สถานที่เที่ยวสำคัญเวียดนาม

0

ดานัง (Da Nang)

1111เป็นเมืองท่าสำคัญของเวียดนามกลางตอนใต้ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลจีนใต้ จัดเป็น 1 ใน 5 เขตการปกครองส่วนท้องถิ่นในเวียดนามดานังตั้งอยู่ที่ตำแหน่งละติจูดที่ 15°55′ ถึง 16°14′ องศาเหนือ และลองจิจูดที่ 107°18′ ถึง 108°20′ องศาตะวันออก ทิศเหนือติดกับเมืองเว้ ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของเวียดนาม ทิศตะวันตกและทิศใต้ติดกับจังหวัดกว่างนาม ทิศตะวันออกติดกับทะเลจีนใต้ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงฮานอยไปทางใต้ 764 กิโลเมตร และห่างจากโฮจิมินห์ซิตีไปทางเหนือ 964 กิโลเมตรปี พ.ศ. 2390 เรือรบฝรั่งเศสได้ระดมยิงโจมตีเมืองดานังเพื่อตอบโต้ที่กลุ่มมิชชันนารีคาธอลิคถูกประหารชีวิตเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2401 กองทหารฝรั่งเศสยกพลขึ้นบกที่ดานัง ตามพระบัญชาของพระเจ้านโปเลียนที่ 3 เพื่อประกาศพื้นที่นี้เป็นอาณานิคมภายใต้อาณัติของฝรั่งเศส และถูกเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อภาษาฝรั่งเศสว่า Tourane ขณะนั้นถือว่าเป็น 1 ใน 5 เมืองสำคัญบนคาบสมุทรอินโดจีน ในระหว่างสงครามเวียดนาม เมืองนี้เป็นที่ตั้งฐานทัพอากาศหลักของกองทัพสหรัฐอเมริกา ครั้งนั้นจำนวนประชากรในเมืองได้เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 1 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ลี้ภัยสงครามก่อนปี พ.ศ. 2540 ดานังยังเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดกว่างนาม-ดานัง จนกระทั่งวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2540 ดานังได้ถูกแยกออกจากจังหวัดกว่างนาม และเป็นเขตการปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งที่ 4 ของเวียดนามดานังจัดเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม และมีท่าเรือที่รองรับการขนส่งสินค้า มีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กตั้งอยู่ในเมืองจำนวนหนึ่ง สินค้าเศรษฐกิจของเมืองได้แก่

ฮานอย

2เมืองหลวงของประเทศเวียดนาม มีประชากรประมาณ 4,100,000 คน (พ.ศ. 2547) ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของเวียตนามเหนือระหว่าง พ.ศ. 2497 ถึง พ.ศ. 2519 และก่อนหน้านั้นเคยเป็นเมืองหลวงของพื้นที่เวียตนามในปัจจุบันเป็นครั้งคราวตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 จนถึง พ.ศ. 2345 ฮานอยตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำแดง อุตสาหกรรมในเมืองคือเครื่องจักร, ไม้อัด สิ่งทอ, สารเคมี และงานหัตถกรรม ฮานอยตั้งอยู่ที่ 21°2′ หรือ 105°51′ ตะวันออก เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2551 ได้มีการขยายเขตกรุงฮานอยไปอีก โดยครอบคลุมบริเวณมากกว่าเดิมถึง 3 เท่า เพื่อรองรับการเติบโตของเมือง และเมื่อถึงเดือนตุลาคม 2553 ก็จะครบวาระ 1000 ปีการสถาปนาเมือง”ฮานอย” หมายถึงตอนต้นของแม่น้ำ ตั้งอยู่ตอนต้นอยู่บนลุ่มแม่น้ำแดง ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ลี้สถาปนาขึ้นเป็นเมืองหลวงในปี พ.ศ. 1553 โดยใช้ชื่อว่า “ทังลอง” แปลว่า “มังกรเหิน” จนกระทั่ง พ.ศ. 2345 กษัตริย์ราชวงศ์เหงียนได้ย้ายเมือหลวงไปอยู่เมือง “เว้” เมื่อตกเป็นส่วนหนึ่งของอินโดจีนของฝรั่งเศส ฮานอยจึงกลับมาเป็นเมืองหลวงอย่างเป็นทางการอีกครั้งใน พ.ศ. 2430 ภายหลังได้รับเอกราชในปี พ.ศ. 2489 ดินแดนเวียดนามแยกออกเป็นสองประเทศ โดยฮานอยเป็นเมืองหลวงของเวียดนามเหนือ เมื่อรวมประเทศใน พ.ศ. 2519 จึงเป็นเมืองหลวงหนึ่งเดียวของเวียดนามในปัจจุบัน

เดียนเบียนฟู

travel-vietnam travel-vietnam2

เป็นเมืองหนึ่งในจังหวัดเดียนเบียนอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนาม ห่างจากกรุงฮานอยประมาณ 200 กิโลเมตร มีชื่อเสียงเนื่องจาก เป็นที่รบสมรภูมิเดียนเบียนฟูระหว่างฝรั่งเศสและเวียดมินห์ เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 1954ปราสาทหมีเซิน (My Son) เป็นโบราณสถาน ในจังหวัดกว๋างนาม ภาคกลางของประเทศเวียดนาม สร้างด้วยศิลปะจามโบราณในสมัยศตวรรษที่ 4 เพื่อใช้เป็นศาสนสถาน ได้จัดให้เป็นแหล่งมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก

ซาปา (Sapa)

tral21

เป็นเมืองชายแดนตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ในจังหวัดลาวก่าย มีจุดเด่นคือมีการทำนาขั้นบันไดมาก ทำให้มีภูมิทัศน์สวยงามแก่การท่องเที่ยว เดิมซาปาเป็นเมืองตากอากาศของเจ้านายชั้นสูงชาวฝรั่งเศส ที่มาทำงานในเวียดนาม จึงมีสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนและการวางผังเมืองแบบเฟรนช์โคโลเนียล มีจุดเด่นที่ตั้งอยู่กลางเมืองคือ โบสถ์คาทอลิก

หุ่นกระบอกน้ำ

travel-vietnam3เป็นการแสดงหุ่นกระบอกของเวียดนาม มีการแสดงเฉพาะที่ฮานอย ในโรงละครริมทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม บนถนนดิงห์เตียมฮว่างใช้ผู้เชิดอยู่หลังมู่ลี่ไม้ไผ่ที่มีการพรางไว้ ตัวหุ่นเชิดจะอยู่ที่ปลายไม้ที่ยาวพอที่จะยื่นออกมานอกฉากที่ผู้เชิดบังคับ มีกลไกบังคับมือหรืออวัยวะของหุ่นที่ทำจากไม้ฉำฉาที่เบาและพยุงน้ำหนักเมื่ออยู่ในน้ำ และการเชิดต้องไม่ให้เห็นไม้บังคับหุ่น จึงทำให้ดูเหมือนหุ่นมีลีลาของตนเองโรงละครหุ่นกระบอกน้ำ (Municipal Water Puppets) • ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม บนถนนดิงห์เตียมฮว่าง

travel-vietnam4

(Pho Dinh Tien Hong) ค่าเข้าชมละครหุ่นกระบอกน้ำ 20,000 และ 40,000 ดอง เปิดการแสดงวันละหลายรอบ การแสดงหุ่นกระบอกน้ำของเวียดนาม ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชาติทีเดียวและกำลังจะสูญหายไปจากโลก การแสดงหุ่นกระบอกน้ำเริ่มต้นบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง จากการที่บริเวณนี้มีน้ำท่วมทุกปีจึงให้เกิดแรงบันดาลใจให้คิดค้นการละเล่นเพื่อสร้างความบันเทิงระหว่างที่น้ำท่วมเป็นเวลานาน• สำหรับนักแสดงหุ่นกระบอกน้ำ ผู้แสดงจะอยู่หลังฉากซึ่งมีระดับน้ำสูงถึงเอว เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของหุ่นโดยใช้ไม้ไผ่ลำยาว แต่เทคนิคการเชิดจะได้รับการรักษาไว้เป็นความลับ เรื่องราวก็เกี่ยวกับวีถีชีวิต ประเพณี ความเชื่อของชาวเวียตนาม ชวนให้ติดตามมาก

เมืองเว้

เมืองเว้ตั้งอยู่ในเวียดนามตอนกลาง ริมฝั่งแม่น้ำหอม ถัดเข้ามาในแผ่นดินจากริมฝั่งทะเลจีนใต้เพียง 2-3 ไมล์ ห่างจากกรุงฮานอยไปทางใต้ประมาณ 540 กิโลเมตร และห่างจากโฮจิมินห์ซิตีไปทางเหนือประมาณ 644 กิโลเมตร

ve ve2

ประวัติศาสตร์เมืองเว้

แรกเริ่มนั้นเว้เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์เหงียน ซึ่งปกครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของเวียดนามตอนใต้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17-19เว้มีฐานะเป็นเมืองหลวงของประเทศจนถึงปี พ.ศ. 2488 เมื่อจักรพรรดิบ๋าวด่ายทรงสละราชสมบัติ และมีการก่อตั้งรัฐบาลคอมมิวนิสต์ขึ้นที่ฮานอย ทางตอนเหนือของเวียดนาม ต่อมาในปี พ.ศ. 2492 จักรพรรดิบ๋าวด่ายทรงได้รับการช่วยเหลือจากชาวฝรั่งเศสในอาณานิคม และทรงก่อตั้งเมืองหลวงใหม่ คือ ไซ่ง่อน ทางใต้ของประเทศในช่วงสงครามเวียดนาม เว้อยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับอาณาเขตระหว่างเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ โดยเว้อยู่ในอาณาเขตของเวียดนามใต้ ในปี พ.ศ. 2511 ตัวเมืองได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะโบราณสถานหลายแห่งที่ระดมยิงและถูกระเบิดจากกองทัพอเมริกัน แม้หลังสงครามสงบลงแล้ว เหล่าโบราณสถานก็ยังไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ เนื่องจากถูกกลุ่มผู้นำคอมมิวนิสต์และชาวเวียดนามบางส่วน มองว่าเป็นสัญลักษณ์ของระบอบศักดินาในอดีต แต่หลังจากที่แนวคิดทางการเมืองได้เปลี่ยนแปลงไป ก็เริ่มมีการบูรณะโบราณสถานบางส่วนมาจนถึงปัจจุบัน

ประตูเฮียนยาน (Tu Hieu Pagoda)

gateทางฝั่งเหนือของแม่น้ำคือที่ตั้งของพระราชวัง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของย่านประวัติศาสตร์ โบราณสถานและวัดสำคัญส่วนใหญ่ในเมืองเว้จะตั้งgateอยู่ในบริเวณนี้ ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำจะเป็นเมืองใหม่ ซึ่งมีย่านธุรกิจและที่พักอาศัยมากมาย

 

สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเว้ส่วนใหญ่จะเป็นป้อมปราการ พระราชวังหลวง และสุสานจักรพรรดิ หมู่โบราณสถานในเมืองเว้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2536

เมืองเว้เป็นเมืองที่เงียบสงบและน่าค้นหา มีบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวนมากเกิดที่เมืองนี้ หรือได้เคยมาเยือนเมืองนี้ ปัจจุบันเว้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม

 

นครโฮจิมินห์ หรือ โฮจิมินห์ซิตี (Thành phố Hồ Chí Minh, Ho Chi Minh City ตัวย่อ HCMC)

หรือชื่อเดิม ไซ่ง่อน (Saigon) เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงไซ่ง่อน ในอดีตเคยเป็นเมืองในการปกครองของเขมรมาก่อน ต่อมาเมื่อแยกเป็นประเทศเวียดนาม ไซ่ง่อน เป็นเมืองหลวงของเวียดนามใต้ เมื่อเวียดนามเหนือยึดได้จึงเปลี่ยนชื่อเป็น โฮจิมินห์ซิตี ตามชื่อผู้นำเวียดมินห์ คือ โฮจิมินห์

hochimin hochimin2

อ่าวฮาลอง (Vịnh Hạ Long)

ฮาลองเป็นอ่าวแห่งหนึ่งในพื้นที่ของ อ่าวตังเกี๋ย ทางตอนเหนือของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ใกล้ชายแดนติดต่อกับสาธารณรัฐประชาชนจีน มีพื้นที่ทั้งหมด 1,500 ตารางกิโลเมตร และมีชายฝั่งยาว 120 กิโลเมตร อยู่ห่างจากกรุงฮานอยไปทางตะวันออก 170 กิโลเมตร ชื่อตามการออกเสียงในภาษาเวียดนามเขียนได้ว่า “Vinh Ha Long” หมายถึง “อ่าวแห่งมังกรผู้ดำดิ่ง”

halongในอ่าวฮาลอง มีเกาะหินปูน จำนวน 1,969 เกาะโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวทะเล บนยอดของแต่ละเกาะมีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น หลายเกาะมีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ภายใน ถ้ำ ที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณอ่าวฮาลอง คือ ถ้ำเสาไม้ (Hang Đầu Gỗ) หรือชื่อเดิมว่า Grotte des Merveilles ซึ่งตั้งชื่อโดยนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสที่มาเยี่ยมชมอ่าวฮาลองเมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ภายในถ้ำประกอบไปด้วยโพรงกว้าง 3 โพรง มีหินงอก และหินย้อย ขนาดใหญ่อยู่จำนวนมาก เกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบริเวณอ่าว 2 เกาะ คือ เกาะกัดบา และเกาะ Tuan Chau ทั้งสองเกาะนี้มีคนตั้งถิ่นฐานอยู่อย่างถาวร บนเกาะมีโรงแรมและชายหาดจำนวนมากคอยให้บริการนักท่องเที่ยว ส่วนเกาะขนาดเล็กอื่นๆบางเกาะก็มีชายหาดที่สวยงามที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยี่ยมชม บางเกาะเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมง และบางเกาะยังเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์หลายชนิด เช่น ไก่ป่า ละมั่ง ลิง และกิ้งก่าหลายชนิด เกาะเหล่านี้มักจะได้รับการตั้งชื่อจากรูปร่างลักษณะที่แปลกตา เช่น เกาะช้าง (Voi Islet) เกาะไก่ชน (Ga Choi Islet) เกาะหลังคา (Mai Nha Islet) เป็นต้น ตามตำนานพื้นบ้านได้กล่าวไว้ว่า อ่าวฮาลองในอดีตนานมาแล้ว ระหว่างที่ชาวเวียดนามกำลังต่อสู้กับกองทัพชาวจีนผู้รุกราน เทพเจ้าได้ส่งกองทัพมังกรลงมาช่วยปกป้องแผ่นดินเวียดนาม มังกรเหล่านี้ได้ดำดิ่งลงสู่ท้องทะเลบริเวณที่เป็นอ่าวฮาลองในปัจจุบัน ทำให้มีอัญมณีและหยกพุ่งกระเด็นออก อัญมณีเหล่านี้กลายเป็นเกาะแก่งน้อยใหญ่กระจายอยู่ทั่วอ่าว เป็นเกราะป้องกันผู้รุกราน ทำให้ชาวเวียดนามปกป้องแผ่นดินของพวกเขาได้สำเร็จและก่อตั้งประเทศซึ่งต่อมาก็คือเวียดนามในปัจจุบัน บางตำนานสมัยใหม่ก็กล่าวไว้ว่า ปัจจุบันยังมีสัตว์ในตำนานที่ชื่อว่า Tarasque อาศัยอยู่ที่ก้นอ่าวในวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2537 อ่าวฮาลองได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมทะเบียนรายชื่อมรดกโลกครั้งที่ 18 ขององค์การยูเนสโก ที่ประเทศไทย

อุทยานแห่งชาติฟง งา-เค บัง

ngakapang ngakapang2

อุทยานแห่งชาติของประเทศเวียดนาม ที่ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี พ.ศ. 2546 ตั้งอยู่ในอำเภอ โบจักห์ และ อำเภอ มินห์หัว จังหวัดควงบินห์ และติดชายแดนประเทศลาว ห่างจาก ฮานอย มาทางใต้ประมาณ 500 กิโลเมตร เป็นกลุ่ม หินปูน มีขนาดพื้นที่ 857.54 ตารางกิโลเมตร อุทยานนี้มีชื่อเสียงในความสวยงามของ ถ้ำ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก และยังเป็นสถานที่ 1 ใน 2 ของโลกที่เป็นหินปูนที่มีลำธารใต้ดินขนาดใหญ่

ถ้ำฟองยา (Phong Nha Cave)

fongyaหรือสะกดว่า ถ้ำฟองญา ในบางที่ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานฯ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำซอน (Son River) ที่สะสมน้ำจากใต้ดินไหลรวมกันมาจากภายในถ้ำถ้ำฟองยาได้รับการยอมรับจาก นักสำรวจถ้ำทั่วโลกว่า เป็นถ้ำอันดับหนึ่งของโลก เนื่องจากเป็นเจ้าของสถิติถึง 4 รายการได้แก่ น้ำลอดยาวที่สุดในโลก, โถงถ้ำสูงที่สุด ยาวที่สุด และกว้างที่สุด มี หาดทรายภายในถ้ำที่สวยงาม และความอลังการของหินงอกหินย้อย วิจิตรตระการตา โดยคร่าวๆ ตัวถ้ำลึกเกือบ8 กิโลเมตร ส่วนที่มีน้ำลอดทั้งหมดยาว 14 กิโลเมตร มีถ้ำแยกย่อยทั้งหมด 14 ถ้ำ ซึ่งรวมระยะทางที่ สำรวจแล้วถึง 44.5 กิโลเมตรเนื่องจากความซับซ้อนดังกล่าว ต้องถือว่าเป็นระบบถ้ำฟองยา (The Phong Nha Cave System) เลยทีเดียวโดยวิธีเข้าชมสำหรับนักท่องเที่ยว คือเดินทางเรือเครื่อง ปิดประทุนล่องแม่น้ำซอน แล้วมาดับเครื่อง/ เปิดประทุน เพื่อแจวอย่างเงียบๆเมื่อเข้าไปในตัวถ้ำหลัก อย่างไรก็ตามส่วนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้อย่างปลอดภัย มีระยะทางเพียง 1.5 กิโลเมตร เท่านั้น เนื่องจากส่วนลึกของถ้ำ มีการผุกร่อนของหินปูนภายในถ้ำตลอดเวลา

ถ้ำเทียนซอน (Tien Son Cave)

ccเป็นอีกหนึ่งถ้ำในอุทยานฯที่มีความงดงาม จากการก่อตัวของธรรมชาติที่หลากหลาย ทางเข้าถ้ำอยู่ห่างจากถ้ำฟองยาเพียงประมาณ 200 เมตร แต่กลับไม่มีน้ำลอดเชื่อมต่อกันความลึกของถ้ำนี้ประมาณ 1 กิโลเมตร และมีถ้ำใต้ดินยาวกว่าครึ่งกิโลเมตรไม่ว่าหินงอก/หินย้อย จะสร้างความงดงามให้ปรากฏเพียงใด ถ้ำนี้อนุญาตให้เข้าได้เฉพาะนักสำรวจถ้ำมืออาชีพเท่านั้น และไม่สามารถเปิดให้ห้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ เนื่องจากในหลายจุดของถ้ำ มีหลุมลึกมากมาย ซึ่งเป็นอันตรายสำหรับคนทั่วไป

 

พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ ( Ho ChiMinhMuseum )

พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ ตั้งอยู่ใกล้กับสุสานโฮจิมินห์ เป็นสถานที่ซึ่งชาวเวียดนามและนักท่องเที่ยวจะได้มาสัมผัสเรื่องราวตลอดชีวิตที่ผ่านมาของรัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ จนมาสิ้นสุดที่ชัยชนะในการรวบรวมเวียดนามให้เป็นหนึ่ง ผ่านภาพเหตุการณ์ต่างๆที่ได้ตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆของลุงโฮ โดยเฉพาะแนวคิดในการใช้ชีวิตของท่าน ที่นำไปปรับใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ใกล้กับจัตุรัสบาดิงห์

hochimin3 hochimin4

ลาวไก

laokiเป็นเมืองพรมแดนระหว่างเวียดนามกับจีน พรมแดนนี้ถูกปิดในช่วงปี 1979 ระหว่างสงครามจีนกับเวียดนาม จนถึงปี 1993 การเปิดพรมแดนใหม่ ได้เปลี่ยนให้ลาวไกเป็นทางผ่านสำคัญ ของนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางข้ามไปมา ระหว่างฮานอยกับคุนหมิงของจีน ซึ่งห่างกันเพียงแม่น้ำกั้น ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวหลักของเวียดนาม จะเดินทางมาโดยรถไฟข้ามประเทศเป็นส่วนใหญ่ นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ลาวไกยังเป็นแหล่งอุตสาหกรรมส่งออกแร่อาเปอร์ไทต์ ตลอดเส้นทางมีการระเบิดภูเขาเป็นระยะๆ เพื่อเอาหินไปสร้างทางทำถนน จุดท่องเที่ยวที่สำคัญของลาวไกได้แก่ ตลาดบัคฮา เป็นตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าของชนเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวม้ง ทั้งม้งดำ ม้งขาว และม้งแดง หรือเรดเซา ทุกวันอาทิตย์ ช่วงสิบโมงเช้าถึงเที่ยง จะมีชาวเผ่าต่างๆ เดินเท้าโดยใช้ม้าบรรทุกสินค้ามาขาย และจับจ่ายซื้อของอุปโภคบริโภคกลับไปนอกจากนี้ที่ลาวไกยังคงมีวังเก่า มรดกจากยุคอาณานิคมที่หลงlaoki2เหลืออยู่ วังนี้สร้างขึ้นในปี 1921 โดยเจ้าแห่งม้ง (King of Mieu) นาม “หว่างอสือ” อดีตเจ้าที่ดินผู้มั่งคั่งเป็นวังของขุนนางที่ปกครองคนท้องถิ่นภาคเหนือซึ่งอยู่ภายใต้อาณานิคมฝรั่งเศสอีกทอดหนึ่ง เมื่อการปฏิวัติสำเร็จในวันที่ 2 กันยายน 1945 เวียดนามสถาปนาประเทศเป็นสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม องค์จักรพรรดิเบาได๋ กษัตริย์องค์สุดท้ายต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ และถึงแก่อสัญกรรมไปเมื่อปี 1997 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พวกเจ้าที่ดินเหล่านี้จึงถูกประชาชนขับไล่ และในที่สุดระบบภาษีอาณานิคมก็ถูกยกเลิกไปวังแห่งนี้

เมืองฮอยอัน (Hội An)

เป็นเมืองขนาดเล็กริมฝั่งทะเลจีนใต้ ทางตอนกลางของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกว่างนาม มีประชากรอาศัยอยู่ราว 80,000 คน ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Trieu Chau Assembly Hall ในสมัยของอาณาจักรจามปา บริเวณนี้เคยเป็นเมืองท่าบนปากแม่น้ำทูโบน ซึ่งมีชื่อว่า ไฮโฟโดยเป็นศูนย์กลางทางการค้าในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 มีชาวต่างชาติมาตั้งถิ่นฐานและค้าขายในเมืองนี้เป็นจำนวนมาก ทั้งชาวจีน ญี่ปุ่น ดัตช์ และอินเดีย เดิมทีเมืองนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งโดยมีคลองสายหนึ่งคั่นอยู่กลางเมือง มีสะพานญี่ปุ่นทอดข้ามคลองเพื่อกั้นแบ่งเขตชุมชนของชาวญี่ปุ่นที่อีกฝั่งหนึ่งของคลอง ตัวสะพานสร้างโดยชาวญี่ปุ่น มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเขตเมืองเก่าของฮอยอันให้เป็นมรดกโลก ด้วยเหตุผลว่าเป็นตัวอย่างของเมืองท่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 -19 ที่มีการผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมทั้งของท้องถิ่นและของต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ และอาคารต่างๆภายในเมืองได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเดิมไว้ได้เป็นอย่างดีทุกวันนี้ ฮอยอัน ยังคงเป็นเมืองขนาดเล็กเช่นเดิม แต่ก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนเป็นจำนวนมาก ผู้มาเยือนมักมาเยี่ยมชมร้านค้าขายผลงานทาง ศิลปะและหัตถกรรม ริมฝั่งแม่น้ำมีอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ บาร์ และร้านอาหารเปิดเรียงรายอยู่มากมายซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าใช้บริการ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกที่มีอยู่มากมาย

hoian hoian2

ขอบคุณข้อมูล www.topasiantravel.com

เชิญแสดงความคิดเห็น