ข้อความจากศิลาจารึก หลักที่ 1
ข้อความจากศิลาจารึก หลักที่ 1
(หน้าที่ 1) พ่อกูชื่อศรีอินทราทิตย์ แม่กูชื่อ นางเสือง
พี่กูชื่อบานเมือง ตูพี่น้อง ท้องเดียวห้าคน ผู้ชายสามผู้หญิงสอง พี่เผือผู้อ้ายตาย
จากเผือเตียมแต่ยังเด็ก เมื่อกูขึ้นใหญ่ได้สิบเก้า
ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดมาที่เมืองตาก พ่อกูไปรบขุนสามขนหัวซ้ายขุนสามชนขับมาหัวขวา
ขุนสามชนเกลื่อนเข้า ไพร่ฟ้าหน้าใสพ่อกูหนีญญ่ายพ่ายจะแจ กูบ่หนี กูขี่ช้างเบกพล
กูขับเข้าก่อนพ่อกู กูต่อข้างด้วย ขุนสามชน ตนกูพุ่งช้างขุนสามชนตัวชื่อมาสเมืองแพ้
ขุนสามชนพ่ายหนีพ่อกูจึงขึ้นชื่อกู ชื่อพระรามคำแหง เพื่อกูพุ่งช้างขุนสามชน
เมื่อชั่วพ่อกู กูบำเรอแก่พ่อกู กูบำเรอแก่แม่กู
กูได้ตัวเนื้อตัวปลา กูเอามาแก่พ่อกู กูได้หมากส้มหมากหวาน อันใดกินอร่อยกินดี
กูเอามาแก่พ่อกู กูไปตีหนังวังช้าง ได้กูเอามาแก่พ่อกู กูไปที่บ้านที่เมือง
ได้ช้างได้งวง ได้ปั่วได้นาง ได้เงินได้ท้อง กูเอามาเวนแก่พ่อกู พ่อกูตาย บยังพี่กู
กูพร่ำบำเรอแก่พี่กู บำเรอแก่พ่อกู พี่กูตาย
จึงได้เมืองแก่กูทั้งกลม(สิ้นความที่จารึกไว้เดิม
ความต่อไปนี้เป็นจารึกที่ทำต่อมาภายหลัง
เมื่อชั่วพ่อขุนรามคำแหง เมืองสุโขทัยนั้นดี ในน้ำมีปลาในนามีข้าว
เจ้าเมืองบ่เอาจกอบในไพร่ลูทาง เพื่อนจูงวัวไปค้า ขี่ม้าไปขาย ใครจักใครค้าช้างค้า
ใครจักใคร่ค้าม้าค้า ใครจักใคร่ค้าเงินค้าทองค้า ไพร่ฟ้าหน้าใส
ลูกเจ้าลูกขุนผู้ใดแล้ ล้มตายหายกว่า เหย้าเรือนพ่อเชื้อเสื้อคำมัน ช้างขอ ลูกเมีย
เยียข้าว ไพร่ฟ้าข้าไทย ป่าหมาก ป่าพลูพ่อเชื้อมันไว้แก่ลูกมันสิ้น ไพร่ฟ้า
ลูกเจ้าลูกขุนผิดแลผิดแผกแสก ว้างกัน สวนดูแท้แล้จึงแล่งความแก่ข้าด้วยชื่อ
บ่เข้าผู้ลักมักผู้ซ่อน เห็นข้าวท่านบ่ใคร่พิน เห็นสินท่านบ่ใครเดือด
คนใดขี้ช้างมาหา พาเมืองมาสู่ ช่วยเหลือเฟื้อกู้ มันบ่มีช้างบ่มีม้า
บ่มีปั่วบ่มีนาง บ่มีเงินบ่มีทอง ให้แก่กัน ช่วยกันตวงเป็นบ้านเป็นเมือง
ได้ข้าเสือกข้าเสือหัวพุ่งหัวรบก็ดี บ่ฆ่าบ่ตี
ในปากประตูมีกระดิ่งอันหนึ่งแขวนไว้หั้น ไพร่ฟ้าหน้าปก
กลางบ้านกลางเมือง มีถ้อยมีความ เจ็บท้องข้องใจ มันจักกล่าวถึงเจ้าถึงขุนบ่ไร้
ไปลั่นกระดิ่งอันท่านแขวนไว้ พ่อขุนรามคำแหงเจ้าเมืองได้
(หน้าที่ 4 ) ยินเรียก เมื่อถามสวนความแก่มันด้วยชื่อ
ไพร่ในเมืองสุโขทัยนี้ จึงชม สร้างป่าหมากป่าพลูทั่วเมืองนี้ทุกแห่ง
ป่าพร้าวก็หลายในเมืองนี้ ป่าลาง ก็หลายในเมืองนี้ หมากม่วงก็หลายในเมืองนี้
หมากขามก็หลายในเมืองนี้ ใครสร้างได้ไว้แก่มัน
กลางเมืองสุโขทัยนี้มีน้ำตระพังโพยสีใสกินดี ดังกินน้ำโขง
เมื่อแล้งรอบเมืองสุโขทัยนี้ตรีบูรได้สามพันสี่ร้อยวา คนในเมืองสุโขทัยนี้มักทาน
มักทรงศีล มักอวยทานพ่อขุนรามคำแหง เจ้าเมืองสุโขทัยนี้ ทั้งชาวแม่ชาวเจ้า
ท่วยปั่วท่วยนาง ลูกเจ้าลูกขุนทั้งสิ้นทั้งหลาย ทั้งผู้ชายผู้หญิง
ฝูงท่วยมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทรงศีลเมื่อพรรษาทุกคน
เมื่ออกพรรษากรานกฐินเดือนหนึ่ง จึงเมื่อกรานกฐิน มีพนมเบี้ยมีพนมหมากมีพนมดอกไม้
มีหมอนนั่งหมอนนอน บริพานกฐินอวยทาน แล่ปีแล้ญิบล้าน ไปสวดญัตติกฐินถึงอรัญญิกพู้น
เมื่อจักเข้ามาเวียงเรียงกัน แต่อรํญิกพู้นเท้าหัวลานดํบงคกลอย ด้วยเสียงพาทย์
เสียงพิณ เสียงเลื่อน เสียงขับ ใครจักมักเล่นเล่น ใครจักมักหัวหัว
ใครจักมักเลื่อนเลื่อน เมืองสุโขทัยนี้มีปากประตูหลวง เทียรบย่อมคนเสียดกัน
เข้ามาดูท่านเผาเทียนท่านเล่นไฟ เมืองสุโขทัยนี้มีดังจักแตก
กลางเมือง สุโขทัยนี้มีพิหาร มีพระพุทธรูปทรอง มีพระอัฏฐารศ
มีพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอันใหญ่มีพระพุทธรูปอันราม มีพิหารอันใหญ่ มีพิหารอันราม
มีปู่ครู... มีเถร มีมหาเถร
เบื้องตะวันเมืองสุโขทัย มีอรัญญิก พ่อขุนรามคำแหง
กระทำอวยทานแก่มหาเถร สังฆราชปราชญเรียนจบปิฏกไตร หลวกกว่าปู่ครูในเมืองนี้
ทุกคนทุกแต่เมืองศรีธรรมราชามา ในกลางอรัญญิก มีพิหารอันหนึ่ง มนใหญ่สูงงามแก่กม
มีพระอัฏฐารศอันหนึ่งลุกยืน
เบื้องตะวันออกเมืองสุโขทัยนี้ มีพิการ มีปู่ครู มีทะเลหลวง
มีป่าหมาก ป่าพูล มีไร่ มีนา มีถิ่นฐาน มีบ้านใหญ่บ้านเล็ก มีป่าม่วง มีป่าขาม
ดูงามดังแกล้ง
(หน้าที่ 3) เบื้องตีนนอนเมืองสุโขทัยนี้ มีตลานปสาน
มีพระอัจนะ มีปราสาท มีป่าหมาก พร้าว ป่าหมากกลาง มีไร่ มีนา มีถิ่นฐาน
มีบ้านใหญ่บ้านเล็ก
เบื้องหัวนอนเมืองสุโขทัยนี้ มีกุฏีพิหารปู้ครูอยู่ มีสรีดภงส์
มีป่าพร้าว ป่าลาง มีป่าม่วง ป่าขาม มีน้ำโคก มีพระขะพุงผี เทพดาในเขาอันนั้น
เป็นใหญ่กว่าทุกผี ในเมืองนี้ ขุนผู้ใดถือเมืองสุโขทัยนี้แล้ ไหว้ดีพลีถูก
เมืองนี้เที่ยวง เมืองนี้สีดี ผีไหว้ปดี พลีบ่ถูก ผีในเขาอันบ่คุ้มบ่เกรง
เมืองนี้หาย
1214 ศกปีมะโรง พ่อขุนรามคำแหง เจ้าเมืองศรีสัชนาลัย
สุโขทัยนี้ปลุกไม้ ตาลนี้ได้สิบสี่เข้า จึงให้ช่างฟันเขดานหินตั้งหว่าง
กลางไม้ตาลนี้ วัน เดือน ดับเดือนออกแปดวัน วันเดือนเต็มเดือนบ้างแปกดวน
ฝูงปู่ครูเถรมหาเภรขึ้นนั่งเหนือดานหิน สวดธรรมแก่อุบาสก ฝูงท่วยจำศีล
ผิใช่วันสวดธรรม พ่อขุนรามคำแหง เจ้าเมืองศรีสัชนาลัยสุโขทัย ขึ้นนั่งเหนือขดานหิน
ให้ฝูงท่วยลูกเจ้าลูกขุนฝูงท่วยถือบ้านเมืองถือเมืองกัน วันเดือนดับเดือนเต็ม
ท่านแต่งช้างเผือกกระพัดลยาง เทียรย่อมทองงา
...ขวาชื่อรูจาศรีพ่อขุนรามคำแหงขึ้นขี่ไปบนพระ.....อรัญญิกแล้วเข้ามา
จารึกอันหนึ่ง มีในเชลียง สถาบกไว้ด้วยพระศรีรัตนธาตุฯ
จารึกอันหนึ่งมีในถ้ำ ถือถ้ำพระราม อยู่ฝั่งน้ำสัมพาย จารึกอันหนึ่งมีในถ้ำรัตนธาร
ในกลวงป่าตาลนี้ มีศาลาสองอัน อันหนึ่งชื่อศาลาพระมาส
อันหนึ่งชื่อพุทธศาลาขดานหินนี้ ชื่อ มะนังศิลาบาตร สถาบกไว้นี่ จึงทั้งหลายเห็น
(หน้าที่ 4) พ่อขุนพระรามคำแหง ลูกพ่อขุนศรีอินทราทิตย์
เป็นขุนในเมืองศรีสัชนาลัยสุโขทัย ทั้งมากาวลาวและไทย เมืองไค้หล้าฟ้า....
ไทยชาวอูซาวของมาออก 1207 ศกปีกุน ให้ขุดเอาพระธาตุออกทั้งหลายเห็น กระทำบูชาบำเรอ
แก่พระธาตุได้เดือนหกวัน จึงเอาฝังในกลางเมืองศรีสัชนาลัย
ก่อพระเจดีย์เหนือหกเข้าจึงแล้ว ตั้งเวียงผาล้อมพระมหาธาตุสามเข้าจึงแล้ว
เมื่อก่อนลายสือไทยนี้บ่มี 1205 ศกปีมะแม
พ่อขุนรามคำแหงหาใคร่ใจในใจ แลใส่ลายสือไทยนี้
ลายสือไทยนี้จึงมีเพื่อขุนผู้นั้นใส่ไว้ พ่อขุนรามคำแหงนั้น
หาเป็นท้าวเป็นพระยาแก่ไทยทั้งหลาย หากเป็นครูอาจารย์สั่งสอนไทยทั้งหลาย
ให้รู้บุญรู้ธรรมแท้ แต่คนอันมีในเมืองไทย ด้วยรู้ด้วยหลวก ด้วยแกล้วด้วยหาญ
ด้วยแคะด้วยแรง หาคนจักเสมอมิได้ อาจปราบฝูงข้าศึก มีเมืองกว้างช้างหลาย
ปราบเบื้องตะวันออก รอดสระหลวงสองแคว ลุมบาจายสคาเท้าฝั่งของ ถึงเวียงจันทร์เวียงคำ
เป็นที่แล้ว เบื้องหัวนอนรอด คนทีพระบางแพรกสุวรรณภูมิ ราชบุรี เพชรบุรี ศรีธรรมราช
ฝั่งทะเลสมุทรเป็นที่แล้ว เบื้องตะวันตก รอดเมืองฉอด เมือง....หงสาวดี
สมุทรห้าเป็นแดน เบื้องตีนนอน รอดเมืองแพร่ เมืองน่าน เมือง....
เมืองพลัวพ้นฝั่งของ เมืองชะวา เป็นที่แล้วปลุกเลี้ยงฝูงลูกบ้านลูกเมืองนั้น
ชอบด้วยธรรมทุกคน
|