ตำนานพระเจ้าอู่ทอง
ตำนานพระเจ้าอู่ทอง(6)
พระยาอู่ทอง ใช้คนไปดู เห็นเจ้าไชยทัตตายอยู่จึงว่าทำผิดคิดมิชอบเข้าลอบตายเอง
จึงให้เอาศพนั้นมาเห็นรูปงามนักหนา จะเป็นเชื้อกษัตริย์องค์ใดเสียดายนัก
จึงทรงดำริว่าจะมาแต่ผู้เดียว หรือก็ให้เที่ยวหาดู
ครั้นมาพบน้องชายเข้าที่วัดรามวาศ เอาตัวมาถึงวังก็รู้ว่าเป็นบุตรพระเจ้าเชียงใหม่
จึงให้ลาผนวชออกแล้ว ก็ราชาภิเษกกับพระราชบุตรี
พระยาอู่ทอง ทรงตรัสแก่เสนาบดี พระตำหนักเวียงเหล็ก
ให้หาที่ชัยภูมิ จะสร้างเมืองใหม่ จึงให้อำมาตย์ข้ามไปที่ฝั่งเกาะตรงข้าม
เกณฑ์ไพร่ถางแผ้ว พอพบพระฤาษีองค์หนึ่ง อยู่ในดงโสนริมหองน้ำ ทรงนามชื่อสักธรรมโคดม
ๆ จึงถามคนถางว่า จะทำเป็นประการใด ในแว่นแคว้นของเราฉะนี้ คนแผ้วถางจึงบอกว่า
พระมหากษัตริย์จะสร้างเมืองใหม่
พระฤาษีจึงว่าเรามาอยู่สถานที่นี่ก็นานมาแล้ว
แต่พระพุทธเจ้ายังสร้างพระบารมีอยู่จนได้ตรัสได้ 917 ปี แล้ว
จะมาสร้างเมืองดีอยู่แล้ว เราก็จะลาไปอยู่เขาแก้วบรรพต
แต่ที่อันนี้เป็นกองกูณฑ์อัคคีหาเป็นที่ชัยภูมิไม่
ให้ไปข้างทิศหรดี เป็นที่ชัยภูมิดี มีต้นหมันเป็นสำคัญอยู่ต้นหนึ่ง
จึงให้อำมาตย์ไปเที่ยวดูให้เห็นเป็นแน่ ก็นำเอาเหตุทั้งนี้มากราบบังคมทูล
ทรงทราบจึงให้หาเสนาอำมาตย์ มาสโมสรพากันไปหาพระดาบส
ว่ามหากษัตริย์ราชเจ้าให้อาราธนาเข้าไปในพระราชวัง พระดาบสเธอจึงตอบว่า
เรายังหาเข้าไปไม่ ท่านจะจัดให้คนไปตัดไม้มากอบกูณฑ์อัคคีดูให้รู้เหตุ
จึงอำมาตย์เสนาบดีทั้งหลายทั้งปวง ก็ใช้ให้คนไปตัดไม้มาตามคำพระดาบสสั่งทุกประการ
แล้วพระดาบสจึงให้จุดเพลิงเผาไม้ฟืน ซึ่งกองไว้นั้นรุ่งโรจน์เปลวเพลิงสูงเท่าต้นตาล
รัศมีสว่างรุ่งเรืองไปทั่วประเทศ
ครั้นเพลิงสงบเป็นปกติค่อนบรรเทาลงแล้ว
พระดาบสก็เอาน้ำพระวิศณุมานต์มาประพรม กองกูณฑ์อัคคีแล้ว
พระดาบสจึงว่าแก่เสนาบดีผู้ใหญ่น้อยทั้งปวงว่า จะมีกษัตริย์ไปภายหน้า
นั้นเป็นอันมากจะเป็นเมืองท่าสำเภา แต่ทว่าจะเกิดยุทธาการไม่รู้วาย
ครั้นว่าดังนั้นแล้ว
จึงให้อำมาตย์เสนาบดีผู้ใหญ่กลับมากราบทูลพระมหากษัตริย์เสนาบดีผู้ใหญ่ก็ชวนกันไปกราบทูลประพฤติเหตุ
ซึ่งได้เห็นนั้นทั้งสิ้นทุกประการ
ครั้นเพลารุ่งเช้า จึงให้อำมาตย์
ผู้ใหญ่ออกไปอาราธนาพระดาบสเข้ามาในพระราชวัง อำมาตย์เสนาบดี
ผู้ใหญ่ก็ไปพร้อมตามรับสั่ง ครั้นถึงที่นั่นหาพบพระดาบสไม่
จึงให้คนเที่ยวค้นหาไปทุกแห่งทุกตำบลก็หาพบไม่
จึงสั่งให้เสนาบดีผู้ใหญ่ไปแผ้วถางให้ราบรื่นเป็นอันดี
อีกความเป็นเรื่องพระยาแกรก ได้เล่าไว้ว่า ในเมืองพระยาแกรกมาอยู่
ครั้นสิ้นบุญพระยาแกรก แล้วก็ถอยลงมาถึงสามชั่วพระยาแล้ว ยังแต่ผู้หญิงอันสืบตระกูล
และเศรษฐีทั้งสอง คือ โชดกเศรษฐีและกาลเศรษฐี เศรษฐีทั้งสองคนนี้คิดอ่านด้วยแล้ว
จึงเอาเจ้าอู่ทองลูกโชดึก
เศรษฐีประสมด้วยกันกับพระราชธิดาให้ครองเมืองนั้นได้เจ็ดปี ห่าลงเมือง โคกระบือ
ช้างม้าตาย และคนทั้งหลายก็ตายวิปริตหนักหนา อำมาตย์
จึงทูลแก่ท้าวอู่ทองว่าไพร่พลเมืองตายเป็นอันมาก
พระองค์จึงให้ยกพลช้างม้าออกจากพระนครเมื่อเที่ยงคืน ว่าสถานที่ใดสบายเราจะไป
สร้างเมืองอยู่ในที่นั้น และไปข้างฝ่ายทักษิณได้ 15 วัน จึงถึงแม่น้ำอันหนึ่ง
แลเห็นเกาะอันหนึ่งเป็นปริมณฑลงาม และจะข้ามมิได้ จึงให้ตั้งทัพตามริมน้ำ
ทั้งไพร่พลทั้งหลาย ตรัสสั่งอำมาตย์ให้ไปตัดเรือจะข้ามน้ำเข้าหาเกาะ
ครั้นได้เรือแล้ว เสนาอำมาตย์ไพร่พลช้างม้าข้ามมาหาเกาะแล้ว
จึงบุกป่าโสนเข้าไปกลางเกาะ เห็นดาบสคนหนึ่งอยู่ในใต้ต้นไม้
พระยาก็ตรัสปราศรัยด้วยดาบส และพระยาจึงถามว่าเจ้ากูมาอยู่ที่นี่ช้านานแลหรือ ๆ
พึ่งจะมาอยู่ พระดาบสจึงบอกว่าเรามาอยู่ที่นี้
แต่ครั้งพระพุทธเจ้ายังทรมานมีพระชนม์อยู่ อายุเราได้ 150 ปีแล้ว
และอาจารย์เราสองคน คนหนึ่งไปตายในเขาสรรลึงค์ คนหนึ่งไปตายในพนมภูผาหลวง
ยังแต่เราผู้เดี๋ยวนี้แล เมื่อพระพุทธเจ้ามาถึงที่นี่
เราได้นิมนต์ให้นั่งบนตอตะเคียน อันลอยมาค้างอยู่ที่นี่
เราก็ถวายมะขามป้อมเสมอแก่พระพุทธเจ้า จึงแย้มพระโอษฐ์
พระอานนท์จึงทูลถามพระพุทธเจ้าฯ จึงมีพระพุทธฎีกาตรัสแก่พระอานนท์ว่า
ฐานที่นี่จะเป็นเมืองอันหนึ่ง แต่เรามาหกโยชน์ เขาก็เรียกว่า ศรีอโยธยา
พระพุทธเจ้ามีพระบัณฑูร ไว้ดังนี้
เมื่อพระดาบสบอกแล้ว พระยายินดีนักหนา
พระยาเสด็จไปเลียบคูที่จะตั้งพระราชวังและเรือนหลวงและตั้งกำแพงและค่ายคูไปรอบเมือง
และแต่งพระราชวังแล้ว พระองค์จึงเสด็จไปสู่เมืองกับด้วยสนมชาวแม่แพทย์ พราหมณาจารย์
ทั้งหลายเข้ามาเมือง และสมเด็จท้าวอู่ทอง เมื่อเข้าไปในเมืองวันนั้น
พระดาบสยังเข้าฌาณสมาบัติบูชากูณฑ์ใต้ต้นไม้ สถานนอกอาศรม
ครั้นพระยาไปพระดาบสก็ออกจากญาณในวันนั้น
ครั้น ณ วันอาทิตย์
เดือนอ้ายขึ้นกค่ำปีมะโรงโทศกเพลาเช้า พระดาบสถึงเขียนรูปเมืองด้วยถ่านเพลิง
ทิ้งเพลิงขึ้นไปในอากาศตกลงมา แลบลิ้นออกเป็นทางสามแพร่ง แสดงให้เป็นอุบัติเหตุว่า
ผู้ใดเกิดในที่นั้นย่อมมุสาวาท ความจริงน้อยไป พระยาอู่ทองได้ยินดีแล้ว
ก็กำหนดไว้ในแต่ในใจ และพระดาสบจึงบอกแก่ พระยาอู่ทอง ว่า เราจะอยู่ด้วยบพิตรมิควร
แก่เรา สถานที่นี้เป็นของท่านเถิด
เราจะลาท่านขึ้นไปรักษาพระพุทธบาทพระพุทธเจ้าอยู่กว่าจะสิ้นชีวิตเรา
พระดาบสว่าแล้วก็เข้าฌานสมาบัติ ออกจากฌานแล้วก็ขึ้นไปที่พระพุทธบาท
แล้วก็เข้านิพพานในที่นั้น
ท้าวอู่ทองครองเมืองศรีอโยธยาเป็นสุข มีพระราบบุตรสามพระองค์ ๆ หนึ่งชื่อเจ้าอ้าย
องค์หนึ่งชื่อเจ้ายี่ องค์หนึ่งชื่อเจ้าสาม จำเริญใหญ่มามีรูปอันงามประกอบด้วยปัญญา
และท้าวพระยาทั้งหลายก็กลัวอานุภาพเธอหนักหนา เจ้าอ้ายไปกินเมืองนคร
เจ้าน้องยี่ไปกินเมืองตะนาว เจ้าน้องสามไปกินเมืองเพชรบุรี
ฝ่ายพระเจ้าอู่ทอง
มีพระราชบุตรอีกองค์หนึ่ง เมื่อจะประสูตินั้น ท้าวอู่ทองฝันเห็นว่า ดอกบัวลอยมา
เธอจึงตรัสให้พราหมณ์มาทาย พราหมณ์จึงทายว่า
พระองค์เจ้าจะได้บุตรเขยมาต่างเมืองข้างเหนือ พราหมณ์ได้พระราชทานรางวัลแล้ว
ก็ออกมาจากพระราชวัง
อีกความเป็นเรื่อง
เจ้าไชยทัตไชยเสน ที่เล่าไว้ว่า สมเด็จพระยาสุคนธคีรี เจ้าเมืองพิชัยเชียงใหม่
มีพระราชบุตรสองพระองค์ องค์หนึ่งชื่อ เจ้าไชยทัตกุมาร องค์หนึ่งชื่อเจ้าไชยเสน
กุมารสองพระองค์เป็นพระภิกษุ ขึ้นไปเรียนพระไตรปิฏกถึงเมืองพุกาม
ได้สามพรรษาก็จบพระธรรมแล้ว
เจ้าจึงไปเรียนไตรเทพข้างไสยศาสตร์ได้จบบริบูรณ์ก็กลับมาเมืองวิเท่ห์
รื้อมาเมืองหงสาและมาอาศัยอยู่อารามแห่งหนึ่ง จะใคร่ลองคุณความรู้อันตนได้เรียนมา
และพี่น้องทั้งสองชวนกันขึ้นไปถึงบนปราสาทพระยาแล้ว
ฉวยอุ้มเอาพระราชธิดาลงมาจากปราสาท มาถึงวัดเวลาเที่ยงคืน หาผู้ใดจะรู้มิ ได้
และพี่น้องทั้งสองยินดีนักหนา แต่อุ้มไปอุ้มมาได้สามวันแล้ว
เจ้ากูก็เอาทวะดึงษาการมาเป็นกรรมฐาน ปลงปัญญาญาณว่ารูปผี
ครั้นเวลากลางคืน
พระเจ้าหงสาย่อมมาดูลูกสาวตน มิเห็นลูกสาวตนในกลางคืนนั้นก็คิดหลากพระทัย
จึงเอาพันธุ์ผักกาดใส่ผมไว้ ครั้นผักกาดตกลงก็งอกถึงกุฎี
และพระยาจึงให้อำมาตย์ไปกุมเอาตัวเจ้ากูทั้งสององค์นั้นมา พระยาจะให้เอาไปฆ่าเสีย
เจ้ากูจึงว่า
มหาบพิตรอย่างเพ่อฆ่าเรา ๆ จะลองวิชาคุณอันเราได้เรียนมานั้นให้ท่านดูก่อน
จึงให้คนตักน้ำใส่ขันอันใหญ่มาแล้ว เจ้ากูองค์หนึ่งเป็นนกยาง
องค์หนึ่งเป็นปลาว่ายอยู่ในขันนั้น และนกยางจึงคาบเอาปลาพาบินไป
พระยาหงสาเห็นจึงให้คนตามไปดู มิได้เห็นบาตรและจีวร ในกุฎี
และเจ้ากูทั้งสองก็เข้าไปถึงเมืองเชียงใหม่แล้ว และพระบิดามารดาก็ยินดีนักหนา
และพระยาสุคนธคีรี
จะใคร่ได้เจ้าไชยทัตมาเป็นพระยาแทนพระองค์ ๆ จึงให้ประจุออกจากสมณะแล้ว
แต่ว่ามิพอใจผู้หญิงคนใดคนหนึ่ง และพระเจ้าสุคนธคีรีให้หาโหรามาทายดู
จึงรู้ว่าคู่พระองค์เจ้าอยู่ต่างเมือง และเขาก็เล่าลือว่าลูกสาว พระยาอู่ทอง
มีผู้หนึ่งงามดั่งฟ้า เจ้าไชยทัตจะใคร่ได้เป็นอัครมเหสี
และเอาเพศเป็นสามเณรกับเจ้าไชยเสนผู้น้องอันเป็นพระภิกษุเป็นเพื่อนกัน
มาถึงเมืองศรีอยุธยาราชธานี มาอยู่อาศัยในวัดใกล้พระราชวัง
ฟังกิตติศัพท์คนทั้งหลายเล่าลือแก่กัน
|