ท่องเที่ยว || เพิ่มข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว|| ดูดวงตำราไทย|| อ่านบทละคร|| เกมส์คลายเครียด|| วิทยุออนไลน์ || ดูทีวี|| ท็อปเชียงใหม่ || รถตู้เชียงใหม่
  dooasia : ดูเอเซีย   รวมเว็บ   บอร์ด     เรื่องน่ารู้ของสยาม   สิ่งน่าสนใจ  
 
สำหรับนักท่องเที่ยว
ตรวจสอบระยะทาง
แผนที่ 77 จังหวัด
คู่มือ 77 จังหวัด(PDF)
จองโรงแรม
ข้อมูลโรงแรม
เส้นทางท่องเที่ยว(PDF)
ข้อมูลวีซ่า
จองตั๋วเครื่องบิน
จองตั๋วรถทัวร์
ทัวร์ต่างประเทศ
รถเช่า
197 ประเทศทั่วโลก
แลกเปลี่ยนเงินสากล
ซื้อหนังสือท่องเทียว
dooasia.com แนะนำ
  เที่ยวหลากสไตล์
  มหัศจรรย์ไทยเแลนด์
  เส้นทางความสุข
  ขับรถเที่ยวตลอน
  เที่ยวทั่วไทย 77 จังหวัด
  อุทยานแห่งชาติในไทย
  วันหยุดวันสำคัญไทย-เทศ
  ศิลปะแม่ไม้มวยไทย
  ไก่ชนไทย
  พระเครื่องเมืองไทย
 
 
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเกาหลี
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศลาว
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเวียดนาม
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศพม่า
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศจีน
 
เที่ยวภาคเหนือ กำแพงเพชร : เชียงราย : เชียงใหม่ : ตาก : นครสวรรค์ : น่าน : พะเยา : พิจิตร : พิษณุโลก : เพชรบูรณ์ : แพร่ : แม่ฮ่องสอน : ลำปาง : ลำพูน : สุโขทัย : อุตรดิตถ์ : อุทัยธานี
  เที่ยวภาคอีสาน กาฬสินธุ์ : ขอนแก่น : ชัยภูมิ : นครพนม : นครราชสีมา(โคราช): บุรีรัมย์ : มหาสารคาม : มุกดาหาร : ยโสธร : ร้อยเอ็ด : เลย : ศรีสะเกษ : สกลนคร : สุรินทร์ : หนองคาย : หนองบัวลำภู : อำนาจเจริญ : อุดรธานี : อุบลราชธานี : บึงกาฬ(จังหวัดที่ 77)
  เที่ยวภาคกลาง กรุงเทพฯ : กาญจนบุรี : ฉะเชิงเทรา : ชัยนาท : นครนายก : นครปฐม : นนทบุรี : ปทุมธานี : ประจวบคีรีขันธ์ : ปราจีนบุรี : พระนครศรีอยุธยา : เพชรบุรี : ราชบุรี : ลพบุรี : สมุทรปราการ : สมุทรสาคร : สมุทรสงคราม : สระแก้ว : สระบุรี : สิงห์บุรี : สุพรรณบุรี : อ่างทอง
  เที่ยวภาคตะวันออก จันทบุรี : ชลบุรี : ตราด : ระยอง

  เที่ยวภาคใต้ กระบี่ : ชุมพร : ตรัง : นครศรีธรรมราช : นราธิวาส : ปัตตานี : พัทลุง : พังงา : ภูเก็ต : ยะลา : ระนอง : สงขลา : สตูล : สุราษฎร์ธานี

www.dooasia.com >> ซานมาริโน




แผนที่
สาธารณรัฐซานมาริโน
Republic of San Marino


 
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อทางการ The Republic Of San Marino
เมืองหลวง ซานมาริโน
วันชาติ 3 กันยายน เป็นวันที่ระลึกการก่อตั้งสาธารณรัฐซานมารีโน
ประชากร 28,117 คน (ค.ศ. 2005)
ส่วนใหญ่มีเชื้อชาติซามมาริเนเซ่ (Sammarinese) และมีเชื้อชาติอิตาเลี่ยนอยู่บ้าง
ศาสนา ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก
ภาษา อิตาเลียน
สกุลเงิน มีเงินเหรียญของตนเอง แต่นิยมใช้เงินยูโร
อายุเฉลี่ยของประชากร ชาย 78 ปี หญิง 85 ปี
สินค้าส่งออก ไวน์ เซรามิค เฟอร์นิเจอร์ สินค้าหัตถกรรม
Internet Domain .sm
International Dialling Code +378

สาธารณรัฐซานมาริโนตั้งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศอิตาลี โดยไม่มีทางออกทะเล พรมแดนด้านตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ติดกับแคว้น Emilia-Romanga และด้านตะวันออกเฉียงใต้อยู่ติดกับแคว้น Marche-Montefeltro ไม่มีพรมแดนติดทะเล

ซานมาริโนมีพื้นที่ประมาณ 61 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา (Mount Titano) สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปไม่ร้อนหรือหนาวเย็นเกินไป อากาศดีและท้องฟ้าใสตลอดปี

ภูมิอากาศของซานมาริโนเป็นแบบเมดิเตอร์เรเนียน ฤดูหนาวไม่หนาวเย็นเกินไป (cool winter) และฤดูร้อนไม่ร้อนจัด (warm summer) โดยมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง ลบ 6 ถึง 20 องศาเซลเซียส มีปริมาณน้ำฝนในระดับกลาง ประมาณ 762 มม. (13 นิ้ว) ต่อปี

การเมืองการปกครอง
สาธารณรัฐซานมาริโน เป็นสาธารณรัฐที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง ตั้งขึ้นในประมาณช่วงปี ค.ศ. 301 โดยช่างสกัดหินชาวคริสเตียนชื่อ Marinus the Dalmation ผู้หลบหนีอิทธิพลของจักรพรรดิโรมันชื่อ Diocletian ซึ่งต่อต้านคริสตศาสนา โดยหลบหนีมาจากเกาะ Arbe มาตั้งชุมชนชาวคริสต์ขนาดเล็กขึ้นที่ยอดเขา Titano บนเทือกเขา Apennines ต่อมา Marinus the Dalmation ได้เป็นนักบุญ (saint) ดังนั้น เพื่อเป็นที่ระลึกถึงผู้ก่อตั้งชุมชน บริเวณดังกล่าวจึงได้รับการขนานนามว่า Community of San Marino และเปลี่ยนเป็น Land of San Marino และ Republic of San Marino ตามลำดับ ดินแดนของ San Marino ประกอบด้วยพื้นที่เฉพาะบริเวณยอดเขา Titano มาจนถึงปี ค.ศ. 1463 จากนั้น San Marino ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับสันตปาปา เพื่อต่อต้าน Sigismondo Pandolfo Malatesta, Lord of Rimini เมื่อได้รับชัยชนะ Pope Pius II Piccolomini จึงได้ยกเมือง Fiorentino, Montegiardino และ Serravalle ให้กับ San Marino ต่อมาในปีเดียวกัน เมือง Faetano ได้ขอเข้ามาอยู่ร่วมกับ San Marino ด้วยอีกแห่งหนึ่งดินแดนของ San Marino จึงขยายเพิ่มขึ้นและคงจำนวนพื้นที่ดังกล่าวมาจนปัจจุบัน
ดินแดน San Marino ถูกกองกำลังต่างชาติเข้ายึดครอง 2 ครั้ง ในปี ค.ศ. 1503 Cesare Borgia หรือที่รู้จักกันในนาม Valentino เข้ายึดครองดินแดน แต่ San Marino เป็นอิสระได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี เมื่อ Valentino เสียชีวิตลง ต่อมา Cardinal Alberoni นำกองกำลังเข้ายึดครอง San Marino แต่ถูกชาวเมืองต่อต้านด้วยมาตรการไม่ให้การเชื่อฟัง (civil disobedience) และได้รับความช่วยเหลือจากสันตปาปาจนได้รับเอกราชกลับคืนมาในที่สุด โครงสร้างการปกครองแต่เดิมนั้น มีสภาที่เรียกว่า The Arengo ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นหัวหน้าครอบครัวจากแต่ละครอบครัว ต่อมาสภา Arengo ได้ส่งมอบอำนาจให้กับรัฐสภาในรูปแบบปัจจุบันที่เรียกว่า The Great and General Council ส่วนระบบผู้ครองนครร่วม (Co-chiefs of State หรือ Captains Regent) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1243
เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของซาน มาริโน
ค.ศ. 1600 เริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับ 8 ตุลาคม ซึ่งใช้มาจนปัจจุบัน
ค.ศ. 1861 Abraham Lincoln ยอมรับเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ของซานมาริโน
ค.ศ. 1926 มีกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งใช้มาจนปัจจุบัน
ค.ศ. 1947-1957 ยุครัฐบาลผสมนำโดยพรรคคอมมิวนิสต์
ค.ศ. 1957-1973 ยุครัฐบาลผสมนำโดยพรรค Christian Democrats (PDCS)
ค.ศ. 1960 สตรีมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งและมีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งได้ในปี ค.ศ. 1973
ค.ศ. 1991 ซานมาริโน สมัครเป็นสมาชิกสหประชาชาติ และได้เป็นภาคีในปี 1992
ค.ศ. 1991 รัฐบาลซานมาริโน ลงนามในสัญญาทางการเงินและการคลังกับรัฐบาลอิตาลี ซึ่งส่งผลให้ซานมาริโน มีเสรีภาพในการดำเนินกิจการด้านการเงินการคลังมากขึ้นและในปีเดียวกันซานมาริโนทำสัญญากับ EU ในด้านการค้าและศุลกากร
ค.ศ. 1992 ซานมาริโนเข้าเป็นภาคี IMF
ค.ศ. 1993 นาย Boutros Boutros-Ghali เลขาธิการสหประชาชาติเยือนซานมาริโน
สาธารณรัฐซานมาริโนมีรัฐสภาแบบสภาเดียวซึ่งเรียกว่า Great and General Council ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 60 คนที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง สมาชิกมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี รัฐสภา Great and General Council ทำหน้าที่ออกกฎหมายและพิจารณางบประมาณ และยังมีหน้าที่เลือกสมาชิกของตนครั้งละ 2 คน (ซึ่งมักมาจากพรรคการเมืองคนละพรรคเพื่อให้คอยตรวจสอบกันและกันได้ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ครองนครร่วมกัน (Co-chiefs of State หรือ Captains Regent) โดยมีวาระดำรงตำแหน่งครั้งละ 6 เดือน หลังจากครบวาระแล้ว ประชาชนจะมีเวลา 3 วันในการร้องเรียน หากไม่พอใจในการบริหารของ Captains Regent
ตำแหน่ง Captains Regent ถือเป็นประมุขประเทศ (Head of State) ของซานมาริโน สำหรับตำแหน่ง Head of Government มาจากการเลือกตั้งโดยรัฐสภา มีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ปัจจุบันผู้ดำรงตำแหน่ง คือ นาย Fiorenzo Stolfi โดยดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ 17 ธันวาคม 2545
นอกจากนั้น ฝ่ายบริหารของซานมาริโน ยังมี Congress of State (เทียบเท่าคณะรัฐมนตรี) อันประกอบผู้ดำรงตำแหน่ง Secretary 3 คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยรัฐสภา และมีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปีเช่นกัน กล่าวคือ 1) Secretary of State for Foreign and Political Affairs รับผิดชอบด้านการเมืองและการต่างประเทศ 2) Secretary of State for Internal Affairs and Civil Defense รับผิดชอบด้านกิจการภายในและการป้องกันฝ่ายพลเรือน 3) Secretary of State for Finance, Budget and Programming, Information and Relations with the State Philatelic and Numismatic Office รับผิดชอบด้านการเงิน การคลัง สารนิเทศ การไปรษณียากรและการธนารักษ์
Congress of State ยังมีรัฐมนตรี 7 คน ช่วยดูแลรับผิดชอบงานด้านต่างๆ ได้แก่ 1) ด้านการศึกษา วัฒนธรรม มหาวิทยาลัยและยุติธรรม
2) ด้านเขตแดนสิ่งแวดล้อมและการเกษตร
3) ด้านสาธารณสุขและการประกันสังคม
4) ด้านการค้าและความสัมพันธ์กับสภาเขต
5) ด้านการคมนาคมและการสื่อสาร การท่องเที่ยวและการกีฬา
6) ด้านแรงงาน
7) ด้านอุตสาหกรรมและหัตถกรรม

ระบบศาลของซานมาริโนได้รับอิทธิพลจากอิตาลี โดยมีผู้พิพากษาส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ นอกจากนี้ ยังมี Council of Twelve (Consiglio dei XII) ซึ่งเลือกตั้งโดย The Great and General Council ให้ทำหน้าที่ทางด้านตุลาการ และเป็นศาลอุทธรณ์
พื้นที่การปกครอง
แบ่งออกเป็น 9 เขต ( castello หรือ township) คือ Acquaviva, Borgo Maggiore, Chiesanuova, Domagnano, Faetano, Fiorentino, Monte Giardino, Serravalle, San Marino Citta แต่ละเขตจะมีสภา (Council) ซึ่งมาจากการเลือกตั้งจากประชาชนในเขตนั้นๆ ทุกๆ 5 ปี ทำหน้าที่บริหาร โดยมี Township captain เป็นประธานสภา
รายชื่อคณะรัฐบาลของสาธารณรัฐซานมาริโน
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสาธารณรัฐซานมาริโน
ประมุขของรัฐเรียกว่า Captains Regent มีสองท่านคือ
นาย Mirko Tomassoni และนาย Alberto Selva (ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 50 -1 มิ.ย. 51)
รมว.กต.ชื่อนาย Fiorenzo Stolfi (รับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค. 49) โดยนาย Stolfi เคยเป็นรมว.กต.ระหว่างเดือน ธ.ค. 2545 และ ธ.ค. 2546 และเป็นรมว.พาณิชย์ระหว่างมิ.ย. 45 - ธ.ค. 45

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ซานมาริโนทำสนธิสัญญาทางไมตรีและความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับอิตาลีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1862 ซึ่งมีการปรับปรุงและขยายความร่วมมืออีกหลายครั้ง ปัจจุบันซานมาริโนได้รับความช่วยเหลือด้านงบประมาณจากอิตาลีทุกปี โดยซานมาริโนยอมสละสิทธิ์บางประการ อาทิ การปลูกยาสูบและการตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียง ในปี ค.ศ. 1998 มีการเจรจาระหว่างอิตาลีกับซานมาริโนเกี่ยวกับการใช้เงินยูโร และต่อมาสหภาพยุโรปได้มอบหมายให้อิตาลีดำเนินการเจรจาทำความตกลงกับซานมาริโน เพื่อให้ซานมาริโนสามารถผลิตเหรียญกษาปณ์สกุลเงินยูโรขึ้นใช้แทนเงินสกุลลีเรได้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 เป็นต้นไป (แต่ไม่อนุญาตให้พิมพ์ธนบัตรเงินยูโร)
ในช่วงทศวรรษ 1990 ซานมาริโนได้เพิ่มบทบาทในเวทีระหว่างประเทศมากขึ้น ปัจจุบันซานมาริโนมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศต่างๆ กว่า 70 ประเทศ และมีสิทธิมีเสียงในเวทีระหว่างประเทศมากขึ้น โดยได้เข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติตั้งแต่ปี ค.ศ. 1992 และเป็นสมาชิกทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติหลายองค์การ รวมทั้งองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) สหภาพไปรษณีย์สากล (UPU) โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) องค์การการท่องเที่ยวโลก (WToO) คณะกรรมาธิการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) International Court of Justice (ICJ), International Monetary Fund (IMF), World Health Organization (WHO), International Institution for the Unification of Private Law (UNIDROIT), นอกจากนั้น ยังเป็นสมาชิกขององค์การระหว่างประเทศอื่นๆ อาทิ องค์การความร่วมมือเพื่อความมั่นคงแห่งยุโรป (OSCE) สภายุโรป (Council of Europe-CE) รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมของบางองค์กร เช่น NAM (guest), IOM (observer)

เศรษฐกิจการค้า
สาธารณรัฐซานมาริโนไม่มีทรัพยากรแร่ธาตุ พื้นที่ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 74 ของพื้นที่ทั้งหมด) เป็นพื้นที่สำหรับการเพาะปลูก ผลผลิตทางการเกษตรส่วนใหญ่ประกอบด้วย ข้าวเจ้า ข้าวบาเลย์ ข้าวโพด องุ่น น้ำมันมะกอก และพืชผักสวนครัว พื้นที่ร้อยละ 22 ใช้ในการปศุสัตว์ ซึ่งประกอบด้วยวัว หมู แกะ และม้า พื้นที่ร้อยละ 4 ที่เหลือเป็นป่า ที่อยู่อาศัย และอื่นๆ
ภาคเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดคือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (ซึ่งรวมถึงการขายดวงตราไปรษณียากร เหรียญที่ระลึกและสินค้าปลอดภาษี) ซึ่งทำรายได้มากกว่าร้อยละ 50 ของ GDP โดยซานมาริโนมีนักท่องเที่ยวประมาณปีละ 3.5 ล้านคน
อุตสาหกรรมสำคัญอื่นๆ ได้แก่ การธนาคาร และ สิ่งทอ ผลผลิตสำคัญจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ ปูนซิเมนต์ เฟอร์นิเจอร์ ไวน์ หนังสัตว์ ยางสังเคราะห์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ศิลปะวัตถุที่ทำจากหิน ไม้ สินค้าสถิติการค้าของซานมาริโนมักรวมกับของอิตาลี
สินค้าส่งออกที่สำคัญ คือ หินก่อสร้าง ไม้ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ข้าวสาลี อาหาร ไวน์ เซรามิก หนังสัตว์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์
สินค้านำเข้าที่สำคัญ คือ อาหาร และสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ โดยส่วนใหญ่นำเข้าจากอิตาลี
อีเล็กทรอนิกส์ เซรามิก และโลหะต่างๆ

ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐซานมาริโน
ความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-สาธารณรัฐซานมาริโน

ไทยและสาธารณรัฐซานมาริโนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2527 (ค.ศ.1984) โดยมีการแต่งตั้งผู้แทนทางทูตในระดับกงสุลใหญ่ และอยู่ในเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม ในทางปฏิบัติ ผู้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่ของไทยประจำสาธารณรัฐซานมาริโนคือผู้ดำรงตำแหน่งอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม คณะรัฐมนตรีได้ลงมติอนุมัติให้มีการลงนามความตกลงในการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐซานมาริโนเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2546

ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐซานมาริโนโดยทั่วไปยังมีไม่มากนักและอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากสาธารณรัฐซานมาริโนเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กและมีประชากรน้อยมาก อีกทั้งประเทศไทยไม่มีผลประโยชน์มากนักในสาธารณรัฐซานมาริโน ไม่ว่าจะเป็นทางยุทธศาสตร์ การเมืองหรือเศรษฐกิจ และที่ผ่านมายังไม่เคยมีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับสูงระหว่างกัน

1. ความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ

ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสาธารณรัฐซานมาริโนยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นบ้างก็ตาม โดยซานมาริโนเป็นคู่ค้าอันดับที่ 104 ของไทย

1.1 การค้าระหว่างไทยกับซานมาริโน
สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ นาฬิกาและส่วนประกอบ เครื่องจักรกล และส่วนประกอบของ เครื่องจักรกล เป็นต้น
การนำเข้า
สินค้าเข้าสำคัญ ได้แก่ กาแฟ ชา เครื่องเทศ ธัญพืชและธัญพืชสำเร็จรูป เป็นต้น สินค้าที่มีศักยภาพนำเข้าจากไทยคือ แผงวงจรไฟฟ้า

สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ นาฬิกาและส่วนประกอบ

2. ความตกลงต่างๆ ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐซานมาริโน
ไทยและสาธารณรัฐซานมาริโนยังไม่มีความตกลงทวิภาคีระหว่างกัน แต่ได้เคยมีข้อเสนอเกี่ยวกับความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราระหว่างกัน โดยเมื่อปี 2542 (ค.ศ. 1999) สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาเห็นสมควรเพิ่มชื่อสาธารณรัฐซานมาริโนในบัญชีประเทศที่คนชาติได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราและอนุญาตให้พำนักอยู่ในประเทศไทยได้ไม่เกิน 30 วัน และมีความเห็นว่า คนไทยควรได้รับยกเว้นการตรวจลงตราและอนุญาตให้พำนักในสาธารณรัฐซานมาริโนได้ 30 วัน เช่นเดียวกัน
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวกระทรวงการต่างประเทศมีความเห็นว่า โดยที่ซานมาริโนตั้งอยู่ในดินแดนของอิตาลีในลักษณะเดียวกับนครรัฐวาติกัน บุคคลต่างชาติที่จะเดินทางเข้าซานมาริโนจะต้องเดินทางผ่านดินแดนของอิตาลีก่อน ต่อจากนั้นจึงเดินทางเข้าซานมาริโนโดยทางรถยนต์ (ซานมาริโนไม่มีสนามบินและท่าเรือ) ในกรณีของคนชาติไทยที่ประสงค์จะเดินทางเข้าซานมาริโนจะต้องขอรับการตรวจลงตราของอิตาลีก่อน ซึ่งสามารถพำนักอยู่ได้เป็นเวลา 30-90 วัน แล้วใช้การตรวจลงตรานั้นเดินทางเข้าซานมาริโนได้เลยโดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตราอีก ดังนั้น การทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตรากับซานมาริโน จึงไม่น่าจะเอื้อประโยชน์ใดๆ แก่คนชาติไทยเนื่องจากไม่สามารถเดินทางเข้าซานมาริโนได้โดยตรง อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการอนุเคราะห์ต่อคนชาติซานมาริโนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและกำลังเงินสูง และเป็นการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีทั้งสองฝ่าย ฝ่ายไทยอาจพิจารณาอนุญาตให้คนชาติซานมาริโน สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยและพำนักอยู่ได้ 30 วัน

สถานเอกอัครราชทูตอิตาลีในประเทศไทย ดูแลชาวซานมาริโนด้วย
The Embassy of Italy
Tel. 0 2285 4090-3
Fax. 0 2285 4793
Call Center: 1900 222 344 (for visa information)
Email: อีเมลสถานทูตอิตาลีสำหรับรายละเอียดเรื่องสาธารณรัฐซานมาริโนและอื่นๆ
เว็บไซต์สถานทูตอิตาลีประจำประเทศไทย ซึ่งดูแลสาธารณรัฐซานมาริโนด้วย

2 มกราคม 2551

เอกสารแนบ

เรียบเรียงโดย กองยุโรป 2 กรมยุโรป 0 2643 5133-4 Email: european03@mfa.go.th



ข้อมูลประเทศอื่นๆทั่วโลก
อัฟกานิสถาน  แอลเบเนีย  แอลจีเรีย  อันดอร์รา  แองโกลา  แอนติกาและบาร์บูดา  อาร์เจนตินา  อาร์เมเนีย  ออสเตรเลีย  ออสเตรีย  อาเซอร์ไบจาน  บาฮามาส  บาห์เรน  บังกลาเทศ  บาร์เบโดส  เบลารุส  เบลเยียม  เบลีช  เบนิน  ภูฏาน  โบลิเวีย  บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา  บอตสวานา  บราซิล  บรูไนดารุสซาลาม  บัลแกเรีย  บูร์กินาฟาโซ  บุรุนดี  กัมพูชา  แคเมอรูน  แคนาดา  เคปเวิร์ด  แอฟริกากลาง  ชาด  ชิลี  จีน  ฮ่องกง  มาเก๊า  ไต้หวัน  โคลัมเบีย  คอโมโรส  คอสตาริกา  โครเอเชีย  คิวบา  ไซปรัส  เช็ก  สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก  เดนมาร์ก  จิบูตี  โดมินิกา  โดมินิกัน  เกาหลีเหนือ  เอกวาดอร์  อียิปต์  เอลซัลวาดอร์  อิเควทอเรียลกินี  เอริเทรีย  เอสโตเนีย  เอธิโอเปีย  ฟิจิ  ฟินแลนด์  ฝรั่งเศส  กาบอง  แกมเบีย  จอร์เจีย  เยอรมนี  กานา  กรีซ  เกรเนดา  กัวเตมาลา  กินี  กินีบิสเซา  กายอานา  เฮติ  นครรัฐวาติกัน  ฮอนดูรัส  ฮังการี  ไอซ์แลนด์  อินเดีย  อินโดนีเซีย  อิหร่าน  อิรัก  ไอร์แลนด์  อิสราเอล  อิตาลี  จาเมกา  ญี่ปุ่น  จอร์แดน  คาซัคสถาน  เคนยา  คิริบาส  คูเวต  คีร์กิซ  ลาว  ลัตเวีย  เลบานอน  เลโซโท  ไลบีเรีย  ลิเบีย  ลิกเตนสไตน์  ลิทัวเนีย  ลักเซมเบิร์ก  มาซิโดเนีย  มาดากัสการ์  มาลาวี  มาเลเซีย  มาลี  มอลตา  หมู่เกาะมาร์แชลล์  มอริเตเนีย  มอริเชียส  ตลาดร่วมอเมริกาใต้ตอนล่าง  เม็กซิโก  ไมโครนีเซีย  มอลโดวา  โมนาโก  มองโกเลีย  โมร็อกโก  โมซัมบิก  พม่า  นามิเบีย  นาอูรู  เนปาล  เนเธอร์แลนด์  นิวซีแลนด์  นิวซีแลนด์  นิการากัว  ไนเจอร์  ไนจีเรีย  นอร์เวย์  องค์การรัฐอเมริกัน  โอมาน  ออร์เดอร์ ออฟ มอลตา  ปากีสถาน  ปาเลา  ปานามา  ปาปัวนิวกินี  ปารากวัย  เปรู  ฟิลิปปินส์  โปแลนด์  โปรตุเกส  กาตาร์  คองโก  เกาหลีใต้  กลุ่มริโอ  โรมาเนีย  รัสเซีย  รวันดา  เซนต์คิตส์และเนวิส  เซนต์ลูเซีย  เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์  ซามัว  ซานมาริโน  เซาโตเมและปรินซิเป  ซาอุดีอาระเบีย  เซเนกัล  เซอร์เบีย  เซเชลส์  เซียร์ราลีโอน  สิงคโปร์  สโลวาเกีย  สโลวีเนีย  หมู่เกาะโซโลมอน  โซมาเลีย  แอฟริกาใต้  สเปน  ศรีลังกา  ซูดาน  ซูรินาเม  สวาซิแลนด์  สวีเดน  สวิตเซอร์แลนด์  ซีเรีย  ทาจิกิสถาน  แทนซาเนีย  ติมอร์-เลสเต  โตโก  ตองกา  ตรินิแดดและโตเบโก  ตูนิเซีย  ตุรกี  เติร์กเมนิสถาน  ตูวาลู  ยูเออี  ยูกันดา  ยูเครน  สหราชอาณาจักร  สหรัฐอเมริกา  อุรุกวัย  อุซเบกิสถาน  วานูอาตู  เวเนซุเอลา  เวียดนาม  เยเมน  แซมเบีย  ซิมบับเว 



 
 
dooasia.com
สงวนลิขสิทธิ์ © 2550 ดูเอเซีย    www.dooasia.com

เว็บท่องเที่ยว จองที่พัก จองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ ข้อมูลท่องเที่ยว ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม แผนที่ การเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร จองที่พักและโรงแรมออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตทั่วโลก คลิปวีดีโอ ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ลาว เวียดนาม ขอขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวลาว การท่องเที่ยวกัมพูชา การท่องเที่ยวเวียดนาม มรดกไทย กรมป่าไม้
dooasia(at)gmail.com ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย. สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์