พระเจ้าวรมันที่ 3
พระเจ้าวรมันที่ 3 (พระเจ้าวิษณุโลก)
ครองราชย์ พ.ศ.1389-1420 เป็นพระโอรสของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2
สมัยพระองค์นั้นทรงครองราชย์ที่เมืองหริหราลัย
หรือร่อลอยที่กลับมาเป็นราชธานีอีกครั้ง พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถ ในการล่าช้าง
เป็นอย่างมาก แต่ไม่ปรากฏเรื่องราวของพระองค์มากนัก
พระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 (พระเจ้าอิศวรโลก)
ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ.1420-1432
ไม่ปรากฏความว่าพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 เกี่ยวพันกับพระเจ้า
ชัยวรมันที่ 2 อย่างไร แต่รู้ว่าพระองค์เป็นโอรสของพระเจ้าปฤถิวีนวรมัน
(ยังไม่รู้ประวัติ) พระเจ้าอินทรวรมันทรงมีพระมเหสี
ที่สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ของกษัตริย์อาณาจักรฟูนัน
ในสมัยของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 นั้น ทรงสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
ชื่อ อินทรตฏากะ สระนี้ประมาณความกว้าง 800 เมตร ยาว 3,800 เมตร
เพื่อใช้เก็บน้ำในฤดูฝนที่จะมีฝนตกไหลมาตามสายน้ำที่ลงมาจากที่ราบสูงพนมกุเลนทางเหนือ
แล้วน้ำในสระนี้จะถูกส่งแจกจ่ายไปยังทุ่งนาที่อยู่รอบ ๆ เมืองตามต้องการ
จึงทำให้การปลูกข้าวได้ผลดี
มีผลผลิตอุดมสมบูรณ์ทำให้สร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่อาณาจักร
นอกจากนี้สระน้ำอินทรตฏากะยังใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งนทีมหาสมุทรของจักรวาลตามความเชื่อของศาสนาด้วย
สมัยพระองค์นั้นได้มีการสร้างปราสาทอิฐ (ปราสาทพระโค)
เพื่ออุทิศถวายแด่บรรพบุรุษ ขึ้นที่ด้านตะวันออกของสระอินทรตฏากะ
และพระองค์ได้สร้างเทวบรรพตประจำราชธานี (เมองหริหราลัย)
เพื่อประดิษฐานราชศิวลึงค์อินทเรศวรขึ้น
สมัยนี้มีการสร้างศิลปะขอมแบบพระโคขึ้นในช่วง พ.ศ.1420
1440 จากการพบจารึกของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 ที่บ้านบึงแก จังหวัดอุบาลราชธานี
นั้นเป็นหลักฐานที่แสดงว่า
ในสมัยของพระองค์ได้มีการขยายอำนาจทางการเมืองไปบริเวณชายแดนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
(ในไทย) ด้วย
พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 (พระเจ้าบรมศิวโลก) ครองราชย์ พ.ศ.1432-1450
เป็นพระโอรสของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์นั้นได้สร้างเทวสถาน
(ปราสาทโลเลย) อุทิศถวายพระราชบิดาและบรรพบุรุษ
ขึ้นที่กลางสระอินทรตฏากะซึ่งน้ำแห้งตื้นเขิน ในเมืองหริหราลัย
ต่อมาพระองค์ได้สร้างเมืองยโศธรปุระ (เมืองพระนคร)
ขึ้นที่เขาพนมบาเค็ง เมื่อ พ.ศ.1436
เมืองนี้อยู่ตั้งอยู่บริเวณทางตอนเหนือทะเลสาบของเมืองเสียมเรียบ (คนไทยเรียกว่า
เสียมราฐ)
การสร้างเมืองยโศธรปุระ (เมืองพระนคร) นั้นเนื่องจากเมืองหริหราลัย
ราชธานี
เดิมนั้นเต็มไปด้วยเทวสถานที่สร้างในรัชกาลก่อยอยู่จำนวนมากจนไม่สามารถที่ขยายพื้นที่หรือสร้างเทวสถานได้อีก
ประกอบกับสระอินทรตฏากะ
ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำหรับการชลประทานช่วยเหลือการเพาะปลูกอยู่นั้น
เกิดตื้นเขินและไม่สามารถเก็บน้ำให้เพียงพอกับพื้นที่นาที่อยู่โดยรอบ ดังนั้น
จึงมีการคิดสร้างเมืองขึ้นใหม่
ซึ่งน่าจะได้มีการวางผังเมืองและเลือกสถานที่สำหรับสร้างเมืองราชธานี
มาตั้งแต่รัชกาลของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 พระราชบิดา แต่เกิดสิ้นพระชนม์ลงเสียก่อน
การเลือกสถานให้เป็นที่ตั้งเมืองยโศธรปุระ (เมืองพระนคร)
นั้นได้เลือกสถานที่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหริหราลัย
ประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นอาราบริเวณของที่ราบสูงพนมกุเลน
ลงมาถึงบริเวณทิศเหนือของฝั่งทะเลสาบขนาดใหญ่
พื้นที่ดังกล่าวนั้นมีร่องรอยของการใช้พื้นที่อยู่อาศัยมาก่อน สมัยสร้างเมืองพระนคร
ด้านทิศตะวันตกและตะวันออกของพื้นที่ (สร้างเมืองพระนคร)
มีโบราณสถานที่แสดงว่าสถานที่จะตั้งเมืองยโศธรปุระนี้เคยเป็นศูนย์กลางของเมืองมาก่อนเมื่อสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่
2
ทำเลที่จะสร้างเมืองยโศธรปุระนี้ มีทะเลสาบขนาดใหญ่
ซึ่งมีแม่น้ำเสียมเรียบไหลลงมาจากเขาพนมกุเลน ผ่านพื้นที่ราบลงมายังทะเลสาบ
ทำให้ทะเลสาบกลายเป็นแหล่งกักเก็บน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่
ที่สามารถนำน้ำไปใช้ในการเพาะปลูกได้
อีกทั้งพื้นที่สองฝั่งของทะเลสาบนั้นมีความชุ่มชื้นเหมาะในการทำการเพาะปลูกเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน
ทะเลสาบแห่งนี้ ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาธรรมชาติและมีสัตว์น้ำมากมาย
ในบริเวณดังกล่าวนั้น
มีภูเขาที่นำมาใช้เป็นศูนย์จักรวาลและเป็นศูนย์กลางของราชธานี
ได้ตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ถึง 3 แห่งคือ เขาพนมโกรม เขาพนมบก และเขาพนมบาเค็ง
ดังนั้นการสร้างเทวบรรพต ประจำราชธานี
เพื่อเป็นศูนย์กลางของจักรวาลตามคติศาสนาพราหมณ์และศูนย์กลางของเมืองนั้น
จึงเลือกเขาพนมบาเค็ง ซึ่งมีความสูงไม่มากนัก และเป็นพื้นที่น้ำท่วมไม่ถึง
จึงเป็นทำเลที่เหมาะสำหรับการตั้งบ้านเมืองขนาดใหญ่
ตัวเมืองยโศธรปุระ
นั้นวางผังเมืองให้เป็นราชธานีศักดิ์สิทธิ์โดยจัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
มีเชิงเทินและคูน้ำล้อมรอบทั้งสี่ด้านเป็นเหมือนทิวเขาและแม่น้ำที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุตามคติความเชื่อของไศวนิกาย
โดยสร้างเทวบรรพต (ปราสาทพนมบาเค็ง) เป็นเทวสถานประจำราชธานี (เหมือนวัดประจำวัง)
คือสร้างบนเขาพนมบาเค็ง ที่อยู่ใจกลางเมืองเช่าเดียวกับเขาพระสุเมรุ
ที่เป็นศูนย์กลางจักรวาล และด้านตะวันออกค่อนไปทางเหนือนั้น ได้สร้างบาราย (สระ)
ขนาดใหญ่สำหรับเก็บน้ำเพื่อการชลประทาน กว้าง 1,800 เมตร ยาว 7,500 เมตร เรียกว่า
ยโศธรตฏากะ (ปัจจุบันคือ บารายตะวันออก)
ถือเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์และสมมุตเป็นนทีมหาสมุทรที่อยู่คู่กับจักรวาล
เมื่อเมืองยโศธรปุระสร้างขึ้นแล้ว พระเจ้ายโศธรวรมันที่ 1
ทรงย้ายไปประทับที่ราชธานีใหม่แห่งนี้
ปัจจุบันเรียก เมืองพระนคร (ANGOR
THOM) เป็นแบบศิลปะขอมแบบบาเค็ง
นอกจากนี้ พระเจ้ายโศธรวรมันที่ 1
ยังทำให้การสร้างเทวบรรพตขึ้นอีกหลายแห่งไว้บนเขา พนมโกรม เขาพนมบก อีกด้วย
เป็นการสร้างความเชื่อว่า ภูเขาทั้งปวงนั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ที่เป็นศูนย์รวมของอำนาจแห่งพระผู้เป็นเจ้า
เนื่องจากภูเขานั้นเป็นที่ประทับของเทพเจ้า
ดังนั้น ในเมืองยโศธรปุระ พระเจ้ายโศธรวรมันที่ 1 จึงสร้างเทวสถาน
และมีสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรขอม
และในสมัยพระองค์นั้นได้ขยายอำนาจกว้างไกลไปทางตอนใต้ของลาว
และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ซึ่งพบจารึกของพระองค์ในบริเวณดังกล่าว
|