มาเที่ยวจังหวัดนครปฐมทั้งที ต้องไม่ลืมที่จะมาเที่ยวที่พระราชวังสนามจันทร์ ปากต่อปากบอกกันมาว่า พระราชวังสนามจันทร์นี้มีทั้งความร่มรื่นของต้นไม้ใบหญ้า และมีพระที่นั่ง-พระตำหนักที่มีสถาปัตยกรรมการก่อสร้าง สถาปัตยกรรมการตกแต่งที่ผสมผสานกันมากมายหลากหลายให้ได้ชมกัน วันนี้ดูเอเซียไม่ก็พลาดที่จะพามาเที่ยวกัน
“พระราชวังสนามจันทร์” ห่างจากพระปฐมเจดีย์ ในจังหวัดนครปฐมไปเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น ที่จอดรถบริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าก็น่าจะมีเพียงพอต่อจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละวัน วันที่ดูเอเซียไปนั้นอาจจะเพราะเป็นวันธรรมดาที่ไม่ใช่วันหยุดราชการ ที่จอดรถเลยมีเหลือเฟือ ค่าบัตรเข้าชมก็ไม่แพงเลย หากไม่เข้าไปชมภายในตัวพระที่นั่งหรือพระตำหนัก ก็ไม่ต้องเสียกะตังค์เลย เดินเข้าไปได้เลย แต่หากต้องการเข้าชม ก็คนไทยผู้ใหญ่ 30บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท
อาณาเขตของพระราชวังสนามจันทร์กว้างใหญ่มาก หากใครขี้เกียจเดินก็สามารถเช่ารถกอล์ฟขับเล่นเที่ยวชมรอบๆ ได้นะ ราคาก็ชั่วโมงแรก 250บาท ชั่วโมงต่อไปก็ชั่วโมงละ 200บาท แต่ผมเดินเอง (ขาลากเลยจะบอกให้..555)
ก่อนจะเข้าเรื่องเข้าราวขอเล่าถึงบรรยากาศรอบๆไว้ก่อนนะ เผื่อว่าหลายๆคนไม่ชอบอ่านข้อมูลที่ออกแนวๆเชิงวิชาการ เอาเป็นว่าดูเอเซียมาที่นี่แล้วรู้สึกถึงความสวยงามและร่มรื่นเป็นอย่างมาก นี่ช่วงบ่ายๆนะ ถ้าเป็นช่วงเย็นๆสัก 4-5โมง หรือกว่านั้น บรรยากาศภายในนี้น่าจะออกไปทางโรแมนติกเสียด้วยซ้ำ (พอ 4โมงเย็นเค้าถึงได้ปิดไง อิๆ) แถมภายในพระราชวังยังมีเหล่านักศึกษาสาวๆ จากมหาวิทยาลัยศิลปากรที่อยู่ติดๆกัน มาจับกลุ่มนั่งพักผ่อนกันอยู่ภายในเป็นกลุ่มๆ..เห็นแล้วมันยิ่งชุ่มชื่นนนนนน…หัวจิตหัวใจจริงๆ 🙂
เอาล่ะ..ชุ่มชื่นหัวใจแล้ว เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ..
พระราชวังแห่งนี้มีความผูกพันกับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เป็นอย่างมาก สมัยนั้นรัชกาลที่ 6 โปรดความร่มเย็นเป็นธรรมชาติ และความเป็นแหล่งศิลปวัฒนธรรม ศาสนาของเมืองนครปฐม พระองค์จึงโปรดให้สร้างพระราชวังขึ้นที่นี่ นอกจากนั้นอีกเหตุผลอีกอย่างก็คือเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรับวิกฤตการณ์ของประเทศอันอาจเกิดขึ้น เนื่องจากในช่วงนั้นเป็นช่วงล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก พระองค์จึงให้สร้างพระราชวังไว้เป็นที่มั่นในเมืองที่ข้าศึกสามารถตามมาได้ยาก
บริเวณที่สร้างพระราชวังสนามจันทร์นี้เป็นพระราชวังเก่าของกษัตริย์ในสมัยโบราณ เรียกว่าเนินปราสาท การก่อสร้างนี้มีหลวงพิทักษ์มานพ (น้อย ศิลปี ซึ่งต่อมาเลื่อนยศเป็นพระยาวิศุกรรม ศิลปประสิทธิ์) เป็นแม่งาน ใช้เวลาสร้างถึง 4 ปีด้วยกัน เมื่อเสร็จเรียบร้อยลงใน พ.ศ.2450 รัชกาลที่ 6 จึงพระราชทานชื่อให้ว่า “พระราชวังสนามจันทร์” ซึ่งภายในจะมีพระที่นั่งและพระตำหนักต่างๆ ที่มีชื่อคล้องจองกัน
สำหรับพระที่นั่งที่สร้างขึ้นเป็นองค์แรกก็คือ “พระที่นั่งพิมานปฐม” อาคาร 2 ชั้นแบบตะวันตกแต่ได้ดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพอากาศเมืองร้อน พระที่นั่งชั้นบนมีห้องบรรทม ห้องสรง ห้องบรรณาคม ห้องภูษา ห้องเสวย และหอพระ มีพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาและภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนัง ฝีมือของพระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) ที่งดงามมาก ใกล้ๆ กันนั้นคือ “พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี” พระที่นั่งหลังย่อม ติดกับพระที่นั่งพิมานปฐมออกไปทางทิศใต้ มีลักษณะเป็นตึก 2 ชั้นเหมือนกัน
พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ พระที่นั่งโถงใหญ่ หน้าบันทิศเหนือเป็นรูปจำหลัก มีท้าวอมรินทราธิราชประทานพร ประทับอยู่ในพิมานปราสาทสามยอด เพดานพระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ทาสีแดงเข้มปิดทองฉลุเป็นลายดาว พระองค์ทรงใช้เป็นที่สำหรับออกงานสโมสรสันนิบาต เสด็จออกขุนนาง ใช้เป็นที่ฝึกอบรมเสือป่า รวมทั้งเป็นสถานที่แสดงโขนละคร จนชาวบ้านเรียกติดปากว่า “โรงโขน”
พระที่นั่งคู่แฝดของพระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ ก็คือพระที่นั่งวัชรีรมยา สร้างขึ้นภายหลัง เป็นพระที่นั่งทรงไทย 2 ชั้น มุงกระเบื้องเคลือบทำนองเดียวกับหลังคาพระที่นั่งในพระบรมมหาราชวัง มีคันทวย ช่อฟ้า ใบระกา นาคสะดุ้ง และหางหงส์งดงาม หน้าบันของพระที่นั่งทางด้านตะวันออก เป็นรูปช้างเอราวัณ บนหลังมีสัปคัปลายทองตามแบบช้างทรงกษัตราธิราช ข้างในเข็มวชิราวุธล้อมรอบด้วยลายกนกลงรักปิดทอง พื้นประดับกระจกสีน้ำเงิน พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่ทรงงานและประทับเป็นบางครั้งคราว
พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ อาคารสองชั้นทาสีไข่ไก่ หลังคามุงกระเบื้องสีแดง เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบเรอเนซองส์ของฝรั่งเศสกับอาคารแบบฮาล์ฟ ทิมเบอร์ของอังกฤษ ในช่วงปลายรัชกาล พระองค์โปรดประทับที่พระตำหนักแห่งนี้เป็นประจำ และทรงประกอบพระราชกรณียกิจต่างๆ เช่น ให้ราชทูตต่างประเทศเข้าเฝ้า และประทับทอดพระเนตรฟุตบอลระหว่างกรมเสือป่าม้าหลวงกับกรมเสือป่าพรานหลวง ณ สนามหญ้าหน้าพระตำหนัก
บริเวณหน้าพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ มีอนุสาวรีย์ย่าเหล สุนัขทรงเลี้ยงซึ่งมีความเฉลียวฉลาดและจงรักภักดีต่อรัชกาลที่ 6 เป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ และเมื่อย่าเหลเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุ รัชกาลที่ 6 จึงโปรดให้สร้างอนุสาวรีย์ขึ้นบริเวณนี้ และทรงพระราชนิพนธ์คำไว้อาลัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
พระตำหนักอีกหลังหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นเป็นคู่กับพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ก็คือ พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ พระตำหนักไม้สองชั้นแบบตะวันตก มีเสาไม้กลมแกะสลักเป็นแบบนีโอ-คลาสสิก ระหว่างพระตำหนักสองหลังนี้มีทางเดินเชื่อมกัน ปัจจุบันเป็นที่จัดแสดงพระราชประวัติรัชกาลที่ 6 ตลอดจนการจำลองฉลองพระองค์ให้คนทั่วไปได้ชม
นอกจากนั้นยังมีพระตำหนักทับแก้ว ตึกสองชั้นแบบฝรั่งซึ่งเคยเป็นที่ตั้งกองบัญชาการเสือป่า กองร้อยเสนาน้อยราบเบารักษาพระองค์ และพระตำหนักทับขวัญ เรือนไทยที่ประกอบด้วยกลุ่มเรือนแปดหลังเชื่อมกันด้วยนอกชาน ตัวเรือนทำด้วยไม้สักล้วนใช้วิธีเข้าไม้ตามวิธีสร้างเรือนไทยโบราณ พระตำหนักองค์นี้งดงามมากๆ
เป็นไงล่ะครับ..นี่คือส่วนหนึ่งเท่านั้นที่สามารถบรรยายออกมาได้ แต่ดูเอเซียว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น หากใครได้มีโอกาสมาจังหวัดนครปฐม แนะเลยว่าต้องมาชมให้ได้ เพราะรูปภาพที่เราเก็บมาทั้งหมดเป็นเพียงบรรยากาศภายนอกพระที่นั่งเท่านั้น เราไม่สามารถนำกล้องเข้าไปถ่ายภายในพระที่นั่งและพระตำหนักได้ เพราะเป็นกฎของเค้า แม้แต่การถ่ายวีดีโอภายด้านนอกก็ไม่สามารถถ่ายได้เลยครับ (ที่ได้มานิดหน่อยก็แอบๆถ่ายเอา แต่ก็โดนว่ามาด้วย..) อีกอย่างบรรยากาศที่นี่เหมาะแก่การถ่ายภาพสำหรับตากล้องทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพเป็นอย่างมาก
เปิดให้เข้าชมเวลา 9:00-16:00น.
ปิดขายบัตรเวลา 15:30น.
มีการแสดงนาฏศิลป์ไทยให้ชมวันละ 2รอบ เวลา 11:00น. และเวลา 14:00น.
โทร 0-3424-4236-7 fax.0-3424-4235 (โปรดแต่งกายสุภาพ)
ขอบคุณภาพ www.museumsiam.org