ข้อควรระวังในการเที่ยวเวียดนาม

0

ผมขอใช้คำว่า “ข้อควรระวัง” แล้วกัน เพราะน่าจะครอบคลุมกับเนื้อหา ซึ่งประสบมากับตัวเองในระหว่างที่อยู่ที่นี่มาเกือบ 3 เดือน (ฮานอยและโฮจิมินห์)
1. รถแท๊กซี่ที่นี่ ขนาดคนท้องถิ่นใช้บริการยังบ่นถึงความเจ้าเล่ห์แสนกล แต่เนื่องจากมีหลายบริษัทให้บริการ ทำให้ยังพอมีดีๆ เหลืออยู่บ้าง ซึ่งพอประมวลได้ดังนี้
1.1 เมื่อถึงที่หมายจ่ายตังค์และรับเงินทอนให้ครบ ก่อนออกจากตัวรถ อย่าหวังว่าจะได้รับเงินทอน หากลงจากรถก่อน และวิธีนี้จะทำให้ Taxiยังไงต้องทอนเงินให้ครบ หากโยกโย้ว่าไม่มีเงินย่อยทอน ไม่ต้องลงจากรถ สุดท้ายเค้าจะยอมหยวนๆ กับเราเอง (ในกรณีที่เราไม่อยากให้ทิป)
1.2 รถของบริษัท MaiLinh (ออกเสียงว่า “ม่ายหลิง”) ตัวรถสีขาว สัญลักษณ์สีเขียว (หาดูภาพได้ที่ google พิมพ์คำว่า “MaiLinh Taxi”) ให้บริการได้ค่อนข้างมาตรฐานดีที่สุด โอกาสโดนโกงมิเตอร์มีน้อย แต่เรื่องโดนขับพาอ้อม อันนี้ขอไม่รับรองแล้วกัน หากพักโรงแรมและต้องการเดินทาง ให้พนักงานโรงแรมเรียกรถโดยสามารถระบุว่าต้องการใช้รถของค่ายไหนก็ได้
1.3 หากต้องโบกรถ Taxi ข้างทาง ให้สังเกตตรงมิเตอร์ (มองจากด้านนอกจะเห็นเป็นโป๊ะอยู่ด้านข้างคนขับ) ว่ามีกรอบพลาสติคครอบหรือไม่ หลีกเลี่ยงการใช้บริการของรถที่มิเตอร์ไม่มีกรอบดังกล่าวเพราะสามารถตั้งข้อ สังเกตได้ว่า อาจมีการแก้ไขมิเตอร์
1.4 หากมีแผนที่ไปด้วยระหว่างที่นั่ง Taxiให้ทำเหมือนว่า เรากำลังจดจำเส้นทางเมื่อเทียบกับแผนที่ … วิธีนี้จะทำให้คนขับไม่กล้าพาอ้อม
1.5 Taxi คันใหญ่ราคาจะแพงกว่าคันเล็ก นั่งใกล้ไม่รู้สึก แต่นั่งไกลๆ จ่ายอ่วมเหมือนกัน ซึ่งผมเคยนั่ง Taxi คันใหญ่ของ MaiLinh จากที่พักไปสนามบิน จ่ายไป 4 แสนกว่าดง … เข็ดจนตาย แต่เมื่อเทียบกับระยะทางแล้ว สมเหตุสมผล
1.6 ที่มิเตอร์จะมีตัวเลขบอกระยะทาง (หน่วย กม), เวลาที่รถติด (นาที) และจำนวนเงิน … ผมมีข้อสังเกตว่า ค่ารถจะประมาณ 13,000 VND ต่อระยะทาง 1 กม ดังนั้น หากนั่งรถ 5 กมก็ควรจ่ายไม่เกิน 65,000 VNDอันนี้เป็นตัวเลขที่เผื่อแล้ว ที่ตรวจสอบด้วยวิธีนี้เพราะการโกงมิเตอร์นั้น ยากที่จะปรับตัวเลขระยะทาง ส่วนมากจะเจอประเภทตัวเงินวิ่งเร็วเกินกว่าหน่วยระยะทาง
1.7 จากสนามบินนอยไบ ที่ฮานอย นั่งรถบัสหรือเหมารถเข้าเมืองจะถูกกว่านั่งมิเตอร์ แต่หากเป็นโฮจิมินห์ นั่ง Taxi มิเตอร์เข้าตัวเมืองจะถูกกว่าเหมา (ผมเคยเหมาจากสนามบินที่โฮจิมินห์ไปโรงแรมย่าน Dist.7 ราคา 10 US$ซ้ำยังดันให้ผมไปนั่งกับใครก็ไม่รู้ และอีกครั้งลองนั่ง Taxi มิเตอร์จ่ายไปแค่ 150,000 VND)
1.8 Taxi ทุกคันที่นี่สามารถออกบิลได้ เรียกขอบิลทุกครั้งหากต้องการความสะดวกในการจัดการค่าใช้จ่าย … บอกว่า “Bill”เข้าใจทุกคัน ไม่เข้าใจไม่ต้องลงจากรถตามข้อ 1.1

 

2. สำหรับมอเตอร์ไซด์รับจ้างเถื่อน (เถื่อนในที่นี้หมายความว่า กฎหมายไม่รับรองครับ) ส่วนมากเป็นคนที่ไม่มีงานทำเลยนำรถออกมาให้บริการ รวมถึงรถสามล้อแบบนั่งหน้า … ไม่ขอออกความเห็นเพราะไม่เคยใช้บริการ ลองเหล่ๆ หลายครั้งแล้ว ยอมนั่ง Taxi ดีกว่า

 

3. ซื้อของที่นี่ ชิ้นเดียวกัน ประเภทเดียวกัน รับรองราคาที่ได้ไม่เหมือนกันแน่ๆ อย่าว่าแต่คนต่างชาติที่พูดเวียดนามไม่ได้เลย ขนาดคนจากโฮจิมินห์มาซื้อของฮานอยก็โดนเหมือนกัน (สำเนียงต่างกันมาก) ดังนั้นพยายามเลือกซื้อของที่ติดราคาชัดเจน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้และเห็นว่าเป็นเงินเล็กน้อยก็จบไป แต่หากดูแล้วราคาโขกกันมาก ก็ต่อราคากันจนกว่าเราจะพอใจ แต่ถ้าเป็นของกินนี่ เท่าไหร่ก็ต้องจ่ายครับ ไม่งั้นเรื่องใหญ่แน่

vietnam-market

4. เรื่องเงิน … แลกเงินกับร้านขายเพชร ทอง จะได้ราคาดีกว่าแลกกับธนาคาร ในความเป็นจริงแล้วน่าจะผิดกฎหมาย แต่ผมก็เห็นเค้าเปิดแลกกันโจ่งครึ่ม เดินเข้าไปร้านไหนร้านนั้น รับแลกหมด
อัตราปัจจุบัน (แลกเถื่อน) เพิ่งแลกวันนี้ 18,300 VND/US$สำหรับธนาคารน่าจะอยู่ที่ 17,800 VND/US$ ซึ่งจะเห็นได้่ว่าต่างกันประมาณ 500 VNDต่อ 1 ดอลล่าร์ หรือต่างกันประมาณ 1.20 บาท/US$
หากมาเที่ยวไม่กี่วัน ผมคิดว่าแลกที่ไหนก็ไม่ต่างกันมาก (ยกเว้นเจอค่าธรรมเนียม) แต่ถ้าแลกเยอะๆ ส่วนต่างที่ว่าก็เห็นน้ำเห็นเนื้อเหมือนกัน
แถว Old Squareหากเราไปซื้อทัวร์กับเจ้าไหนก็ตาม ส่วนมากมักยอมให้แลกเงินเหมือนกัน อัตราก็ตกประมาณ 18,000 VND/US$ ดีกว่าธนาคาร แต่ยังสู้ร้านทองไม่ได้ เรียกว่าขอน้ำจิ้มกันนิดหน่อย … ไม่ว่ากัน
สำหรับตัวธนบัตรนั้น ที่ผมสับสนที่สุดคือแบงค์ 10,000 กับแบงค์ 100,000 เนื่องจากธนบัตรใบละ 10,000 สีจะออกแดงปนเขียวและแบงค์ 100,000 สีจะเป็นเขียวปนแดง จ่ายผิดจ่ายถูกประจำ … หากจ่ายน้อยไป เรารู้ตัวเพราะผู้ขายจะคืนมาเลย แต่หากจ่ายมากไป อันนี้คงเนียนครับ (น่าจะโดนไปหลายครั้งแล้ว)
ที่ประทับใจที่สุดคือไปซื้อของในโฮจิมินห์ สินค้าราคา 100,000 VND ผมดันจ่ายด้วยธนบัตร 100,000 ทั้งหมด 10 ใบเพราะเข้าใจว่าเป็นแบงค์ 10,000 … คนขายนับเงินเสร็จ ทอนคืนมาให้ผม 900,000 แล้วกดเครื่องคิดเลขย้ำให้ดูอีกครั้ง จำเจ๊คนนี้ไปจนตายเลย ขอบคุณเค้ามากๆๆๆๆๆ

 

5. ทานข้าวหรืออาหารที่นี่ ไม่มีน้ำฟรีครับ ต่างจากบ้านเรา กินจนอิ่มแล้วไม่สั่งน้ำ เค้าก็ไม่เสริฟให้ … ที่นี่คนจะนิยมกินน้ำชา หากสั่งน้ำเปล่า เค้าจะเอาน้ำเปล่าที่ขายเป็นขวดมาให้ราคาก็แล้วแต่ร้าน แต่หากอยากสั่งน้ำชาเย็น บอกเค้าว่า “จ่าด๋า” เด็กเสริฟร้านไหนก็เข้าใจหมด หมดแก้วแล้วไม่มีเติม จ่ายเป็นแก้วต่อแก้ว แต่ราคาถูกมากเพราะเป็นน้ำชาต้มเอง (2,000 VND)
จ่า = น้ำชา ที่นี่จะเรียกคล้ายๆ กับบ้านเรา แต่ออกเสียง จ จาน และกดเสียงต่ำๆ
ด๋า = น้ำแข็ง (บางครั้งก็ใช้แทน ก้อนหิน ได้เหมือนกัน)
ทางที่ดีพกน้ำขวดไปด้วย ซึ่งที่นี่ยี่ห้อดังๆ ก็มี
Lavieอันนี้เป็นน้ำแร่ แพงหน่อย
Aquafina น้ำเปล่าบรรจุขวดผลิตโดย Pepsi
Joyน้ำเปล่าบรรจุขวดผลิตโดย Coca Cola … มีเกร็ดเล็กน้อย สั่งโค้กที่นี่ ต้องสั่งว่า “โคคา (Coca)” เท่านั้น บอกว่าโค้ก กว่าจะรู้เรื่อง หมดความอยากพอดี

 

6. อย่างที่ จขกท เจอ … จำไว้เลยว่า อย่าให้ใครมาหยิบเงินเราไป หากมีการชะเง้อมองในลักษณะสอดรู้สอดเห็น โวยไปเลยเพื่อให้เขารู้ตัว เนื่องจากวัฒนธรรมที่ต่างกัน บางอย่างเค้าไม่รู้จริงๆ ว่าไม่ควรกระทำ
พูดว่า “Hey” ดังๆ แล้วปัดมือเค้าออกไป เพื่อให้เขารู้ว่าไม่ควรมายุ่งกับของๆ เรา หากเดินตามถนนแล้วโดนตื้อ บอกไปตรงๆ เลยว่า “ไม่ (No)”
มองอีกมุมก็น่าเห็นใจเหมือนกัน คนเวียดนามดูแล้วนิสัยจะค่อนข้างกร้านๆ ราวกับว่าไม่มีมารยาท แต่จริงๆ ที่ผมสัมผัสแล้ว เค้าก็เหมือนกับเราๆ ท่านๆ นี่แหละ เพียงแต่การที่เขาต้องปากกัดตีนถีบเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวหรือตัวเอง ทำให้เขาต้องต่อสู้ดิ้นรน ตามความเห็นส่วนตัวผมว่าน่าจะเป็นเพราะสงครามนั่นแหละ เวียดนามกับจีนเพิ่งจะเปิดความสัมพันธ์กันได้ไม่ถึง 10 ปีเลยครับ

สังเกตอย่างหนึ่งคือ ที่นี่ไม่มีขอทาน ซึ่งผมทราบมาจากคนที่นี่ว่า ขอทานส่วนมากรัฐบาลจะจับไปฝึกอาชีพให้ทุกคนต้องทำงานเพื่อเงิน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากคุณจะพบเห็นคนรับจ้างขัดรองเท้า ในขณะที่คุณเดินในฮานอย, โฮจิมินห์หรือเมืองใหญ่อีกหลายๆ เมือง

ขอขอบคุณ www.problemclear.com และ pantip.com

เชิญแสดงความคิดเห็น