เกาะหลีเป๊ะ

0

มัลดีฟส์เมืองไทย ไข่มุกอันดามัน ฉายาที่เรียกขานกันมาช้านานของ “เกาะหลีเป๊ะ” เกาะที่มีน้ำทะเลใสเหมือนน้ำประปา หาดทรายขาวเหมือนน้ำตาล และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่รักท้องทะเล ต้องมาเยือนที่นี้สักครั้งในชีวิต และวันนี้ดูเอเซีย ได้มีโอกาสมาเยือนที่เกาะหลีเป๊ะแห่งนี้ ตื่นเต้นครับ เพราะสิ่งที่ได้พบคือความสวยงามของท้องทะเลอันดามัน และบรรยากาศของเกาะที่ใคร ๆ ต่างอยากมาเยือนสักครั้ง และถ้ามาเยือนแล้วต้องอยากกลับมาอีกสักครั้งแน่นอน วันนี้ดูเอเซียดอทคอมจะเก็บภาพบรรยากาศสวย ๆ ของเกาะหลีเป๊ะ นำมาฝากเพื่อน ๆ ดูเอเซียให้อิจฉาเล่นกันน่ะ

เกาะหลีเป๊ะ อยู่ทางตอนใต้ของเกาะอาดัง และเป็นที่อยู่อาศัยของชาวน้ำประมาณ 500 คน ซึ่งกล่าวกันว่า ก่อนหน้านี้ เกาะหลีเป๊ะอยู่บนเกาะลันตาในจังหวัดกระบี่ พวกเขาดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการประมง และการเพาะปลูกผัก ปลูกข้าวอยู่บนเกาะหลีเป๊ะ เกาะหลีเป๊ะ อยู่นอกเขตอำนาจของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ดังนั้นจึงได้รับการยกเว้นจากกฎหมายของอุทยานแห่งชาติ เกาะหลีเป๊ะมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการของการท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ ปัญหาขยะและการอนุรักษ์สัตว์มากขึ้นตามไปด้วย หนึ่งในเหตุผลที่จำนวนของนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวที่นี่เพิ่มมากขึ้นก็คือ รายการ “Tarutao Survivor” ซึ่งเป็นรายการที่นำเสนอการใช้ชีวิตบนหมู่เกาะตะรุเตา แบบเรียลลิตี้โชว์

เกาะหลีเป๊ะ ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายอุทยาน ดังนั้นจึงมีการจำกัดสถานที่สำคัญไว้ส่วนหนึ่งบนเกาะอาดัง บังกะโลหลายแห่งเริ่มก่อสร้างขึ้นในหมู่บ้านหลักๆ ตามแนวชายฝั่งตะวันออกและหาดพัทยา ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะหลีเป๊ะ นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารและร้านค้าอีก 2 – 3 แห่งอีกด้วย คุณ สามารถเดินไป-มาระหว่างหมู่บ้านกับหาดพัทยา โดยใช้เวลาประมาณ 20 – 30 นาทีเท่านั้น หรือใช้บริการของเรือหางยาวที่บริการผู้โดยสาร เสียค่าใช้จ่ายคนละ 30 บาท

มีแนวปะการังอยู่ด้านใต้ของเกาะเล็กๆ และอ่าวเล็กๆ น้อยๆ มากมาย ชาวบ้านจะคอยให้บริการเช่าเรือเพื่อท่องเที่ยวไปยังเกาะรอบๆ ซึ่งเต็มไปด้วยแนวปะการังมากมาย สวยมาก ๆ ครับ

หากจะมาที่เกาะหลีเป๊ะนี้ก็ไม่ยากครับ จากหาดใหญ่ ปัจจุบันมีสถานีรถตู้เพื่อไปยังที่ต่างๆ ตั้งอยู่ห่างใจกลางเมืองหาดใหญ่ประมาณ 2 กิโลเมตร รถตู้ที่เดินทางไปท่าเรือปากบาราจะออกเดินทางทุกชั่วโมง ใช้เวลาในการเดินทาง 2 ชั่วโมง (ราคาประมาณ 150 บาท) วิธีที่ง่ายที่สุดในการเดินทางมายังสถานีรถตู้คือ บริการรถตุ๊กตุ๊ก (ราคาประมาณ 40-50 บาท) แต่ถ้าคุณมีสัมภาระมาก คุณสามารถนั่งรถแทกซี่มายังท่าเรือปากบาราได้ ราคาอยู่ที่ประมาณ 1000 – 2000 บาท แล้วแต่ความสะดวกเลยครับ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน เมษายน ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลจะมีเรือโดยสารรับส่ง การเดินทางไปที่เกาะหลีเป๊ะนี้ถึงแม้จะไกลหน่อยแต่คุ้มค่า หรือคุ้มเกินคุ้ม จากท่าเรือปากบาราขึ้นเรือประมงใหญ่ ๆ ไปอีก 4 ชั่วโมง ก็ถึงเกาะหลีเป๊ะ เมื่อถึงแล้วขอบอกว่าคุ้มค่าเหนื่อยและค่าเงินครับ

นอกจากน้ำทะเลใส ๆ ปะการังสวยงามแล้ว ที่นี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของความสะดวกสบาย เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีที่พักมากพอที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวได้หลายร้อยคนต่อวัน กลางวันเล่นน้ำอาบแดดกันอย่างสนุสนานแล้ว กลางคืนริมชายหาดยังเต็มไปด้วยสีสันของแสงเทียนของร้านค้า ที่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวมาดื่ม ชิลล์ ๆ ฟังดนตรี นั่งรับลมทะเลบนชายหาดพัทยา เป็นหนึ่งในหาดที่ได้รับความนิยมของเกาะหลีเป๊ะในยามราตรี นักท่องเที่ยวก็จะออกมาสัมผัสบรรยากาศยามราตรีกันที่หาดนี้ นอกจากกิจกรรมนั่งดื่มสังสรรค์แล้ว ยามค่ำคืนของเกาะหลีเป๊ะก็ยังมี ถนนคนเดิน (walking street koh lipe) ซึ่งมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกต่าง ๆ เหมาะแก่การเดินเล่นชิลล์ยามค่ำคืน ยิ่งเดินกับคู่รักด้วยแล้วยิ่งมีความสุขครับ ถ้าได้เดินจับมือกันไป ทรามกลางแสงไฟสลัว ๆ กับหาดทรายสีขาว และสินค้าของที่ระลึก อาหารทานเล่นมากมาย คงมีความสุขหน้าดูเลยทีเดียว แค่นึกก็โรแมนติกแล้ว ครับ และมีอีกอย่างที่อยากแนะนำเลยคือ โรตีแสนอร่อย ที่นี้มีร้านโรตีอยู่หลายร้านอยู่ แต่มีอยู่ร้านหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาก คนต่อคิวซื้อกันยาวเหยียดเลย คนทำก็ ก็นวดแป้งก็นวดกันเมื่อยมือเลยทีเดียวครับ จำชื่อร้านไม่ได้ แต่ถ้าหากเพื่อน ๆ ไป รับรองว่าเห็นแล้วร้องอ่อแน่ ๆ เพราะหน้าร้านจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ยืนต่อคิวกันดูเกะกะ

และอีกหนึ่งไฮไลน์ของการมาเยือนเกาะหลีเป๊ะเลยก็คือช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดินนี้แหละ ถือว่าเป็นช่วงที่นักถ่ายภาพจะลันล๊ากันน่าดู เพราะเป็นบรรยากาศที่สวยงามที่สุด เหมาะแก่การเก็บภาพสวย ๆ ไปอวดเพื่อน ๆ มากครับ ผมก็เก็บภาพบรรยากาศมาฝากเพื่อน ๆ ด้วย รับรองว่าเพื่อน ๆ ดูเอเซียทุกคนเห็นแล้วต้องอิจฉาแน่ ๆ

ครั้งหนึ่งในชีวิตครับ ลองมากันสักครั้งที่ เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูลแห่งนี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเกาะที่สวยงาม สมฉายา ไข่มุกอันดามันจริง ๆ แม้การเดินทางจะยากลำบากและต้องใช้เวลาสักหน่อยและอีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายสูงด้วย แต่สิ่งเหล่านั้นจะออกไปจากใจ เมื่อเพื่อน ๆ ได้เดินทางมาถึงแล้ว และสุดท้ายนี้ขอบอกว่า ไม่ใช่ว่าแค่ร่ำรวยแล้วจะมาเที่ยวที่เกาะนี้ได้น่ะครับ ท่านต้องไว และอดทนรอมาก ๆ เพราะที่พักที่นี้เต็มตลอดเลยครับ เพราะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกแวะเข้ามาสัมผัสบรรยากาศกันแบบไม่ขาดสายเลยทีเดียว แล้วมาติดตามกันต่อไปครับว่า ดูเอเซียดอทคอมจะพาเพื่อน ๆ ไปสัมผัสกับน้ำทะเลใส ๆ แบบนี้ ที่ไหนกันอีก ดูเอเซียดอทคอมคิดจะเที่ยวเว็บเดียวพอจ้า

ท่าเรือปากบารา-อุทยานแห่งชาติตะรุเตา

ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวตะรุเตาราวเดือนพฤศจิกายน-เมษายน มีบริการเรือโดยสารสู่เกาะต่าง ๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ท่าเรือปากบารา-ตะรุเตา บริการทุกวัน ค่าเรือโดยสารไป-กลับ คนละ 300 บาท

เที่ยวไป 10.30 และ 15.00 น.

เที่ยวกลับ 09.00 และ 13.00 น.

ระยะทางจากท่าเรือ-เกาะต่างๆ

ท่าเรือปากบารา

 – อ่าวพันเตมะละกา (เกาะตะรุเตา) 22 กิโลเมตร

 – เกาะอาดัง 80 กิโลเมตร

 – เกาะหลีเป๊ะ 82 กิโลเมตร

เกาะตะรุเตา

– หมู่เกาะอาดัง-ราวี 40 กิโลเมตร

– เกาะหลีเป๊ะ 40 กิโลเมตร

– เกาะไข่ 14.5 กิโลเมตร

เกาะอาดัง

– เกาะหลีเป๊ะ 2 กิโลเมตร

– เกาะหินงาม 2.5 กิโลเมตร

– เกาะไข่ 17 กิโลเมตร

สำหรับผู้สนใจดำน้ำบริเวณหมู่เกาะตะรุเตา อาดังราวี หลีเป๊ะ และอื่นๆ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ รูม ฮอลิเดย์ส จำกัด โทร. (02) 964-9951-2

เชิญแสดงความคิดเห็น