เหตุการณ์สำคัญสมัยกรุงศรีอยุธยาต
เหตุการณ์สำคัญสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น(1)
ข้อมูลจากจดหมายเหตุเก่สมัยพระนารายณ์
เหตุการณ์สำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้นมีความปรากฏในพงศาวดารอยู่หลายฉบับสำหรับเอกสารเก่าที่มีความเชื่อถืออยู่มากนั้น
คือ จดหมายเหตุของโหราบดีที่เขียนในสมัยพระนารายณ์ เมื่อ พ.ศ. 2223
นักประวัติศาสตร์รู้จักกันในชื่อ พงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์
เอกสารนี้ตั้งชื่อตามผู้ค้นพบคือ พระยาปริยัติธรรมธาดา (แพ ตาละลักษณ์ เปรียญ)
เมื่อครั้งเป็นหลวงประเสริฐอักษรนิติ์
ซึ่งไดเอกสารมาจากชาวบ้านแล้วนำมามอบให้หอสมุดวชิรญาน เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน
ร.ศ. 126 (พ.ศ.2451)
ความใน พงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์
นี้เป็นเอกสารที่เรียบเรียงไว้เมื่อจุลศักราช 1042 (พ.ศ. 2223)
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ เป็นจดหมายเหตุสำคัญเขียนลงในสมุดไทย
เขียนเป็นลายมือสมัยอยุธยาตอนปลาย
มีข้อความเป็นเหมือนพงศาวดารย่อมีเนื้อหาสาระคล้ายกับพงศาวดารฉบับกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส
ซึ่งมีข้อความหลักฐานที่ถูกต้องกว่าฉบับอื่น ๆ เดิมเอกสารเก่านี้น่าจะมี 2
เล่มจบ แต่ได้มาเพียงเล่มเดียว
พงศาวดารเล่มนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่ได้รับการเชื่อถือได้มากที่สุด
มีประโยชน์การตรวจสอบศักราชของเหตุการณ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยาให้มีความชัดเจนขึ้น
(ข้อความเดิมพิมพ์ตามอักขระเดิม
ส่วนข้อความลบเลือนได้เขียนเพิ่มไว้ในวงเล็บเพื่อต่อให้มีความสมบูรณ์) ดังนี้
ศุภมัสดุ 1042 ศกวอก นัก (ษัตร ณ วัน 4) 12 5 ค่ำ (พ.ศ. 2223) ทรงพระ
(กรุณาโปรด) เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสั่งว่า ให้เอากฎหมายของพระ (หราเขียน)
ไว้แต่ก่อนและกฎหมายเหตุซึ่งหาได้หอหนังสือ และเหตุซึ่งมีในพงศาวดารนั้น
ให้คัดด้วยกันเป็นแห่งเดียว ให้ระดับศักราชกันมาตุงเท่าบัดนี้
จุลศักราช 686 ชวดศก (พ.ศ. 1687) แรกสถาปนาพระพุทธเจ้า เจ้าพแนงเชิง
ศักราช 712 ขาลศก (พ.ศ. 1893) วัน 6 6 ฯ 5) ค่ำ เพลารุ่งแล้ว 3
นาฬิกา 9 บาทแรกสถาปนากรุงศรีอยุธยา
ศักราช 731 ระกาศก (พ.ศ. 1912) แรกสร้างวัดพระราม
ครั้งนั้นสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้าเสด็จนฤพาน จึงพระกุมารท่านสมเด็จพระ (ราเม)
ศวรเจ้าเสวยราชสมบัติ ครั้นเถิงศักราช 732 จอศก (พ.ศ. 1913)
สมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้า
เสด็จมาแต่เมืองสุพรรณบุรีขึ้นเสวยราชสมบัติพระนครศรีอยุธา
และท่านจึงได้สมเด็จพระราเมศวรเจ้า เสด็จไปเสวยราชสมบัติเมืองลพบุรี
ศักราช 733 กุนศก (พ.ศ. 1914) สมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้า
เสด็จไปเอาเมืองเหนือและได้เมืองเหนือทั้งปวง
ศักราช 735 ฉลูศก (พ.ศ. 1916) สมเด็จไปเมืองชากัง (ราวและพระยา)
ใสแก้วและพระยาคำแหง เจ้าเมืองรากังราว ออกต่อรบท่าน ๆ (ได้ฆ่าพระยา)
ใสแก้วตาย และพระยาคำแหงและพลทั้งปวงหนีเข้าเมืองได้ และทัพ (หลวง)
เสด็จกลับคืนมา
ศักราช 736 ขาลศก (พ.ศ. 1917) สมเด็จพระบรมราชา (ธิราช) เจ้า
และพระมหาเถระธรรมากัลป์ญาณ แรกสถาปนาพระศรีรัตนมหาธาตุ
ฝ่ายบูรพาทิศหน้าพระบันชั้นสิงห์ สูงเส้น 3 วา
ศักราช 737 มะโรงศก (พ.ศ. 1918
เสด็จไปเอาเมืองพิษณุโลก และได้ตัวขุนสามแก้วเจ้าเมืองและครัว (อพ)
ยพมาครั้งนั้น
ศักราช 738 มะโรงศก (พ.ศ. 1919)
เสด็จไปเอาเมือง (ชากังราว) เล่า ครั้งนั้นพระยาคำแหงและท้าวผ่าคอง
คิดด้วยกันว่าจะยอทัพ (หลวง จะและ) ทำมิได้ และท้าวผ่าคองเลิกทัพหนี
และจึงเสด็จหนีทัพหลวงตาม และท้าวผ่าคองนั้นแตก
และจับได้ตัวเท้าพระยาและเสนาขุนหมื่นครั้งนั้นมาก และทัพหลวงเสด็จกลับคืน
ศักราช 740 มะเมียศก (พ.ศ. 1921)
เสด็จไปเอาเมืองชากังราวเล่า ครั้งนั้นมหาธรรมราชาออกรบทัพหลวงเป็นสามารถ
และเห็นว่าจะต่อทัพหลวงมิได้ จึงมหาธรรมราชออกถวายบังคม
ศักราช (748) ขาลศก (พ.ศ. 1929) เสด็จไปเอาเมืองเชียงใหม่
และเข้าไปปล้นเมืองนครลำภางมิได้ จึงแต่งหนังสือให้เข้าไปแก่หมื่นนคร
เจ้าเมืองนครลำภางมิได้ จึงแต่งหนังสือให้เข้าไปแก่หมื่นนครเจ้าเมืองนครลลำภาง ๆ
นั้นยอมถวายมงคล และทัพหลวงเสด็จกลับคืน
ศักราชได้ 750 มะโรงศก (พ.ศ. 1931) เสด็จไปเอาเมืองชากังราวเล่า
ครั้งสมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้า ทรงพระประชวรหนักจึงเสด็จกลับคืน
ครั้งเถิงกลางทาง สมเด็จพระบรมราชาเจ้านครศรีอยุธยาได้ 7 วัน
จึงเสด็จพระราเมศวรยกพลมาแต่เมืองลพบุรี ขึ้นถวายราชสมบัติพระนครศรีอยุธยา
และท่านจึงพิฆาตเจ้าทองลันเสีย
ศักราช 757 กุนศก (พ.ศ. 1938) สมเด็จพระราเมศวรเจ้านฤพาน
จึงมีราชกุมารท่านเจ้าพระยาราม เสวยราชสมบัติ
ศักราช 771 ฉลูศก (พ.ศ. 1952)
สมเด็จพระยารามเจ้ามีความพิโรธแก่เจ้าเสนาบดีและท่านให้กุมเจ้าเสนาบดีหนีรอด
(และข้ามไป) อยู่ฟากปท่าคูจามนั้นและเจ้าเสนาบดีจึงให้ไปเชิญสมเด็จ (พระอินท)
ราชาเจ้ามาแต่เมืองสุพรรณบุรี ว่าจะเข้ามาเอาพระนครศรีอยุธยาถวาย
ครั้นสมเด็จพระอินราชาเจ้าเสด็จได้เถิงไซร้
จึงเจ้าเสนายกพลไปปล้นเอาพระนครศรีอยุธยาได้
จึงเชิญสมเด็จพระอินทเจ้าขึ้นเสวยราชสมบัติ
และท่านจึงให้สมเด็จพระยารามเจ้าไปกินเมืองปทาคูจาม
ศักราช 781 กุนศก (พ.ศ. 1962) มีข่าวมาว่า
พระมหาธรรมราชาธิราชเจ้านฤพานและเมืองเหนือทั้งปวงเป็นจลาจล
และจึงเสด็จไปถึงเมืองพระบาง ครั้งนั้นพระยาบาลเมืองและพระยารามออกถวายบังคม
ศักราช 786 (พ.ศ. 1967) สมเด็จพระอินทราชาเจ้า ทรง (ประ) ชวร
นฤพานครั้งนั้นเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยา พระราชกุมารของท่านชนช้างด้วยกัน ณ
สะพานป่าถ่าน เถิงพระราลัยทั้ง 2 พระองค์ที่นั่นจึงพระราชกุมารเจ้าสามพระยา
ได้เสวยราชสมบัติพระศรีอยุธยา ทรงพระ)
นามสมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้าและท่านจึงได้ก่อเจดีย์สองพระองค์สวมที่เจ้าพระบาอ้ายและเจ้าพระยายี่ชนช้างกัน
เถิง (อนิจ) ภาพตำบลป่าถ่านนั้น ในศักราชนั้นสถาปนาวัดราชบุณ
ศักราช 793 กุนศก (พ.ศ. 1974) สมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้าเสด็จไปเอาเมือง
(นครหลวง) ได้ และท่านจึงให้พระราชกุมารท่านพระนครอินทร์เจ้าเสวยพระราชสมบัติ ณ
เมืองนครหลวงนั้น ครั้งนั้นท่านจึงให้พระยาแก้ว พระยาไทย และรูปภาพทั้งปวง
มายังพระนครศรีอยุธยา
ศักราช 800 มะเมียศก (พ.ศ. 1981) ครั้นสมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้า
สร้างวัดมะเหยงคณ์ เสวยราชสมบัติ และสมเด็จพระราเมศวร (เจ้าผู้เป็น)
พระราชกุมาร
ท่านเสด็จไปเมืองพิษณุโลกครั้งนั้นเห็นน้ำพระเนตรพระพุทธชินราชออกมาเป็นโลหิต
ศักราช 801 วอกศก (พ.ศ. 1983) ครั้งนั้นเกิดเพลิงไหม้พระที่นั่งราชมณเฑียร
ศักราช 803 ระกาศก (พ.ศ. 1984) ครั้งนั้นเกิดเพลิงไหม้พระที่นั่งตรีมุก
ศักราช 804 วกศก (พ.ศ. 1985) สมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้า
เสด็จไปเอาเมืองชียงใหม่และเข้าปล้นเมืองมิได้ พอทรงพระประชวร
และทัพหลวงเสด็จกลับคืน
ศักราช 806 ชวดศก (พ.ศ. 1987) เสด็จไปปราบทัพและตั้งทัพหลวงตำบลปะทายเขษม
ครั้งนั้นได้เชลย 120,000 คน ทัพหลวงเสด็จกลับ (คืน)
ศักราช 810 มะโรงศก (พ.ศ. 1919) สมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้าเสด็จนฤพาน
จึงพระราชกุมารท่าน สมเด็จพระราเมาศวรเจ้าเสวยราชสมบัติ
ทรงพระนามสมเด็จพระบรมไตรโลกเจ้า
ศักราช 813 มะแมศก (พ.ศ. 1994) ครั้งนั้นมหาราชมาเอาเมืองชากังราวได้
แล้วจึงเอาเมืองสุโขทัย เข้าปล้นเมืองมิได้ก็เลิกทัพกลับคืน
ศักราช 816 จอศก (พ.ศ. 1997) ครั้งนั้นคนทั้งปวงเกิดทรพิษตายมากนัก
ศักราช 817 กุนศก (พ.ศ. 1998) แต่งทัพให้ไปเอาเมืองมะละกา
ศักราช 818 ชวดศก (พ.ศ. 1999) แต่งทัพให้ไปเอาเมืองลิสบทิน
ครั้งนั้นเสด็จหนุนทัพขึ้นไปทัพหลวงตำบลโคน
ศักราช 819 ฉลูศก (พ.ศ. 200) ครั้งนั้นข้าวแพงเป็นทะนานแล 800 เบี้ย
เมื่อคิดเสมอเบี้ยเฟืองแล 800 นั้น เกวียนหนึ่งเป็นสามชั้งสิบบาท
ศักราช 820 ขาลศก (พ.ศ. 2001) ครั้งนั้นให้บุณพระศาสนาบริบูรณ์
และหล่อพระโพธิสัตว์ 500 ชาติ
ศักราช 822 มะโรงศก (พ.ศ. 2003) เล่นการมหรสพฉลองพระ
และพระราชทานแก่พระสงฆ์และพราหมณ์และวณิพกทั้งปวง ครั้งนั้นพระยาเขลียงคิดเป็นขบถ
พาเอาครัวทั้งปวงไปออกแต่มหาราช
ศักราช 823 มะเส็งศก (พ.ศ. 2004)
พระยาเชลียงนำมหาราชจะมาเอาเมืองพิษณุโลกเข้าปล้นเมืองเป็นสามารถ
มิได้เมืองแล้วจึงยกทัพเปร่อไปเอาเมืองกำแพงเพชร
และเข้าปล้นเมืองเถิงเจ็ดวันมิได้เมือง
และมหาราชก็เลิกทัพคืนไปเชียงใหม่
|