มหัศจรรย์ถ้ำพุงช้าง จ.พังงา หนึ่งใน Unseen Thailand ของเมืองไทย ถ้ำพุงช้าง จ.พังงา เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจ และคุ้มค่าแก่การค้นพบเป็นอย่างยิ่ง ทริปนี้ดูเอเซียดอทคอมจะพาเพื่อน ๆ ดูเอเซียไปสัมผัสกับความงดงามและมหัศจรรย์ ของหินงอก หินย้อย รูปทรงแปลกตา สวยงามมาก ๆ ที่ “ภูเขาช้าง” หรือ “ถ้ำพุงช้าง” แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจากน้ำมือคือธรรมชาติล้วน ๆ ไปชมความประทับใจที่เราเก็บมาฝากกันได้เลยค่ะถ้ำพุงช้าง อยู่ในเขตเทศบาลเมืองพังงาหลังศาลากลางจังหวัด ก่อนเข้าตัวตลาดพังงา มีทางราดยางเข้าไป 500 เมตร ถึงวัดประพาส ประจิมเขต แล้วเดินเข้าไปยังถ้ำในบริเวณวัดได้ สภาพภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยและธารน้ำไหลตลอดปี
ภายใน ภูเขาช้าง สัญลักษณ์ของเมืองพังงาซึ่งรูปลักษณ์คล้ายช้างหมอบนี้ มี ถ้ำพุงช้าง ซึ่งอยู่ภายในบริเวณวัดประจิมเขต หลังศาลากลางจังหวัด ถนนเพชรเกษม เป็นถ้ำใหญ่ที่อยู่ใจกลาง ภูเขาช้าง ซึ่งเรียกบริเวณนี้ว่า ” พุงช้าง ” ประกอบด้วยถ้ำเล็กถ้ำใหญ่มากมายและเป็นถ้ำที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี เคยเสด็จฯมาเยือน และได้ทรงลงพระปรมาภิไธยไว้ทางด้านหน้าของถ้ำ ภายในถ้ำมีความงดงามและความมหัศจรรย์ของธรรมชาติของหินงอกหินย้อยที่มีสภาพที่สมบูรณ์มากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง มีสายน้ำไหลผ่านกลางถ้ำตลอดปี แสดงให้เห็นถึงการไหลเวียนและการถ่ายเทของอากาศตลอดเวลา มีทั้งช่วงน้ำลึกและช่วงน้ำตื้น ในตลอดการเดินทางเข้าไปในถ้ำจะสัมผัสได้ถึงระดับความลึกของน้ำที่ไม่เท่ากัน การเที่ยว ถ้ำพุงช้าง ถือได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย เพราะนักท่องเที่ยวจะต้องเดินลุยน้ำ นั่งแพ และนั่งเรือแคนนู เพื่อเข้าไปชมหินงอกหินย้อยที่เป็นฝีมือธรรมชาติ หยดน้ำที่หยดจากติ่งปลายของหินงอกหินย้อย เมื่อกระทบกับแสงไฟฉายของเรา ก็เกิดประกายเหมือนประกายเพชร ถ้าได้มีโอกาสไปเห็นด้วยตาตนเอง จะบอกว่า สวยงามเกินบรรยายค่ะ หินงอกหินย้อยมีลักษณะของรูปคนตกปลา รูปแป๊ะยิ้ม รูปปลา โดยเฉพาะช้างหลากรูปแบบที่แปลกตาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เรียกได้ว่า แล้วแต่จินตนาการของคุณด้วยค่ะ ว่าจะสามารถมองเห็นเป็นรูปอะไร ไม่ว่าจะเป็นหินงอกหินย้อยรูปช้างร้อย ๆ เชือกเดินตามกันเป็นวงรอบ หินงอกรูปช้างนั่งอยู่ใต้©ัตรภายในถ้ำ บันไดสีทองเกิดจากหินงอกอันวิจิตรยิ่งเมื่อถูกแสงไฟจะเป็นประกายสวยงามมาก การเดินเที่ยว ถ้ำพุงช้าง ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมงด้วยกัน
การแต่งกายควรสวมขาสั้น รองเท้าแตะที่เป็นยาง เหตุที่ต้องใส่เพราะว่า นอกจากเราจะนั่งเรือแคนนูเข้าไปในถ้ำแล้ว เรายังไปนั่งแพรไม้ไผ่ต่อ แล้วสุดท้ายแล้วต้องเดินเข้าไปเอง ระดับน้ำในช่วงที่เราเดินไปนั้น ก็ไม่ลึกเท่าไหร่ ประมาณหัวเข่าเองค่ะ นอกจากนี้แล้ว ถ้ำพุงช้าง เป็นแหล่งที่สองของประเทศไทย ที่มีการค้นพบค้างคาวคุณกิตติ ซึ่งเป็นค้างคาวที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก
ประวัติและความเป็นมาของ “ เขาช้าง และ ถ้ำพุงช้าง” นี้เชื่อกันว่า มีที่มาจากตำนาน ตายมดึง ซึ่งปัจจุบันได้ถือเอา “ช้าง” เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดพังงา โดยเขาช้างเป็นภูเขาสำคัญของจังหวัดพังงา อยู่หลังศาลากลางจังหวัดพังงาและเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดพังงาด้วย ตามตำนาน เล่าว่า ตายมดึง ผู้ร่อนเร่พเนจรได้ขออาศัยอยู่กับ ตาโจงโดง ตายมดึงเป็นคนขยัน ตาโจงโดง จึงยกลูกสาวชื่อนางทองตึง ให้เป็นภรรยา สองสามีภรรยาจึงออกมาตั้งเนื้อตั้งด้วยการทำสวนทำไร่ แต่ขณะไร่นาได้ผลกลับมีช้างป่าโขลงหนึ่ง มาเหยียบย่ำทำลายหมด ตายมดึงเสียดายและโกรธมาก จึงถือหอกเป็นอาวุธตามล่าช้างโขลงนั้น แต่ ตายมดึง แต่กลับไปเจอช้างของตางุ้ม(ตามประวัติบอกว่าเป็นช้างนิสัยดี) ตายมดึงเข้าใจว่าเป็นช้างป่าที่มากินพืชผลของตน จึงฆ่าช้างเชือกนั้นตาย โดยการใช้หอกทะลวงแทงที่ท้อง ลากตับไตไส้พุงเอามาทำอาหารกินและตัดงาออกด้วย ช้างที่ไร้ความผิดนั้นตาย แต่ด้วยอนุภาพของความดีของช้างเชือกนั้น จึงกลายมาเป็น “เขาช้าง” โดยนัยว่าจะประท้วงคนที่ฆ่า(ว่าอย่างนั้น) เพื่อบอกให้รู้ว่าตนเองนั้นไม่ผิดและรูที่ถูกหอกทะลวงแทงที่ท้องช้างตางุ้ม ก็กลายเป็น “ถ้ำพุงช้าง” ส่วนงาของช้างตางุ้ม ที่ถูกตายมดึงตัดไปนั้น ถูกนำไปพิงไว้ที่ “เขาพิงกัน “(ว่ากันว่างาช้างคู่นี้เดิมทีเก็บเอาไว้ในจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และต่อมาทุกวันนี้ก็ได้เก็บไว้ในห้องทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา) ส่วน ตางุ้ม เจ้าของช้างที่ไร้ความผิดว่ากันว่าเป็นเจ้าของช้างเมื่อช้างของตนหายไปก็ออกตามหา และมาพบว่าช้างตนถูกตายมดึงฆ่าตายแล้ว ตางุ้มก็นั่งตรอมใจร้องไห้จนตายกลายเป็น “เขาตางุ้ม” ใกล้ ๆ กับซากช้างนั่นเอง (เขาช้าง)อยู่ห่างจากเขาช้างประมาณ 1 ก.ม. อีกด้านหนึ่ง นายธรรมธนกฤษณ์ หาญช้าง อยู่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 2 ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เล่าเพิ่มเติมเอาไว้ว่า หลังจากที่ช้างป่าออกมากินพืชผลของ ตายมดึง ที่ปลูกเอาไว้แล้ว ตายมดึง โกรธอย่างที่ว่ามา จึงได้เตรียมหอก (อาวุธชนิดหนึ่ง) ซึ่งตามคำบอกเล่าว่าด้ามหอกนั้นยาวมาก และตามยมดึง ลากหอกตามหาช้างที่มากินพืชผลตนเองอยู่หลายวัน และด้ามหอกที่ ตายมดึงลากไปลากมาไปขีดขูดกับพื้นดินจนกลายเป็น “คลองลากหอก” บางตำนานก็ว่าคือ คลองพังงา ในปัจจุบันอยู่ใกล้กับเมืองพังงา เป็นไงค่ะประวัติของถ้ำพุงช้าง ล้ำลึกแล้วยังมหัศจรรย์อีก เป็นอีกหนึ่งในสถานที่เที่ยวในใจ ของดูเอเซียดอทคอมเลยค่ะ ได้มาเจอกับธรรมชาติ ของหินงอกหินย้อยรูปทรงแปลกตา มากมาย และยังได้เดินเข้าไปในถ้ำจริง ๆ ได้เดินลุยน้ำในถ้ำ เหมือนในหนังเลยค่ะ ก็แอบเสียว ๆ ใต้น้ำนิดหน่อย แต่ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ปลอดภัยแน่นอน เพราะ มีพี่ ๆ เจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่ตลอด ตั้งแต่ปากทางเข้าถ้ำเลย หากเพื่อน ๆ ดูเอเซียดอทคอม มีโอกาสมาเที่ยวที่ จังหวัดพังงา ก็อย่าลืมแวะมาสัมผัสกับความมหัศจรรย์ ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ความงดงามของเหล่าชั้นหินที่เรียงรายเป็นรูปทรง รอให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัส ที่ภูเขาช้าง หรือ ถ้ำพุงช้างแห่งนี้กัน ไว้ทริปหน้า ดูเอเซียดอทคอมจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยว กิน ที่ไหน กันอีก อย่าลืมติดตามชมกันต่อไปน่ะค่ะ ดูเอเซียดอทคอม คิดจะเที่ยวเว็บเดียวพอจ้า
ขอบคุณภาพ www.manager.co.th