สุสาน ทปท.
เป็นสถานที่ฝังศพของนักรบทหารปลดแอกแห่งประเทศไทย ที่เสียชีวิตจากการสู้รบ
กับทหารฝ่ายรัฐบาล ส่วน ใหญ่จะอยู่ใกล้บริเวณ ลานเอนกประสงค์
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเขตอุทยานฯ
มีทั้งด้านประวัติศาสตร์และด้านธรรมชาติ ดังนี้
ด้านประวัติศาสตร์
พิพิธภัณฑ์การสู้รบ เป็นที่ตั้งของศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
ใกล้กับที่ทำการอุทยานฯ จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการสู้รบในอดีต
มีสภาพแผนภูมิข้อมูล อุปกรณ์การแพทย์ อาวุธ เอกสารเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์
รวมทั้งนิทรรศการด้านธรรมชาติวิทยาภูหินร่องกล้า นอกจากนี้
ยังมีห้องประชุมสำหรับบรรยายสรุปหรือประชุมสัมมนา
โรงเรียนการเมืองการทหาร ตั้งอยู่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 4
เป็นหมู่อาคารไม้ภายใต้ร่มเงาของป่ารกครึ้ม เป็นที่ตั้งของคณะกรรมการเขต 3
จังหวัด คือ จังหวัดเลย จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดพิษณุโลกเมื่อปี2513
และต่อมาในปีพ.ศ.2520
ได้ก่อตั้งเป็นโรงเรียนซึ่งให้การศึกษาตามแนวทางลัทธิคอมมิวนิสต์
กังหันน้ำ อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนการเมืองการทหาร เป็นกังหันน้ำขนาดใหญ่
ถูกสร้างขึ้นจากการผสมผสานความคิดก้าวหน้าทางวิชาการกับการนำประโยชน์จากธรรมชาติมาใช้งาน
โดยนักศึกษาวิศวะที่เข้าร่วมกับ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.)
หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
สำนักอำนาจรัฐ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอุทยานฯ ประมาณ 3 กิโลเมตร
เป็นสถานที่ดำเนินการด้านปกครอง
มีการพิจารณาและลงโทษผู้กระทำผิดหรือละเมิดต่อกฎลัทธิ
มีคุกสำหรับขังผู้กระทำความผิด มีสถานที่ทอผ้า
และโรงซ่อมเครื่องจักรกลหลงเหลืออยู่
โรงพยาบาลรัฐ อยู่ห่างจากสำนักอำนาจรัฐไปทางทิศเหนือ ประมาณ 2 กิโลเมตร
เคยเป็นโรงพยาบาลกลางป่าที่มีอุปกรณ์ในการรักษาพยาบาลครบครัน มีห้องปรุงยา
ห้องพักฟื้น และห้องผ่าตัด โรงพยาบาลแห่งนี้ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2519
สามารถทำการรักษาพยาบาลและผ่าตัดอวัยวะได้ทุกส่วน ยกเว้นหัวใจ
มีหมอและพยาบาลที่ผ่านการอบรมหลักสูตรเร่งรัดจากประเทศจีน ในปี พ.ศ. 2522
ได้เพิ่มแผนกทำฟัน และวิจัยยา เครื่องมือที่ใช้ส่วนใหญ่ได้จากในเมือง
มีการรักษาด้วยวิธีฝังเข็มและใช้สมุนไพรด้วย
ลานอเนกประสงค์ เป็นบริเวณลานหินกว้างใหญ่ อยู่ก่อนถึงสำนักอำนาจรัฐ
ใช้เป็นที่พักผ่อนและสังสรรค์ในหมู่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ในโอกาสสำคัญต่างๆ
สุสาน ทปท. เป็นสถานที่ฝังศพของนักรบทหารปลดแอกแห่งประเทศไทย (ทปท.)
ที่เสียชีวิตจากการสู้รบกับทหารฝ่ายรัฐบาล
ส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้บริเวณลานอเนกประสงค์
ที่หลบภัยทางอากาศ
เป็นสถานที่หลบซ่อนตัวจากการทิ้งระเบิดทางอากาศของทหารฝ่ายรัฐบาล ลักษณะพื้นที่เป็นหลืบหินหรือโพรงถ้ำใต้แนวต้นไม้ใหญ่
ทำให้ยากต่อการตรวจการณ์ทางอากาศ
สถานที่หลบภัยมีอยู่หลายแห่งแต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ 2 แห่ง คือ
บริเวณห่างจากโรงเรียนการเมืองการทหารราว 200 เมตร ลักษณะเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่
มีซอกหลืบสลับซับซ้อน จุคนได้ถึง 500 คน
และอีกแห่งหนึ่งบริเวณทางเข้าสำนักอำนาจรัฐ เป็นหลืบขนาดใหญ่สามารถจุคนได้ประมาณ
200 คน
หมู่บ้านมวลชน เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มมวลชนแนวร่วมพรรคคอมมิวนิสต์
มีอยู่หลายหมู่บ้าน เช่น หมู่บ้านดาวแดง หมู่บ้านดาวชัย
แต่ละหมู่บ้านมีบ้านประมาณ 40-50 หลัง
เรียงรายอยู่ในป่ารกริมถนนที่ตัดมาจากอำเภอหล่มเก่า
ลักษณะบ้านเป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ ไม่ยกพื้น หลังคามุงด้วยไม้กระดานแผ่นบางๆ
กันน้ำฝนได้อย่างดี และมีหลุมหลบภัยทางอากาศอยู่ด้วย
ด้านธรรมชาติ
ลานหินแตก อยู่ห่างจากฐานพัชรินทร์ ประมาณ 300 เมตร
ลักษณะเป็นลานหินที่มีอาณาบริเวณประมาณ 40 ไร่
ลานหินมีรอยแตกเป็นแนวเป็นร่องเหมือนแผ่นดินแยก
รอยแตกนี้บางรอยก็มีขนาดแคบขนาดพอคนก้าวข้ามได้
แต่บางรอยก็กว้างจนไม่สามารถจะกระโดดข้ามไปถึง
สำหรับความลึกของร่องหินแตกนั้นไม่สามารถจะคะเนได้
ลักษณะเช่นนี้สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการโก่งตัว หรือเคลื่อนตัวของผิวโลก
จึงทำให้พื้นหินนั้นแตกออกเป็นแนว นอกจากนี้บริเวณลานหินแตกยังปกคลุมไปด้วยมอส
ไลเคน ตะไคร่ เฟิร์น และกล้วยไม้ชนิดต่างๆ
ลานหินปุ่ม อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ริมหน้าผา
ลักษณะเป็นลานหินซึ่งมีหินผุดขึ้นมาเป็นปุ่ม เป็นปม ขนาดไล่เลี่ยกัน
คาดว่าเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหิน
ในอดีตบริเวณนี้ใช้เป็นที่พักฟื้นคนไข้ของโรงพยาบาล เนื่องจากอยู่บนหน้าผา
มีลมพัดเย็นสบาย
ผาชูธง อยู่ห่างจากลานหินปุ่มประมาณ 500 เมตร เป็นหน้าผาสูงชัน
สามารถเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล จะสวยงามมากในยามพระอาทิตย์ตกดิน
บริเวณนี้เคยเป็นสถานที่ซึ่ง ผกค.
ขึ้นไปชูธงแดงรูปค้อนเคียวทุกครั้งที่รบชนะฝ่ายรัฐบาล
น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร ห่างจากโรงเรียนการเมืองการทหารและกังหันน้ำประมาณ
600 เมตร มีทางแยกเดินลงน้ำตกร่มเกล้า ประมาณ 400 เมตร หากเดินลงไปอีก 200 เมตร
จะเป็นน้ำตกภราดรซึ่งมีลักษณะคล้ายกันและอยู่บนลำธารเดียวกัน
น้ำตกภราดรมีความสูงน้อยกว่าแต่กระแสน้ำแรงกว่า
น้ำตกศรีพัชรินทร์ ตั้งชื่อเป็นอนุสรณ์แก่ทหารค่ายศรีพัชรินทร์
จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นทหารหน่วยแรกที่ขึ้นมาบนภูหินร่องกล้า น้ำตกศรีพัชรินทร์มีความสูงประมาณ
20 เมตร บริเวณน้ำตกมีแอ่งขนาดใหญ่ สามารถลงเล่นน้ำได้
น้ำตกหมันแดง เป็นน้ำตก 32 ชั้นในห้วยน้ำหมันซึ่งมีน้ำตลอดปี
ต้นน้ำเกิดจากยอดเขาภูหมัน
น้ำตกแต่ละชั้นตั้งชื่อคล้องจองกันตามสภาพลักษณะที่สวยงามแปลกตา
ห้อมล้อมด้วยป่าดงดิบอันสมบูรณ์ การเดินทาง
จากที่ทำการอุทยานใช้เส้นทางสายภูหินร่องกล้า-หล่มเก่า ถึงหลักกิโลเมตรที่ 18
มีทางแยกซ้ายเป็นทางเดินเท้าเข้าสู่น้ำตก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร
เส้นทางผ่านป่าร่มครึ้มมีกล้วยไม้ป่า ต้นเมเปิ้ล และทุ่งหญ้า
น้ำตกผาลาด ตั้งอยู่ด้านล่างของหน่วยพิทักษ์ห้วยน้ำไซ
ทางเข้าจะผ่านหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง บ้านห้วยน้ำไซ
เข้าสู่เขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำของกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน
จากทางแยกประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงทางแยกซ้ายมือ เดินลงไปอีกประมาณ 50 เมตร
ก็จะถึงตัวน้ำตก เป็นน้ำตกซึ่งไม่สูงนักแต่มีน้ำตลอดปี
น้ำตกตาดฟ้า เป็นน้ำตกที่สูงมาก
ทางเข้ายังไม่สะดวกนักต้องเดินทางไปตามถนนลูกรังประมาณ 1 กิโลเมตร
จากนั้นจึงไปตามทางเดินในป่าอีกประมาณ 300 เมตร ถึงด้านบนของน้ำตก
และต้องไต่ลงไปตามทางเดินเล็กๆ
จึงจะมองเห็นความสวยงามของน้ำตกตาดฟ้าหรือเรียกชื่อพื้นเมืองว่า
น้ำตกด่าน-กอซาง ซึ่งหมายถึงด่านตรวจของ ผกค. ที่มีกอไม้ไผ่ซาง
ธารพายุ เป็นจุดชมวิวบริเวณกิโลเมตรที่ 32
เส้นทางภูหินร่องกล้า-หล่มเก่า
สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขาและทะเลหมอกได้อย่างสวยงาม มีสวนรัชมังคลาภิเษกสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ
การเดินทางและที่พัก
การเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ามีหลายเส้นทาง แต่ที่นิยมกันคือ
ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 สายพิษณุโลก-หล่มสัก ถึงสามแยกบ้านแยง
มีป้ายบอกทางแยกขวาผ่านบ้านห้วยตีนตั่ง-บ้านห้วยน้ำไซ-ฐานพัชรินทร์
สู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ระยะทางประมาณ 31 กิโลเมตร
อีกเส้นทางหนึ่งคือ จากเพชรบูรณ์ตามทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านอำเภอหล่มสัก
อำเภอหล่มเก่า บ้านวังบาล บ้านเหมืองแบ่ง บ้านแม้วทับเบิก
ถึงอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า รวมระยะทางประมาณ 104 กิโลเมตร เป็นทางลาดยาง
ค่อนข้างสูงชันและคดเคี้ยวมาก
ควรใช้รถสภาพดีมีกำลังสูงและใช้ความระมัดระวังอย่างมาก
ที่อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก มีรถสองแถวบริการขึ้นภูหินร่องกล้าทุกวัน
วิ่งวันละ 7 เที่ยว ออกเวลา 08.00, 09.30, 11.00, 12.30, 14.00, 15.30 และ
17.00 น. รถจะจอดอยู่บริเวณตลาดสมใจ (ท่ารถนครไทย) ค่าโดยสารคนละ 20 บาท
หรือเช่าเหมาคันละประมาณ 550 บาท ถ้าค้างแรมประมาณ 750 บาท
ติดต่อจองที่พัก อาหาร และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ งานบริการบ้านพัก
กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. 0 2579 7223 และ 0 2579 5734