เตรียมตัวไปเที่ยวน้ำตกทีลอซู

0

การที่เราจะไปเที่ยวพักผ่อนหย่อยใจในสถานที่ต่างๆนั้น  แน่นอนเราก็ต้องศึกษาเส้นทางนั้นๆ และอุปกรณ์ที่เราจะต้องเตรียมเพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมนั้นๆอยู่แล้ว มีใครเห็นด้วยไหมคะ เพราะอย่างน้อยเราต้องมีการเตรียมตัวว่าเราจะเตรียมสิ่งของหรือของใช้ส่วนตัวของเราไปอยู่แล้ว  หรือเสื้อผ้าหน้าผม โถๆส่วนน้อยที่จะไปตัวเปล่า(มีแต่พวกที่หนีออกจากบ้านเท่านั้นแหละค่ะที่จะไปตัวเปล่า 555 กะหนีไปให้ไกลแบบว่าไปอยู่ที่นั่นเลย) อย่างน้อยต้องมีแปรงสีฟันยาสีฟันอุปกรณ์เครื่องใช้…เรามาคุยเรื่องการเตรียมตัวเดินทางไปสู่น้ำตกทีลอซูที่เค้าล่ำลือว่างดงามกันดีกว่าค่ะจากการเดินทางท่องเที่ยวน้ำตกทีลอซูทริปนี้ ได้ประสบการณ์ในการเตรียมอุปกรณ์ไม่ครบมาเล่าให้เพื่อนๆฟังกันอย่างน้อยหากเพื่อนๆอยากไปเที่ยวน้ำตกทีลอซูอันสวยสดงดงานของเมืองไทยเรานั้น ก็จะได้รู้ว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้างนะคะ เพื่อให้การท่องเที่ยวทริปนี้เต็มไปด้วยความสุขและความสะดวก และมีความสุขกับการท่องเที่ยวแบบดูเอเซียๆกันค่ะเรามาดูกันเลยนะคะการเดินทางไปสู่น้ำตกทีลอซูอันอลังการนั้น

  1. เราต้องนั่งรถเพื่อเดินทางสู่จ.ตาก ถึงอ.แม่สอดเตรียมตัวเดินทางผ่าน 1219 โค้ง โดยใช้เส้นทางแม่สอด-อุ้มผางใครที่ทนเห็นโค้งๆๆๆๆแล้วเป็นต้องแย่นั้นกรุณาเตรียมยาแก้เมารถที่ขายเป็นแผงๆไปได้เลยนะคะ เพราะว่าเราจะต้องขึ้นเขาๆๆๆๆๆ และลงเขาๆๆๆๆๆ บวกโค้งๆๆๆๆๆ อีกนับพันโค้งเลยค่ะ(เส้นทางนี้ควรขับรถแบบระวังอย่างยิ่งเนื่องจากว่ามีเหวตลอดเส้นทางและทางลาดชันมาก)
  2. ขนม นม เนย ควรเตรียมขนมขบเขี้ยวหรือเสบียงนั่นเองค่ะเนื่องจากว่าเราไม่มีเวลามากนักในการที่จะแวะตลอดเส้นทางเพื่อเชยชมสิ่งของต่างๆ เพราะว่าเราต้องทำเวลากันเพราะเราออกเดินทางจากกรุงเทพตอนเย็น กว่าจะถึงอุ้มผางก็ประมาณ 7.30 น. แล้วต้องล่องแพกันต่อ  จึงสมควรที่จะตุนเสบียงอันโปรดของเราไว้ ขอแนะนำเลยนะคะที่ปั๊ม ปตท. ที่อ.แม่สอดเราสามารถหาซื้อเสบียงกันได้ เพราะหลังจากนั้นจะเจอแต่ป่าๆๆๆ และจะได้ไม่ต้องเสียเวลาออกมาซื้ออีก เพราะรีสอร์ทแต่ละที่ต้องเดินทางเข้าขึ้นไปบนเขา จึงขอแนะนำค่ะ
  3. รองเท้า  รองเท้านี่เป็นอะไรที่สำคัญเอามากๆสำหรับการเดินทางในทริปนี้ เนื่องจากว่าได้ประสบการณ์อันลึกซึ้งมาแล้วค่ะ  เพราะว่าลืมเอารองเท้ารัดส้นไป(น่าเจ๊บใจตัวเองเป็นที่สุด)  หากจะเป็นรองเท้ารัดส้น  ให้เลือกรองเท้าที่มีดอกยางใหญ่ๆนะคะหรือรองเท้าผ้าใบ(อย่างที่โอเชี่ยนสมายเขาแนะนำ) แต่รองเท้าผ้าในมีข้อเสียอยู่อย่างนึงค่ะคือเวลาเปียกน้ำจะทำให้รองเท้าหนักและแห้งยาก  ขอแนะนำรัดส้นค่ะเนื่องจากว่าสะดวกและแห้งเร็ว  เพราะว่าต้องเดินลุยน้ำและโคลน  สะดวกต่อการทำความสะอาดด้วย เนื่องจากว่าสภาพถนนเป็นดินและโคลน  อีกอย่างฝนตกตลอกทางเลยค่ะ  หนักบ้างเบาบ้าง  ตามอารมณ์หรือสภาพอากาศนั่นเอง
  4. สื้อกันฝนอันนี้สำคัญไม่ต่างจากรองเท้าที่รักเลยค่ะ เพราะว่าฝนจะตกตลอดทางไม่มีแดดเลยแต่ต้องเป็นเสื้อกันฝนที่ไม่หนักนะคะ  เนื่องจากว่าเราเดินขึ้นเขา ลำพังตัวเราเองก็หนักอยู่แล้วหากเสื้อกันฝนหนักอีกคงแย่แน่ ควรเลือกเสื้อกันฝนที่มีน้ำหนักเบาและสะดวกในการพกพานะคะ(ในห้างมีขายอันละ 17 บาท เบาดีที่สำคัญถูกด้วย)
  5. เสื้อผ้า เสื้อผ้าที่เราสวมใส่ในการเดินป่าครั้งนี้ควรเป็นผ้าที่เบาและแห้งง่ายเช่นผ้าฝ้าย เพื่อไม่ให้ตัวเราชื้นและเราก็จะได้สบายตัวด้วยค่ะ  สำหรับผู้หญิง เสื้อก็อาจจะเป็นเสื้อแขนกุดหรือสายเดี่ยวก็ดีค่ะ(แห้งง่ายดี)  ส่วนกางเกงควรจะเป็นกางเกงห้าส่วนหรือสามส่วนก็ได้ค่ะ ไม่ควรเป็นกางเกงขายาวลากดิน เพราะบางทีเราเลอะโคลนเราจะได้ล้างสะดวกดี และไม่ควรเป็นกางเกงขาสั้นมากเกินไปนะคะ(เดี๋ยวขาไม่สวยเพราะว่าโดนกิ่งไม่เกี่ยว) ส่วนคุณผู้ชายคงไม่ต้องอะไรมาก เสื้อก็เป็นผ้าที่แห้งง่ายๆ กางเกงขาสามส่วนหรือห้าส่วนก็แล้วแต่ตามใจชอบค่ะ อากาศเย็นนิดหน่อยโปรดเตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วยนะคะ
  6. ยากันยุงเนื่องจากว่าป่ากะยุงเป็นของคู่กัน เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมยากันยุงไปให้ได้ ยุงมีอยู่ทุกที่ในโลกโดยเฉพาะที่ชื้นๆแบบผืนป่า  สังเกตได้หากฝนตกไปสัก 6-7 วัน ยุงก็จะออกมาโบยบิน หากินของคาว(ตัวอย่างเช่นเลือดเราไงคะ)นั่นคือระยะฟักตัวของไข่ และที่อ.อุ้มผางฝนตกทั้งวันทั้งคืนยุงก็เลยมีทั้งวันทั้งคืนค่ะ ยิ่งช่วงที่เราเดินขึ้นเขาลงเขาไปน้ำตกนั้นยุงจะเยอะเอามากๆ ส่วนใหญ่ที่เห็นและโดนกัดนั้นเป็นยุงลยค่ะ(ยุงลายเป็นสาเหตุของไข้มาลาเลียค่ะ) พี่ที่พายเรือมาส่งเราก่อนเดินขึ้นเขา เค้าบอกให้ระวังยุงเป็นอย่างยิ่ง เพราะช่วงที่ล่องแพไม่มียุงมาเกาะแกะ  เค้ากลัวเราจะชะล่าใจอะค่ะ และเตือนด้วยความเป็นห่วง
  7. เป้ เป้ใส่ของส่วนตัวที่เราจำเป็นต้องพกไปค่ะ ใครอย่าได้เอากระเป๋าถืออันไฮโซไปเชียวนะคะเพราะว่ามันจะเป็นภาระเอามากๆ เป้แบบสะพายหลังนี่ล่ะค่ะดีที่สุดแล้วเผื่อบางทีเราต้องใช้ไม้เท้า(หาตัดเอาจากกอไผ่แถวนั้น)พยุงหุ่นสวยๆของเราขึ้นเขาจะได้ไม่แกะกะไง
  8. เงินบาท เห็นแบบนี้แล้วอย่าคิดว่าไม่มีอะไรขายบนนั้นนะคะ เค้ามีร้านขายของชำนะคะ มีทั้งขนม น้ำ เบียร์ ถ่าน หรือแม้กระทั่งรองเท้าแตะค่ะ ฮือๆก็ผ้าใบเปียกนี่นาแถมเลอะโคลนอีกตะหาก) และที่สำคัญเอาไว้ให้ติปลูกหาบค่ะคิดดูสิคะเราเดินตัวเปล่าเรายัง เ-ห-นื่-อ-ย ขนาดนี้ ลูกหาบเค้าแบกกระสอบหนักตั้ง 40 กว่าโล เพื่อที่จะแบกเสื้อผ้าที่เราแพ็คมาบวกกับเต้นที่เค้าแบกมาให้เรานอน คิดเอาเองว่าเค้าจะเหนื่อยขนาดไหน เราควรให้ค่าเหนื่อยเล็กๆน้อยๆกะเค้าบ้าง(แต่ขอบอกขนาดเค้าแบกหนักกว่าเราเค้าเดินแซงเราอะโห…ทึ่งจริงๆเยยเหลือเชื่อแข็งแรงเอามากๆ)
  9. กล้องถ่ายรูป ขอบอกเลยนะคะว่าให้เอาถุงไปด้วย(ทัวร์ของโอเชี่ยนสมายเค้ามีบริการให้ค่ะเรื่องถุงเนี่ย) เพราะว่าหากอยากจะถ่ายน้ำตกต้องเอากล้องใส่ถุงไว้ เนื่องจากว่าละอองน้ำที่ตกลงมาจากน้ำตกทีลอซูนั้นจะทำให้กล้องเราเปียกได้นะคะขนาดตัวเราเองยังเปียกไปหมดเลยค่ะ ดูจากในรูปได้ที่เป็นสีขาวนั้นไม่ใช่ฝนที่ตกนะคะ แต่เป็นละอองน้ำตกค่ะหากว่ามองอยู่จากที่เราตั้งเต้นท์กันนั้นเราจะเป็นเป็นขาวๆคล้ายเมฆฝน แต่จริงๆนั้นเป็นละอองน้ำตกค่ะ คิดเอาเองนะคะว่าขนาดไหน และที่สำคัญเวลาเราเดินขึ้นเขาถึงยอดเขาเราสามารถเก็บภาพเป็นที่ระลึกได้ว่าเราขึ้นเขามาสูงขนาดไหนโอ!พระเจ้าจ๊อด…มันยอดมากเหลือเชื่อว่าเราเดินขึ้นเขาได้สูงขนาดนี้เลยหรือเนี่p
  10. ไฟฉาย ต้องเลือกแบบเล็กๆเลยนะคะ เนื่องจากว่าหนักค่ะ ฮ่าๆๆๆ เอาไว้ไปเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน(เดินไม่ถึงห้องน้ำสักทีก็ป่าแถวๆนั้นละกัน) ข้ออ้างก็คือ ฝนตกนี่นาเปียกด้วย(ฝนตกตั้งแต่มาจนกระทั่งกลับ) ไหรือใครจะไม่เอาฟฉายใครไม่เอาไปก็ได้นะ  แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน บางคนมีไฟแช็คก็เกินพอแล้ว

อย่างสุดท้าย   สำคัญมากถึงมากที่สุดคือ  ใจ  ใจค่ะใจดวงโตๆของเรานี่เอง(หรือใจของคนรู้ใจก็ดีนะคะฮิๆ)  ใจสู้ซะอย่าง  สบายอยู่แล้วค่ะ  ไม่ต้องใช้อะไรมากมาย สู้ๆๆๆๆๆ(สู้เพื่อทีลอซู)

การเดินทางทริปนี้

ทำให้ได้ประสบการณ์อะไรมากมายหลายอย่างเช่น น้ำใจเพื่อนมนุษย์ การใช้ชีวิตแบบพอเพียง เห็นวิถีชาวบ้านที่มีชีวิตที่มีความสุข  ความสุขของเค้าคือธรรมชาติหากเราได้อยู่กับธรรมชาติแบบเค้าบ้างก็คงจะดีนะคะเพื่อนๆ แต่หากเราไม่รักษาผืนป่าธรรมชาติของเรานั้นเราก็จะไม่มีป่าให้เดินกันในอนาคต เพราะฉะนั้นช่วยกันอนุรักษ์ป่าต้นน้ำของเราไว้นะคะ อย่าทำลายได้เห็นขยะข้างทางที่นักท่องเที่ยวเค้าทิ้งไว้  ก็เลยอยากจะฝากเรื่องนี้นิดนึงค่ะ หากเราต้องการที่จะทานอะไรก็แล้วแต่ขอให้ทิ้งลงถังขยะกันนะคะ ฝึกเป็นนิสัยที่ดีของคนไทยนะคะ ธรรมชาติจะได้อยู่กะเราไปนานค่ะ

เชิญแสดงความคิดเห็น