อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ |
|
|
อุทยาน แห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ
เป็นพื้นที่ในบริเวณที่ราบสูงภาคตะวันออกเฉียง เหนือตอนบน
ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู
พื้นที่ตอนล่างของจังหวัดอุดรธานี
และตอนบนของจังหวัดขอนแก่น
สภาพธรณีเป็นภูเขาหินทรายซึ่งมีชั้นของของหินทรายอยู่ด้านบนระดับผิวดิน
โดยมีชั้นของหินดินดาน หรือหินดินดานปนทรายเป็นฐาน
ด้านล่างมีดินประเภทดินลูกรังและดินร่วนปนทรายกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป
ประกอบไปด้วยพันธุ์ไม้ สัตว์ป่า
ทิวทัศน์ที่สวยงามตามธรรมชาติ
และสภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าเต็งรัง มีเนื้อที่ประมาณ
201,250 ไร่ หรือ 322 ตารางกิโลเมตร
แต่เดิมกรมป่าไม้ได้พิจารณากำหนดให้ป่าภูเก้าเป็นป่าโครงการไม้กระยาเลย
เพื่อใช้สอย ตามหนังสือกรมป่าไม้ ที่ กษ 0703 / 38
ลงวันที่ 5 มกราคม 2513
ซึ่งต่อมาป่าภูเก้าแห่งนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศให้เป็นป่าสงวน
แห่งชาติ ป่าภูเก้า ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 490 (พ.ศ.
2515) ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2515 และเมื่อวันที่ 14
กุมภาพันธ์ 2524 นายสุพรรณ สุปัญญา
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี
ได้มีหนังสือกราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
ให้พิจารณาจัดป่าสงวนแห่งชาติภูเก้า
ท้องที่จังหวัดอุดรธานี เป็นอุทยานแห่งชาติ
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จึงมีหนังสือ ที่ สร 0107
(งสส.) / 3782 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2524
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งนายจำนงค์
โพธิสาโร รองอธิบดีกรมป่าไม้
ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมป่าไม้
มีบันทึกท้ายหนังสือกองอุทยานแห่งชาติ ที่ กส 0708/1198
ลงวันที่ 8 เมษายน 2524 ให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจ
กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ จึงได้มีคำสั่งที่ 571/2524
ให้นายวินัย ชลารักษ์ เจ้าพนักงานป่าไม้ 4
ไปทำการสำรวจหาข้อมูลเบื้องต้น
ผลการสำรวจพบว่าป่าสงวนแห่งชาติภูเก้า ประกอบด้วยพันธุ์ไม้
สัตว์ป่า จุดเด่นมีทิวทัศน์ที่สวยงามตามธรรมชาติหลายแห่ง
เหมาะสมที่จะจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ
ตามหนังสือรายงานการสำรวจเบื้องต้นที่ กส 0708 (ภพ) / 257
วันที่ 29 กรกฎาคม 2524 และทางสภาตำบลโนนสัง
จังหวัดอุดรธานี ได้มีหนังสือลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2526
สนับสนุนให้ดำเนินการจัดตั้งพื้นที่ดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ
กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้
ได้นำเสนอกรรมการอุทยานแห่งชาติ
ซึ่งได้มีมติในคราวประชุมครั้งที่ 2/2526 เมื่อวันที่ 24
พฤษภาคม 2526
ให้กำหนดพื้นที่ดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติได้
ต่อมานายพิชา พิทยขจรวุฒิ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูเก้า
ได้มีหนังสือที่ กษ 0713 (ภก) / 8 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์
2527
ขอผนวกพื้นที่เทือกเขาภูพานคำบริเวณด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเขื่อนอุบล
รัตน์
ซึ่งมีสภาพป่าเต็งรังค่อนข้างสมบูรณ์และมีทิวทัศน์รอบอ่างเก็บน้ำสวยงามเข้า
เป็นอุทยานแห่งชาติด้วย
เพื่อให้เกิดประโยชน์สมบูรณ์ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ซึ่งได้มีการดำเนินการประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ
โดยมีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าภูเก้า
ในท้องที่ตำบลหัวนา ตำบลนามะเฟือง อำเภอหนองบัวลำภู
(ปัจจุบันเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู) ตำบลบ้านถิ่น
ตำบลโคกม่วง ตำบลนิคมพัฒนา ตำบลโนนเมือง ตำบลหนองเรือ
อำเภอโนนสัง จังหวัดอุดรธานี
(ปัจจุบันเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู)
และที่ดินป่าภูพานในท้องที่ตำบลกุดดู่ ตำบลโนนสัง
ตำบลบ้านค้อ ตำบลหนองเรือ ตำบลโคกใหญ่ อำเภอโนนสัง
จังหวัดอุดรธานี (ปัจจุบันเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู)
และป่าโคกสูง ป่าบ้านดง ในท้องที่ตำบลศรีสุขสำราญ ตำบลนาคำ
ตำบลบ้านดง ตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ และตำบลหว้าทอง
ตำบลทุ่งชมพู ตำบลนาหว้า อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น
เป็น อุทยานแห่งชาติ
ซึ่งประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 102 ตอนที่ 130
ลงวันที่ 20 กันยายน 2528 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่
50 ของประเทศ |
|
ลักษณะภูมิประเทศ |
|
|
ภูเก้า
มีสันฐานคล้ายกะทะหงายโดยมีที่ราบอยู่ตอนกลาง
พื้นที่เช่นนี้ทำให้สันนิษฐานได้ว่า
พื้นที่ส่วนนี้น่าจะเป็นซากภูเขาไฟโบราณที่ดับสนิทไปแล้วหลายร้อยล้านปี
หรือมิฉะนั้นก็เป็นการโก่งตัวของเปลือกโลกในบริเวณนี้ขึ้นมาเป็นขอบเทือกเขา
เทือกเขาภูเก้าเป็นเทือกเขาสองชั้น
ชั้นนอกเป็นภูเขาสูงและมีความลาดชันมาก
ไหล่เขาด้านในมีความลาดชันไม่มากนัก
พื้นที่ส่วนใหญ่มีลักษณะสูงๆ ต่ำๆ บางแห่งเป็นที่ราบ
ภูพานคำ
เป็นแนวทิวเขายาวในเทือกเขาภูพาน
เรียงตัวตามแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ - ตะวันตกเฉียงใต้
บริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเทือกเขาเป็นแอ่งที่ราบต่ำลุ่มน้ำพอง
ซึ่งเป็นหุบเขาขนาดใหญ่ เมื่อมีการสร้างเขื่อนอุบลรัตน์
พื้นที่ดังกล่าวนี้กลายเป็นทะเลสา[
ซึ่งเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ
มีเนื้อที่ประมาณครึ่งหนึ่งของส่วนภูพานคำ
สภาพป่าเป็นป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณซึ่งขึ้นอยู่ในพื้นดินปนหิน
|
|
ลักษณะภูมิอากาศ
|
|
|
ฤดู กาลของอุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ แบ่งออกเป็น 3 ฤดู
ได้แก่ ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม
อุณหภูมิเฉลี่ยจะร้อนจัดในเดือนเมษายน ฤดูฝน
ระหว่างเดือนมิถุนายน-เดือนตุลาคม
ปริมาณน้ำฝนจะตกมากที่สุดในเดือนกันยายน
ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-เดือนกุมภาพันธ์
อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดในเดือนมกราคม
ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องความกดอากาศสูงทางตอนใต้ของประเทศจีน
|
|
พรรณไม้และสัตว์ป่า |
|
|
สภาพโดยทั่วไปเป็น ป่าเต็งรัง
มีไม้ขึ้นอยู่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่เป็นไหล่เขาและสันเขา
พันธุ์ที่สำคัญได้แก่ เต็ง รัง เหียง พลวง พะยอม กระโดน
ฯลฯ พืชพื้นล่างประกอบด้วย ปรงป่า หญ้าเพ็ก เป้ง เถาวัลย์
และไม้หนามหลายชนิด ส่วน
ป่าเบญจพรรณ
เป็นป่าที่มีอยู่ในบริเวณที่ลุ่มริมฝั่งห้วย หุบเขา
และไหล่เขาบางส่วน พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ แดง ประดู่
มะค่าแต้ กระบก ตะคร้อ ตีนนก ฯลฯ
พืชพื้นล่างเป็นไผ่ชนิดต่างๆ
ป่าดงดิบ มีอยู่เฉพาะบริเวณริมฝั่งห้วยเท่านั้น
พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ตะแบก ยาง ตะเคียนหิน มะค่าโมง
กระบก และชิงชัน เป็นต้น |
|
|
|
ด้านประวัติศาสตร์ |
|
ถ้ำเรขาคณิต และถ้ำมึ้ม
สันนิษฐาน ว่าร่องรอยที่ค้นพบมีอายุประมาณไม่ต่ำกว่า
3,500 ปี ในยุคบ้านเชียง
ซึ่งสังคมมนุษย์ดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์เป็นอาหาร
ปรากฏภาพเขียนสีและภาพสลักบนผนังภายในถ้ำ
|
|
กิจกรรม :
ชมประวัติศาสตร์
เที่ยวถ้ำ/ธรณีวิทยา
|
|
ด้านธรรมชาติที่สวยงาม |
|
ทิวทัศน์ริมทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์และเกาะแก่งต่าง ๆ
เหมาะ สำหรับการท่องเที่ยวทางน้ำ และพักแรม
สามารถเดินทางไปเที่ยวหมู่บ้านประมง อำเภอโนนสัง
จังหวัดอุดรธานี และซื้อปลาได้ที่อำเภออุบลรัตน์
จังหวัดขอนแก่น
|
|
กิจกรรม :
ล่องแพ/ล่องเรือ
ชมทิวทัศน์
|
|
น้ำตกตาดฟ้า
น้ำตก ตาดฟ้า ตั้งอยู่ฝั่งส่วนภูเก้า
เป็นน้ำตกขนาดเล็ก สายน้ำไหลมาตามธารเล็กๆ
ท่ามกลางป่าเบญจพรรณ ก่อนจะทิ้งตัวลงมาตามชั้นหินสูง 7
เมตร สู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง มีน้ำมากเฉพาะฤดูฝน
|
|
กิจกรรม :
เดินป่าศึกษาธรรมชาติ
เที่ยวน้ำตก
ชมทิวทัศน์
|
|
รอยเท้านายพรานและรอยตีนหมา
อยู่
บริเวณตีนภูเก้าซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติไปทางอำเภอโนนสัง
18 กิโลเมตร เป็นรอยเท้าขนาดใหญ่ 2 รอยลึกลงไปในลานหิน
ลักษณะคล้ายรูปเท้ามนุษย์และตีนสุนัขที่เห็นได้ชัดเจน
|
|
กิจกรรม :
เที่ยวถ้ำ/ธรณีวิทยา
|
|
หอสวรรค์
เป็น จุดชมทิวทัศน์
อยู่ห่างจากวัดพระพุทธบาทภูเก้าประมาณ 1 กิโลเมตร
มองเห็นทิวทัศน์ของที่ราบจังหวัดหนองบัวลำภู
และผืนป่าเขียวขจีของอุทยานแห่งชาติกว้างไกลไปจนถึงอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบล
รัตน์ บริเวณนี้มีก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมหน้าผา
ก้อนหินสูง 30 เมตร
มีบันไดให้ปีนขึ้นไปบนก้อนหินซึ่งมีศาลาตั้งอยู่
ชาวบ้านจึงเรียกจุดชมทิวทัศน์บนหินก้อนนี้ว่า หอสวรรค์
|
|
กิจกรรม :
ชมทิวทัศน์
|
|
หามต่าง หรือหามตั้ง
เป็น ปรากฏการณ์ของธรรมชาติเช่นเดียวกับเสาเฉลียง
ที่ผาแต้ม คือ เกิดจากการกัดเซาะของน้ำสายลม และแสงแดด
มีลักษณะเป็นแท่งหินตั้ง
ขึ้นมีส่วนบนเป็นแผ่นหินวางอยู่โดยไม่ติดกันมองดูคล้าย
ดอกเห็ด
|
|
กิจกรรม :
เที่ยวถ้ำ/ธรณีวิทยา
|
|
สิ่งอำนวยความสะดวก |
|
|
ห้องน้ำ-ห้องสุขาชาย
มีห้องสุขาชายให้บริการ |
|
ห้องน้ำ-ห้องสุขาหญิง
มีห้องสุขาหญิงให้บริการ |
|
ที่พักแรม/บ้านพัก
มีบ้านพักให้บริการแก่นักท่องเที่ยว
|
|
ลานกางเต็นท์
อุทยาน
แห่งชาติจัดเตรียมสถานที่กางเต็นท์และเต็นท์ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว
การสำรองที่พักเต็นท์สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและสำรองที่พักเต็นท์ได้
กับอุทยานแห่งชาติโดยตรง
หากต้องการดูรายละเอียดเกี่ยวกับคำแนะนำ
อัตราค่าบริการสถานที่กางเต็นท์และเต็นท์เพิ่มเติม
คลิกที่นี่
|
|
ที่จอดรถ
มีที่จอดรถให้บริการแก่นักท่องเที่ยว
|
|
บริการอาหาร
มีร้านอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยว
|
|
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
เพื่อศึกษาหาข้อมูลเบื้องต้นก่อนไปท่องเที่ยว
ในบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ |
|