เหตุการณ์สำคัญในแผ่นดินสมเด็จพระ
เหตุการณ์สำคัญในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าปราสาททองนั้น
จากจดหมายเหตุและบันทึกของชาวต่างประเทศนั้นสามารถ สรุปเหตุการณ์สำคัญได้ ดังนี้
พ.ศ. 2179 ญี่ปุ่นได้ประกาศต่อต้านศาสนาคริสต์
ได้ทำการปิดประเทศไล่ผู้เข้ารีตออกจากญี่ปุ่น
ทำให้ผู้เข้ารีตนั้นได้พากันอพยพไปอยู่ในเวียดนามและประเทศอื่นๆ
บางส่วนนั้นได้หนีเข้ามาอยู่ในกรุงศรีอยุธยาด้วย
เมื่อวันจันทร์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 พ.ศ. 2181 (ตรงกันวันที่ 15 มีนาคม
พ.ศ.2181) สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ได้โปรดให้ทำการลบศักราช
เนื่องจากจุลศักราชจะครบ 1,000 ปี ในวันเสาร์ แรม 2 ค่ำเดือน 5 จ.ศ. 1000
(ตรงกับวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2181) ด้วยเหตุที่ชาวสยาม (ไทย)
นั้นเกรงว่าจะเกิดอันตรายร้ายแรงขึ้นในบ้านเมือง
พระองค์จึงทรงลบศักราชเพื่อเป็นการแก้เคล็ด โดยพระองค์ทรงแก้นักษัตรจากปีขาล
สัมฤทธิ์ศกมาเป็นนักษัตรปีกุนสัมฤทธิ์ศก ทำให้นักษัตรถอยหลังไป 3 ปี
(จุลศักราชนั้นเป็นการนับศักราชของชาวพุทธบางกลุ่มในศรีลังกา และพม่า
โดยถือเอาตั้งแต่สังฆราชบุพสโรหัน ครองประเทศพม่านั้นเป็นวันเริ่มต้นเริ่ม
จุลศักราช 1 ซึ่งตรงกัน พ.ศ. 1181)
ครั้นนั้นเจ้าหน้าที่ฮอลันดาของบริษัทเนเธอร์แลนด์ อีสท์อินเดีย ได้บันทึกว่า
สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ทรงโปรดให้มีงานฉลองการลบศักราชในวันขึ้นปีใหม่
(วันปีใหม่ของชาวสยามถือเอาเดือนเมษายน) เป็นเวลา 3 วัน
ในบันทึกนั้นยังได้กล่าวถึงการสร้างวัดไชยวัฒนารามในบริเวณที่เป็นบ้านเดิมของพระราชมารดาของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
(สมัยที่ยังเป็นสามัญชน) เมื่อ เดือน 5 เมษายน พ.ศ. 2193
ที่วัดนี้มีปรางค์องค์ใหญ่ที่สร้างขึ้นตามแบบศิลปะเขมร คือมีมุขและบันไดสี่ด้าน
พ.ศ. 2193 จิตรกรชาวฮอลันดา
ได้เขียนภาพของกรุงศรีอยุธยาด้วยสีน้ำมันแบบสามมิติและเขียนแผนที่แม่น้ำเจ้าพระยาจากปากน้ำถึงกรุงศรีอยุธยาไว้
นับเป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่ทำให้มองเห็นสภาพกรุงศรีอยุธยาในอดีต
สำหรับเมืองเชียงใหม่ นั้นตกเป็นเมืองขึ้นของ
พม่ามาตั้งแต่ครั้งพระเจ้าสุทโธธรรมราชา ตั้งแต่ พ.ศ. 2173 นั้น
ต่อมาพระเจ้าสุทโธธรรมราชา กษัตริย์เมืองอังวะได้สวรรคตลงในปี พ.ศ. 2191
ด้วยเหตุที่มังรากยอชวาซึ่งเป็นพระอนุชานั้นสิ้นพระชนม์ลงเสียก่อนจึงทำให้มังเรนันทมิตรราชบุตนั้นได้ราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ครองเมืองอังวะ
ทรงพระนามว่า พระเจ้าสิรินันทสุธรรมราชา
(ครองราชย์ต่อมาจนถึงแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์)
ต่อมา พ.ศ. 2199 สมเด็จพระเจ้าปราสาททองเด็จสวรรคต
ภายในกรุงศรีอยุธยาได้เกิดเหตุการณ์ต่อสู้แย่งชิงราชสมบัติกันในระหว่างราชวงศ์
ทำให้มีเหตุการณ์สังหารฝ่ายตรงข้ามกันมาก
ในที่สุดเจ้าฟ้าชัยพระโอรสองค์ใหญ่ของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์
เจ้าฟ้าชัยนั้นครองราชย์อยู่ได้ไม่นานก็ถูก พระศรีสุธรรมราชา พระปิตุลา
(พระอนุชาของสมเด็จพระเจ้าปราสารททอง) ปลงพระชนม์แล้วขึ้นครองราชย์แทน
สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 5 คือ
เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ ครองราชย์ พ.ศ. 2173
ทรงสถาปนาพระอนุชาให้เป็นพระสุธรรมราชา สถาปนาวัดไชยวัฒนาราม
ให้จำลองพระนครวัดของขอมมาสร้างพระนครหลวงเป็นพระราชวังประทับร้อนที่ข้างวัดเทพจันทร์สร้างจักรวรรดิไทยยนต์มหาปราสาท
วัดชุมพลนิกายาราม พระปรางค์วัดมหาธาตุ สร้างพระมหาปราสาทพระวิหารสมเด็จ
เสด็จทางชลมารถไปนมัสการพระพุทธบาท สมเด็จธารโศก ธารทองแดง และห้วยเขา
เกิดอสุนีบาตไม่ถูกพระนารายณ์พระราชโอรส 2 ครั้งจึงจัดงานสมโภช
มีพระราชพิธีลบศักราช พ.ศ. 2181 ปีขาล เอากุนสัมฤทธิศกขึ้นดิถีวารจันทร์เฉลิงศพ
เป็นทวาปรายุค และเกิดอสุนีบาตต้องเหมมหาปราสาท
เพลิงไหม้จนดีบุกหลังคาไหลลงห้องคลัง เรือนหน้า เรือนหลัง 100 หลังคา จึงดับ
พระองค์ให้ทำคลังเรือนใน 3 เดือนเสร็จและก่อพระมหาปราสาท 1 ปี
เสด็จให้พระนามว่า พระวิหารสมเด็จ พระองค์อยู่ในราชสมบัติ 26 พรรษษ พ.ศ. 2178
ปีวอก ทรงพระประชวรหนักอยู่พระที่นั่งเบญจรัตน์และสวรรคตบางแห่งว่าครองราชย์ พ.ศ.
2183 ข 2178 (25 ปี) ศักราชไม่ตรงกัน
|