อาณาจักรสยาม
อาณาจักรสยาม
ยุคกรุงธนบุรีเป็นราชธานี (พ.ศ. 2310
2325)(2)
วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2321
นักพฤกษศาสตร์ชาวเดนมาร์ค ชื่อ ดอกเตอร์ เจ จี โกนิก
เดินทางจากอินเดียมาประเทศไทยโดยเรือบริสตอล เขียนบันทึกไว้ในเอกสารชื่อ
Voyage from India to Siam and Malacca
ว่าได้เห็นภูเขาร้อยยอด ที่มีทองคำเนื้อดี
ผ่านเมืองบางกอกเห็นป้อมที่ฝรั่งเศสสร้างไว้ (คือป้อมวิชาเยนทร์
ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นป้อมวิชัยประสิทธิ์)
พระเจ้าแผ่นดินประทับอยู่ในพระราชวังหลังป้อม พระราชวังเป็นไม้
มีตำหนักแพสำหรับพระเจ้าแผ่นดินด้วย พระเจ้าตากสินทรงโปรดเรื่องการค้า
บันทึกนั้นได้เล่าว่า บางกอกเป็นเมืองที่มีแม่น้ำคั่นกลาง
มีป้อมตามริมแม่น้ำ มีเชิงเทินแข็งแรง มีกำแพงล้อมเมือง
มีคูลึกในด้านที่ต่อกับที่ราบ มีกองร้อยปืนใหญ่อยู่บนกำแพงนอกป้อม
ครั้งนั้นเกิดไฟไหม้เรือชาวจีนลำหนึ่ง
พระเจ้ากรุงธนบุรีเสด็จออกมาทรงบัญชาการดับไฟด้วยพระองค์เอง
ดอกเตอร์ เจ จี โกนิก ได้แล่นเรือขึ้นไปทางเหนือผ่าน สามโคก
ผ่านค่ายโปรตุเกสุ และโบสถ์เซนต์ปอลซึ่งถูกไฟไหม้เหลือแต่ซาก
เห็นวิทยาลัยใหญ่ของพวกโรมันคาทอลิกริมแม่น้ำ เห็นกรุงศรีอยุธยาเป็นที่รกร้าง
กำแพงเมืองแตกร้าว มีคนนำช้างมาเลี้ยง 500 เชือก ดร. โกนิก
ชอบขลุ่ยไทยเพราะมีเสียงไพเราะมาก และยังได้เดินทางไปจังหวัดเพชรบุรีด้วย
สมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงบุรี (พระเจ้าตากสิน)
ได้มีการสั่งซื้อปืนใหญ่จากเดนมาร์ค จำนวน 10,000 กระบอก
โดยจ่ายค่าปืนด้วยดีบุก เดนมาร์คได้ส่งปืนใหญ่ 3,000 กระบอกมาจากโคเปนเฮเกน
แต่ปรากฏว่าปืน 521 กระบอก นั้นเกิดระเบิด
ทำให้พระองค์ทรงปฏิเสธการซื้อปืนจากเดนมาร์ค
สำหรับปืนใหญ่เดนมาร์คยี่ห้อ
Frederiksvaerk
ที่มีอายุราวปี พ.ศ. 2301 นั้น
ได้พบอยู่ที่บริเวณป้อมปราการเก่าในเมืองสมุทรสาครและเมืองสงขลา
และพบปืนใหญ่โบราณจากฮอลแลนด์ อายุราวสี่ร้อยปี สองกระบอก ยี่ห้อ
VOC
ตั้งอยู่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล
บริเวณหน้ากระทรวงกลาโหมนั้นมีปืนใหญ่โบราณอยู่จำนวนมาก ซึ่งมี
ปืนพญาตานี ที่หล่อจากปัตตานีด้วย
พ.ศ. 2323 เจ้าพระยามหากษัตริย์ได้ศึกยกทัพไปปราบเขมร และได้นำ
นักองเองเจ้าของเขมรมาชุบเลี้ยงในกรุงเทพฯ และได้แต่งตั้งให้พระยาอภัยภูเบศร์
(แบน ต้นตะกูลอภัยวงศ์) ออกไปปกครองดินแดนเมืองเขมร
พ.ศ. 2324 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีหรือพระเจ้าตากสิน (จีนเรียก
เจิ้งเจา หรือ แต้อ๋อง) ทรงโปรดให้เจ้าพระยาศรีธรรมาธิราช
และพระยามหานุภาพนำคณะทูตเดินทางไปเจริญไมตรีที่เมืองจีนโดยเดินทางออกจากกรุงธนบุรีเมื่อวันอังคาร
เดือน 7 แรม 11 ค่ำ จุลศักราช 1143 ปีฉลู เดินทางไปเมืองกวางตุ้ง
โดยมีเรือสำเภา 11 ลำ บรรทุกไม้ฝาง งาช้าง ดีบุก นอแรด ไม้ดำ
ไม้แดงและชางหนึ่งเชือก ใช้เวลาเดินทาง 33 วัน
ครั้งนั้นได้อัญเชิญพระราชสาส์นไปเจริญทางพระราชไมตรี กับพระเจ้ากรุงปักกิ่ง
เคี่ยนหลงฮ่องเต้ หลังจากที่ว่างเว้นการติดต่อกับกรุงจีนมา 24 ปี
เรือสำเภาสยามใช้ใบแล่นออกไปทางปากน้ำติดสันดอน
รอน้ำขึ้นสองวันแล่นทวนลมไปพัทยา ผ่านเส้นทางทะเลดังนี้ ผ่านสามร้อยยอด
พุทไธมาศ เกาะขวาง เขาขนุน เกาะกุ๋นตุ๋น เกาะทราย เมืองป่าสัก (ญวน)
ปากน้ำญวนเขาช้างข้าม ข้ามทะเลถึงเมืองกวางตุ้ง รวมระยะทาง 300 โยชน์
คณะราชทูตนั้นได้เห็นป้อมปืนกลางน้ำที่เมืองกวางตุ้ง
และเห็นฝรั่งอังกฤษวิลันดาจำนวนมาก บ้านเรือนก่อเป็นตึก หญิงจีนรัดเท้าเล็ก
มีขอทานมาก
จงตกดูหมูอี๋
อุปราชของเมืองกวางตุ้งได้ให้ม้าเร็วเดินทางไปปักกิ่ง
เพื่อขออนุญาตให้คณะราชทูตสยามเข้าเฝ้าพระเจ้าเคี่ยนหลงฮ่องเต้ที่กรุงปักกิ่ง
(พระยามหานุภาพ เรียกกรุงปักกิ่งว่า กรุงราชคฤห์) ใช้เวลาเดินทางไปกลับ 27 วัน
คณะราชทูตจึงได้ลงเรือไปเฝ้าพระเจ้าเคี่ยนหลงฮ่องเต้ที่ปักกิ่ง
ได้รับพระราชทานเลี้ยงอย่างสมเกียรติ คณะราชทูตได้ซื้ออาวุธจากจีน
และอุปกรณ์ก่อสร้าง กลับมากรุงสยามเมื่อ พ.ศ. 2325
อุปกรณ์ก่อสร้างดังกล่าวนั้นได้นำมาใช้ในการสร้างพระบรมมหาราชวังในสมัยรัชกาลที่
1 ด้วย
เหตุการณ์เมื่อทูตไทยไปเฝ้าพระเจ้ากรุงจีนนี้
ได้บันทึกไว้ในจดหมายเหตุจีน ชื่อ หวง เฉียวบุ๋ยเหียนทงเค้า เล่ม 34 หน้า 40
41 เรียกประเทศสยามว่า เสียมหลอก๊ก
และอ้างว่าในสมัยราชวงศ์สุย ราชวงศ์ถัง เรียกประเทศสยามว่า เซียะโท้วก๊ก
พ.ศ. 2324
เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพไปเขมร เพราะเขมรต่อต้านอำนาจของไทยไปฝักใฝ่กับญวน
กองทัพไทยจึงเข้ายึดเสียมราฐและพระตะบองเอาไว้ แต่เกิดเรื่องวุ่นวายทางกรุงธนบุรี
เนื่องจากพระยาสรรค์นั้นเข้ายึดอำนาจจับพระราชวงศ์มาจองจำไว้
จำต้องยกทัพกลับมาปราบกบฏแล้วสิ้นสมัยกรุงธนบุรี
พ.ศ. 2325 เมืองพม่าได้เกิดการเปลี่ยนแผ่นดิน
พระเจ้าจิงกูจาแห่งกรุงอังวะเมืองพม่า ได้ถูกตะแคงปดุงอะตวนหวุ่นกับอะแซหวุ่นกี้
ชิงอำนาจและจับพระเจ้าจิงกูจาประหารชีวิตขณะมีพระชนมายุ 27 พรรษา ตะแคงปดุง
จึงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พม่า พระนามว่าพระเจ้าปดุง
ภายหลังได้ยกทัพมาสู้รบกับอาณาจักรสยาม
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีหรือพระเจ้าตากสิน ครองราชย์อยู่ 14 ปี
ทรงมีพระโอรส คือ กรมขุนอินทรพิทักษ์ (พระองค์เจ้าจุ้ย) และกรมขุนกษัตรนุชิต
(หม่อมเหม็น) ใน พ.ศ. 2325 เกิดเหตุการณ์จลาจล
พระองค์ได้ถูกเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เข้าปราบจลาตล
ทำการยึดอำนาจและถูกประหารชีวิต พระบรมศพประดิษฐานอยู่ที่วัดอินทราราม
พระยาตาก (สิน)
ได้ครองราชย์สมบัติเป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หรือ
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เมื่อ จ.ศ. 1130 (พ.ศ. 2311)
พระองค์ทรงสร้างราชธานีที่กรุงธนบุรี พระองค์ทรงรวมกำลังกอบกู้ชาติ
และทำการปราบปรามก๊กต่างๆ ปรับปรุงบ้านเมืองจนเป็นปึกแผ่นมั่นคง
ปลายรัชกาลนั้นเกิดจลาจลภายในกรุงธนบุรี พระองค์เสด็จสวรรคตในปี จ.ศ. 1144 (พ.ศ.
2325) รวมอยู่ในสิริราชสมบัติ 14 ปี
|