ความสัมพันธ์ของขอมและเจนละ
ความสัมพันธ์ของขอมและเจนละ (พุทธศตวรรษที่
๑๑-๑๙)
อาณาจักรเจนละ หรือเจิ้นละ อยู่ท่างตะวันตกเฉียงใต้
ของอาณาจักรหลินยี่ (จามปา)
ปัจจุบันนี้คือประเทศกัมพูชาและดินแดนภาคอีสานตอนใต้ของประเทศไทย
แถบลุ่มแม่น้ำมูลซึ่งเป็นพื้นที่ของจังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ
เดิมนั้นอาณาจักรเจนละเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรฟูนัน
ต่อมาได้มีพวกเจนละกำลังกล้าแข็งขึ้นจึงประกาศอิสรภาพในพุทธศตวรรษที่ ๑๑
เจ้าชายจิตรเสน
แห่งอาณาจักรเจนละ
(ต่อมาครองราชย์เป็นพระเจ้ามเหนทรวรมัน)ได้ยกทัพไปรุกรานอาณาจักรฟูนัน
แถบฝั่งแม่น้ำโขงและแม่น้ำมูล ในระหว่าง พ.ศ. ๑๑๑๐-๑๑๕๐
ในสมัยนั้นพระโอรสของพระองค์คือ พระเจ้าอิศนวรมัน
ได้ทำการปราบปรามและครอบครองดินแดนของอาณาจักรฟูนันได้ทั้งหมด
ทรงตั้งเมืองอิศานปุระ
ขึ้นทางเหนือของเมืองกัมปงธมโดยมีปราสาทสัมโบร์ไพรกุกเป็นสัญลักษณ์
ชนชาติเจนละ
เป็นต้นตระกูลของเขมรโบราณหรือขอม
พลเมืองของอาณาจักรเจนละประกอบด้วยชนเผ่าขอมในเขมร และขอมที่อพยพมาตามลำแม่น้ำโขง
กับพวกจามจากเมืองจำปาศักดิ์ ชนชาตินี้ได้รับวัฒนธรรมสืบมาจากอาณาจักรฟูนัน เช่น
การสร้างวัดบนภูเขาการใช้น้ำเพื่อการเกษตร
และลัทธิที่นับถือกษัตริย์นั้นเป็นผู้แทนอารยธรรมจากอินเดีย
อาณาจักรเจนละ
ตั้งศูนย์กลางอยู่ตอนเหนือของทะเลสาบเขมร มีเมืองหลวงอยู่ใกล้เมืองกำปงธมในปัจจุบัน
ชนชาติเจนละแบ่งออกเป็นสองพวกคือ
พวกเจนละบก
อยู่ในที่สูง อยู่บริเวณดินแดนลาวตอนใต้ เช่น เมืองโคตรบอง เมืองเศรษฐปุระ
(บริเวณปราสาทวัดภู แขวงจำปาสัก ) เมืองสุวรรณเขต แขวงท่าแขก ประเทศลาว
ส่วนพวกเจนละน้ำ
อยู่บริเวณทะเลสาบเขมรประกอบด้วย เมืองสวายเรียง เมืองกระเตี้ยและเมืองเสียราฐ
เมืองศรีมโหสถ (อยู่ในอำเภอโคกปีบ จังหวัดปราจีนบุรี)
ในพุทธศตวรรษที่ ๑๒ -๑๗
อาณาจักรขอมมีอิทธิพลแผ่ขยายไปทั่วแหลมทองหรือดินแดนสุวรรษภูมิ
จึงมีการสร้างปราสาทหินขึ้นตามยุคสมัยไว้หลายแห่ง เช่น
·
ปราสาทภูมิโปน
ที่ บ้านปูมิโปน ตำบลดม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ (สมัยสัมโบร์ไพรกุก
อาณาจักรเจนละ พุทธศตวรรษที่ ๑๑
๑๒)
·
ปราสาทสังข์ศิลปะชัย
ที่ ต.บ้านจารย์ อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์
·
ปราสาทเขาน้อยตำบลคลองน้าใส
อำเภออรัญญปรเทศ จังหวัดสระแก้ว (สมัยไพรกะเม็ง อาณาจักรเจนละ พุทธศตวรรษที่ ๑๒
-๑๓)
·
ปราสาทเขาพระวิหาร
ใกล้จังหวัดศรีสะเกษ (พุทธศตวรรษที่ ๑๕ พระเจ้าสุริยวรมันที่ ๑)
·
ปราสาทเมืองต่ำที่จังหวัดบุรีรัมย์
(พุทธศตวรรษที่ ๑๕
๑๖)
·
ปราสาทหินพิมาย
ที่จังหวัดนครราชสีมา (ศิลปะปาปวน พุทธศตวรรษที่ ๑ สมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒)
·
ปราสาทพนมรุ้งที่จังหวัดบุรีรัมย์
(พุทธศตวรรษที่ ๑๗ สมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒)
·
ปราสาทเมืองสิงห์
ที่กาญจนบุรี (พุทธศตวรรษที่ ๑๘)
นอกจากนี้ยังมีโบราณสถานนั้นที่ปรางค์สามยอด ที่ลพบุรี
เมืองศรีเทพที่เพชรบูร์และเมืองศรีวัตสะ
ปุระ ที่อำเภอศรีมหาโพธิ์
จังหวัดปราจีนบุรีอีกด้วยอาณาจักรขอมที่เคยยิ่งใหญ่นั้นต่อมาได้เสื่อมอำนาจลงในพุทธศตวรรษที่
๑๘ โดยชนชาติไทย ซึ่งมีผู้นำคนสำคัญ คือขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง
และขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด ได้ทำการร่วมกันยึดอำนาจจากขอมที่เมืองสุดขทัย
และทำการปกครองดินแดนบางส่วนของขอมไว้ในที่สุด
สำหรับเหตุการณ์สำคัญของอาณาจักรขอมนั้นมี ดังนี้
พ.ศ. ๑๓๕๕
พระเจ้าชัยวรมันที่ ๒ (พ.ศ. ๑๓๔๕
๑๓๙๓)
ทรงรวบรวมดินแดนที่เคยเป็นเจนบกและเจนน้ำ
สถาปนาอาณาจักรเจนละเป็นอิสรภาพจากราชวงค์ไศเลนทร์ในชวา
พ.ศ. ๑๔๓๒
พระเจ้ายโศวรมันที่ ๑ (พ.ศ. ๑๔๓๒
๑๔๔๓ )
ทรงสร้างเมืองยโสธรปุระเป็นเมืองหลวง
ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นนครธมหรือพระนครหลวงหรือพระนคร
พ.ศ ๑๕๑๖
ได้มีการบูรณะปราสาทตาเหมือนธม ที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
ซึ่งสร้างมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๒
พ.ศ. ๑๕๘๒
พระเจ้าสุริยวรมันที่ ๑ (พ.ศ.๑๕๔๕
๑๕๙๓ )แห่งราชวงศ์มหิรปุระ ทรงอุปถัมภ์พุทธศาสนา
ทรงขยายอำนาจมายังดินแดนลุ่มแม่น้ำพระยาโดยยึดครองดินแดนอาณาจักรทวารวดีไว้ราว
พ.ศ.๑๕๘๕ ทรงสร้างปราสาทเขาพระวิหารขึ้นบนภูเขาห่างจากนครหลวงเกือบ ๓๐๐ กิโลเมตร
(ปัจจุบันเขาพระวิหารนี้อยู่ในเขตกัมพูชา ใกล้อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ)
พระเจ้าสุริยวรมันที่
๑ ทรงสร้างปราสาทหินสระกำแพงใหญ่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในอำเภออุทุมพิสัย
จังหวัดศรีสะเกษ หลังจากที่พระเจ้าสุริยวรมันที่ ๑ สวรรคตลง
อาณาจักรขอมโบราณก็อ่อนแอลง พระเจ้าอนิรุท กษัตริย์ของพวกมอญจากพุกาม
ได้แผ่อำนาจมาครอบครองดินแดนอีสานปุระไปถึงคอคอดกระ
พ.ศ . ๑๖๒๓ พระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ ทรงสร้างปราสาทนครวัด
และสามารถเอาชนะอาณาจักรจามปา แล้วขยายอิทธิพลมาทา
ดินแดนอิสานปุระ(ปัจจุบันคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย)
พ.ศ.๑๖๕๑
มีการรสร้างปราสาทหินพิมาย เป็นวัดในพระพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ศิลปะแบบปาปวน
คล้ายกับที่ปราสาทหินนครวัด มีการสลักหินแบบพุทธศาสนานิกายมหายานไว้ด้วย
นับเป็นปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่โตมาก
พ.ศ. ๑๖๕๕
สมัยพระเจ้ายะโสวรมันที่ ๒ นั้นได้
มีการขยายอาณาเขตไปทางตะวันตกถึงดินแดนอาณาจักรมอญทวาราวดี
ดินแดนสุวรรณภูมิในแถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
และทำการต่อสู้รุกรานพวกจามที่เป็นเพื่อนบ้าน
พ.ศ.๑๗๒๐
อาณาจักรเขมรอ่อนแอลง จึงทำให้พวกจามปาเข้ายึดทำลายเมืองหลวงยโศธรของอาณาจักรขอมได้
ในพุทธศตวรรษที่ ๑๗ พระเจ้าวรมันที่ ๗ ได้ยกกำลังเข้าสู้รบจนมีชัยชนะพวกจาม
และสู้รบกับพวกดายเวียด
นับเป็นสมัยที่อาณาจักรเขมรได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กลับคืนมา
พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ทรงสร้างเมืองพระนคร(นครธม)
และปราสาทบายนขึ้นแทนเมืองยโศธรที่ถูกพวกจามปาทำลาย
พ.ศ. ๑๗๓๔
พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ กษัตริย์องค์สุดท้ายของเมืองพระนคร
ทรงสร้างปราสาทพระขรรค์ขึ้นตั้งอยู่ทางทิศเหนือของพระนครหลวง
พระองค์ให้สร้างศิลาจารึกสำคัญไว้ที่ปราสาทนี้ด้วย คือ จารึกปราสาทพระขรรค์
มีข้อความกล่าวถึง พระพุทธรูปชัยพุทธมหานาถจำนวน ๒๓ องค์ ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗
ทรงสร้างแล้วส่งพระราชทานไปประดิษฐานตามเมืองต่างๆ เช่น
นครชัยศรี (ศรีวิทยาปุระ) ลพบุรี (ลโวทยะปุระ) สุพรรณบุรี (สุวรรณปุระ) ราชบุรี
(ชัยราชปุระ) เพชรบุรี (ศรีชัยวัชรปุระ) และเมืองสิงห์ เป็นต้น
จารึกปราสาทพระขรรค์แห่งนี้ ระบุถึง ที่พักคนเดินทาง (ผู้จาริกแสวงบุญ) ๑๒๑ แห่ง
ตั้งอยู่ห่างกันประมาณ ๑๕ กิโลเมตร ตามเส้นทางเดินที่มีอยู่ในอาณาจักรขอม
(คล้ายที่พักม้าใช้ส่งหนังสือของจีน) ๕๗ แห่ง
คืออยู่บนถนนจากเมืองพระนครหลวงไปราชธานีของราชอาณาจักรจามปา ๑๗ แห่ง
อยู่บนถนนจากยโสธรปุระไปปราสาทหินพิมาย(ค้นพบแล้ว ๘ แห่ง) และอีก ๔๕
แห่งบนเส้นทางเดินไปตามเมืองต่างๆ บางแห่งยังหาไม่พบว่าอยู่ที่แห่งใด
(เช่นปราสาทตาเมือน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์)
จารึกปราสาทพระขรรค์
ได้กล่าวไว้ว่าพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ นั้นทรงให้สร้างสถานพยาบาล ๑๐๒ แห่ง
(อโรคยาศาล) ทั่วราชอาณาจักรขอม(ในปัจจุบันมีการค้นพบอโรคยาบาลศาลดังกล่าวแล้วราว
๓๐ แห่ง) สถานพยาบาลดังกล่าวนั้น อยู่ใต้ความดูแลของ พระไภษัชคุรุไพฑรูย์ประภา
สำหรับอโรคยาศาลที่ค้นพบในประเทศไทยได้แก่ ปรางค์กู่ที่ จังหวัดชัยภูมิ
ปราสาทเมืองเก่าที่ ตำบลโคราช อำเภอสูงเนิน จังหวัดนคราชสีมา ปรางครบุรี
อยู่ที่อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา และปราสาทตาเมือนตู๊จ ที่อำเภอกาบเชิง
จังหวัดสุรินทร์
เมื่อครั้งขอมมีอำนาจในแถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยานั้นได้มีการสร้างเมืองพระประแดง
เพื่อเป็นเมืองหน้าด่านทางทะเลอยู่ที่ปากน้ำเจ้าพระยา เชื่อว่ามีอายุเป็นพันปี
(มีข้อสันนิษฐานว่าพระประแดง นี้มาจากภาษาขอมว่า
บาแดง
แปลว่า คนนำข่าว ทูต หรือ คนเดินหมาย)
เรื่องนี้ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายว่า
เมืองพระประแดงที่ขอมสร้างขึ้นนั้นตั้งอยู่บริเวณตำบลราษฏร์บูรณะกรุงเทพฯ
มิใช่ตรงบริเวณปากลัดในปัจจุบันนี้เพราะสมัยนั้นปากน้ำเจ้าพระยา
อยู่แค่ตัวเมืองพระประแดงที่ขอมสร้างเท่านั้น
ต่อมาแผ่นดินได้ต่อออกไปจนถึงบริเวณแหลมฟ้าผ่า เมืองสมุทรปราการ
จึงทำให้เมืองพระประแดงที่สร้างในสมัยขอมนั้นหมดความสำคัญลงไปและมีการย้ายที่ตั้งไปอยู่เมืองนครเขื่อนขันธ์(คืออำเภอพระประแดง
จังหวัดสมุทรปราการในปัจจุบัน)
ในสมัยอยุธยานั้นสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมทรงโปรดให้สร้างเมืองสมุทรปราการเป็นเมืองหน้าด่าน
แทนเมืองนครเขื่อนขันธ์ ต่อเมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียกรุงครั้งที่ ๒
เมืองพระประแดงนั้นคงกลายเป็นเมืองร้างไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ภายหลังจึงมีการบูรณะขึ้นใหม่เป็นเมืองนครเขื่อนขันธ์
เพื่อให้พวกมอญไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในสมัยรัชกาลที่ ๑
เพื่อใช้เป็นด่านป้องกันข้าศึกทางทะเล
ภายหลังรัชกาลของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ เมื่อพุทธศตวรรษที่ ๑๘
๑๙ นั้น พระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์ได้ถูกอิทธิพลของศาสนาฮินดูเข้ามาแทนที่
ครั้นถึงสมัยพระเจ้าอินทรวรมันที่ ๒
อาณาจักรขอมจึงเริ่มเสื่อมอำนาจทางด้านวัฒนธรรมและกำลังทหารลง
ทำให้ชนชาติไทยได้เข้ายึดเมืองสุโขทัยจากสบาดโขลญลำพง แล้วตั้งตัวเป็นแคว้นอิสระ
สมัยอยุธยาแผ่นดินพระเจ้าอู่ทอง เมื่อ พ.ศ. ๑๘๙๖ นั้น
ขุนหลวงพะงั่วได้นำกองทัพของกรุงศรีอยุธยานำไปโจมตีอาณาจักรขอม
และยึดอำนาจไว้เป็นเมืองขึ้นต่อมาปี พ.ศ. ๑๙๓๖
พวกเขมรได้พากันเข็งเมืองจนสมเด็จพระราเมศวร กษัตริย์กรุงศรีอยุธยา
องศ์ต่อมานั้นต้องส่งกองทัพไปยึดเมืองพระนครหลวง (อังกอร์ธม) ของอาณาจักรขอมได้
จนถึง พ.ศ. ๑๙๗๔
อาณาจักรขอมเกิดแข็งเมืองอีก สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ (เจ้าสามพระยา)
ยกทัพไปตีเมืองพระนครหลวงของอาณาจักรขอมได้ เมืองพระนครหลวงของขอมถูกทำลายเสีย
จนต้องย้ายเมืองหลวงจากเมืองพระนครหลวงแห่งนี้ไปตั้งอยู่ที่เมืองจตุรพักตร์(ที่ตั้งของกรุงพนมเปญ
ปัจจุบัน) และต่อมาได้ย้ายไปตั้งที่ เมืองละแวก (อาณาจักรเขมร)
สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระยาละแวก กษัตริย์แห่งอาณาจักรเขมร
ซึ่งชอบถือโอกาสที่จะลอบยกทัพมาโจมตีหัวเมืองของกรุงศรีอยุธยาในขณะไทยที่มีศึกกับพม่า
ดังนั้นสมเด็จพระนเรศวรจึงให้ยกทัพไปตีเมืองละแวกของเขมรได้สำเร็จ
ต่อมาสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
อาณาจักรเขมรได้เปลี่ยนประเทศเป็นประเทศกัมพูชานั้นตกอยู่ใต้อำนาจของฝรั่งเศส
และเกิดสงครามระหว่างเขมรแดงนิยมคอมมิวนิสต์กับเขมรนิยมอเมริกัน
สหรัฐอเมริกาได้ส่งทหารมาสู้รบและเครื่องบินมาทิ้งระเบิดทำให้คนตายไปมากครั้นเมื่อสหรัฐอเมริกาถอนกำลังออกจากกัมพูชา
พวกเขมรแดงที่ได้รับการสนับสนุนจากจีนและรัสเซียภายใต้การนำของนายพอลพต
จึงมีอำนาจครอบแผ่นดินและเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ฝ่ายตรงข้ามทำให้คนตยเป็นจำนวนมากมาย
ต่อมาผู้นำในกัมพูชานั้นเกิดการแตกแยกรบพุ่งกันระหว่างเขมรสามฝ่ายต่อมาอีกหลายสิบปี
ทำให้มีการทำลายคนเขมรมากมายในที่สุดภายหลังนั้นได้มีการฟื้นฟูบ้านเมืองกลับมาเป็น
ประเทศกัมพูชา (เขมร) ประชาธิปไตย
|