ท่องเที่ยว || เพิ่มข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว|| ดูดวงตำราไทย|| อ่านบทละคร|| เกมส์คลายเครียด|| วิทยุออนไลน์ || ดูทีวี|| ท็อปเชียงใหม่ || รถตู้เชียงใหม่
  dooasia : ดูเอเซีย   รวมเว็บ   บอร์ด     เรื่องน่ารู้ของสยาม   สิ่งน่าสนใจ  
 
สำหรับนักท่องเที่ยว
ตรวจสอบระยะทาง
แผนที่ 77 จังหวัด
คู่มือ 77 จังหวัด(PDF)
จองโรงแรม
ข้อมูลโรงแรม
เส้นทางท่องเที่ยว(PDF)
ข้อมูลวีซ่า
จองตั๋วเครื่องบิน
จองตั๋วรถทัวร์
ทัวร์ต่างประเทศ
รถเช่า
197 ประเทศทั่วโลก
แลกเปลี่ยนเงินสากล
ซื้อหนังสือท่องเทียว
dooasia.com แนะนำ
  เที่ยวหลากสไตล์
  มหัศจรรย์ไทยเแลนด์
  เส้นทางความสุข
  ขับรถเที่ยวตลอน
  เที่ยวทั่วไทย 77 จังหวัด
  อุทยานแห่งชาติในไทย
  วันหยุดวันสำคัญไทย-เทศ
  ศิลปะแม่ไม้มวยไทย
  ไก่ชนไทย
  พระเครื่องเมืองไทย
 
 
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเกาหลี
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศลาว
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเวียดนาม
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศพม่า
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศจีน
 
เที่ยวภาคเหนือ กำแพงเพชร : เชียงราย : เชียงใหม่ : ตาก : นครสวรรค์ : น่าน : พะเยา : พิจิตร : พิษณุโลก : เพชรบูรณ์ : แพร่ : แม่ฮ่องสอน : ลำปาง : ลำพูน : สุโขทัย : อุตรดิตถ์ : อุทัยธานี
  เที่ยวภาคอีสาน กาฬสินธุ์ : ขอนแก่น : ชัยภูมิ : นครพนม : นครราชสีมา(โคราช): บุรีรัมย์ : มหาสารคาม : มุกดาหาร : ยโสธร : ร้อยเอ็ด : เลย : ศรีสะเกษ : สกลนคร : สุรินทร์ : หนองคาย : หนองบัวลำภู : อำนาจเจริญ : อุดรธานี : อุบลราชธานี : บึงกาฬ(จังหวัดที่ 77)
  เที่ยวภาคกลาง กรุงเทพฯ : กาญจนบุรี : ฉะเชิงเทรา : ชัยนาท : นครนายก : นครปฐม : นนทบุรี : ปทุมธานี : ประจวบคีรีขันธ์ : ปราจีนบุรี : พระนครศรีอยุธยา : เพชรบุรี : ราชบุรี : ลพบุรี : สมุทรปราการ : สมุทรสาคร : สมุทรสงคราม : สระแก้ว : สระบุรี : สิงห์บุรี : สุพรรณบุรี : อ่างทอง
  เที่ยวภาคตะวันออก จันทบุรี : ชลบุรี : ตราด : ระยอง

  เที่ยวภาคใต้ กระบี่ : ชุมพร : ตรัง : นครศรีธรรมราช : นราธิวาส : ปัตตานี : พัทลุง : พังงา : ภูเก็ต : ยะลา : ระนอง : สงขลา : สตูล : สุราษฎร์ธานี


สถานการณ์ ๓ + ๑ จชต.
๑ - ๓๑ ส.ค.๕๓

          การเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในช่วงเวลารายงาน ได้แก่การเคลื่อนไหวของนักการเมือง นักวิชาการ สื่อ และผู้ที่อ้างตนว่าเป็นมลายูอิสลามได้ลดการเคลื่อนไหวเรียกร้องการแบ่งแยกการปกครองลงอย่างน่าสังเกต เช่นเดียวกับกลุ่มการก่อเหตุที่ลดความถี่ในการก่อเหตุลง อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเท่าที่รวบรวมได้พบว่าการก่อเหตุในช่วง ๑-๓๑ ส.ค.๕๓ มีจำนวน ๕๓ เหตุการณ์ ใกล้เคียงกับในช่วงเดียวกันของ ก.ค.๕๓ ซึ่งมีจำนวน ๔๘ เหตุการณ์ และ ๕๔ เหตุการณ์ใน มิ.ย.๕๓ หากการรุกกดดัน/กำจัดไทยพุทธออกจาก ๓ จชต.อย่างแฝงเร้น โดยเฉพาะการกดดันผ่านกระบวนการยุติธรรมยังคงเป็นภัยเงียบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและน่าวิตกอย่างยิ่ง
         ในขณะที่ กลุ่มแกนนำและ sympathizer มลายูอิสลาม ได้ลดบทบาทการปกป้อง ร้องขอและต่อต้านรัฐบาล ทหาร และไทยพุทธลง กลับปรากฏว่า รัฐบาล นักการเมือง ข้าราชการ และngo ชื่อไทยได้อาศัยช่องว่างดังกล่าวเข้ามาเอาใจ ซื้อใจมลายูอิสลามกันอย่างขนานใหญ่ โดยใช้การเรียกร้องให้ยกเลิกการส่งทหารนอกพื้นที่ลง ๓ จชต.และการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินซึ่งเป็นมาตรการที่สามารถป้องปรามการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อเหตุอย่างได้ผล มาเป็นเครื่องมือ ซึ่งบางการกระทำดูเหมือนว่าจะส่งผลให้ความแตกแยกและความหวาดระแวงระหว่างพุทธและอิสลามร้าวลึกลงไปอีก
         การป้องปรามการก่อเหตุของ จนท.ซึ่งยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสัมฤทธิผล ในระดับที่น่าพอใจอันเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลมุ่งแก้ปัญหาศึกรอบด้านทั้งภายในและภายนอกจนไม่มีเวลามาเอาใจและเชิดชูอิสลาม ทำให้ จนท.ทำงานสดวกขึ้น

แนวโน้มของสถานการณ์
          หากไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เชื่อว่าสถานการณ์ใน ๓ จชต.จะยังคงสภาพดังที่เป็นอยู่ในช่วง ๑-๒ เดือนที่ผ่านมาในแนวโน้มความรุนแรงและการเคลื่อนไหวของแกนนำที่ชะลอตัวลง ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการทำงานสกัดความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุได้อย่างคล่องตัว ขณะที่กำลังใจของแนวร่วมจะลดลงจากการที่ไม่มีรัฐบาลหนุนหลัง และแรงหนุนช่วยจากภายนอกโดยเฉพาะจากมาเลเซียคู่แข่งทางเศรษฐกิจของไทยซึ่งส่งผ่านมาทางรัฐบาลไทยลดลง
         ปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องป้องกันอย่างเร่งด่วน คือ
              - การขจัดคนไทยพุทธที่ บ.ลาลู ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส โดยการใช้สื่ออินเตอร์เน็ต ปลุกระดมให้อิสลามเกิดความเกลียดชังและไม่พอใจ จนอาจนำไปสู่การใช้กำลังเข้าถล่มไทยพุทธในพื้นที่นี้ได้
              - การขจัดเผ่าพันธุ์ไทยพุทธที่ ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ซึ่งมีคนไทยพุทธอยู่ประมาณ ๘๐๐ คนเมื่อปี ๒๕๕๐ โดยในช่วงรายงานเป็นการขจัดไทยพุทธใน ม.๓ ซึ่งเป็นเขตเทศบาล จนทำให้คนไทยพุทธ ๘ ครอบครัวอพยพออกจากพื้นที่แล้ว เหลืออยู่ ๖ ครอบครัว และกำลังกดดันไล่กลไกของรัฐที่เป็นไทยพุทธและแยกอิสลามที่อยู่กับไทยพุทธที่ ม.๒ ซึ่งสำเร็จย่อมหมายถึงการล่มสลายของชุมชนพุทธ ๑ ใน ๒ ชุมชน ที่มีอยู่ในตำบลนี้
         ปัญหาที่ต้องพึงตระหนัก
              - การรุกทำลายพื้นที่หลังพิงของไทยพุทธ ทั้งที่เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมและยังไม่เห็นอย่างเป็นรูปธรรม ใน ๒ พื้นที่ คือ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และ อ.เบตง จ.ยะลา กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคนทั่วๆไปยังอาจไม่เห็นถึงภัยคุกคามดังกล่าว
                 อ.โคกโพธิ์ ไทยพุทธยังไร้เดียงต่อภัยคุกคาม จึงง่ายต่อการกำจัดโดยการสร้างความหวาดกลัว โดยในช่วงรายงานมีการดักยิง สามี ภรรยาไทยพุทธในอำเภอเป็นคู่ๆทั้งในและนอกพื้นที่อย่างผิดสังเกตุ ซึ่งสามารถกดดันให้คนไทยพุทธอพยพหนีออกจากพื้นที่ได้แล้ว ที่ม.๖ ต.ควนโนรี
                 อ.เบตง ไทยพุทธและคนไทยเชื้อสายจีนเข้มแข็งเพราะสามารถใช้กำลังได้ในทันทีที่เกิดเหตุ แนวร่วมจึงอาศัยมือของเจ้าหน้าที่รัฐทำลายความเข้มแข็งดังกล่าวลงได้อย่างต่อเนื่องและสัมฤทธิ์ผลตามลำดับ

สถิติและนัยการก่อเหตุ
         การก่อเหตุในช่วง ๑-๓๑ ส.ค.๕๓ เท่าที่รวบรวมได้ สรุปได้ว่ามีการก่อเหตุ จำนวน ๕๓ เหตุการณ์ ใกล้เคียงกับ ๔๘ เหตุการณ์ ใน ก.ค. ๕๓ ทั้งนี้ จ.ปัตตานี เป็นพื้นที่ ที่มีการก่อเหตุ มากที่สุด ๒๑ เหตุการณ์ โดย อ.ยะรัง มีการก่อเหตุสูงสุด ๓ เหตุการณ์ ขณะที่ อ.กะพ้อ และ อ.หนองจิก ๒ เหตุการณ์ เท่ากัน รองลงมาคือ จ.นราธิวาส มีการก่อเหตุ ๑๗ เหตุการณ์ โดย อ.รือเสาะ มีการก่อเหตุมากที่สุด ๕ เหตุการณ์ ส่วน จ.ยะลา มีการก่อเหตุ ๑๕ เหตุการณ์ โดย อ.เมือง มีการก่อเหตุมากที่สุด ๖ เหตุการณ์ ส่วน ส่วน จ.สงขลา ไม่ปรากฏรายงานการก่อเหตุ ทั้งนี้ การก่อเหตุทั้ง ๕๓ เหตุการณ์ แยกเป็นการลอบยิงตัวบุคคล ๓๖ เหตุการณ์ รองลงมาคือการวางระเบิด ๑๒ เหตุการณ์ การซุ่มโจมตี ๓ เหตุการณ์ และการเผา ๒ เหตุการณ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวม ๖๔ คน แยกเป็น พุทธ ๓๔ คน (เสียชีวิต ๑๕ คน บาดเจ็บ ๑๙ คน) อิสลาม ๓0 คน (เสียชีวิต ๑๑ คน บาดเจ็บ ๑๙ คน)

ข้อพิจารณา
         ๑. การก่อเหตุซึ่งแม้จะมีความถี่ไม่ต่างจากช่วง ๒-๓ เดือนที่ผ่านมา หากยังมีนัยถึงแรงกดดันอย่างหนักและอย่างเจาะจงต่อคนไทยพุทธ โดยเฉพาะที่ จ.ปัตตานี อาทิ
              - การเข้าไปกราดยิงคนไทยพุทธในร้านซ่อมจักรยานที่ ม.๔ ต.รูสะมีแล อ.เมือง จ.ปัตตานี ทำให้คนไทยพุทธบาดเจ็บสาหัส ๔ คน ไม่เว้นแม้เด็กอายุ ๔ ขวบ เมื่อ ๗ ส.ค.๕๓
              - การบุกเข้าไปจ่อยิงนายสัญชัย อัครพงษ์พันธ์ รอง ผอ.โรงเรียนบ้านนอกเสียชีวิตต่อหน้าภรรยาและลูกในบ้านที่ ม.๓ เขตเทศบาลตำบลปะนาเระ ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อ๑๗ ส.ค.๕๓ -การไล่ยิงสามีภรรยาไทยพุทธจาก ม.๖ ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ เสียชีวิตในพื้นที่ เมื่อ ๒๓ ส.ค.๕๓ -การไล่ยิงสามีภรรยาไทยพุทธจาก ม.๓ ต.มะกรูด อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี บาดเจ็บสาหัส ๑ คน ในพื้นที่ เมื่อ ๒๗ ส.ค.๕๓
              - การไล่ยิงสามีภรรยาไทยพุทธจาก ม.๒ ต.คอกกระบือ เสียชีวิตที่ ม.๓ ต.พ่อมิ่ง จ.ปัตตานี เมื่อ ๒๙ ส.ค.๕๓ ซึ่งส่งผลให้จำนวนความสูญเสียของไทยพุทธสูงกว่าอิสลาม(ไม่นับรวมความสูญเสียด้านทรัพย์สินและธุรกิจ)
         ๒. เป็นที่น่าสังเกตุว่าการก่อเหตุในช่วงเวลารายงานมีการกระทำต่อเป้าหมายกลไกของรัฐที่เป็นอิสลามหลายเหตุการณ์ อาทิ
              - การกราดยิงกำนันและสารวัตรกำนัน ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ เสียชีวิตและ ผช.ผญบ.ม.๒ ตำบลเดียวกันบาดเจ็บสาหัส ที่ บ้านไอร์กลูแป ม.๒ ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ เมื่อ ๓ ส.ค.๕๓
               - การยิงผช.ผญบ.ม.๒ ต.บาโรย อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เสียชีวิตบนถนนสาย ๔๒ ปัตตานี-นราธิวาส ม.๔ ต.กระหวะ อ.มายอ เมื่อ ๑๗ ส.ค.๕๓
               - การยิงผช.ผญบ.สะปอม เสียชีวิตที่ ม.๓ ต.ปะแต อ.ยะหา
               - การยิงผช.ผญบ.หน้าโรงเรียนบ้านโคกขี้เหล็ก ม.๖ ต.เข้าตูม อ.ยะรัง เมื่อ ๒๓ ส.ค.๕๓
               - การยิงพนักงานพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติเทือกเขาบูโด-สุไหงปาดี บาดเจ็บสาหัสที่ บ้านปาเซ ม.๗ ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อ ๒๗ ส.ค.๕๓ (ไม่นับรวม ชรบ.ซึ่งมีอยู่หลายเหตุการณ์)
         ๓. การก่อเหตุมีลักษณะของความพยายามก่อเหตุเพื่อกลบความอ่อนล้า และเพื่อให้เห็นว่ายังมีความฮึกเหิมอยู่ ด้วยการซุ่มยิงจนท.แต่ก็สามารถทำได้เพียง ๓ เหตุการณ์ เท่านั้น โดยเกิดที่ จ.ปัตตานี ๒ เหตุการณ์และ จ.นราธิวาส ๑ เหตุการณ์ ที่สำคัญซึ่งเป็นการท้าทายอย่างยิ่งคือการลอบวางระเบิดดักสังหาร พ.ต.ท.สมใจ เหมืองมิ้น สว.ป.สภ.ระแงะ และพวกได้รับบาดเจ็บสาหัส ๓ นายบริเวณตรงข้ามบ้านพักของ นายนัจมุดดีน อูมา ส.ส.นราธิวาส พรรคมาตุภูมิ เมื่อ ๑๒ ส.ค.๕๓
         ๔. การก่อเหตุมีลักษณะของความพยายามคงสถิติไม่ให้ตกลง ดังจะเห้นได้จากการเร่งก่อเหตุถึง ๒0 เหตุการณ์ในช่วง ๒๕-๓๑ ส.ค.๕๓ ขณะที่ในช่วง ๓ สัปดาห์แรกมีการก่อเหตุเพียง ๓๓ เหตุการณ์ เท่านั้น

การเคลื่อนไหวของแกนนำและ sympathizer
         นักการเมือง นักวิชาการ สื่อ และผู้ที่อ้างตนว่าเป็นมลายูอิสลามได้ลดการเคลื่อนไหวเรียกร้องการแบ่งแยกการปกครองลงอย่างน่าสังเกต หากการรุกกดดัน/กำจัดคนไทยพุทธออกจาก ๓ จชต.อย่างแฝงเร้น โดยเฉพาะการกดดันผ่านกระบวนการยุติธรรมยังคงเป็นภัยเงียบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและน่าวิตกอย่างยิ่ง
          - การเร่งสลายไทยพุทธ ใน ม.๒ และในเขตเทศบาล (ม.๑และม.๓ )ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ ของนายสะมาอูน เวาะเย็ง อิหม่ามมัสยิดบ้านนาพร้าว/แกนนำแนวร่วม ใน ม.๒ ต.ปะนาเระ โดยการฆ่าขับไล่ชาวบ้านและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทเพื่อปลดนาย สมพร ผญบ.ไทยพุทธ ม.๒ พร้อมๆไปกับการกดดันให้เกิดการยอมรับให้บริเวณมัสยิดเป็นพื้นที่ปลอดอำนาจรัฐ อันจะกลายมาเป็นตัวอย่างแก่มัสยิดอื่นๆ
         - การสลายพลังของไทยพุทธใน อ.เบตง จ.ยะลาผ่านกลไกของรัฐ ซึ่งจะทำให้คนไทยพุทธและคนไทยเชื้อสายจีนอ่อนแอลงจนกลายมาเป็นเป้าหมายของกลุ่มก่อเหตุดังเช่นพื้นที่อื่นๆในที่สุด บทความ เมื่อ"ตำรวจ"วิพากษ์"ตำรวจ" จุดอ่อนงานสอบสวนและอันตรายจากการติดอาวุธประชาชน ซึ่งตีพิมพ์ในสื่อสถาบันอิศรา เมื่อ ๑๕ ส.ค.๕๓ “......ในความเห็นของผมคิดว่ากองกำลังภาคประชาชนที่เข้ามาทำงานด้วยจิตอาสาถือว่า เป็นเรื่องที่ดี … แต่ช่วงหลังๆ ภาครัฐเริ่มให้หลายๆ สิ่งหลายๆ อย่าง เช่นมอบอาวุธ มีสิทธิพิเศษต่างๆ...ในความเห็นของผมคิดว่า....เป็นปัจจัยที่สร้างปัญหา และสร้างความแตกแยกให้กับชุมชน ….. ตัวอย่างที่ผ่านมาก็เคยเกิดเหตุ อรบ. (อาสาสมัครรักษาหมู่บ้าน) ยิงเด็กวัยรุ่นมุสลิมเสียชีวิต …..
          - การเตรียมสลายชุมชนไทยพุทธ บ้านลาลู ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส โดยใช้การสื่อสารทางอินเตอร์เน็ต ปลุกระดมให้มีการต่อต้านคนไทยพุทธในพื้นที่นี้
         สำหรับแนวร่วมและ sympathizer ที่ยังมีการเคลื่อนไหวในลักษณะ ปกป้อง ร้องขอ และต่อต้านอยู่เช่นเดิม โดยเฉพาะการชี้นำให้เห็นความไม่เป็นธรรมที่อิสลามได้รับและการแก้ปัญหาความรุนแรงด้วยการแบ่งแยกการปกครอง และที่สำคัญคือการปลุกระดมให้ต่อต้านการประกอบอาชีพของคนไทยพุทธ
         - สถาบันอิศรา ลงบทความ ฟังความรู้สึกของ"คนสิ้นอิสรภาพ" และร่วมบริจาคในเดือนถือศีลอดช่วยผู้ต้องขังคดีความมั่นคง เมื่อ ๑๔ ส.ค.๕๓ ซึ่งเป็นการออกสัมภาษณ์ผู้ต้องขังโดยการตั้งคำถามนำ เพื่อนำสู่คำตอบที่กำหนดไว้แล้วคือ การแบ่งแยกการปกครองแบบมลายูเพื่อมลายู บทความ เมื่อ"ตำรวจ"วิพากษ์"ตำรวจ" จุดอ่อนงานสอบสวนและอันตรายจากการติดอาวุธประชาชน เมื่อ๑๕ สิงหาคม ๕๓ ซึ่งเป็นการออกสัมภาษณ์นายตำรวจอิสลามเพื่อให้ได้ผลสรุปออกมาว่า การที่คนไทยพุทธมีอาวุธป้องกันตนเอง ทำให้เกิดปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ บทความ สมัชชาปฏิรูปชุด"หมอประเวศ"เสนอรัฐ "งดใช้ พ.ร.ก.- ถอนทหาร ๓ เดือน" ทดลองดับไฟใต้! เมื่อ ๒๕ ส.ค.๕๓ ซึ่งชี้นำให้มีการหยุดส่งทหารลง ๓ จชต.และยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
         - มุสลิมไทยดอทคอม กำลังปลุกระดมให้มีการต่อต้านการประกอบอาชีพของคนไทยพุทธที่บ้านลาลู ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ ” ผู้สื่อข่าวมุสลิมไทย ได้สอบถามกับแหล่งข่าวหลายๆคน ก็สร้างความประหลาดใจกับข่าว “นำลองกอง ไปผลิตไวน์” โดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งผลิตอยู่ในจังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ทั้งนี้ไวน์ เป็นเครื่องดื่มมึนเมา ที่ผิดหลักการศาสนบัญญัติ (หรือฮาราม) แหล่งข่าวกล่าวว่าไม่ควรที่จะผลิตสินค้าฮารามในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะเหล้าหรือไวน์ เลย อีกทั้งมุสลิมในพื้นที่หากทราบข่าวคงไม่มีความสุข.....สำนักข่าวมุสลิมไทยจะเกาะติดไวน์บ้านลาลู ต่อไป...”
          - เพชรดาว โต๊ะมีนา ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพจิตที่ ๑๕ (๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้) ให้สัมภาษณ์ “สิ่งที่ทุกคนต้องการคือการดูแลด้านจิตใจ ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้อยู่ในฐานข้อมูลของภาครัฐ ฉะนั้นถึงแม้การทำงานของราชการจะทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ในบางมิติที่สำคัญก็ยังไม่ได้ทำ เช่น บุตรของผู้ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะครอบครัวของผู้ต้องขังคดีความมั่นคง ยังไม่มีโครงการใดที่มุ่งเยียวยาและปลูกฝังสิ่งที่ถูกต้องให้กับพวกเขา หมอไม่อยากให้รัฐมองว่าคนเหล่านี้เป็นครอบครัวของผู้ก่อการ แต่อยากให้มองว่าพวกเขาอีกชีวิตหนึ่งในผืนแผ่นดินไทย” ….สถาบันอิศรา เมื่อ ๘ ส.ค.๕๓
          - ปัทมา หีมมิหน๊ะ แกนนำกลุ่มด้วยใจ ...กล่าวอีกว่า ขณะนี้จัดกิจกรรมเยี่ยมครอบครัวผู้ต้องขังไปแล้วจำนวน ๑๒๐ ครอบครัว แยกเป็น ๔ จังหวัด จังหวัดละ ๓๐ ครอบครัว รวม ๑๒๐ ครอบครัว โดยของเยี่ยมที่จะไปมอบให้ครอบครัวผู้ต้องขัง มีทั้งอินทผลัม ข้าวสาร น้ำตาลทราย น้ำมันพืช และอื่นๆ ใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น ๕๓,๒๐๐ บาท ปัญหาที่พบในขณะนี้คือครอบครัวผู้ต้องขังมีมากถึง ๔๐๐-๕๐๐ ครอบครัว แต่ของบริจาคมีอยู่จำกัด เกรงว่าจะช่วยเหลือไม่ครบทุกครอบครัว จึงอยากขอให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคด้วย

ปฏิบัติการการซื้อใจอิสลามของรัฐ ข้าราชการและ ngo ชื่อไทย
          นักการเมือง ข้าราชการ และ ngo ชื่อไทยได้อาศัยช่องว่างที่กลุ่มแกนนำและ sympathizer มลายูอิสลามลดการเคลื่อนไหวลง เข้ามาประจบซื้อใจมลายูอิสลามกันอย่างขนานใหญ่ โดยใช้การเรียกร้องให้ยกเลิกการส่งทหารนอกพื้นที่ลง ๓ จชต.และการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเครื่องมือ ซึ่งบางการกระทำดูเหมือนว่าจะส่งผลให้ความแตกแยกและความหวาดระแวงระหว่างพุทธและอิสลามร้าวลึกลงไปอีก
         - ยธ.อนุมัติเงินประกันตัวล็อตแรก ๑๕ ผู้ต้องขังคดีความมั่นคง อัยการสั่งถอนฟ้องเหยื่อ “จีที ๒๐๐”......นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ลงนามในคำสั่งที่ ยธ.๒๒๔/๕๓ เรื่องตั้งคณะทำงานช่วยเหลือผู้ต้องขังคดีความมั่นคงและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยระบุเหตุผลว่า เพื่อให้ดำเนินการช่วยเหลือเรื่องการขอประกันตัวหรือปล่อยชั่วคราวของผู้ต้องขังคดีความมั่นคงอย่างเป็นระบบ....
         - โครงการวันแม่...รู้เท่าทันลูก นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผอ.ศอ.บต. เป็นประธานเปิดโครงการวันแม่...รู้เท่าทันลูก เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ๑๒ ส.ค. ๕๓ โดยมีองค์กรเอกชน ๑๖ แห่ง นพ.แวมาฮาดี แวดาโอ๊ะ ส.ส.นราธิวาส และประธานที่ปรึกษาสถาบันอันมะหะดีย์ นายการุณ ไทยสนิท นายกอบต.กะลุวอเหนือ รวมทั้งแม่บ้านชาวไทยมุสลิม ๑๓ อำเภอกว่า ๔,๐๐๐ คน เข้าร่วมโครงการ
         - ที่ประชุมสมัชชาปฏิรูปที่มี นายประเวศ วะสี เป็นประธาน เมื่อ ๒๕ ส.ค.๕๓ ได้สรุปแนวทางการทำงานรวม ๕ ด้าน โดยหนึ่งในนั้นคือข้อเสนอแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการทดลองงดใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) และงดส่งทหารลงพื้นที่เป็นเวลา ๓เดือน ซึ่งปรากฏว่านายกรัฐมนตรีได้ผลีผลามตอบรับเห็นด้วยในทันที
         - คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญติดตาม เร่งรัด ประเมินผลการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ วุฒิสภา ซึ่งมี พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ ประธาน ได้นำคณะกรรมาธิการและผู้เกี่ยวข้องประมาณ ๕0 คน เข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อ ๒๕ ส.ค.๕๓ เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งสรุปได้ว่า......ทุกความขัดแย้งจะสามารถยุติลงได้จากการริเริ่มพูดคุยสันติภาพ (Peace Talk) กับกลุ่มที่เห็นต่างจากรัฐ และให้รัฐบาลเร่งรัดให้มีการสะสางคดีต่างๆ ที่ทำให้ประชาชนเกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจและไม่ได้รับความเป็นธรรม อาทิ กรณีการเสียชีวิตของประชาชนจากการสลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ ๒๕ ต.ค.๔๗ เป็นต้น
         - คณะธรรมยาตราเดินเท้ารณรงค์สร้างสันติวิธี ๑,๑๐๐ กม.สู่ปัตตานี นำโดยนายโคทม อารียาได้เดินเท้าจากศาลายา จ.นครปฐม เมื่อวันที่ ๑๑ ก.ค.๕๓ โดยมีผู้ร่วมเดินทางตลอดเส้นทาง ๖ คน จนถึงขณะนี้มีสมาชิกเข้าร่วมเดินรวม ๑๖ คน โดยมีจุดมุ่งหมายร่วมเดินเท้าให้ถึงมัสยิดกลางปัตตานีในวันที่ ๑ ก.ย.๕๓ นี้ ให้สัมภาษณ์ ต่อสื่อเมื่อ ๖ ส.ค.๕๓ “……การก่อเหตุใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนเองมองว่าเกิดจาก ๒ ประเด็นหลัก คือ ความอยุติธรรมระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนในพื้นที่ และเรื่องความเป็นอัตลักษณ์ของประชาชนในพื้นที่ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ...”
         - พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการโครงการเข้าถึงความยุติธรรมและคุ้มครองทางกฎหมาย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ยังแสดงความไม่พอใจโครงการใช้เงินภาษีของประชาชนทั้งประเทศประกันตัวผู้ต้องขังคดีแบ่งแยกดินแดนของยธ. “ .... กรณีให้สิทธิ์ผู้ต้องขังประกันตัวเองได้ โดยสามารถใช้เงินจากกองทุนยุติธรรม ปัญหาก็คือต้องให้เจ้าหน้าที่สามฝ่ายรับรอง ได้แก่ ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก เพราะคนเหล่านี้ถูกจับจากความเห็นชอบของเจ้าหน้าที่สามฝ่าย แล้วจะให้เจ้าหน้าที่สามฝ่ายรับรองให้ประกันตัวได้อย่างไร ”

                                               ............................................



 
 
dooasia.com
สงวนลิขสิทธิ์ © 2550 ดูเอเซีย    www.dooasia.com

เว็บท่องเที่ยว จองที่พัก จองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ ข้อมูลท่องเที่ยว ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม แผนที่ การเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร จองที่พักและโรงแรมออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตทั่วโลก คลิปวีดีโอ ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ลาว เวียดนาม ขอขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวลาว การท่องเที่ยวกัมพูชา การท่องเที่ยวเวียดนาม มรดกไทย กรมป่าไม้
dooasia(at)gmail.com ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย. สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์