|
|
|
|
เลบานอนเป็นประเทศเล็กอีกประเทศหนึ่งในบรรดาประเทศเล็ก ๆ ทั้งหลายเท่าที่มีอยู่ในโลก แต่ก็เป็นประเทศที่มีความสำคัญอย่างยิ่งประเทศหนึ่ง ทั้งในด้านพื้นภูมิประเทศและประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ดังมีหลักฐานสำคัญแสดงให้เห็นตรงบริเวณหน้าผาแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ปากแม่น้ำด็อก (Dog River) ทางด้านเหนือนครเบรุต (Beirut) มีรายนามของบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ผ่านเข้าสู่ประเทศเลบานอนทั้งเพื่อทำการพิชิตและถูกพิชิตจากภายในประเทศ ปรากฏเป็นลายจำหลักไว้บนแผ่นศิลารวมกันถึง 18 รายนาม |
|
"เลบานอน" เป็นประเทศที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางสถาปัตยกรรมโบราณที่เป็นมรดกตกทอดตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเป็นชุมชนเมืองตั้งแต่ยุคทอง แดง (4,000-3,000 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นต้นมา นอกจากนี้ยังเป็นประเทศที่มีธรรมชาติสวยงามอีกด้วยที่พร้อมจะต้อนรับอาคันตุกะจากแดนไกลไม่ว่าจะเป็นที่กรุงเบรุต เมืองหลวงของประเทศซึ่งเปรียบเสมือนประตูสู่โลกตะวันตกกับตะวันออกหรืออย่างเมืองบัลเบค ที่มีวิหารโรมันโบราณอันสวยงามไม่แพ้ที่อื่นไดในโลก |
|
|
|
|
|
สถานที่ตั้งและพื้นภูมิประเทศ เลบานอนตั้งอยู่บนฝั่งทางด้านทิศตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีเขตแดนติกกับประเทศซีเรีย เป็นแนวตลอดลงมาตั้งแต่ทางทิศเหนือจนถึงทิศตะวันออก ความยาวของตัวประเทศตรงบริเวณที่ยาวที่สุดจากทิศเหนือลงสู่ทิศใต้ประมาณ 156 ไมล์ ส่วนบริเวณที่กว้างที่สุดระหว่างทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกประมาณตั้งแต่ 30 จนถึง 35 ไมล์ มีเนื้อที่ทั้งหมดเท่าที่สำรวจเมื่อปี พ.ศ.2519 ประมาณ 4,015 ตารางไมล์ มีพลเมืองประมาณ 2,965,000 คน โดยมีนครเบรุต(Beirut) เป็นเมืองหลวง และเมืองตากอากาศที่ขึ้นชื่อ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง พลเมืองในนครหลวงแห่งนี้มีอยู่ประมาณ 780,000 คน |
|
พื้นภูมิประเทศมีแนวภูเขาสองเทือกตั้งขนานกัน คือภูเขา เลบานอนกับ แอนตี้ เลบานอน ระหว่างกลางเป็นบริเวณหุบเขาซึ่งมีที่ดินอุดมสมบูรณ์แผ่ขยายไป |
|
การทำมาหาเลี้ยงชีพของชาวเลบานอนส่วนใหญ่คือการทำไร่ทำนา เนื่องจากพื้นดินตามบริเวณชายฝั่งทะเลเป็นดินดี การเพาะปลูกพืชและไม้ผลจึงเจริญงอกงามไปจนถึงบริเวณรอบ ๆ นครเบรุตซึ่งเป็นเมืองหลวง ก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยดงมะกอก (Olive) ซึ่งมีผลคล้าย ๆ มะกอกน้ำ ส่วนตามลาดเนินเขามีไร่องุ่นและต้นหม่อน (Mulberry Trees) ขึ้นปกคลุมเต็มไปหมด สัตว์เลี้ยงจำพวกวัว ควาย แพะ และแกะ มักมีเลี้ยงกันอยู่ในบริเวณหุบเขาที่ค่อนข้างจะแห้งแล้ง แต่ก็ไม่ถึงกับกันดารนัก |
|
|
|
|
|
เมืองสำคัญ ๆ ของประเทศเลบานอนส่วนมากเป็นเมืองท่าชายทะเล ซึ่งเต็มไปด้วยนักธุรกิจและการอุตสาหกรรมขนาดเบา ถึงแม้จะยังไม่มีการขุดพบบ่อน้ำมันในประเทศเลบานอนในขณะนี้ แต่ก็มีเรือลำเลียงน้ำมันปิโตรเลียมจากที่อื่นมาจอดเทียบท่าอยู่ตลอดเวลา |
|
ชาวเลบานอนแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่มในจำพวกพอ ๆ กัน มีทั้งกลุ่มนับถือศาสนามุสลิมและศาสนาคริสเตียน แม้แต่การเมืองและวัฒนธรรมก็แบ่งเป็นอัตราส่วนในระดับที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเท่าใดนัก โดยเหตุนี้ประเทศเลบานอนจึงเป็นดินแดนอาหรับที่มีความเป็นกลางทางการเมืองอย่างแท้จริง
ช่วงเวลาที่เหมาะต่อการเดินทางไปพักตากอากาศในประเทศเลบานอนคือ ตั้งแต่เดือน เมษายน จึงถึงเดือน ธันวาคม
เบรุต นครหลวงของเลบานอนเป็นย่านการค้าที่คึกคักที่สุดในตะวันออกกลาง นครเบรุต (Beirut) มีพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอันเป็นที่เก็บวัตถุโบราณซึ่งมีอายุมากกว่า 6,000 ปี มีมหาลัยสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยนอกประเทศที่ใหญ่ที่สุดในบรรดามหาวิทยาลัยของอเมริกาที่มีอยู่ในประเทศต่าง ๆ ก็ตั้งอยู่ที่นครเบรุต นอกจากนี้ก็มีหอสมุดเมืองร้อนของมหาวิทยาลัยฝรั่งเศส สุเหร่าสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ถ้ำนกพิราบและหมู่บ้านซึ่งมีอาคารที่พักอาศัยแบบทันสมัยเพิ่มสร้างขึ้น
นครเบรุตมีบริการนำเที่ยวที่สะดวก สามารถนำเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ได้ทั่วประเทศภายในวันเดียว และมีโรงแรมที่นักทัศนาจรนิยมไป พักหลายแห่งดัวยกัน
การซื้อหาสินค้าในเลบานอนก็ดูเหมือนจะไม่แตกต่างไปจากเมืองไทยเท่าไรนัก เพราะสินค้าทุกชนิดสามารถต่อรองกันได้ พอใจก็ซื้อไม่พอใจก็ไปหาใหม่ที่อื่น ๆร้านค้าส่วนมากจะเปิดบริการตั้งแต่ 9.00 น. และบางร้านก็จะปิดระหว่างเวลา 13.00 น. 15.00 น. ย่านที่ผู้คนส่วนมากนิยมไปซื้อหาสินค้าต่าง ๆก็มี
แถวถนนฟรังแซร์ (Francais) ถนนแฮมรา(Hamra) และบริเวณสี่แยกถนนยอร์จพิคโก (George Picot) กับถนนเวย์แกนด์ (Weygand) ถ้าต้องการสินค้าปลอดภาษีก็มีอยู่แห่งหนึ่ง คือที่ห้องผู้โดยสารขาออกของสนามบินเลบานอน สินค้าที่ขึ้นหน้าขึ้นตามีอยู่หลายชนิด เช่น ผ้ายกดอก เครื่องทองผสมเฟอร์นิเจอร์ที่ประดับด้วยงาช้าง เครื่องหนัง ผ้าปูโต๊ะ ผ้าปูเตียงนอน พรหม และเสื้อผ้าเด็กแบบต่าง ๆ ตลอดจนเพชรนิลจินดา ซึ่งมีให้เลือกตามความพอใจ
|
|
|
|
|
|
ประเทศเลบานอนเป็นดินแดนเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยสิ่งมหัสจรรย์ ตลอดจนซากปรักหักพังของโบราณวัตถุสถานอย่างมากมาย นอกจากนี้ เลบานอนยังมีต้นยมหอม (Cedar) เกิดขึ้นอย่างมากมาย ซึ่งเป็นที่นิยมกันทั่วโลกมาตั้งแต่โบราณกาลแม้แต่ กษัตริย์ ฟาโรห์ แห่งอียิปต์ก็ทรงโปรด ฯ นำไปสร้างพระราชวังและต่อเรือในยุคนั้น |
|
สถานที่ต่างอากาศชายทะเลชั้นดีมีอยู่หลายแห่ง อยู่ใกล้ ๆ กับเทือกเขาสูง ๆ ซึ่งเป็นทำเลอย่างดีสำหรับผู้ที่นิยมเล่นสกีบนภูเขา "เลบานอนเป็นดินแดนแห่งน้ำนมและน้ำผึ้ง" ตามที่ปรากฎอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลอย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลไม้นานาชนิดแล้ว
ในป่ายังมีพันธุ์ ไม้ดอกงาม ๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ น้ำในแม่น้ำใสไหลเย็นเป็นประกายระยับเมื่อต้องแสงแดด กระแสน้ำไหลลดเลี้ยวเชี่ยวกรากออกมาจากถ้ำที่สวยงามหลายแห่ง นับว่าเป็นแดนแห่งการเปลี่ยนเทียบของความงามตามธรรมชาติระหว่างสมัยเก่า กับสมัยใหม่อย่างยากที่จะหาที่ใดมาเสมอเหมือน |
|
ชนชาวพื้นเมืองในยุคแรก ๆ ของเลบานอน คือชาวฟินิเชียน (Phoeni cians) ซึ่งส่วนมากยึดอาชีพหลักในทางการค้าและการเดินเรือ แม้แต่ในปัจจุบันนี้อาชีพดังกล่าวก็ยังเจริญก้าวหน้าอยู่ ทำให้ประชาชนส่วนมากมีการอยู่ดีกินดี และมีบทบาทสำคัญประเทศหนึ่งของโลก |
|
ความเจริญรุ่งโรจน์ของประเทศเลบานอน เริ่มต้น ในสมัยฟินิเชียนซึ่งเป็นยุคแรกที่มีการคิดระบบตัวอักษรขึ้นใช้ประจำชาติ สมัยชาวฟินิเชียนที่กำลังเจริญสุดขีดอยู่ในระหว่างศตวรรษที่ 9-12 ก่อนคริสต์กาล ได้มีนครใหญ่ ๆ เกิดขึ้นหลายแห่งกล่าวคือ นครอาร์วัด (Arwad) และนครไบบล็อซ (Byblos) ซึ่งตามประวัติกล่าวว่าเป็นต้นกำเนิดของคำว่า "ไบเบิ้ล" คือพระคัมภีร์ (Bible) ที่ใช้เป็นหลักปฏิบัติในทางศาสนาสืบต่อมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ |
|
|
|
|
|
แม้ว่าประเทศไทยและประเทศเลบานอนเพิ่งจะเริ่มเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตได้ไม่นานนับตั้งแต่ปี 2538 ก็ตาม แต่สิ่งที่ทั้งสองประเทศได้แสดงประจักษ์ไห้เห็นว่าความสัมพันธ์ในชั่วระยะเวลาไม่นานนั้นบัดนี้กลับเพิ่มพูนมากขึ้นตามลำดับ ทั้งในแง่ของการส่งเสริมด้านธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยวจากที่ประมาณการณ์ไว้ปีละ 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้เพิ่มปริมาณมูลค่าการแลกเปลี่ยนทางการค้าระหว่างกันถึงร้อยละ 25 ในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ไทยและเลบานอนยังได้ร่วมมือในอันที่จะส่งเสริมในการสร้างกระบวนการสันติภาพ
ในดินแดนตะวันออกกลาง การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน ส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน การประชุมในสนธิสัญญาว่าด้วยการจัดเก็บภาษีซ้ำซ้อนและการป้องกันด้านการหลีกเลี่ยงงบประมาณการเงินที่มีผลโดยตรงต่อภาษีอากรในด้านรายได้การทำข้อตกลงบันทึกช่วยจำถึงความร่วมมือในภาคการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศเหล่านี้ เป็นต้น |
|
HOME
|
|
|
|
แหล่งอ้างอิง
- วันชาติเลบานอน (9 พ.ย. 41)
- สารบรรณโลก และ เงินตรานานาชาติ (ตะวันออกกลางแอฟริกาเหนือ)
|