อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย
|
|
|
อุทยาน แห่งชาติภูจอง-นายอย ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอบุณฑริก
อำเภอนาจะหลวย และอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศลาวและประเทศกัมพูชา
พื้นที่ป่าอยู่ในส่วนหนึ่งของเทือกเขาพนมดงรักประกอบด้วยภูเขาภูเล็กภูน้อย
มากมาย เช่น ภูจองนายอย ภูจองน้ำซับ ภูจอง ภูจันทร์แดง
ภูพลาญสูง ภูพลาญยาว เป็นต้น มีสภาพป่าสมบูรณ์
สภาพธรรมชาติที่สวยงาม และมีสัตว์ป่าชุกชุม
มีเนื้อที่ประมาณ 428,750 ไร่ หรือ 686 ตารางกิโลเมตร
ความเป็นมา: สืบเนื่องจาก ร.ต.ท.ณรงค์ เทวคุปต์
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานีได้มีหนังสือลงวันที่
15 พฤศจิกายน 2525 ถึงกรมป่าไม้
เสนอโครงการพัฒนาป่าภูจอง-นายอยให้เป็นอุทยานแห่งชาติ
ตามความต้องการของราษฎรอำเภอนาจะหลวย
และอำเภอใกล้เคียงในจังหวัดอุบลราชธานี
เพื่อป้องกันรักษาป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์
และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามไว้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ
กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ จึงมีคำสั่งที่ 116/2526
ลงวันที่ 19 มกราคม 2526 ให้นายอนุศักดิ์ ศรีทองแดง
เจ้าพนักงานป่าไม้ 3 ไปทำการสำรวจพื้นที่ดังกล่าว
ผลการสำรวจ ปรากฏว่าสภาพพื้นที่ป่าสมบูรณ์
สัตว์ป่าหลายชนิดชุกชุม
และมีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง ตามรายงานการสำรวจ
ที่ กส 0713(ภจ)/พิเศษ ลงวันที่ 12 เมษายน 2526
เพื่อเป็นการสนองตอบความต้องการของราษฎรที่จะอนุรักษ์ป่าภูจอง-นายอยไว้
ต่อมานายเคน ประคำทอง ราษฎรอำเภออุดมเดช
จังหวัดอุบลราชธานี ได้มีหนังสือลงวันที่ 1 มิถุนายน 2526
ถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เร่งรัดการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติแห่งนี้
กองอุทยานแห่งชาติจึงได้เร่งรัดสำรวจหาข้อมูลเพิ่มเติมเห็นว่า
พื้นที่ป่าภูจอง-นายอยมีสภาพทิวทัศน์และธรรมชาติที่สวยงามเหมาะที่จะจัดตั้ง
เป็นอุทยานแห่งชาติ ตามหนังสือวนอุทยานภูจอง ที่ กห
0713(ภจ)/77 ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2527
กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้
ได้นำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ
ซึ่งได้มีมติการประชุมครั้งที่ 3/2527 เมื่อวันที่ 12
กันยายน 2527
เห็นชอบให้กำหนดพื้นที่ป่าดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ
โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าภูจอง-นายอยในท้องที่ตำบลห้วยข่า
อำเภอบุณฑริก ตำบลนาจะหลวย อำเภอนาจะหลวย
และตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา
เล่ม 104 ตอนที่ 103 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2530
เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 53 ของประเทศ |
|
ลักษณะภูมิประเทศ |
|
|
ส่วน
ใหญ่บริเวณป่าภูจอง-นายอยจะเป็นเทือกเขาแหล่งต้นน้ำของลำน้ำลำห้วยที่สำคัญ
ของจังหวัดอุบลราชธานี สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าดิบเขา
ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง
มีพันธุ์ไม้ขึ้นอยู่หนาแน่นและอุดมสมบูรณ์
ส่วนมากดินจะเป็นดินลูกรังปะปนหินปูนตามบริเวณที่ราบบนเนินเขา
และประกอบด้วยลานหินลักษณะต่างๆ ตลอดจนหน้าผา เช่น ผาผึ้ง |
|
ลักษณะภูมิอากาศ
|
|
|
สภาพ ภูมิอากาศของอุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย จัดเป็น 3 ฤดู
ฤดูฝน เริ่มราวเดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน ฤดูหนาว
เริ่มราวเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ฤดูร้อน
เริ่มราวเดือนมีนาคม-พฤษภาคม
ซึ่งอากาศโดยทั่วไปไม่ร้อนจัดเย็นสบายตลอดทั้งปี
โดยช่วงฤดูหนาวมีอากาศที่เย็นมากอีกครั้งหนึ่ง
|
|
พรรณไม้และสัตว์ป่า |
|
|
ประกอบ ด้วยพรรณไม้ชนิดป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ
และป่าเต็งรัง ซึ่งขึ้นอยู่เป็นส่วนๆ
มีพรรณไม้ขึ้นหนาแน่นประมาณร้อยละ 75
โดยเฉลี่ยประกอบด้วยไม้พื้นล่างขึ้นหนาแน่น ได้แก่ จำปาป่า
และพรรณไม้ดอกต่างๆ
แซมเป็นไม้พื้นล่างให้กับไม้ยืนต้นจำพวกตะเคียนทอง ประดู่
ยาง กระบาก ปู่จ้าว พะยูง มะค่า แกแล เป็นต้น
ขึ้นแยกอยู่ตามสภาพป่า |
|
|
|
โซน |
ชื่อที่พัก-บริหาร |
ห้องนอน |
ห้องน้ำ |
คน/หลัง |
ราคา/คืน |
สิ่งอำนวยความสะดวก |
โซนที่ 1 |
1. ภูจอง 101 (แดงอุบล) |
1 |
1 |
3 |
600 |
เครื่องนอน (เตียง 3.5 ฟุต), พัดลม, เครื่องทำน้ำอุ่น,
โต๊ะอาหาร, ผ้าเช็ดตัว
|
โซนที่ 1 |
2. ภูจอง 102 (หยาดน้ำค้าง) |
1 |
1 |
3 |
600 |
เครื่องนอน (ไม่มีเตียง), พัดลม, เครื่องทำน้ำอุ่น,
โต๊ะอาหาร, ผ้าเช็ดตัว
|
โซนที่ 1 |
3. ภูจอง 103 (มณีเทวา) |
2 |
2 |
6 |
1,200 |
เครื่องนอน (เตียง 3.5 ฟุต), เครื่องนอน (ไม่มีเตียง),
พัดลม, เครื่องทำน้ำอุ่น, โต๊ะอาหาร, ผ้าเช็ดตัว
|
โซน |
ชื่อห้องประชุม |
รองรับ
ได้ (คน) |
ราคา
(บาท) |
สิ่งอำนวยความสะดวก |
โซนที่ 1 |
1. ภูจอง 011 - ห้องประชุม 1 (09.00 - 12.00 น.) |
50 |
500 |
ห้องพัดลม ไม่เกิน 50 คน, โต๊ะ, เก้าอี้
|
โซนที่ 1 |
2. ภูจอง 011 - ห้องประชุม 1 (18.00 - 21.00 น.) |
50 |
500 |
ห้องพัดลม ไม่เกิน 50 คน, โต๊ะ, เก้าอี้
|
โซนที่ 1 |
3. ภูจอง 011 - ห้องประชุม 1 (13.00 - 16.00 น.) |
50 |
500 |
ห้องพัดลม ไม่เกิน 50 คน, โต๊ะ, เก้าอี้
|
ด้านธรรมชาติที่สวยงาม |
|
แก่งกะเลา เป็น
แก่งหินกลางลำธารห้วยหลวงที่มีธารน้ำไหลแผ่กว้างไปตามลานหิน
บรรยากาศร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้นานาชนิดและหมู่ผีเสื้อที่บินว่อนทั่วบริเวณ
เหมาะแก่การศึกษาธรรมชาติและลงเล่นน้ำ
อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 2.5 กม.
รถยนต์เข้าถึงได้ |
|
กิจกรรม :
เดินป่าศึกษาธรรมชาติ
ชมทิวทัศน์
|
|
แก่งศิลาทิพย์ เป็น
แก่งขนาดใหญ่ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 2 . 9
กิโลเมตร เกิดจากลำธารห้วยหลวงไหลผ่านลานหินทราย
ผ่านแหล่งหินหักลงเป็นขั้น จนเกิดเป็นน้ำตกขนาดเล็ก
บริเวณลานหินกลางลำธารเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกกันว่า
กุมภลักษณ์
คือหินถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนเกิดเป็นหลุมกลมมากมายขนาดเล็กใหญ่ตื้นลึกแตก
ต่างกันไปตามความแรงของสายน้ำดูสวยงามแปลกตายิ่งนัก |
|
กิจกรรม :
เดินป่าศึกษาธรรมชาติ
ชมทิวทัศน์
|
|
แก่งสนสามพันปี เป็น
แก่งหินกลางป่าที่งดงามด้วยสายน้ำ
เป็นจุดชมพืชพันธุ์ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง
และเป็นจุดเริ่มต้นการ ล่องแพ ในฤดูที่มีน้ำ
เป็นการล่องแพ หรือพายเรือแคนนูไปตามลำห้วยหลวงที่ใสเย็น
สงบเงียบ ขึ้นไปทางต้นน้ำ ระยะทางประมาณ 800 เมตร
ใช้เวลาไปกลับประมาณ 2 ชั่วโมง แก่งสามพันปีแห่งนี้
อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 3 กิโลเมตร
เข้าถึงได้ด้วยรถยนต์
หรือด้วยการเดินป่าไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
ซึ่งตลอดเส้นทางจะผ่านผืนป่าที่ร่มครื้น
บริเวณริมฝั่งทางจะพบต้นไม้ชนิดหนึ่งที่ส่วนใหญ่จะพบได้เฉพาะในพื้นที่ที่
อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมากๆ เท่านั้นได้แก่ต้น
สนสามพันปี ด้วย |
|
กิจกรรม :
เดินป่าศึกษาธรรมชาติ
ล่องแพ/ล่องเรือ
ชมทิวทัศน์
|
|
จุดชมทิวทัศน์ผาผึ้ง บริเวณ
ผาผึ้งอยู่ถัดจากพลาญยาวไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
สามารถชมทิวทัศน์สวยงามตามแนวชายแดนกัมพูชาประชาธิปไตย
และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
โดยที่ชะง่อนผามีถ้ำขนาดย่อย ๆ
หินสวยงามและรังผึ้งขนาดใหญ่ให้ชม |
|
กิจกรรม :
ชมทิวทัศน์
|
|
น้ำตกเกิ้งแม่ฟอง อยู่
กลางป่าลึกอันอุดมสมบูรณ์ เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำโดมน้อย
โดยสายน้ำไหล
ผ่านลานหินแล้วตกลงจากหน้าผาที่มีความสูงประมาณ 10 เมตร
ในช่วงฤดูฝนจะมีพืชจำพวกมอสเฟิร์นขึ้นเขียวครึ้มทั่วทั้งบริเวณโขดหิน
ภายใต้เพิงผาน้ำตกจะมีทางเดินลอดใต้ม่านน้ำข้ามไปยังโขดหินฝั่งตรงข้ามซึ่ง
มีทัศนียภาพที่สวยงามแปลกตา
นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยผีเสื้อนานาชนิด
น้ำตกเกิ้งแม่ฟองอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ประมาณ
10 กิโลเมตร เข้าถึงได้ด้วยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ
และการเดินเท้า |
|
กิจกรรม :
เดินป่าศึกษาธรรมชาติ
เที่ยวน้ำตก
|
|
น้ำตกประโอนละออ น้ำตก
ประโอนละออ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึงว่า น้ำตกจุ๋มจิ๋ม
เป็นน้ำตกที่อยู่ต่อจากน้ำตกห้วยหลวง
ห่างจากน้ำตกห้วยหลวงประมาณ 100 เมตร
เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่สวยงาม
มีแอ่งน้ำที่เหมาะสำหรับลงเล่นและนวดตัวด้วยสายน้ำ |
|
กิจกรรม :
เดินป่าศึกษาธรรมชาติ
เที่ยวน้ำตก
|
|
น้ำตกห้วยหลวง น้ำตก
ห้วยหลวง มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าน้ำตกบักเตว
เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่พอสมควร
มีผาน้ำกระโจนตกจากแอ่งสู่เวิ้งเบื้องล่างสูงราว 40 เมตร
แบ่งเป็น 3 ชั้น ชั้นกลางจะสวยที่สุด มีทางขึ้นลงธรรมชาติ
เพื่อชมและเล่นน้ำบริเวณอ่างน้ำด้านล่างได้สะดวก
ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ 3 กิโลเมตร |
|
กิจกรรม :
เที่ยวน้ำตก
|
|
พลาญกงเกวียน ลาน
หินกว้าง ที่ด้านหน้ามีกลุ่มหินลักษณะเป็นเพิงตามธรรมชาติ
มีดอกไม้ป่าและพันธุ์ไม้ชื้นสลับกันเป็นหย่อมๆ
ซึ่งประวัติความเป็นมาว่า
ในอดีตนักเดินทางได้ใช้ประโยชน์จากเพิงหินเหล่านี้
สำหรับกำบังแดดและฝน เปรียบเพิงหินเสมือน กงเกวียน
จึงเป็นที่มาของชื่อ พลาญกงเกวียน โดยพลาญ หมายถึง
บริเวณที่เป็นลานกว้าง
และกงเกวียนซึ่งเพี้ยนมาจากคำว่าพวงเกวียน
หมายถึงประทุ่นหรือกระทุนของเกวียน |
|
กิจกรรม :
เดินป่าศึกษาธรรมชาติ
ชมพรรณไม้
|
|
พลาญป่าชาด อยู่
ระหว่างเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ
มีลักษณะเป็นลานหินสลับด้วยทุ่งดอกไม้นานาชนิด
ที่ได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เช่น
มณีเทวา ดุสิตา สรัสจันทร เป็นต้น
บางส่วนเป็นผืนป่าเต็งรังขนาดใหญ่
เต็มไปด้วยต้นยางเหียงหรือต้นชาด
ในช่วงต้นฤดูฝนดอกกระเจียวจะผลิดอกเบ่งบานเต็มท้องทุ่ง
ที่มาของชื่อ พลาญป่าชาด
บริเวณกลางป่าจะมีลำธารซึ่งสร้างความชุ่มชื้น
และเป็นจุดกำเนิดของน้ำตก พลาญป่าชาด
นับเป็นเส้นทางเดินป่าที่เต็มไปด้วยพันธุ์ดอกไม้และพืชพันธุ์หลากหลายชนิด
|
|
กิจกรรม :
เดินป่าศึกษาธรรมชาติ
ชมพรรณไม้
|
|
ภูหินด่าง เป็น
ภูเขาหินทรายที่ประกอบไปด้วยป่าลานหินที่มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่สวยงามแปลก
ตาแตกต่างจากที่อื่น ได้แก่ ลานหินงอก ลานหินเป็นระแหง
แอ่งหินเว้า และร่องหินแยก
ตามเส้นทางเดินป่าไปสู่ยอดภูเต็มไปด้วยต้นกล้วยไม้ป่านานาชนิดและดอกไม้หลาก
สีที่ขึ้นอยู่ตามลานหิน
แตกต่างกันตามฤดูกาลจากจุดชมวิวบริเวณหน้าผา
สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้ารวมทั้งทะเลหมอกในฤดูหนาว
ชมทัศนียภาพที่สวยงามแปลกตาของพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง
และสภาพป่าในเขตประเทศลาวและกัมพูชาที่อยู่เบื้องล่าง
ที่ผนังหินใต้เพิงผาปรากฏแทบสีแดงและสีชมพูอยู่หลายแห่งซึ่งเป็นที่มาของ
ชื่อภูหินด่าง ภูหินด่างแห่งนี้
เหมาะสำหรับการกางเต็นท์พักแรม
อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ประมาณ 51 กิโลเมตร
โดยการเดินทางเข้าภูหินด่างต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทาง
การเดินทางสู่ภูหินด่างใช้ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2248
จากอำเภอนาจะหลวยถึงบ้านห้วยข่า
เลี้ยวเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2254 ถึงบ้านหนองเม็ก
มีทางลูกรังแยกไปทางซ้าย
เมื่อถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ภจ. 5 (พลาญมดง่าม)
ต้องขึ้นเขาชันอีกประมาณ 10 กิโลเมตร ก็จะถึงภูหินด่าง
|
|
กิจกรรม :
เที่ยวถ้ำ/ธรณีวิทยา
ชมทิวทัศน์
แค้มป์ปิ้ง
เดินป่าระยะไกล
|
|
ด้านศึกษาธรรมชาติ |
|
เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ 1.
เส้นทางเดินป่าน้ำตกห้วยหลวง มีระยะทางประมาณ 1
กิโลเมตร อยู่บริเวณน้ำตกห้วยหลวง
การเดินจะเริ่มจากบริเวณลานจอดรถยนต์
ผ่านป่าดิบแล้งริมห้วยหลวง ซึ่งเป็นสายธารของน้ำตกห้วยหลวง
สิ้นสุดที่บริเวณหลังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
2.
เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติสามพันปี
มีระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร
เป็นเส้นทางเดินป่าที่ผ่านสภาพป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง
และพันธุ์ไม้ดอกหลากชนิด
เป็นบริเวณที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก
เริ่มจากผลาญป่าชาดไปสิ้นสุดที่น้ำตกห้วยหลวง
3.
เส้นทางการเดินป่าศึกษาธรรมชาติแก่งศิลาทิพย์
ระยะทาง 2.9 กิโลเมตร ผ่านป่าหลากหลายชนิด ทั้งป่าเต็งรัง
ป่าดิบแล้ง และทุ่งดอกหญ้านามพระราชทานต่างๆ
เริ่มจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ไปสิ้นสุดที่แก่งศิลาทิพย์
|
|
กิจกรรม :
เดินป่าศึกษาธรรมชาติ
ชมพรรณไม้
|
|
สิ่งอำนวยความสะดวก |
|
|
ห้องน้ำ-ห้องสุขาชาย
มีห้องสุขาชายไว้บริการ |
|
ห้องน้ำ-ห้องสุขาหญิง
มีห้องสุขาหญิงไว้บริการ |
|
ที่พักแรม/บ้านพัก
มีบ้านพัก 4 หลัง
ไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว |
|
ลานกางเต็นท์
อุทยาน
แห่งชาติจัดเตรียมสถานที่กางเต็นท์และเต็นท์ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว
การสำรองที่พักเต็นท์สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและสำรองที่พักเต็นท์ได้
กับอุทยานแห่งชาติโดยตรง
หากต้องการดูรายละเอียดเกี่ยวกับคำแนะนำ
อัตราค่าบริการสถานที่กางเต็นท์และเต็นท์เพิ่มเติม
คลิกที่นี่
|
|
ค่ายเยาวชน
มีค่ายเยาวชนให้บริการ |
|
ที่จอดรถ
มีลานจอดรถให้บริการแก่นักท่องเที่ยว |
|
บริการอาหาร
มีร้านอาหารให้บริการ |
|
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
มี
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบริเวณน้ำตกห้วยหลวง
ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ
นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาขอรับบริการข้อมูลได้ทุกวัน
ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 8.00 - 16.30 น.
|
|
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
มี
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ
ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ
นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาขอรับบริการข้อมูลได้ทุกวัน
ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 8.00 - 16.30 น.
|
|
ร้านสวัสดิการ
มีร้านสวัสดิการอุทยานแห่งชาติ จำหน่ายของใช้ที่จำเป็น
และของที่ระลึก |
|
โทรศัพท์สาธารณะ
มีโทรศัพท์สาธารณะให้บริการ |
|