บนเส้นทางจากสายสันกำแพง – แม่ออน มหานครล้านนาเชียงใหม่ นับเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายหลายแห่ง ซึ่งในธรรมชาติมักมีความสวยงามซ่อนอยู่เสมอ ที่ยังคงรอคอยให้นักเดินทางเข้าไปค้นหาความสวยงามแห่งธรรมชาติ ดังเช่นสถานที่ที่เราจะพาไปชมในทริปนี้ คือถ้ำเมืองออนซึ่งเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่มีความมหัศจรรย์ธรรมชาติคือองค์พระธาตุนมผา ซึ่งเป็นพระธาตุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหนึ่งเดียวในโลก ที่ชาวบ้านต่างให้ความเคารพศรัทธาและมีความสวยงามเป็นอย่างมาก พร้อมกับตามรอยครูบาศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนา ซึ่งเคยใช้ถ้ำแห่งนี้บำเพ็ญในธรรม ไปกันเลยครับ
ทริปนี้ เรา มาแอ่วเชียงใหม่กันที่ถ้ำเมืองออน ถ้ำเมืองออนแห่งนี้เดิมชื่อ ถ้ำดอยศิลา เป็นถ้ำขนาดใหญ่บนเทือกเขาหินปูนโดด ๆ โดยรอบเป็นเทือกเขาที่มีโครงสร้างหินหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นหินชั้น และหินแปร มีหินงอกที่สำคัญ เป็นพระธาตุตั้งอยู่บริเวณกลางลานในถ้ำ ผนังเป็นหินงอกหินย้อย สดใสแวววาวเมื่อต้องกับแสงไฟ ภายในบรรจุพระเกศาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกว่า พระธาตุนมผา เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำถ้ำ นับเป็นพระธาตุที่มีความแปลกประหลาดและสวยงามมาก ไม่มีพระธาตุองค์ใดเสมอเหมือนได้ เพราะเป็นพระธาตุของธรรมชาติ มิใช่มนุษย์สร้างไว้ เป็นองค์พระธาตุที่ชาวบ้านต่างให้ความเคารพศรัทธากันอย่างกว้างขวาง และยกให้เป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์ ผนังถ้ำด้านบนประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิ และพระนอนองค์ใหญ่เป็นพระคู่บารมี นอกจากนั้นภายในถ้ำยังมีหินงอกรูปร่างต่าง ๆมากมายเช่น เต่าพันปี ถ้ำฤาษี แมวน้ำ ไดโนเสาร์ บัวพันปี รอยเท้าพญานาค ฯลฯ
หินย้อยในถ้ำเมืองออน
ตามตำนานกล่าวว่า ครั้นเมื่อออกพรรษาแล้วพระพุทธเจ้าจะนำเอาพระภิกษุออกเดินเผยแพร่คำสั่งสอน ผ่านมายังเมืองหริภุญชัย (จ.ลำพูน) แล้วขึ้นทางเหนือมาถ้ำดอยศิลาแห่งนี้ เมื่อพระพุทธเจ้านำพระภิกษุออกเดินธุดงค์ขึ้นมาบนดอยถ้ำก็สถิตนั่งอยู่บนเหนือถ้ำศิลานั้น ได้มีนาคราจาหรือพญานาคที่สิงสถิตอยู่ภายในถ้ำได้ขึ้นไปสังเกตุดูดอยถ้ำศิลา ก็ได้เห็นพระพุทธเจ้าพำนักอยู่บนดอย พญานาคจึงแปลงกายเป็นมนุษย์แล้วได้นำเอาผลไม้และน้ำผึ้งป่า ถวายแด่พระพุทธเจ้า เมื่อท่านรับเอาก็ถวายพรแก่พญานาค ทำให้พญานาคมีความปีติยินดีอย่างยิ่ง จึงขอเอาเกศาธาตุพระพุทธเจ้ามาตั้งไว้ในพระธาตุนมผา เพื่อให้เป็นที่กราบไหว้สักการะบูชาภายในถ้ำ
ซ้ายบันไดชันมากครับส่วนทีพาดอยู่นั้นบันไดสมัยก่อน กลางหินหัวไดโนเสาร์ ขวาถ่ายมุมสูงพระธาตุนมผา
ถ้ำเมืองออนในอดีตเป็นสถานที่สำคัญ เพราะเคยเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมวิปัสสนากัมมัฏฐาน ของครูบาศรีวิชัย ซึ่งเป็นอริยะสงฆ์แห่งล้านนาไทย ที่ชาวล้านนาและประชาชนทั่วไปไห้ความเคารพศรัทธากันอย่างกว้างขวาง หากพูดถึงครูบาศรีวิชัยคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักเพราะท่านเป็นพระผู้สร้างวัดดอยสุเทพ เมื่อปี พ.ศ. 2473 ท่านพระครูบาศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนาไทย ได้ธุดงค์มาพบถ้ำดอยศิลาแห่งนี้ จึงได้ชักชวนชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาสร้างถนนและบันไดขึ้นสู่ปากถ้ำและได้สร้างพระพุทธรูปทันใจซึ่งสามารถสร้างเสร็จภายใน 1 วัน ประดิษฐานอยู่บนดอยถ้ำศิลาเพื่อให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้กราบไหว้บูชาพร้อมกับเปลี่ยนชื่อจาก ถ้ำดอยศิลา เป็น ถ้ำเมืองออน ตั้งแต่นั้นมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันยังมีร่องรอยและแท่นที่นั่งของครูบาเจ้าศรีวิชัยปรากฏให้เห็นอยู่ ภายในถ้ำถือว่าเป็นสถานที่ที่มีความสงบเงียบและร่มเย็นด้วยบารมีครูบาเจ้าศรีวิชัย บริเวณปากถ้ำมีรูปปั้นครูบาศรีวิชัย และสถูปอัฏฐิที่บรรจุของท่านไว้ มีพระพุทธรูปประดิษฐานเคียงคู่อยู่ด้านข้าง เพื่อให้คนที่ขึ้นไปเที่ยวได้นมัสการบูชาเพื่อเป็นสิริมงคลให้กับตนเอง
แท่นหินที่ครูบาศรีวิชัยเคยมานั่งวิปัสสนากัมมัฏฐาน
พระธาตุนมผา
ถ้ำกว้างครับ
บริเวณที่จอดรถทางขึ้นถ้ำมีร้านค้าบริการดอกไม้ ธูป เทียน และร้านบริการอาหารเครื่องดื่ม มีแม่ค้าเป็นชาวบ้านน่ารักด้วยเสียงพูดแบบชาวล้านนาที่พูดเพราะจับใจ มีเจ้าถิ่นเฝ้าถ้ำคือเจ้าจ๋อจอมชนน่ารักอยู่ตามต้นไม้หน้าถ้ำ ถ้ำเมืองออน ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ทางขึ้นทำเป็นบันไดนาคประมาณ 100 ขั้น สวยงามขึ้นไปยังปากถ้ำ สองข้างบันไดทางเดินขึ้นไปก็ปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ร่มรื่นอากาศเย็นสบายมาก ๆ เมื่อเดินขึ้นไปประมาณ 50 เมตรจะมีศาลาที่พักทรงกลมสำหรับนั่งพักผ่อนและสามารถชมวิวทิวทัศน์ของ อ.แม่ออน ได้อย่างสวยงามในบริเวณกว้าง หลังจากพักผ่อนแล้วก็เข้าถ้ำกันเลย
ถ้ำฤาษี
เสื้อผ้ากุมารในมุมถ้ำฤาษี
การเข้าชมถ้ำต้องเตรียมไฟฉายไปด้วยนะครับหรือถ้าไม่ได้เอาไปทางวัดก็มีบริการให้เช่าอยู่ทางเข้ากระบอกละ 20 บาท ถือว่าไม่แพงนะครับช่วยกันจะได้นำไปพัฒนาวัดช่วยทำนุบำรุงศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป ทางลงถ้ำชันมากต้องเดินอย่างระมัดระวัง เป็นปากถ้ำขนาดเล็กต้องมุดเข้าไปเรียกว่ากว่าจะได้ชมความสวยงามก็ต้องลำบากกันหน่อย เมื่อเราลอดปากถ้ำมาด้านในกว้างมาก ๆ มี บันไดทางลงค่อนข้างชัน ภายในถ้ำตลอดสองข้างทางมีแสงสว่างจากหลอดไฟเป็นช่วงๆ มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันเข้ามาชมความสวยงามของหินงอกหินย้อยและนมัสการพระธาตุนมผาอย่างไม่ขาดสาย บรรยากาศภายในถ้ำเต็มไปด้วยความคึกคักครับ มีเพื่อนร่วมเดินทางเพียบไม่ต้องกลัว
ซ้ายบัวพันชั้น กลางหมวยผมพระแม่ธาณ๊ ขวาพระพุทธรูปหลังพระธาตุนมผา
เมื่อเราเดินลอดช่องแคบๆของถ้ำที่พอจะซุกตัวลอดเข้าไปจนมาถึงห้องโถงห้องแรก ซึ่งเป็นห้องพระฤาษี บริเวณนี้เป็นถ้ำชั้นแรกมีทางเดินลงไปชั้นล่างของถ้ำ ซึ่งเป็นลานโถงใหญ่ บนนี้เราสามารถมองผ่านช่องลงไปเห็นพระธาตุนมผาซึ่งเป็นแท่นหินงอกขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นจากพื้นดินมีเกล็ดเพชรได้อย่างสวยงามมาก พอเดินมาถึงได้ช่วงกลางบันไดทางลงเราก็จะเห็นไดโนเสาร์ที่อยู่ตรงบันไดพอดี เหมือนไดโนเสาร์หรือไม่ก็แล้วแต่จินตนาการครับ และเมื่อเราเดินลงมาถึงด้านล่าง ภายในถ้ำด้านล่างอากาศค่อนข้างเย็น เป็นถ้ำที่กว้างใหญ่มาก ๆ มีหินงอกหินย้อยเต็มไปหมดครับ ทางด้านขวาจะมีพระกรุณาไสยาสน์ ประดิษฐานอยู่บนผนังถ้ำมีไฟติดไว้เป็นจุด ๆ
หินรูปลำตัวไดโนเสาร์ด้านขวานั้นคือหัวไดโนเสาร์
พระธาตุนมผาด้านซ้าย ส่วนด้านขวาคล้ายกับรูปหน้าคนมองไปที่พระธาตุ
ฟอสซิลไม้สักทองหลายล้านปี ยังนุ่มๆ อยู่ครับ
เมื่อเราเดินมาบริเวณตรงกลางถ้ำ เราก็จะเห็น พระธาตุนมผา ซึ่งเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามน่าทึ่งมาก องค์พระธาตุเมื่อต้องกับแสงไฟจะส่องประกายระยิบระยับราวกับเพชรก็ว่าได้ และมีความเชื่อกันมาว่าภายในพระธาตุนมผาบรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้าไว้ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ องค์พระธาตุนมผาเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านแถวนี้เป็นอย่างมาก ด้านข้างองค์พระธาตุนมผาก็จะมีหินรูปคล้ายหน้าคนกึ่งสิงโตยืนเฝ้าอยู่ องค์ประกอบ เหมือนยังกับคนไปสร้างไว้ แต่นี่คือมหัศจรรย์ธรรมชาติสร้างครับ ยิ่งเราเดินเข้าไปลึกก็ยิ่งสวยมากขึ้น มีหินย้อยที่มีลักษณะคล้ายดอกบัวชาวบ้านเรียกว่า ดอกบัวพันชั้น มีเต่าหินที่แอบอยู่ต้องดูดีๆ บริเวณนี้ไม้สักทองพันปี ซึ่งเมื่อเรามองดูก็คล้ายกับไม้สักที่กลายเป็นหินเวลาที่เอามือไปสัมผัสและขูดเบาๆก็คล้ายกับเป็นเนื้อไม้ และปรากฏการณ์เนินทรายละเอียดสีดำ ซึ่งชาวบ้านจะเรียกว่า ทรายหลายแล้ง ใกล้กับเนินทรายเป็นบริเวณที่ครูบาศรีวิชัยใช้นอนพักผ่อนและมีรอยพญานาคที่ปรากฏเป็นคลื่นอยู่บนพื้นน่าทึ่งมากครับ พอมาถึงตรงนี้ก็ต้องย้อนกลับทางเดิมที่เราเข้ามากันตอนแรกเพื่อกลับออกไปยังปากถ้ำ เรียกว่ากว่าจะเดินได้ทั่วทำเอาเหงื่อตกกันเลย ถ้ำมีขนาดใหญ่จริง ๆ ครับ
ส่วนหัวพญานาค
ส่วนลำตัวพญานาค
วิวสวยๆ ก่อนเข้าไปในถ้ำเมืองออน
ถ้ำเมืองออนนอกจากเป็นถ้ำที่มีความสวยงามแล้ว ที่ตั้งยังอยู่ในเส้นทางเที่ยวสายบ่อสร้าง มีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งให้เราได้เดินทางเข้าไปเที่ยวพักผ่อน อาทิเช่น ไปต้มไข่อาบน้ำแร่ที่น้ำพุร้อนสันกำแพง ต่อด้วยไปนมัสการหลวงปู่หล้า ตาทิพย์ที่วัดป่าตึง แล้วเข้าไปทำร่มล้านนาที่หมู่บ้านบ่อสร้างในสันกำแพง จากนั้นช่วงเย็นเดินทางเข้าไปค้างแรมในเชียงใหม่เพื่อขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพในเช้าวันใหม่ และท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เที่ยวเชียงใหม่กันแบบสุดคุ้มครับ
ถ้ำเมืองออนอยู่ในความรับผิดชอบของวัดถ้ำเมืองออน ตั้งอยู่ในเขตหมู่บ้านสหกรณ์ 2 ตำบลบ้านสหกรณ์ อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เช้าจนเย็น ค่าธรรมเนียมการเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 053-929029,086-9151183 หรือโทรไปที่ 053-248604,053-248607
การเดินทางมายังถ้ำเมืองออน
อำเภอแม่ออน อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันออก ตามเส้นทางหลวงหมายเลข1006 (เชียงใหม่-สันกำแพง) หรือไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1317 (เชียงใหม่-บ้านสหกรณ์) มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 492.896 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 308,060 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา อาณาเขตด้านทิศเหนือติดต่อกับ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ทิศตะวันออกติดต่อกับ อ.เมืองปานและ อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ทิศใต้ติดต่อกับ อ.แม่ทา และ อ.เมือง จ.ลำพูน ส่วนทิศตะวันตก ติดต่อกับ อ.สันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่
เดินทางโดยรถยนต์ จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงเส้น เชียงใหม่-สันกำแพง – น้ำพุร้อน ผ่านอำเภอสันกำแพง มุ่งตรงไปยังอำเภอแม่ออน ไปประมาณ 17 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายเข้าไปยังบริเวณที่จอดรถถ้ำแม่ออน จากปากทาง ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร เดินทางสะดวกสบายมีป้ายบอกตลอดทางครับ
ถ้ำเมืองออนเป็นถ้ำที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่งและเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีพระธาตุนมผาซึ่งเป็นมหัศจรรย์ธรรมชาติที่น่าทึ่งมาก ๆ เป็นพระธาตุธรรมชาติหนึ่งเดียวในโลกก็ว่าได้ หากเพื่อน ๆ มีโอกาส เดินทางมาแอ่วเมืองเชียงใหม่ก็อย่าลืมแวะเข้าไปท่องเที่ยวเส้นทางสายบ่อสร้าง- น้ำพุร้อน และอย่าลืมเข้าไปชมความงามของหินงอกหินย้อย และนมัสการพระธาตุนมผาศักดิ์สิทธิ์ที่ถ้ำเมืองออนด้วยนะครับ