ จังหวัดมีการบริหารและการปกครองที่แตกต่างจากส่วนอื่นของประเทศอย่างไม่ลดละเช่นกัน ด้วยการประกาศยกเลิก curfew ในพื้นที่อันตราย ๒ แห่งคือ ที่ อ.บันนังสตา และ อ.ยะหา อย่างถาวร อันจะทำให้แนวร่วมสามารถทำงานได้สะดวกขึ้น ซึ่งก็ปรากฏว่าได้รับการสนองตอบจากแนวร่วมเป็นอย่างดีในทันที ด้วยการก่อเหตุทั้งก่อนและหลังการยกเลิก curfew ใน ๒ อำเภอรวมกันถึง ๑๔ เหตุการณ์ และอีก ๔ เหตุการณ์ที่ อ.กรงปีนัง มากกว่าครั้งหนึ่งของการก่อเหตุรวมกันทั้งจังหวัด
          แนวโน้มของสถานการณ์เชื่อว่าในสภาวะที่ข้าราชการต้องซื้อใจอิสลาม เพิ่อป้องกันตำแหน่งไม่ให้ถูกโยกย้าย การแย่งชิงตำแหน่งสมาชิก อบต.และการเก็บเกี่ยวคะแนนนิยมสำหรับการเลือกตั้งที่อาจมีขึ้นได้ทุกขณะ โดยเฉพาะการหาเสียงในลักษณะอิสลามเพื่ออิสลามอันเป็นกลยุทธหลักของกลุ่ม....แห่งพรรค....และพรรค....น่าจะทำให้สถานการณ์ใน ๓ +๑ จชต.เลวร้ายลง โดยเฉพาะจะทำให้ความหวาดระแวงของคนต่างเชื้อชาติศาสนาให้กลายมาเป็นศัตรูระหว่างกัน ดังนั้นนอกเหนือจากการต้องเฝ้าระวังการก่อเหตุที่มีลักษณะแคบแต่ลึก ซึ่งอาจเพิ่มจำนวนขึ้นได้แล้ว ยังควรต้องระวังการปลุกระดม/การปลุกปั่นให้ชาวบ้านออกก่อม๊อบต้านอำนาจรัฐบาล และโดยเฉพาะการผลักดันให้ ๓ จชต.มีการบริหารและการปกครองที่มีลักษณะแตกต่างจากส่วนใหญ่ของประเทศ

สถิติ ลักษณะ และนัยของการก่อเหตุ
          การก่อเหตุใน ๓ + ๑ จชต.ในช่วง ๑ – ๓๑ ส.ค. ๕๒ เท่าที่รวบรวมได้ สรุปได้ว่า มีการก่อเหตุรวมทั้งสิ้น ๙๖ เหตุการณ์ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ ๒ เหตุการณ์ เมื่อ ก.ค.๕๒ อย่างไรก็ตาม หากตัดการก่อกวนด้วยการแจกใบปลิว การเผาสถานที่ การขว้างระเบิดและการผ่านยิงฐานทหารอย่างง่าย ๆ เพื่อสนร้างสถิติ ๑๔ เหตุการณ์ แล้ว จำนวนการก่อเหตุก็จะไม่แตกต่างกันนัก ทั้งนี้ จ.ปัตตานี มีการก่อเหตุมากที่สุด ๓๙ เหตุการณ์ (ก่อกวนแจกใบปลิว ๖ เหตุการณ์) โดย อ.ยะรัง มีการก่อเหตุมากที่สุด ๘ เหตุการณ์ รองลงมาคือ อ.เมือง ๖ เหตุการณ์ ขณะที่ จ.นราธิวาส มีการก่อเหตุ ๒๘ เหตุการณ์ เป็นการข้างระเบิดง่าย ๆ ๕ เหตุการณ์ โดย อ.บาเจาะ มีการก่อเหตุมากที่สุด ๖ เหตุการณ์ รองลงมาคือ อ.ศรีสาคร และ อ.ระแงะ มีการก่อเหตุพื้นที่ละ ๔ เหตุการณ์ เท่ากัน หากที่ อ.ศรีสาคร เป็นการกระทำต่อชุดลาดตระเวน/คุ้มครองครู ขณะที่ อ.ระแงะ เป็นการกระทำต่อตัวบุคคล
          ส่วนที่ จ.ยะลา มีการก่อเหตุ ๒๗ เหตุการณ์ โดย อ.ยะหา มีการก่อเหตุมากที่สุด ๙ เหตุการณ์ รองลงมาคือ อ.เมือง ๖ เหตุการณ์ อ.บันนังสตา ๕ เหตุการณ์ และ อ.กรงปินัง ๔ เหตุการณ์ สำหรับ จ.สงขลา มีการก่อเหตุ ๒ เหตุการณ์ ที่ อ.สะบ้าย้อย และ อ.เทพา ทั้งนี้การก่อเหตุ ๙๕ เหตุการณ์ แยกเป็นการลอบยิงตัวบุคคล ๕๑ เหตุการณ์ รองลงมาคือการวางระเบิด ๒๒ เหตุการณ์ ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นการกระทำต่อ การซุ่มยิง/ซุ่มโจมตี ๑๒ เหตุการณ์ และการก่อกวน ๖ เหตุการณ์ การเผาอาคาร/สถานที่ ๓ เหตุการณ์ และการชุมนุม ๑ เหตุการณ์
         สำหรับการก่อเหตุใน ส.ค.๕๒ สรุปได้ว่า มีลักษณะของความพยายามที่จะเพิ่มปริมาณและเพิ่มความรุนแรงในการก่อเหตุแต่ละครั้ง เพื่อชดเชยปริมาณที่เพิ่มขึ้นได้ยาก และการก่อเหตุมีการแบ่งแยกพุทธ – อิสลาม ชัดเจนดังนี่
         - การก่อเหตุในหลายเหตุการณ์ สะท้อนให้เห็นว่ามีการแบ่งแยก พุทธ – อิสลาม ชัดเจน ดังเช่น กรณีการสังหาร จนท.รังวัดที่ดิน ที่ อ.บาเจาะ เมื่อ ๑๕ ส.ค.๕๒ นั้น คนร้ายเจาะจงฆ่าเฉพาะคนไทยพุทธ แต่ไม่ฆ่าอิสลามด้วยกัน หรือกรณีการวางระเบิดร้านอาหารสวนกล้วย เมื่อ ๒๕ ส.ค.๕๒ นั้น เหยื่อเป็นคนไทยพุทธทั้งหมด ซึ่งในกรณีหลังนี้เห็นได้ว่า พุทธและอิสลามไม่สามารถอยู่รวมกันได้
          - จำนวนการก่อเหตุที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากมีเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมืองเข้ามาหนุนช่วย และการก่อเหตุง่าย ๆ เพื่อสร้างสถิติ อาทิ การวางใบปลิว การเผาอาคาร/สถานที่ การฉบผ่านขว้างระเบิดหรือกราดยิง แสดงให้เห็นว่าเพราะการเคลื่อนไหวถูกจำกัด ทำให้ต้องเพิ่มความรุนแรงในการก่อเหตุแต่ละครั้งเป็นการชดเชย
         - การลอบวางระเบิดที่สูงถึง ๒๒ เหตุการณ์ โดยเฉพาะมีการกระทำต่อ และไม่สามารถควบคุมเป้าหมายได้ แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ที่จนตรอกของแนวร่วม เนื่องจากการวางระเบิดเป็นการสร้างสถิติที่ง่ายที่สุดและปลอดภัยที่สุด
         - ที่การซุ่มโจมตีเพิ่มจำนวนขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นการสร้างภาพลักษณ์เข้มแข็ง/แข็งแกร่งของแนวร่วมเท่านั้น เนื่องจากในการซุ่มโจมตีทั้งหมด ๑๗ เหตุการณ์ นั้น เป็นการเข้าโจมตีหลังมีการระเบิดจนเป้าหมายบาดเจ็บแล้ว ๓ เหตุการณ์ และเป็นการข้างระเบิดและกราดยิงที่มั่นในลักษณะ เพื่อความปลอดภัย ๘ เหตุการณ์
         - เมื่อพิจารณาจากการซุ่มโจมตีที่มีการเผชิญหน้า/ปะทะ โดยเจ้าหน้าที่เป็นฝ่ายสูญเสียมากกว่าและการหลอกล่อให้ จนท.เข้ามาติดกับ ประกอบกับการก่อกวนง่าย ๆ ที่ลดน้อยลง อาจสรุปได้ว่า แนวร่วมระดังล่างถูกควบคุมการเคลื่อนไหวจนทำให้ต้องใช้การปฏิบัติของผู้ที่ได้รับการฝึกมาแล้ว
          - แพร่กระจายใบปลิวโจมตีสถาบันในลักษณะที่ครอบคลุมเหตุการณ์นอก ๓ จชต. เป็นครั้งแรก ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ย่อมส่งผลกระทบต่อโครงการหลวงซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญ ของการแยก ๓ จชต. ของทั้งแกนนำแนวร่วมและรัฐบาล
         - มีการหลอกล่อเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและข้าราชการ เข้าสู่กับดักอย่างได้ผล แม้จะลดจำนวนเหตุการณ์ลง หากความสูญเสียแต่ละครั้งยังสูงอยู่ อย่างไรก็ตาม ความระมัดระวัง เป็นเหมือนดาบ ๒ คม เนื่องจากทำให้ จนท.ไม่สามารถออกช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที อันมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ จนท.
          - มีการปลุกพลังมวลชนเข้ามาหนุนช่วยต่อรองกับรัฐบาลแล้ว หลังจากที่ได้หยุดไปตั้งแต่กลางปี ๒๕๕๐ โดยได้เริ่มแล้วที่ ต.ปะเสยาวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี

การเคลื่อนไหวของแนวร่วม sympathizer และกลุ่มแสวงประโยชน์
          แกนนำแนวร่วม sympathizer และกลุ่มที่เข้ามาแสวงหาประโยชน์จากปัญหาความหวาดระแวงของคนต่างเชื้อชาติ / ศาสนาใน ๓ จชต. ยังคงประสานการเคลื่อนไหวใช้เงื่อนไขที่รัฐบาล ไม่สามารถหยุดการก่อเหตุ และการก่อเหตุที่มีความรุนแรงขึ้น โดยละเลยไม่นำพาการที่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวเชิงกว้างได้ ชี้นำให้สังคมเห็นว่าการมีทหารนอกพื้นที่เข้าไปประจำอยู่ใน ๓ จชต. ไม่สามาถแก้ไขปัญหาได หากต้องให้คนในพื้นที่เข้ามามีส่วน ในการแก้ไขปัญหากันเอง และด้วยการซ่อนเร้นการกดดันให้มีการปลดอาวุธ คนไทยพุทธไว้อย่างชาญฉลาด ที่สำคัญคือ ความพยายามเสี้ยมความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับทหาร อย่างไม่ลดละ ทั้งโดยการประขุม สัมมนา การให้สัมภาษณ์ และการตีพิมพ์บทความ รวมทั้งการอ้าง “ความสมานฉันท์” คุกคามให้เกิดการเบี่ยงเบนข้อเท็จจริง ซึ่งจะทำให้การแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ได้แก่
          - องค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๒๒ องค์กร ร่วมกันทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้รัฐบาลทบทวนการทำงาน และเร่งรัดหาตัวผู้กระทำความผิดกรณี การลอบสังหารหมู่ประชาชนที่มัสยิดอัลฟุรกอน แต่ที่สำคัญคือ ๑ ใน ๔ ข้อเรียกร้องขององค์กรภาคประชาสังคมคือ การฉวยโอกาสเรียกร้อง รัฐบาลดำเนินการปลดอาวุธของพลเรือน ที่ไร้สังกัดทุกฝ่ายโดยเร่งด่วน
          คณะเอกอัครราชทูตกลุ่มประเทศสมาชิกโอไอซี (OIC) ประกอบด้วยเอกอัครราชทูต จากประเทศบังคลาเทศ อิหร่าน คูเวต ปากีสถาน กาตาร์ สหรัฐเอมิเรดส์ (ยูเออี) คาซัคสถาน โอมาน มาเลเซีย อินโดนิเซีย และบรูไนดารุสลาม พร้อมสื่อมวลชนที่มีอิทธพลของประเทศมุสลิม ได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ และความเป็นอยู่ของอิสลามใน ๓ จชต.
          - สถาบันอิศรา ยังคงดึงรั้งให้กรณีไอปาแย ยืดเยื้อเพื่อจุดขายต่อไป โดยการโน้มน้าวให้สาธารณชน ให้เชื่อว่า OIC ไม่พอใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้ง ๆ ที่โดยแท้จริงแล้วทาง OIC ดูเหมือนจะพอใจต่อการที่รัฐบาลเอาอกเอาใจอิสลามอย่างผิดปกติอยู่แล้ว อีกทั้งยังพยายามปลุกปั่นให้ชาวบ้านเกิดความต่อต้าน และหวาดระแวงต่อการเข้าไปให้การช่วยเหลือชาวบ้านของทางราชการ
          ดร....สส. ระบบสัดส่วน พรรค... และอดีตนักวิชาการ เริ่มดำเนินการจากกรณีไอปาแย เพื่อชี้นำว่ารัฐบาลไม่ได้แก้ไขปัญหาความเป็นธรรมอย่างแท้จริง พร้อมทั้งนำ OIC มาเป็นเครื่องมือในการคุกคามรัฐบาลของตนเอง เพื่อสรุปว่าควรมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ อย่างสอดคล้องกับความต้องการของ นรม.
          นาย......นักสิทธิมนุษยชนและที่ปรึกษาสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย (ยมท.) พยายามตอกลิ่มความขัดแย้งทหาร – รัฐบาล โดยการโน้มน้าวให้รัฐบาลเห็นว่า การแก้ปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลอยู่ภายใต้การควบคุมของทหาร
          ประธานสภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุข จังหวัดยะลา และอดีตรองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา พยายามโน้มน้าวให้แม่ทัพภาคที่ ๔ มั่นใจว่า การยกเลิก curfew ในพื้นที่ อ.ยะหา และ อ.บันนังสตา อย่างถาวรว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องตรงกับความต้องการของประชาชน

การแข่งขันซื้อใจอิสลามของรัฐบาลและทหาร
          การขาดเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาล ทำให้ทั้งรัฐบาลและทหารต้องแข่งกันซื้อใจอิสลาม อย่างไม่ลดละ โดยรัฐบาลใช้การเหยียบย่ำคนไทยพุทธ การนำตัวแทนอิสลามจากต่างประเทศมาให้กำลังใจคนใน ๓ จชต. การแยกงานความมั่นคงออกจากงานพัฒนา ให้ชัดเจนขึ้น และสำคัญคือ การแยกให้ ๓ จชต. มีการบริหารและการปกครองที่แตกต่างออกไป จากส่วนอื่นของประเทศไทย เป็นจุดขาย ขณะที่ทหารก็ใช้ชีวิตและทรัพย์สิน ของคนบริสุทธิ์มาเป็นจุดขายแข่งกับรัฐบาล
          นายก ฯ สั่งการให้ตำรวจออกหมายจับผู้ที่ก่อเหตุที่มัสยิดไอปาแย เพิ่มขึ้นให้ได้ พร้อมนำรูปผู้ต้องหาติดประจานให้ทั่ว ๓ จชต. ซึ่งจะทำให้ความแตกแยกระหว่างคนต่างเชื้อชาติ และศาสนาใน ๓ จชต. ร้าวลึกลงไปอีก
          ครม.เห็นชอบยกระดับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ให้ขึ้นตรงกับฝ่ายการเมือง และที่สำคัญคือ มีงบประมาณเป็นของตนเอง ซึ่งจะทำให้การซื้อ ของรัฐบาลสะดวกและรวดเร็วขึ้น
         รมว.ต่างประเทศ นำคณะเอกอัครราชทูตกลุ่มประเทศสมาชิกโอไอซี ลงตรวจตราดูความเป็นอยู่ของอิสลาม ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
         ทัพภาค ๔ ประกาศยกเลิก curfew ในพื้นที่อันตราย ๒ แห่งคือ ที่ อ.บันนังสตา และ อ.ยะหา อย่างถาวร ตั้งแต่ ๑๐ ส.ค.๕๒ เป็นต้นไป เพื่อให้แนวร่วมสามารถทำงานได้สะดวกขึ้น ซึ่งก็ปรากฏว่าได้รับการสนองตอบจากแนวร่วม เป็นอย่างดีในทันที ด้วยการก่อเหตุทั้งและหลัง การยกเลิกกฎอัยการศึกใน ๒ อำเภอ รวมกันถึง ๑๔ เหตุการณ์ และอีก ๔ เหตุการณ์ ที่ อ.กรงปินัง มากกว่าครึ่งหนึ่งของการก่อเหตุรวมกันทั้งจังหวัด

                                               ............................................



 
 
dooasia.com
สงวนลิขสิทธิ์ © 2550 ดูเอเซีย    www.dooasia.com

เว็บท่องเที่ยว จองที่พัก จองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ ข้อมูลท่องเที่ยว ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม แผนที่ การเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร จองที่พักและโรงแรมออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตทั่วโลก คลิปวีดีโอ ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ลาว เวียดนาม ขอขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวลาว การท่องเที่ยวกัมพูชา การท่องเที่ยวเวียดนาม มรดกไทย กรมป่าไม้
dooasia(at)gmail.com ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย. สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์