ที่พักอาศัย และการแต่งกาย
ที่พักอาศัย และการแต่งกาย
ชาวสยามชอบตั้งบ้านเรือนเฉพาะอยู่ริมน้ำ
ส่วนที่ห่างแม่น้ำลำคลองจะมีคนอาศัยอยู่น้อย
ชอบเดินทางและขนส่งด้วยเรือในแม่น้ำลำคลองมากกว่ารถม้า
ไม่ชอบสร้างเมืองชายทะเลไม่ชำนาญเดินเรือทะเล ไม่รู้จักดาราศาสตร์
ใช้ดาราศาสตร์เพ่อทำนายโชคชะตา ในท้องนามีการทำหุ่นฟางไล่นกมีใบพัดเกิดเสียง
และเคาะแผ่นโลหะเพื่อไล่นกที่มากินข้าวในนา บ้านชาวสยามสะอาดสวยงาม
ฝาบ้านทำด้วยไม้ไผ่ขัดแตะยกพื้นสูงเพื่อหนีน้ำท่วม มุงหลังคาด้วยใบไม้ใบหญ้า
บางบ้านทำด้วยไม้ผากระดาน ซึ่งต่อชิ้นส่วนเข้าด้วยกันทั้งหลังได้
โดยไม่ต้องใช้ตะปูสักตัวเดียว ชาวสยามนอนบนเสื่อ ไม่มีเตียง ตู้ เก้าอี้
หรือภาพวาด ชาวสยามส่วนใหญ่นุ่งผ้าสีไม่ใส่เสื้อ นุ่งผ้าขาวม้าอาบน้ำ
ไม่แก้ผ้าอาบน้ำเหมือนชาวยุโรป
ฝ่าเท้าหนาเพราะเดินด้วยเท้าเปล่าจนหนามธรรมดาตำไม่เข้า เด็กแก้ผ้าจนถึงห้าขวบ
ข้าราชการใส่เสื้อมัสลินสีขาวไม่มีคอปกสวมหมวกสีขาวยอดแหลม (ลอมพอก)
ทหารใส่เสื้อสีแดง
พระเจ้าแผ่นดินทรงฉลองพระองค์ทำด้วยผ้าตาดประดับผ้าลูกไม้จากยุโรป
วังพระเจ้าแผ่นดินสร้างด้วยอิฐ หลังคายอดแหลมมุงด้วยดีบุก
พื้นปูด้วยพรมเปอร์เซีย ล้อมด้วยกำแพงอิฐสามชั้น พระเจ้าแผ่นดินใส่หมวก
ใส่รองเท้าปลายแหลมไม่หุ้มส้น
ประชาชนไม่เคยเห็นพระเจ้าแผ่นดินเพียงการออกพระนามหรือถามถึงพระสุขภาพก็ถือเป็นการลบหลู่พระบรมเดชานุภาพ
ผู้หญิงสยามชอบไว้เล็บยาว
การปกครองท้องถิ่น
พระราชอาณาจักรสยามแบ่งออกเป็นสิบเมือง
แต่ละเมืองมีเจ้าเมืองหนึ่งคน คือ ศรีอยุธยา
Supthia
บางกอก
Bancok
เพชรบุรี
Pipli
กำแพงเพชร
Campine
ราชบุรี
Rappri
ตะนาวศรี
Tenasserim
นครศรีธรรมราช
Ligour
กาญจนบุรี
Cambouri
และนครราชสีมา
Concacema
การป้องกันประเทศ
ทหารสยามไม่ค่อยได้ออกรบ ใจไม่กล้า อ่อนแอ ไม่มีระเบียบวินัย
ไม้กล้าฆ่าศัตรู อาวุธไม่ดี ขี่ม้าไม่เก่ง ใช้ช้างมากกว่าม้า
ซึ่งอาจเกิดผลร้ายต่อตนเอง
เพราะเมื่อช้างบาดเจ็บอาจบ้าคลั่งทำร้ายควาญของตนแล้วเหยียบให้ตายได้
ช้างของพระเจ้าแผ่นดินได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีมาก ม้าสยามรูปร่างไม่งดงาม
พันธุ์ไม่ดี ดังนั้น จึงต้องนำม้ามาจากต่างประเทศ เช่น ปัตตาเวีย
ทหารสยามกลัวความเหนื่อยยากในการสงคราม จึงไม่มีความก้าวหน้าในวิชาทหาร
เมื่อออกสนามรบ ทหารจะเอาเข้าใส่กระบุงแบกใส่บ่าไปสำหรับกินได้หนึ่งเดือน
ถ้าสงครามมีนานและข้าวหมด ทหารมักจะตายเพราะหิวข้าวมากกว่าถูกศัตรูฆ่าตาย
การที่มีน้ำท่วม กับการที่มีแม่น้ำตัดกรุงสยามออกเป็นตอนๆ นั้น
เป็นปราการที่มั่นคงที่สุดที่มีไว้ สำหรับรับมือจากการรุกรานจากต่างประเทศ
สยามมีเรือรบใช้พายและใบอยู่ห้าสิบลำ หลายลำผุชำรุด
มีปืนใหญ่ที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะขึ้นสนิม ดินปืนที่สยามทำเองนั้นไม่แรงพอ
ต้องซื้อดินปืนจากยุโรป ไม่รู้จักวิชาสร้างป้อมที่ทำให้เมืองมั่นคง
ป้อมปราการที่มีอยู่สร้างตามแบบแปลนของชาวฝรั่งเศส
และโปรตุเกสที่บางกอกมีป้อมสร้างโดยฝรั่งเศสสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
ขณะที่เกิดปฏิวัติในอยุธยาชาวฝรั่งเศสที่ถูกตามสังหารในนครหลวงได้เคยหนีมายังป้อมนี้
เพื่อพม่ายกทัพที่มาตีกรุงศรีอยุธยากลับไป พระยาตากได้เข้ามายึดเมืองบางกอก
มีชาวต่างประเทศมาเป็นทหารรักษาพระองค์ด้วย เช่น กองร้อยชาวตาด
Tartars
และ ชาวอินเดีย ซึ่งต้องปลุกความแกล้วกล้าด้วยฝิ่น
สินค้าส่งออก
สินค้าสำคัญของสยามคือ แร่กาลีนา แร่ดีบุก งา ดินประสิวขาว และแท่งตะกั่ว
ในสมัยก่อน การค้าของสยามรุ่งเรืองมาก มีเรือเป็นพันๆ ลำจากจีนและยุโรป
เข้ามาค้าขายแต่ปัจจุบันสักสิบลำยังหายาก
การละเล่น
เด็กสยามชอบเล่น ลูกข่าง ลูกหนัง
มีการเล่นว่าวผูกตะเกียงขึ้นไปตอนกลางคืนด้วยดนตรีสยามมีซอสามสาย ปี่ขลุ่ย กลอง
มีการเล่นหุ่นกระบอก สกา หมากรุก ตะกร้อ คนสยามชอบการพนัน ชนไก่
แข่งวัวแทนแข่งม้า ชอบการร้องเพลงแต่ไม่รู้จักโน้ตเพลง และไม่จดไว้ในตำรา
มิชชันนารีหมู่แรกได้แต่งกฎทางศาสนาเบื้องต้นเป็นทำนองเพลงภาษาละตินเพื่อจารึกลงในความจำของศิษย์
และวิธีนี้ปรากฏผลดียิ่ง ไม่มีคนทำเครื่องดนตรีขาย ใครอยากทำอะไรก็ทำตามใจชอบ
อาชีพนักแสดงละครเป็นอาชีพต่ำต้อย
การแสดงส่วนมากมักตลกโปกฮาและมักมีคำอุจาดสามกสอดแทรกอยู่
ชาวสยามชอบการพนันอย่างยิ่ง ผู้แพ้การพนันนั้นยอมขายได้แม้กระทั่งลูกเมียของตน
การศึกษา
การศึกษาของสยามขาดวิชารู้จักคิดหาเหตุผล
คนสยามพยายามจะไม่คิดเพราะความคิดทำให้เหน็ดเหนื่อย
การศาสนา
ภาษาฝรั่งเศสเรียกพระภิกษุพุทธศาสนาว่า ตาลาปวง
Talapoin
ซึ่งได้มาจากคำว่า ตาลปัตร ที่พระภิกษุถือในมือ
เพื่อไม่ให้เห็นสตรีขณะกำลังสวดมนต์
การยุติธรรม
ไม่มีประเทศใดในโลก
ที่คนทุจริตจะมีวิธีพลิกแพลงมากเท่ากับในประเทศสยามในประเทศนี้
คนที่ชำนาญการในการทำให้คดียุ่ง สามารถทำให้เรื่องร้ายที่สุดกลับเป็นไปในทางดีได้
และเขาจะเรียกร้องค่าตอบแทนอย่างสูงทีเดียว การลงโทษผู้กระทำผิดมีหลายระดับ เช่น
ไปตัดหญ้าให้ช้างกิน เอามีดกรีดศีรษะ เฆี่ยน ดำน้ำลุยไฟ ตอกเล็บบีบขมับ
จนถึงตัดหัวประหารชีวิต
ศิลปะ
ในกรุงสยามไม่มีนักวาดรูปตามหลักศิลปะของยุโรป เขาวาดแต่รูปสัตว์ประหลาดพิสดาร
กับรูปเพ้อฝันฟุ้งซ่าน ไม่วาดภาพเป็นจริงตามธรรมชาติ
ภาพวาดของชาวสยามไม่ได้สัดส่วนงดงาม
แร่ธาตุและสมุนไพร
กรุงสยามมีเปลือกหอยที่ทำปูนขาวได้ มีปูนตำที่ดีกว่าปูนซิเมนต์ของยุโรป
มีเหมืองทองคำที่บ้านจันดอม (Chandom)
มีบ่อเงิน บ่อตะกั่ว ดีบุก เหล็ก และมีเหมืองเพชรโมรา (Agate)
ในที่สูงของแผ่นดิน
มีเหมืองดินประสิวที่เมืองกุย และมีดินประสิวจากขี้ค้างคาวตามโขดหินและโบสถ์
มีฝ้ายจากต้นฝ้ายและต้นปันชา? (Pancha)
มีแร่กาลีนา (ดีบุก) ซึ่งเมื่อประสมกับคัดมี (Cadmie)
ซึ่งเป็นหินแร่อีกอย่างหนึ่งที่ตำเป็นผงง่าย หลอมเข้ากับทองแดง
จะตีแร่กาลีน่าให้ยึดออกได้เรียกว่า ตูเตอนาค (Toutenague)
มีน้ำผึ้ง ซันดิบที่เกิดจากแมลงในป่า ขี้ครั่งใช้ผนึกซองจดหมายรังนก นกยูง
นกแก้ว นกกะเรียน นกคอยาวใหญ่ ซึ่งมีขนราคาแพง
มีหนังกวางที่ชาวฮอลันดานำไปขายญี่ปุ่นได้กำไรมากมาย
เอ็นขากวางตากแห้งและเนื้อกวางก็ขายได้ราคาดี
อำพันสีเทา (Amber)
มีอยู่ทั่วไปตามฝั่งทะเลของอาณาจักรสยาม
เป็นยารักษาไข้จับสั่นที่ชะงัดนัก
โดยกินอำพันสีเทาเม็ดหนึ่งบดใส่น้ำหนึ่งช้อนกาแฟ
อำพันมีราคาแพงเป็นสี่เท่าตามน้ำหนักของโลหะเงิน
กำยานเก็บมาจากต้นไม้ (ดีที่สุดจากรัฐอะแจในเกาะสุมาตรา)
และชะมดเช็ดจากลูกอัณฑะของชะมด ใช้ทำน้ำหอม น้ำมันมะพร้าวที่สดใหม่ใช้ใส่ผม
น้ำมันมะพร้าวใช้ชูรสปรุงอาหาร
เมื่อผสมน้ำมันมะพร้าวกับลูกช้างแห้งสามารถทำใต้จุดไฟหรือดามาส (Damas)
ซึ่งสามารถส่งไปขายถึงปอนดิเชอรี่ และมัทราส
น้ำมันยางเชรียงได้จากการเจาะต้นยางแล้วเอาไฟสุม
น้ำมันจีร์จีลี่ได้จากเมล็ดพืชต้นเล็กๆ มีหลายกิ่ง หวานเป็นทุ่ง
นำเมล็ดมาแช่น้ำร้อนห่อด้วยกระสอบเสื่อยัดเข้าไปในเครื่องหีบ ใช้จุดตะเกียง
ใช้ถูร่างกายเมื่ออาบน้ำเสร็จ
แล้วกากจีร์จีลี่ที่เหลือจากการหีบน้ำมันสามารถตัดเป็นชิ้นๆ
นำมาเชื่อมเป็นแยมได้ด้วย
ต้นไม้และผลไม้
ไม้หอมของกรุงสยามคือกฤษณา ซาร์ฟารเรส การบูร และจันทน์หอม
กฤษณา ได้จากจันทบูร (Chahtun)
พวกจีนและอิสลามชอบ มีราคาแพงมาก
ความหอมของกฤษณาเกิดในแก่นไม้เมื่อมันผุ
เปลือกไม้ แซสซาเฟรส (Sassafras)
เป็นต้นไม้ใหญ่ เนื้อเท่ากับไม้สน ใช้ในการผสมยารักษากามโรค
เวลาจะลอกเปลือกต้นไม้ ซึ่งมีกลิ่นการบูร ต้องถอดเสื้อผ้าออกหมด
เอาแป้งชนิดหนึ่งละลายน้ำถูกตัว เพื่อให้ไอที่ออกจากต้นไม้ไม่เข้าไปในผิวหนัง
ถ้าเข้าไปแล้วจะทำให้คันมาก
ไม้จันทน์ ได้จากต้นจันทน์ (Sandale)
ชนิดสีขาวมาจากเกาะติมอร์ ชนิดแดงมีมากในสยาม ชาวสยามใช้แผ่นไม้จันทน์ชิ้นเล็กๆ
เผาไฟให้มีกลิ่นหอม
ใช้ฝนกับน้ำบนหินทำให้เป็นแป้งมีกลิ่นหอมเพื่อทาถูร่างกายหลังอาบน้ำ
และใช้เผาศพคนตาย
ไม้ฝาง (Sapan)
มีอยู่เป็นป่าหาง่ายในสยาม ชาวจีนญี่ปุ่นใช้ย้อมสี สยามส่งไปขายปีละหลายลำเรือ
ไม้สัก ใช้สร้างบ้านและต่อเรือ
ไม้มะเกลือ มีแก่นสีดำ ชาวจีนชอบ
ไม้ไผ่ ชาวสยามชอบตัดหน่อไผ่ออกเป็นชิ้นเล็กๆ
มาดองเกลือใส่ไหแล้วใส่กระปุกดินที่มีน้ำส้มเก็บไว้กิน
บางทีเติมพริกไทยดิบเป็นพวงลงไปด้วย ชาวสยามนิยมกินหน่อไม้ดองนี้ ขณะอยู่ในทะเล
น้ำใสๆ
ในปล้องไผ่ที่โตเต็มที่ใช้รักษาแผลบนศีรษะอย่างวิเศษและยังสามารถกลั่นน้ำใสนี้เป็นน้ำมันให้หมอใช้รักษาคนไข้ได้ผลดีด้วย
ใบพลูใช้กินกระตุ้นให้เกิดความขยัน
หมาก ใช้กระตุ้นความสนุกในการร่วมเพศ และทำให้ปากไม่เหม็น
มังคุด มีรสดีและทำให้ชุมเย็น เปลือกมังคุดต้มรักษาโรคบิดได้ชะงัด
สัปปะรดทำให้กระเพาะอาหารร้อนและแข็งแรง
ฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีรสถูกปากชาวยุโรปมากที่สุด
ชาวสยามต้องการผ้าแพรจากเมืองจีน ฟ้าสี ฟ้ามัสลิน พรม
ผ้าสีแดงและกำมะหยี่จากยุโรป ปืนฝรั่งเศส
ดินปืนใหญ่และลูกปืนชาวสยามไม่รู้จักผักที่มีหัวและผักสลัด
|