ด้วย ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ และความเหมาะสมหลายประการ สำนักผังเมือง กระทรวงมหาดไทย จึงได้มีหนังสือเชิญชวนให้กรมป่าไม้ ร่วมเสนอข้อคิดเห็นในการจัดทำผังเมืองชุมพร เมื่อปี พ.ศ. 2529 และดำเนินการสำรวจสภาพทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดชุมพร ผลการสำรวจปรากฏว่า จังหวัดชุมพรมีทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย เช่น ป่าชายเลน ป่าไม้ สัตว์ป่า สัตว์ทะเล แนวปะการัง ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ และสภาพธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นชายหาดและเกาะทียังคงความงดงามสมควรจะได้มีการ กำหนดพื้นที่บริเวณที่เหมาะสม เพื่อประกาศเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์และคุ้มครอง ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการนันทนาการของประชาชน และเป็นแหล่งความรู้เพื่อประโยชน์ในการวิจัยในเชิงวิชาการ และการเผยแพร่แก่ผู้ที่สนใจ ต่อมาในปี พ.ศ. 2532 กรมป่าไม้สั่งการให้กองอุทยานแห่งชาติ (เดิม) ดำเนินการสำรวจเพิ่มเติม เพื่อเตรียมการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ กองอุทยานแห่งชาติได้จัดตั้งสำนักงานชั่วคราวบริเวณลานชมวิวเขาเจ้าเมืองใน ระยะนี้ใช้ชื่อว่า อุทยานแห่งชาติหาดทรายรี และดำเนินการต่อเนื่อง จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2540 จึงได้ย้ายที่ทำการชั่วคราวมาอยู่ที่บริเวณปากคลองท่าจระเข้และดำเนินการต่อ เนื่องมา กระทั่งเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2542 จึงได้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติอย่างสมบูรณ์ตาม พระราชกฤษฎีกากำหนดที่ดินป่าเลนอ่าวทุ่งคา ป่าอ่าวสวี และเกาะต่าง ๆ ในท้องที่ตำบลสะพลี อำเภอปะทิว ตำบลปากน้ำ ตำบลท่ายาง ตำบลหาดทรายรี ตำบลทุ่งคา ตำบลวิสัยเหนือ อำเภอเมืองชุมพร ตำบลวิสัยใต้ ตำบลด่านสวี ตำบลท่าหิน อำเภอสวี ตำบลปากตะโก อำเภอทุ่งตะโก ตำบลบางน้ำจืด อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2542 โดยประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา ฉบับพระราชกฤษฎีกา เล่ม 116 ตอนที่ 9ก ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2542 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร
ลักษณะภูมิประเทศ
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ประกอบด้วยลักษณะทางภูมิประเทศที่หลากหลาย อาจแบ่งได้เป็น 4 รูปแบบ ดังนี้ ชายฝั่ง เป็นชายฝั่งที่ได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเล และกระแสน้ำในทะเลโดยตรง ลักษณะทั่วไปจะเป็นชายหาดที่เป็นทรายจนถึงเป็นโคลน บริเวณด้านหลังชายหาด อาจพบป่าชายหาด (Beach forest) ได้บ้างในบริเวณที่ไม่มีการทำสวนมะพร้าว ชายฝั่งลักษณะนี้พบได้เป็นแนวยาวตลอดชายฝั่ง โดยในส่วนที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ จะเริ่มจากอ่าวทุ่งมะขามน้อย อ่าวทุ่งมะขามใหญ่ อ่าวท้องตมใหญ่ หาดทรายรีสวี อ่าวมะม่วง อ่าวท้องตมน้อย หาดอรุโณทัย ชายฝั่งเกาะกระทะ และอ่าวท้องครก อ่าวและปากคลอง เป็นบริเวณหนึ่งของชายฝั่ง ที่ได้รับอิทธิพลจากการไหลลงของน้ำจืด อ่าวในที่นี้จึงหมายถึง อ่าวที่มีน้ำจืดไหลลงในปริมาณมากลักษณะโดยทั่วไปจะพบป่าชายเลน (Mangrove forest) ในบริเวณที่มีการขึ้นลงของน้ำ พื้นดินมักเป็นโคลนละเอียด โคลนจนถึงโคลนปนทราย ในบางบริเวณพบหญ้าทะเล (Sea grass) และสาหร่ายทะเล (Sea algae) เจริญเติบโตติดต่อกันเป็นผืนใหญ่ พื้นที่ส่วนใหญ่มักมีระดับน้ำตื้น บางบริเวณจะปรากฏเป็นสันดอนโคลน (Mud flat) ขนาดใหญ่ ซึ่งจะโผล่พ้นน้ำเวลาน้ำลงต่ำสุด ชายฝั่งลักษณะนี้ประกอบด้วยพื้นที่สำคัญที่สุดคืออ่าวทุ่งคา สวี ซึ่งมีคลองที่มีน้ำจืดไหลลงมากกว่า 10 คลอง ปัจจุบันบริเวณดังกล่าว ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น พื้นที่ชุ่มน้ำนานาชาติ นอกจากนี้ก็มีบริเวณปากคลองอื่น ๆ ที่มีน้ำจืดไหลลงทะเล เช่นคลองตม คลองบางหัก และคลองปากน้ำตะโก เป็นต้น บริเวณปากคลองจะพบสันดอนปากคลองซึ่งจะรูปร่างและขนาดของสันดอนแตกต่างกันออก ไป เกาะ ที่ปรากฏในเขตอุทยานแห่งชาติมีทั้งสิ้น 40 เกาะ โดยส่วนใหญ่เป็นเกาะขนาดเล็ก มักปรากฏโพรงถ้ำเล็ก ๆ อยู่ทั่วไป เกาะที่มีขนาดใหญ่จะปรากฏชายหาดบริเวณชายฝั่งของเกาะ ซึ่งได้รับอิทธิพลของไอทะเล (Salt spray) จะปรากฏพันธ์ไม้ป่าชายหาด (Beach forest) ส่วนที่อยู่สูงขึ้นไปที่ไม่ได้รับอิทธิพลจากไอทะเล จะปรากฏพันธุ์ไม้ของป่าดิบชื้น (Moist evergreen forest) ส่วนเกาะที่มีขนาดเล็กมักเป็นพันธุ์ในสังคมพืชบนหน้าผา (Cliff Community) ที่มีลักษณะแคระแกร็น ส่วนที่อยู่ใต้น้ำ มักปรากฏแนวปะการัง (Coral reefs) ทางด้านตะวันตกของเกาะ ส่วนด้านตะวันออกที่ได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำ ที่พัดมาโดยมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือปรากฏเป็นปะการังที่เจริญบนหิน (Coral Community on rocks) ภูเขา ที่ปรากฏในเขตอุทยานแห่งชาติมักมีขนาดไม่ใหญ่และสูงมากนัก เป็นภูเขาที่อยู่ติดทะเลทั้งสิ้น พันธุ์ไม้ที่ปกคลุมเป็นพันธุ์ไม้ป่าดิบชื้น (Moist evergreen forest) เกือบทั้งหมด ยกเว้นบริเวณที่เป็นหน้าผา จะเป็นพันธุ์ไม้ในสังคมพืชบนหน้าผา (Cliff Community) ภูเขาที่ปรากฏในเขตอุทยานแห่งชาติมีดังนี้ เขาโพงพาง สูง 145 เมตร เขาบ่อคาสูง 180 เมตร เขาประจำเหียงสูง 240 เมตร และเขากะทะสูง 300 เมตร
ลักษณะภูมิอากาศ
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรอยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุมที่พัดผ่าน ทำให้ฝนตกชุก คลื่นพายุรุนแรง ฤดูร้อน อยู่ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม ระยะนี้เป็นช่วงว่างของฤดูมรสุมหลังจากสิ้นฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว อากาศจะเริ่มร้อน ฤดูฝน อยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นลมร้อนและชื้นจากมหาสมุทรอินเดียพัดปกคลุมทำให้มีฝนตกทั่วไป ฤดูหนาว อยู่ระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ในระยะนี้จะมีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเย็นและแห้งแล้งจากประเทศจีนพัด ปกคลุม ทำให้อุณหภูมิลดลงทั่วไปและมีอากาศหนาวเย็น แต่เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากทะเลอ่าวไทย อากาศจึงไม่หนาวเย็นมากนักและจะมีฝนตกโดยทั่วไป
พรรณไม้และสัตว์ป่า
สังคมพืชในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรสามารถจำแนกออกได้เป็น ป่าชายเลน เป็นสังคมพืชไม่ผลัดใบ มักปรากฏในบริเวณชายฝั่งทะเลปากคลอง ปากแม่น้ำ และก้นอ่าว ที่มีการขึ้น ลงของน้ำ และมักเป็นบริเวณที่มีน้ำจืดไหลลงซึ่งมีผลทำให้น้ำมีความเค็มต่ำกว่าน้ำทะเล ดินที่ป่าชายเลนเจริญได้ดี มักเป็นดินโคลนเลนละเอียด ที่มักอุดมไปด้วยอินทรียวัตถุจนถึงดินที่เป็นเลนแข็ง ด้วยความแตกต่างของสภาพเนื้อดินนี่เอง ทำให้เกิดหมู่ไม้ที่แตกต่างกันออกไป ดินที่เป็นเลนละเอียดจะปรากฏไม้ในกลุ่มเบิกนำ (Pioneer species) จำพวกไม้แสม (Avicennia sp.) ไม้ลำพูทะเล (Sonneratia sp.) ตลอดจนไม้โกงกาง (Rhizophora sp.) ส่วนบริเวณที่ดินเลนแข็งตัวมากขึ้น มีการขึ้น ลงของน้ำน้อย ก็จะปรากฏไม้จำพวก ไม้ถั่วและไม้พังกาหัวสุม (Bruguiera sp.) ไม้โปรง (Ceriop sp.) ไม้ตะบูน (Xyiocarpus sp.) ไม้ฝาด (Lumnitzera sp.) และไม้เหงือกปลาหมอ (Acanthus sp.) เป็นต้น อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ปัจจุบันนี้มีพื้นที่ป่าชายเลน ที่ยังคงมีสภาพสมบูรณ์อยู่ประมาณ 17,357 ไร่ ซึ่งเกือบทั้งหมดพบได้ในบริเวณอ่าวทุ่ง สวี โดยปรากฏอยู่ตามชายฝั่งของอ่าวตลอดเข้าไปตามริมคลองต่าง ๆ บริเวณที่ปรากฏป่าชายเลน ที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง ไม้ขนาดใหญ่และมีอายุมาก พบในบริเวณคลองชุมพร คลองสวี และคลองสวีเฒ่า ป่าชายหาด เป็นสังคมพืชบริเวณชายฝั่งทะเลที่เป็นทราย ได้รับไอเค็มจากทะเล (Salt spray) ดังนั้นจึงพบป่าชายหาดได้ในบริเวณที่เป็นหาดทราย ทั้งชายฝั่งบนแผ่นดินและบนเกาะ ในปัจจุบันปัญหาการจับจองพื้นที่บริเวณหลังชายหาด เพื่อทำการเกษตร เช่น ทำสวนมะพร้าวและการประกอบธุรกิจท่องเที่ยว และที่พักอาศัยเช่น ทำรีสอร์ท และร้านอาหาร ได้ทำลายพื้นที่ป่าชายหาดลงเป็นอันมาก ป่าชายหาดที่ยังหลงเหลืออยู่จึงเป็นเพียงหย่อมเล็ก ๆ เท่านั้น พันธุ์ไม้ที่ปรากฎในป่าชายหาด มักมีลักษณะเป็นพุ่มเตี้ย ลำต้นคดงอ กิ่งสั้น แตกกิ่งก้านมาก ใบหนาแข็งและมักมีหนาม ทั้งนี้เนื่องจากอิทธิพลของลมทะเล และความแห้งแล้งของพื้นที่ ปัจจุบันอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เหลือพื้นที่ป่าชายหาดอยู่ไม่มากนัก บริเวณชายหาดบนเกาะ และชายฝั่งในบางช่วง ที่ไม่มีการบุกรุกส่วนใหญ่มักมีลักษณะเป็นหย่อมเล็กๆ ป่าดงดิบ เนื่องจากพื้นที่บกในอุทยานแห่งชาติมีขอบเขตพื้นที่น้อยจึงพบสังคมพืชป่าดิบ ชื้นได้เพียงในบริเวณที่เป็นภูเขาและบนเกาะ ที่มีขนาดใหญ่ เช่นเกาะเสม็ด เกาะมาตรา เกาะกุลา เป็นต้น ป่าดิบชื้นเป็นป่าไม่ผลัดใบ เนื่องด้วยอิทธิพลของปริมาณน้ำฝนที่มีปริมาณค่อนข้างสม่ำเสมอตลอดปี พันธุ์ไม้ในป่าดิบชื้นมักมีความหลากหลายของจำนวนชนิดพันธุ์พืชสูงมากและมี ความแตกต่างในแต่ละพื้นที่ พันธุ์ไม้ที่มักพบในป่าดิบชื้นซึ่งถือเป็นดัชนี (Index) ของป่าดิบชื้น คือไม้ในวงศ์ยาง (Dipterocarpaeeae) เช่น เคี่ยม ตะเคียนทอง กะบาก ไข่เขียว เป็นต้น นอกจากนั้นก็ยังมีไม้ในวงศ์ อื่น ๆ เช่น ตะแบก นนทรี มังตาล บุนนาค ตาเสือ หวาย และปาล์มต่างๆ เป็นต้น สังคมพืชบนหน้าผาหินปูน เป็นสังคมพืชที่มีลักษณะพิเศษพบตามบริเวณหน้าผาสูงชัน พันธุ์ไม้ส่วนใหญ่จัดเป็นพืชที่ทนทานต่อความแห้งแล้ง (Xerophyes) เจริญเติบโตช้า มีขนาดเล็ก มักมีลักษณะทรงพุ่มลู่ ไปตามแรงลม เนื่องจากบริเวณหน้าผามักได้รับอิทธิพลจากกระแสลมอยู่เสมอ เนื่องจากเกาะขนาดเล็กที่มีหน้าผาลาดชัน จึงพบสังคมพืชแบบนี้ได้ตามเกาะต่าง ๆ เกือบทุกเกาะหากเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่จะพบได้มาก ในด้านที่เป็นหน้าผาลาดชันและรับลมซึ่งมักเป็นด้านตะวันออกของเกาะ แหล่งหญ้าทะเล เป็นสังคมพืชทางทะเล รูปแบบหนึ่งพบตามบริเวณชายฝั่งที่มีคลื่นลมสงบ หญ้าทะเลมักเจริญงอกงาม ติดต่อกันเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่โดยมักเจริญ ปะปนกันหลายพันธุ์พืช แต่บางครั้งหากชนิดพืชใดครอบครองพื้นที่ได้ดีก็จะพบเพียงชนิดเดียว ในบางพื้นที่อาจพบการเจริญปะปนกัน ระหว่างหญ้าทะเลและสาหร่ายทะเล พื้นที่ที่พบมักเป็นพื้นที่ดินโคลนปนทรายแหล่งหญ้าทะเลเป็นแหล่งอาศัยแหล่ง อาหาร และเป็นแหล่งผสมพันธุ์วางไข่ของสัตว์ทะเลหลายชนิด เช่น กุ้ง หอย ปู และปลา เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาหารหลักของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเล ที่จำนวนเหลืออยู่น้อยมาก และอยู่ในสภาพสัตว์ป่าสงวนนั้นคือ พะยูน (Dugong dugon) แหล่งหญ้าทะเล ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ปรากฎอยู่ในอ่าวทุ่งคา สวี บริเวณปากคลองสวีเฒ่า ปากคลองสวี และปากคลองชุมพร ชนิดของหญ้าทะเลที่สำรวจพบปัจจุบันพบเพียงชนิดเดียวคือ หญ้าชะเงาแคระ(Harophila beccarii) แต่คาดว่ายังคงสามารถพบเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 2 3 ชนิด หากได้มีการสำรวจเพิ่มเติม
สัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เนื่องจากพื้นที่ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร มีความแตกต่างกันออกไปหลายลักษณะทั้งป่าชายเลน ภูเขา เกาะ ถ้ำ ชายหาดและทะเล จึงพบสัตว์ได้หลากหลายชนิดในแต่ละพื้นที่ ที่สำคัญได้แก่ นกทะเลหลายชนิด เช่น นกในวงศ์นกยาง วงศ์นกชายเลน วงศ์นกนางนวล วงศ์นกกระเต็น วงศ์นกกาน้ำ วงศ์นกช้อนหอย วงศ์นกอีแอ่น เป็นต้น สัตว์เลื้อยคลายหลายชนิด เช่นตะกวด เหี้ย งูเหลือม เต่ากระ เต่าตะนุ และงูทะเล เป็นต้น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่นลิงแสม ค้างคาวแม่ไก่เกาะ โลมา และวาฬ ส่วนใต้ท้องทะเลพบว่ามีปริมาณของสัตว์ทะเลมากมาย และหลากหลายชนิดที่สำคัญ เช่น ปลา หอย ปะการังดำ ดอกไม้ทะเล ถ้วยทะเล และพรมทะเล พบว่ามีปริมาณและความหลากหลายสูงมากที่สุดแห่งประเทศไทย ปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล พื้นที่รอบหมู่เกาะในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เป็นแนวปะการังและกองหินใต้น้ำที่มีสิ่งมีชีวิตทางทะเลอุดมสมบูรณ์ เป็นระบบนิเวศทางทะเลที่สำคัญอย่างยิ่ง สัตว์ทะเลหลากรูปแบบและชนิดพันธุ์ได้เข้ามาอาศัยแนวปะการัง เพื่อเป็นแหล่งอาศัย แหล่งอาหาร แหล่งหลบภัย และผสมพันธุ์วางไข่ โครงสร้างทางระบบนิเวศของแนวปะการัง จึงมักมีความซับซ้อนในด้านองค์ประกอบ สิ่งมีชีวิตและหน้าที่ในระบบนิเวศ โดยทั่วไปแนวปะการัง จะเป็นบริเวณที่ให้ความรู้สึกงดงามและแปลกตาแก่ผู้พบเห็น การดำน้ำเพื่อดูสัตว์ทะเลและปะการังต่างๆ จึงเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ นอกจากประโยชน์ในแง่การเป็นระบบนิเวศและแหล่งนันทนาการที่สำคัญแล้ว แนวปะการังยังถือได้ว่าเป็นแหล่งรวมพันธุกรรมวัสดุภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ และเวชภัณฑ์ ที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย แนวปะการังในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร พบได้ตามเกาะต่างๆ แนวปะการังเกาะตัวได้ดีทางทิศตะวันตก และทิศใต้ของตัวเกาะเนื่องจากเป็นด้านที่กำบังคลื่นลมจากมรสุมตะวันออกเฉียง เหนือ มีลักษณะทั่วไปเป็นแนวปะการังริมฝั่ง (Fringing reef) ก่อตัวได้ตั้งแต่ความลึก 1-8 เมตร ความกว้างของแนวประมาณ 35-500 เมตร ปะการังที่พบมักเป็นปะการังแข็ง เช่น ปะการังเขากวาง (Acropora sp.) ปะการังโขด (Porites lutea) โดยด้านนอกของแนวที่เป็นแนวลาดชัน (Reef slope) สู่พื้นทะเล มักพบปะการังโขดที่เป็นก้อนขนาดใหญ่ส่วนทางด้านทิศตะวันออกของเกาะที่ได้รับ อิทธิพลของคลื่นมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ พบปะการังที่ก่อตัวบนโขดหินมักพบเป็นพวกปะการังอ่อน (Soft coral) ปะการังเคลือบ (Encrusting coral) ปะการังดำ (Black coral) แส้ทะเล (Sea whip) และกัลปังหา (Sea Fan) เป็นต้น ลักษณะเด่นของแนวปะการังบริเวณเกาะต่าง ๆ ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร คือองค์ประกอบสิ่งมีชีวิต ในแนวปะการัง ซึ่งมีลักษณะแตกต่างไปจากบริเวณอื่นๆ ดังนี้ - เป็นบริเวณที่พบปะการังดำ (Black coral) ซึ่งเป็นสัตว์ในกลุ่มของกัลปังหามากที่สุดในประเทศไทย - พบสัตว์ในกลุ่มของปะการังอ่อน (Soft coral) - ถ้วยทะเล (Corallimorph) พรมทะเล (Zooanthid) และดอกไม้ทะเล (Sea anemone) ขนาดใหญ่มากที่สุดในอ่าวไทย - มีปริมาณและความหลากหลายของชนิดพันธุ์ปลามากที่สุดในอ่าวไทย - มีปริมาณและความหลากหลายของชนิดพันธุ์หอยมาก เป็นจุดสำรวจที่น่าสนใจมากที่สุดในอ่าวไทย ลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งคือ ลักษณะทางธรณีวิทยา บริเวณรอบเกาะต่างๆ เช่น เกาะง่ามน้อย เกาะง่ามใหญ่ มักปรากฏเป็นโพรงถ้ำใต้ทะเล บางแห่งมีความยาวมากกว่า 15 เมตร และกว้างกว่า 10 เมตร ภายในถ้ำมักพบฟองน้ำ ปะการัง และสัตว์ทะเลหลายชนิด อาศัยอยู่ภายใน นอกจากนี้บริเวณเกาะง่ามใหญ่และเกาะง่ามน้อย ยังพบเห็นฉลามวาฬ (Whale shark) ซึ่งถือเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้บ่อยครั้ง แนวปะการังน้ำตื้น เหมาะกับการดำชมแบบผิวน้ำ (Snorkeling) พบได้ในบริเวณเกาะมาตรา เกาะทองหลาง เกาะรังกาจิว เกาะละวะ เกาะแกลบ และเกาะอีแรด เป็นต้น ส่วนบริเวณที่เป็นแนวปะการังน้ำลึก จะเหมาะกับการดำน้ำลึกโดยใช้ถังอากาศ (SCUBA) พบในบริเวณเกาะง่ามใหญ่ เกาะง่ามน้อย และเกาะหลักง่ามเป็นต้น
จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง โดยใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (เพชรเกษม) มุ่งหน้าสู่จังหวัดชุมพร เมื่อถึงสี่แยกปฐมพร เลี้ยวซ้ายเข้ามาประมาณ 8 กิโลเมตร ก็จะถึงตัวเมืองจังหวัดชุมพร จากตัวเมืองจังหวัดชุมพร ไปตามทางหลวงจังหวัด หมายเลข 4001 ระหว่างอำเภอเมืองกับปากน้ำชุมพร ระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร ก่อนจะถึงปากน้ำชุมพร จะพบสามแยกทางไปหาดทรายรี ให้เลี้ยวขวา เมื่อเลี้ยวขวาเข้ามาอีก 20 เมตร จะพบทางแยกให้เลี้ยวขวาอีกครั้งไปตามถนน รพช. สายบ้านมัทรี หาดทรายรี ประมาณ 9 กิโลเมตร ก็จะพบป้ายทางเข้าอุทยานแห่งชาติ เลี้ยวขวาประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร
ปัจจุบันจังหวัดชุมพรมีท่าอากาศยาน เพื่อรองรับการเดินทางทางอากาศโดยตั้งอยู่ที่อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร
การ เดินทางโดยรถไฟ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 - 9 ชั่วโมง แล้วแต่ประเภทของขบวนรถสามารถเลือกการเดินทางได้ ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน เนื่องจากมีขบวนรถหลายขบวนในแต่ละวัน โดยขึ้นรถไฟได้ที่สถานีกรุงเทพฯ และสถานีธนบุรี
จาก สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ โดยสารรถสายกรุงเทพฯ - ชุมพร ระยะทาง 500 กิโลเมตร ถึงจังหวัดชุมพร และจากจังหวัดชุมพร โดยสารรถสองแถวมายังอุทยานแห่งชาติ ระยะทาง 23 กิโลเมตร
ท่านสามารถจองที่พักได้ด้วยตนเองผ่านทางอินเตอร์เน็ต www.dnp.go.th ของกรมเท่านั้น (กรมไม่มีตัวแทนการจองที่พักกับภาคเอกชนรายใดทั้งสิ้น) จองล่วงหน้าได้ 60 วัน จองต่อเนื่องได้ครั้งละ 3 วัน กำหนดชำระเงินภายใน 2 วันทำการ ณ เคาน์เตอร์ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศเท่านั้น หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ทำการจองให้โดยโทรมาที่ 0 2562 0760 หรือติดต่อจุดจองที่พักในส่วนภูมิภาค กรณีที่ชำระเงินกับทางธนาคาร กรมจะทราบข้อมูลการชำระเงินได้โดยออนไลน์กับทางธนาคาร ก็จะทราบว่ารายการจองใดได้ชำระเงินแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องโทรสารเอกสารแสดงการชำระเงินมาที่กรมอีก โปรดนำหลักฐานการจองและเอกสารการชำระเงิน เฉพาะบมจ.ธนาคารกรุงไทย เท่านั้น ไปยื่นแสดงในวันเข้าพัก และในกรณีที่ชำระเงินกับหน่วยงานในสังกัดกรม ให้นำใบเสร็จรับเงินไปยื่นแสดงในวันเข้าพัก ดูคำแนะนำเพิ่มเติม คลิกที่นี่
จังหวัด ชุมพรมีชายฝั่งทะเลความยาวทั้งสิ้น 222 กิโลเมตร ซึ่งอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรครอบคลุมชายฝั่งทะเลประมาณครึ่งหนึ่งของ ความยาวทั้งหมด ชายหาดที่สำคัญและสวยงามจะปรากฏตามแนวชายฝั่งเรียงตัวตามแนวเหนือ-ใต้ ได้แก่ อ่าวทุ่งมะขามน้อยและอ่าวทุ่งมะขามใหญ่ อยู่ในเขตอำเภอเมือง เป็นชายหาดที่สงบและสวยงาม มีความยาว 1 และ 3 กิโลเมตร ตามลำดับ หาดทรายรีสวี เป็นชายหาดที่สำคัญและสวยงามของอำเภอสวี หาดอรุโณทัย อยู่ในเขตอำเภอทุ่งตะโก เป็นชายหาดที่ยาว 6 กิโลเมตร เหมาะในการเล่นน้ำเนื่องจากมีความลาดชันน้อย อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรมีเกาะในพื้นที่ถึง 40 เกาะ ที่สำคัญและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญได้แก่
เกาะกุลา เป็น เกาะสัมปทานรังนกมีขนาดใหญ่ อยู่ในเขตอำเภอสวี สภาพทั่วไปของเกาะปกคลุมด้วยป่าดงดิบชื้นมีชายหาดขนาดใหญ่ 2 แห่ง ทิวทัศน์สวยงาม ด้านตะวันตกของเกาะเป็นแนวปะการังชายฝั่งมีสภาพค่อนค้างเสื่อมโทรมส่วนด้าน อื่น ๆ เป็นปะการังที่ปรากฏบนโขดหิน มีสภาพดี เกาะกุลามีพื้นที่แนวปะการังประมาณ 0.108 ตารางกิโลเมตร
เกาะง่ามน้อย เป็น เกาะสัมปทานรังนกเช่นกัน ลักษณะทั่วไปคล้ายเกาะง่ามใหญ่แต่มีขนาดความสูงน้อยกว่าแนวปะการังแบบริม ฝั่ง พบบริเวณด้านตะวันตกของเกาะ ส่วนด้านตะวันออกจะเป็นปะการังบนโขดหิน สภาพปะการังมีสภาพสมบูรณ์ดี เกาะง่ามน้อยนี้ได้รับความนิยมในการดำน้ำแบบ SCUBA เช่นเดียวกัน บริเวณเกาะง่ามน้อยมักมีการพบเห็นฉลามวาฬ (Whale Shark) ได้บ่อยครั้ง
เกาะง่ามใหญ่ เป็น เกาะสัมปทานรังนก อยู่ในเขตอำเภอเมืองจังหวัดชุมพร ลักษณะของเกาะเป็นผาหินสูงชัน เกาะง่ามใหญ่มีพื้นที่แนวปะการัง 0.038 ตารางกิโลเมตร แนวปะการังปรากฏทางด้านทิศตะวันตก เป็นแนวปะการังริมฝั่งระดับความลึก 4-5 เมตร ส่วนใหญ่มีสภาพสมบูรณ์ดีจัดได้ว่าสวยที่สุดในบริเวณทะเลอ่าวไทย ส่วนทางทิศตะวันออกเป็นปะการังบนโขดหินมีสภาพสมบูรณ์ดีมาก ด้านเหนือของเกาะมีหินแพ หรือหินหลักง่ามมีสภาพปะการังบนโขดหินที่สมบูรณ์ดี เกาะง่ามใหญ่เป็นแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำแบบ SCUBA และเป็นเกาะที่อุดมไปด้วยปะการังดำและปลาหลากหลายชนิด
เกาะจระเข้ เกาะ จระเข้เป็นเกาะขนาดเล็กในอ่าวทุ่งวัวแล่น อยู่เหนือสุดของอุทยานแห่งชาติในเขตอำเภอประทิว อยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 11 กิโลเมตร ด้านทิศตะวันตกมีหาดหินและหาดทรายขาวนวลสะอาดตา รอบๆเกาะมีแนวปะการังและดอกไม้ทะเล มีฝูงปลาหลากหลายชนิดอาศัยอยู่อย่างชุกชุม
เกาะทองหลาง เป็น เกาะสุดท้ายในเขตอำเภอเมือง มีขนาดปานกลาง เป็นเกาะที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนเนื่องจากมีหาดทรายสวยงามและเหมาะกับ การเล่นน้ำ และดำน้ำดูปะการัง แนวปะการังของเกาะทองหลางก่อตัวได้รอบเกาะโดยด้านตะวันออกเป็นแนวปะการังบน โขดหิน ส่วนด้านตะวันตกเป็นแนวปะการังชายฝั่ง ในอดีตด้านตะวันตกนี้แนวปะการังจะมีความสวยงามสมบูรณ์มาก แต่ในปัจจุบันด้วยปัจจัยหลายประการ ทั้งจากกิจกรรมของมนุษย์และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม แนวปะการังในด้านนี้ โดยเฉพาะส่วนที่เป็นแนวราบ (reef flat) ปะการังตายลงเป็นอันมาก เหลือเพียงส่วนที่เป็นแนวขอบ (reef edge) และแนวลาดชัน (reef slope) ที่ยังคงมีสภาพสมบูรณ์อยู่ เกาะทองหลางมีพื้นที่แนวปะการังประมาณ 0.15 ตารางกิโลเมตร
เกาะทะลุ เป็น เกาะขนาดเล็กตัวเกาะปรากฏโพรงถ้ำอยู่ทั่วไป บางแห่งจะทะลุถึงกันจะเกิดเป็นสะพานหินธรรมชาติ (Natrual Bridge) แนวปะการังริมฝั่งปรากฏอยู่ทางด้านทิศตะวันตกและทิศใต้ มีสภาพสมบูรณ์ปานกลาง ส่วนทางด้านทิศเหนือและทิศตะวันออกจะเป็นปะการังบนโขดหิน มีสภาพค่อนข้างดี เกาะทะลุมีพื้นที่ปะการังประมาณ 0.026 ตารางกิโลเมตร
เกาะมาตรา เป็น เกาะขนาดใหญ่ในเขตอำเภอเมืองชุมพร เป็นเกาะที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาท่องเที่ยวและดำน้ำดูปะการัง เนื่องจากมีแนวปะการังน้ำตื้นที่สวยงาม และมีฝูงปลาชุกชุม เกาะมาตรามีพื้นที่แนวปะการังทั้งสิ้น 0.489 ตารางกิโลเมตร แนวปะการังเป็นแบบแนวปะการังชายฝั่งก่อตัวอยู่รอบเกาะมีระดับความลึกประมาณ 8 เมตร แนวปะการังมีความสวยงามมีสภาพสมบูรณ์ดีถึงดีมาก จึงเป็นแหล่งดำน้ำที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมดูปะการัง นักท่องเที่ยวสามารถพักค้างคืนได้เพราะมีบ้านพัก ในราคาไม่แพงและมีสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจคือ ปูไก่ ออกหากินเวลากลางคืน เวลาเดินจะมีเสียงร้องคล้าย ลูกไก่ เพราะเนื่องจากก้ามทั้งสองข้างเกิดการเสียดสีกัน ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นมา
เกาะรังกาจิว เป็น เกาะสัมปทานรังนกอยู่ในเขตอำเภอเมือง มีขนาดปานกลาง เป็นเกาะที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ เคยเสด็จประภาสเพื่อทอดพระเนตรการเก็บรังนกบนเกาะนี้ จำนวน 3 ครั้ง และได้ทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ของพระองค์ไว้บนผนังหินปากถ้ำ ทางด้านใต้ ซึ่งยังคงปรากฏเป็นหลักฐานจนถึงปัจจุบัน เกาะรังกาจิว มีชายหาดสวยงาม แนวปะการังแบบชายฝั่ง ปรากฏบริเวณด้านตะวันตกของเกาะ มีสภาพสมบูรณ์ดีมาก ส่วนด้านอื่น ๆ เป็นโขดหิน พบปะการังได้บ้างเล็กน้อย รวมเป็นพื้นที่แนวปะการังทั้งสิ้น 0.025 ตารางกิโลเมตร
เกาะหลักง่าม เป็น เกาะขนาดเล็กอยู่ทางทิศใต้ของเกาะง่ามน้อย มีลักษณะเป็นหินโผล่กลางน้ำ แนวปะการังเป็นแบบแนวปะการังริมฝั่ง ปรากฎอยู่รอบเกาะมีระดับความลึก 10-12 เมตร มีสภาพสมบูรณ์ดี เกาะหลักง่ามมีพื้นที่เป็นแนวปะการัง 0.05 ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งดำน้ำแบบ SCUBA เช่นกัน
เกาะอีแรด บน น่านน้ำของทะเลชุมพรนอกจากจะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลนานาชนิดแล้ว ยังมีเกาะที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ให้คล้ายกับสัตว์ป่าชนิดหนึ่ง นั่นคือแรด เนื่องจากรุปทรงของเกาะทางตอนใต้ของทะเลชุมพรแห่งนี้ไปละม้ายคล้ายคลึงกับ แรด ชาวบ้านจึงเรียกขานเกาะนี้ว่า เกาะอีแรด สังเกตให้ดีจะเห็นนอแรดอยู่ทางด้านทิศเหนือของเกาะไม่ไกลจากด้านเหนือของ เกาะอีแรดจะเห็นภูเขาหินปูนขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันไปจำนวน 3 ก้อน โผล่ขึ้นจากผิวน้ำเชื่อกันว่าเป็นหลักที่เอาไว้ผูกแรด ชาวบ้านจึงเรียกภูเขาเหล่านี้ว่า หินหลักแรด เกาะอีแรดเป็นเกาะขนาดปานกลาง ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง ห่างจากฝั่งเป็นระยะทาง 3.7 กิโลเมตร เกาะแห่งนี้เป็นเกาะหินปูน ไม่มีชายหาดหรือที่ราบสำหรับขึ้นเกาะด้านล่างเป็นโขดหินมีแนว ปะการังที่สวยงาม ดอกไม้ทะเลที่สีสวยสด และฝูงปลานานาชนิด เกาะอีแรดห่างออกไปเพียง 350 เมตร รอบ ๆ หินหลักแรดมีแนวปะการัง และดอกไม้ทะเลเป็นจำนวนมาก
เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน บริเวณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ทางอุทยานฯ ได้จัดทำสะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนไว้บริการนักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่สนใจสภาพป่าและสิ่งมีชีวิตในป่าชายเลน สะพานทางเดินเริ่มจากที่จอดรถ ทอดตัวผ่านศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (ภายในอาคารมีนิทรรศการ) ผ่านแปลงปลูกป่าโกงกางที่อุทยานแห่งชาติ นักเรียน นักศึกษาและประชาชนชาวจังหวัดชุมพรร่วมกันปลูกไว้ จากนั้นลดเลี้ยวเข้าป่าชายเลนตามธรรมชาติซึ่งอยู่เลียบคลอง บริเวณริมคลองมีท่าเรือเล็กๆ สำหรับลงเรือข้ามคลอง เพื่อไปขึ้นสะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติที่อยู่อีกฟากของคลอง ตลอดทางเดินจะมีป้ายสื่อความหมายเกี่ยวกับสภาพป่าและสิ่งมีชีวิตในป่าชายเลน เป็นระยะๆ บริเวณใกล้เคียงกันบนยอดเขาโพงพาง เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่เหมาะที่จะชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตก ท้องทะเล เกาะต่างๆ เวิ้งอ่าว และพื้นป่าชายเลนที่กว้างใหญ่ สำหรับผู้ที่ต้องการพักค้างแรม ทางอุทยานฯ มีบ้านพัก สถานที่กางเต็นท์ ไว้ให้บริการบริเวณเขาโพงพาง
แหล่งดำน้ำ อุทยาน แห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เป็นแหล่งที่ได้รับความนิยมจากนักดำน้ำอีกแห่งหนึ่งทางฝั่งทะเลอ่าวไทย มีแหล่งดำน้ำได้แก่ เกาะง่ามใหญ่ เกาะง่ามน้อย เกาะหลักง่าม เกาะทะลุ และเกาะมาตรา สามารถพบสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลได้แก่ ปะการังแข็ง ปะการังอ่อน ปะการังดำ ถ้วยทะเล ฟองน้ำครก ดอกไม้ทะเล แมงกระพรุน ปลาในแนวปะการัง เช่น ปลาการ์ตูน ปลาผีเสื้อ ปลาสินสมุทร ปลาสลิดหินสีฟ้า ปลาตาโต หอยชนิดต่างๆ เช่น หอยหน้ายักษ์ หอยเบี้ยเสือดาว หอยมือเสือ หอนหน้ายัก หอยแมงป่อง เป็นต้น สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ได้แก่ วาฬ โลมา ฉลามวาฬ กระเบนราหู และเต่าตนุ
ห้องน้ำ-ห้องสุขาชาย มีห้องสุขาชายไว้บริการ
ห้องน้ำ-ห้องสุขาหญิง มีห้องสุขาหญิงไว้บริการ
ที่พักแรม/บ้านพัก มีบ้านพักให้บริการแก่นักท่องเที่ยว
ลานกางเต็นท์ อุทยาน แห่งชาติจัดเตรียมสถานที่กางเต็นท์และเต็นท์ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว การสำรองที่พักเต็นท์สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและสำรองที่พักเต็นท์ได้ กับอุทยานแห่งชาติโดยตรง หากต้องการดูรายละเอียดเกี่ยวกับคำแนะนำ อัตราค่าบริการสถานที่กางเต็นท์และเต็นท์เพิ่มเติม คลิกที่นี่
หอส่องสัตว์
ที่จอดรถ มีที่จอดรถให้บริการแก่นักท่องเที่ยว
บริการอาหาร ร้านอาหาร จำนวน 2 แห่ง บริเวณ อ่าวทุ่งมะขามน้อย และบริเวณเขาโพงพาง
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มี ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาขอรับบริการข้อมูลได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 8.00 - 16.30 น.