เชียงของ
เชียงของ
เหนือสุดของประเทศไทยนั้นเราถือว่า อำเภอแม่สาย คือเหนือสุดของประเทศ แต่ใต้สุดของประเทศนั้นอยู่ที่อำเภอเบตง
จังหวัดยะลา บางคนเข้าใจผิดว่าอยู่ที่อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ส่วนอำเภอเชียงของ
จังหวัดเชียงรายนั้น อยู่เหนือเกือบสุดเช่นกัน แต่ยังต่ำกว่าแม่สาย เชียงแสนที่อยู่ในเชียงรายเหมือนกัน
และหากลากยาวไปตามเส้นรุ้งก็จะพบว่าอำเภอแม่ฟ้าหลวงของเชียงรายนั้น ซุ่มตัวอยู่อย่างเงียบ
ๆ เกือบจะเหนือสุด สูงกว่าเชียงของ แต่ต่ำกว่าเชียงแสนและแม่สาย ผมลำดับความเหนือของอำเภอในเชียงรายให้ทราบเสียก่อน
ก่อนที่จะพาไปยังอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย
ผมไปเชียงของในเวลาไร่เรี่ยกัน ไปครั้งแรกไปสำรวจเส้นทาง ไปดูหมู่บ้านที่ผมจะไปทำงานด้านยุทธศาสตร์พัฒนา
ในหน้าที่ของประธานที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลุ่มที่ ๖ ซึ่งท่านมีนโยบายที่จะให้ช่วยเหลือประชาชนที่มีปัญหา
โดยเฉพาะตามแนวชายแดน จะหาข้อมูลมาแก้ไขปัญหาได้ต้องลุย ผมไม่สามารถนั่งเทียนเขียนในห้องแอร์ได้
และเป็นการหาวัตถุดิบมาเขียนหนังสือเล่าเรื่อง เที่ยวไป กินไปให้ท่านอ่านเรียกว่าไปทีเดียวได้ประโยชน์หลายทาง
เกินกว่ากระสุนนัดเดียวยิงนกได้ ๒ ตัว ได้ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ชิมอาหาร
เส้นทางสภาพดินฟ้า อากาศ ปัญหาของประชาชนนำอุปกรณ์การศึกษา อุปกรณ์กีฬา ข้าวสาร
อาหารแห้งไปแจกพร้อม แถมด้วยนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ซึ่งหัวหน้าชุดแพทย์ของผมเป็นนายพลตรี
แพทย์หญิง ขยันเด็ดขาดไปเลย และประเภทกล้าไป กล้าสู้ กล้าที่จะติดตามผมไปช่วยเหลือประชาชนด้วยกัน
บางทีก็เอาช่างตัดผมไปด้วย ไปตัดผมให้ชาวบ้าน ใคร ๆ ก็ชอบ มีผมสั้นนิดเดียวก็ยังมาตัด
เหมือนคนสูงอายุหรือจะเรียกว่าคนแก่ก็ได้ เพราะบางคนอายุใกล้ร้อยเต็มทีแล้ว
อุตส่าห์ให้ลูกหลานพยุงมาหาหมอ หมอถามมีอาการอย่างไร แต่หูคุณทวดก็ชักเสื่อมโทรมเต็มที
กว่าจะตะโกนกันรู้เรื่องก็หมอนั่นแหละจะน๊อคไปก่อน เพราะเหนื่อยนึกว่าหมอดุคนไข้
ไปดูเข้าจริง ๆ คุณหมอ (ชาย)กำลังตะโกนถามอาการคุณทวดที่ลูกหลานพยุงมา ลูกหลานบอกว่าทวด
"บ่ เป็น หยัง" ไม่ต้องไปหาหมอหรอก ทวดไม่เชื่อต้องไป ไม่รู้ใครไปตะโกนบอกไว้จำแม่นเสียด้วย
ไปครั้งแรกเพื่อไปหาข้อมูลในหมู่บ้านที่จะไปทำงาน ไปเป็นการส่วนตัวค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นก็ส่วนตัว
ส่วนตอนไปเป็นทางการนั้น ผมจัดให้สามเหล่าทัพได้ช่วยกัน ทหารเรือซึ่งมีหน่วย
หน่วยปฏิบัติการแม่น้ำโขง
เขตเชียงของ ให้หาหมู่บ้านเป้าหมายให้สรุปสถานการณ์ และเป็นเจ้าภาพ แต่ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นผมหาให้
(ไม่ใช่เงินงบประมาณ)ส่วนทหารอากาศสนับสนุนเครื่องบินลำเลียง ขนย้ายกันไปทางอากาศเครื่องบินลำเลียงแบบ
ซี.๑๓๐ ลำโตดีแท้เอารถตู้ขึ้นไป ๒ คันยังไหว น้ำหนักบรรทุกรับได้ถึง ๑๐ ตัน
ผมจึงขนข้าวสาร อาหารแห้งไปได้อย่างสบาย ๆ ไปเครื่องบินออกกันตั้งแต่ ๐๖.๐๐
น. และสามารถกลับได้ภายในวันเดียวกัน โดยใช้เวลาบินประมาณ หนึ่งชั่วโมงครึ่งมีเวลาเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้ทัน
ทำให้ไม่สิ้นเปลืองค่าอาหาร ค่าที่พัก ซึ่งหากต้องพักก็จะยุ่งยากพอสมควร ส่วนทหารบกก็ตัวผมเองและคณะ
และมีหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ ๓๕
ซึ่งตั้งอยู่ที่กิ่งอำเภอเวียงเชียงรุ้ง (เมืองโบราณเมืองหนึ่ง ผมยังไม่ได้สำรวจโบราณสถาน)
จะติดตามไปด้วย และจะเป็นหน่วยแก้ปัญหาในเรื่องการทำถนนหนทางให้
จึงเรียกว่าครบ ๓ เหล่าทัพ และเมื่อไปถึงแล้ว นายอำเภอหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องก็จะมาช่วยกันแก้ปัญหา
ไปฟังปัญหาจากผู้ใหญ่บ้าน ตัวแทนประชาชน หรือทางเหนือเรียกว่า พ่อหลวง แต่การปกครองท้องถิ่นตามแบบใหม่นี้
จะมี อบต.หรือองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นหลัก หลาย ๆ งานและงบประมาณจะอยู่ที่
อบต. ซึ่งบางที่เราถามนายอำเภอ ท่านก็ต้องตอบว่างบเหล่านี้ไปอยู่ที่ อบต.หมดแล้ว
อบต.นั้นมาจากการเลือกของประชาชน แต่มักจะไม่ค่อยได้ทำงานให้เข้าตาประชาชนในท้องถิ่นนัก
ผมจะไม่ขอเขียนตรงนี้มากนัก ไปขัดคอ ขัดใจเขาเปล่า ๆ ขอตำหนิแต่เพียงว่าเราใช้ระบบนี้เร็วเกินไป
น่าจะทดลองใช้กับอำเภอใหญ่ ๆ ของจังหวัดเสียสัก ๕ ปี รอให้การศึกษาของคนในท้องถิ่นดีกว่านี้
และเข้าใจระบบมากกว่านี้เสียก่อนแล้วจึงใช้ทั่วทั้งประเทศน่าจะเหมาะสม ผมเดินทางมาก
เดินทางทุกสัปดาห์เห็นความเจริญในพื้นที่อย่างเด่นชัดคือ ตั้งแต่มี อบต.มาบริหารงานคือ
" ที่ทำการ อบต." สวย ๆ ทั่วประเทศ
การไปครั้งแรกของผมเพื่อไปเชียงของและมุ่งไป ยังหมู่บ้านศรีดอนมูล
โดยมีวัดศรีดอนมูลเป็นแกนในการมาปฏิบัติงาน
ไปครั้งนี้ผมจึงเก็บข้อมูลการท่องเที่ยวมาฝากได้ดังนี้
จากอำเภอแม่สรวย ผมพักนอนและเดี๋ยวนี้เวลามาเชียงราย ผมจะมาพักค้างที่นี่เพราะบ้านพักสะดวกสบาย
สไตล์ยุโรป เป็นรีสอร์ท แต่เพียงชื่อความจริงแล้ว คือบ้านพักส่วนตัวของผู้ที่มีสตางค์แล้วมาซื้อสวนลิ้นจี่
ที่เขาจัดสรรขายทั้งที่และสวน ผู้ซื้อก็มาปลูกบ้านแต่ต้องเป็นบ้านสไตล์ยุโรป
พอซื้อแล้วปลูกแล้ว ไม่ค่อยได้มาพักก็เลยให้ทางสำนักงานเขาจัดการให้เช่า รีสอร์ทที่ว่านี้
คือเชียงราย คันทรี ฮิลล์รีสอร์ท อยู่ที่อำเภอแม่สรวย ห่างจากแม่สรวยไป ๓
กม. ไปทางที่จะไปอำเภอฝาง อยู่ทางขวามือรวมทั้งครัวคันทรีของเขามีอาหารพื้นเมืองอร่อยมากน่าชิม
โทร (๐๕๓) ๖๕๖-๓๕๑
จากรีสอร์ทที่พัก วิ่งมา ๕๓ กม.ก็จะถึงตัวเมืองเชียงราย ไปอีกประมาณ ๕๘ กม.ก็จะถึงพระธาตุจอมกิติ
อำเภอเชียงแสน ผมไม่ได้วนเที่ยวในตัวอำเภอเชียงแสน แต่ได้ตรงไปยังวัดพระธาตุจอมกิติเลยทีเดียว
เพื่อไปพบหลวงพ่อและไปช่วยตรวจดูความเรียบร้อยในการก่อสร้างเพื่อพัฒนาวัด
ซึ่งหลวงพ่อวัดพระธาตุจอมกิติ แต่งตั้งให้ผมเป็นประธานพัฒนาวัด ซึ่งผมก็ได้ทอดผ้าป่า
๒ ปีติดต่อกัน คือในปี พ.ศ.๒๕๔๒ และ พ.ศ.๒๕๔๓ ได้ปัจจัยมากพอที่จะบูรณะองค์พระธาตุทั้งสี่
ทั้งปิดทองและแต่งไฟฟ้ารอบองค์พระธาตุ ฯ ตอนนี้รถขึ้นสบายสู่ลานพระธาตุเลยทีเดียว
และที่สำคัญเกี่ยวกับสวัสดิการของพระสงฆ์ คือสร้างถังเก็บน้ำ ถังส่งน้ำสูง
แจกจ่ายน้ำใช้ไปทั่ววัด กุฏิหลวงพ่อจะพังตกเขาก็แนะนำให้ท่านใช้งบที่มีสร้างสร้างใหม่
หลวงพ่อเป็นชาวพัทลุง แต่มาจำพรรษาอยู่ที่วัดพระธาตุจอมกิตินานร่วม ๕๐ ปีแล้ว
คือตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๐ เป็นต้นมา และไม่ไปไหนอีกแล้วนาน ๆ ท่านก็กลับไปเยี่ยมบ้านของท่านที่พัทลุงเสียทีหนึ่ง
ไม่มีห้องแอร์ ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ ไม่ดู ที.วี. ไม่ฟังวิทยุ ปฏิบัติธรรมอย่างเดียว
เป็นที่พึ่งของประชาชน จึงตรงตามหลักในการพิจารณา เพื่อทอดผ้าป่าประจำปีของผม
คือ พระดี วัดดี แต่ยากจน วัดพระธาตุจอมกิติ เมื่อได้รับการพัฒนาแล้ว และผมเขียนในสื่อทุกฉบับที่ผมเขียนอยู่เพื่อเล่าให้ฟัง
เพื่อชักชวนไปนมัสการองค์พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ ที่ประดิษฐานไว้ตั้งแต่
พ.ศ.๑๔๘๓ โดยพระเจ้าพรหมมหาราช
มหาราชองค์แรกของชาติไทย และเมื่อจบการพัฒนาด้านวัตถุแล้ว ก็ได้ทอดผ้าป่าตั้งมูลนิธิพระธาตุจอมกิติ
ฝากเงินไว้ที่ธนาคารออมสินสาขาเชียงแสน เพื่อนำดอกผลไม่เกิน ๘๐ % มาบำรุงองค์พระธาตุและบำรุงวัดต่อไป
เวลานี้มูลนิธิมีเงินทุนประมาณหนึ่ล้านบาท ท่านผู้ใดจะบริจาคก็ส่งปัจจัยไปที่
พระครูวิกรมสมาธิคุณ วัดพระธาตุจอมกิติ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน ๕๗๑๕๐ ก็จะได้ช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนา
ไปเห็นพระธาตุจอมกิติแล้วก็ชื่นใจ ที่เราได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาปฏิสังขรณ์
และทำร่วมกันกับท่านผู้อ่าน ท่านที่เป็นแฟนหนังสือของผม ชาติหน้ามีหวังท่านทั้งหลายคงต้องตามมาอ่านหนังสือที่ผมเขียนอีก
พระธาตุจอมกิติก็ไปเชียงของ ไม่มีเวลาแวะกินอาหารที่ร้าน บะหมี่ เกี๊ยว เซี่ยงไฮ้ที่อยู่ในตัวอำเภอ
ริมฝั่งแม่น้ำโขง วิ่งรถเลียบถนนริมแม่โขงรอบเดียวก็หาเจอ ตั้งแต่เขียนให้เดี๋ยวนี้เจริญขึ้นแยะมีตรา
ที.วี. ติดหลายช่อง รวมทั้งการชวนชิมจากหนังสือต่าง ๆ ก็ดีจะได้เจริญรุ่งเรือง
อย่าลืมขึ้นไปทำบุญที่บนพระธาตุบ้างก็แล้วกัน แต่ไม่รู้ว่าเขานับถือศาสนาใด
เพราะไปกินกันใหม่ ๆ นั้นพูดไทยยังไม่ชัดดี
จากเชียงแสนไปอีก ๕๓ กิโลเมตร ก็จะถึงเชียงของ ถนนจะผ่านไปตามไหล่เขา ไปตามริมฝั่งแม่โขง
ซึ่งธรรมชาติงดงามอย่างยิ่ง จะผ่านวัดสำคัญที่มีพระธาตุไปตามลำดับ คือ วัดพระธาตุผาเงาวัดนี้พัฒนามาก
เพราะการประชาสัมพันธ์ดีมาก และตั้งอยู่ในพื้นที่ราบ ติดถนนสายที่มีรถผ่านมาก
เลยวัดพระธาตุผาเงา ไปแล้วก็จะมาถึงวัดพระธาตุสองพี่น้องอยู่ทางซ้ายประมาณกิโลเมตร
๔๘ ซึ่งผมเคยเล่าให้ฟังไปแล้วครั้งหนึ่ง วัดธาตุเขียว
ประมาณกิโลเมตร ๔๗ อยู่ทางขวาแต่ต้องเข้าไปหน่อยหนึ่ง ต่อมาก็วัดพระธาตุวังช้าง
ประมาณกิโลเมตร ๔๓ สุดท้ายคือ วัดพระธาตุแสนคำฟู
ต้องแยกเข้าไปจากถนน ไปเชียงของที่ประมาณกิโลเมตร ๒๘ ซึ่งพระธาตุแสนคำฟูนี้ผมอยากเล่าให้ละเอียด
แต่มาติดที่ครั้งหนึ่งมีโอกาสพบกับพระองค์หนึ่ง ซึ่งท่านอ้างว่าท่านอยู่ในคณะ
๑ ใน ๔ ของพระที่มาสร้างมาพัฒนา จนเกิดวัดพระธาตุแสนคำฟู ซึ่งมีเรื่องราวไปเกี่ยวกับถ้ำหรือปล่องพระยานาคที่ลงสู่แม่น้ำโขง
ท่านทราบว่าผมเป็นคนเขียนหนังสือ ท่านบอกว่าหากเอาไปเขียนให้ประชาชนได้ทราบได้รู้จัดวัดแสนคำฟูมาก
ๆ จะไปรบกวนพระที่วัดนี้ ซึ่งต้องการความสงบ หากผมเขียนจะแช่งด่าผม ก็เลยกลัวชนิดหัวหดก็แล้วกัน
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเอามาแย๊บไว้อย่างนี้จะได้รู้จักกัน ท่านคิดคนละแง่ของดี
สิ่งศักดิ์สิทธิ์เราจะไปห้ามคนเขามากราบ มาไหว้ทำไมและวัดหรือพระก็ยังต้องพึ่งประชาชน
ไม่งั้นจะเอาที่ไหนมาขบฉัน มาพัฒนาวัดจะรอรับเฉพาะคนรวย ๆ เท่านั้นหรือ วัดดีของผมคือ
วัดที่มีพระดีจะทำให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาเสียยิ่งกว่าวัดเจ้าคุณใหญ่ ๆ
เข้าพบทียากนักท่านนั่งเอ้เต้อยู่ในห้องแอร์ ระดับนี้ผมไปทีเดียวแล้วจะไม่ไปหาอีก
องค์เดียวที่นับถือท่านมาตลอดตั้งแต่ผมยังเป็นผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ที่
๗ ที่เชียงใหม่ ท่านก็เป็นเจ้าคุณแล้ว คือ พระวินัยโกศล วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่
ปัจจุบันท่านดำรงสมณศักดิ์เป็น ชั้นรองสมเด็จเป็นเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง เจ้าคณะภาค
๔,๕,๖ (ธรรมยุกติ) และยังเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าดาราภิรมย์ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่เป็นวัดที่ท่านสร้างขึ้นเอง
ซึ่งสวยและงดงามมาก เจ้าคุณองค์นี้ผมนับถือมาตลอด เลยเล่าเสียยาวไปเลย
เมื่อพ้นทางแยกเข้าวัดพระธาตุคำฟูมาแล้ว ทีนี้ถนนจะเริ่มขึ้นเขาตลอดและบางช่วงจะมองเห็นแม่โขงอยู่ทางซ้ายมือ
ยิ่งใกล้เชียงของเข้าไปเท่าไหร่ ยิ่งงดงามมากขึ้นทุกที ภูเขานั้นถูกลักลอบตัดไม้ใหญ่
ๆ ไปหมด ทำให้เขาโล้นเตียนแต่หญ้าขึ้นเขียวชอุ่มทำให้ดูเรียบสวยมาก แต่พวกตัดไม้นั้นไม่อาจจะตัดบนยอดสูง
ๆ ได้ จึงเหลือทิ้งไว้ให้จึงไปเพิ่มความงดงามให้แก่เขาสูงมีกลุ่มไม้ใหญ่อยู่ยอดเขา
แล้วเรื่อยลงมาเป็นทุ่งหญ้า หากเข้าไปดูใกล้ ๆ คงไม่สวย คงต้องแหวกพงเข้าไปแต่มองจากถนนสวยนัก
และข้างขวาของถนนคือแม่น้ำลำธารที่ไหลลงสู่แม่โขง จนกระทั่งถึงจุดชมวิว ซึ่งอยู่ที่
กม.๑๓ จะถึงเชียงของ มีศาลาที่พัก "จุดชมวิว
ไทย - ลาว ห้วยทรายสุดขอบฟ้าธารา เขตประเทศสยาม"
มองจากจุดนี้ มองต่ำลงไปจะเห็นเป็นเหมือนอ่างใหญ่ เห็นฝั่งประเทศลาวคือ เมืองห้วยทราย
เห็นลำน้ำที่ไหลลงสู่อ่าวนี้ ในฤดูหนาวน้ำจะลด จะเห็นแก่งผุดขึ้นมากลางน้ำจะสวยอย่างยิ่ง
ที่ผมอธิบายไปถึงฤดูหนาวได้ ก็เพราะรู้รสความหนาวของย่านนี้มาแล้ว เมื่อปี
พ.ศ.๒๕๑๑ วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ผมในฐานะผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๗ ซึ่งมีเขตรับผิดชอบ
(ในสมัยนั้น) มากหลายจังหวัดครอบคลุมมาถึงเชียงรายด้วย จึงเป็นกองพันปืนใหญ่กองพันแรกที่นำกำลังออกปราบปราม
พวกก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ และมาครั้งแรกก็มาตั้งอยู่ที่ อำเภอเชียงคำ ซึ่งเวลานั้นยังขึ้นอยู่กับจังหวัดเชียงราย
และแยกกำลังบางส่วนมาตั้งที่อำเภอเชียงของ ผมเลยต้องตระเวนไปทั่วขนาดเริ่มมานั้นเดือนกุมภาพันธ์
ความหนาวเย็นจับขั้วหัวใจเลยทีเดียว เวลาล้างหน้าตอนเช้าต้องก้มหน้าไปหาน้ำ
เพราะน้ำเย็นจัดเอาน้ำวักมาหาหน้าจะเย็นจนมือชา คือชีวิตเมื่อ ๓๕ ปีที่แล้ว
เมื่อลงจากเขาก็เข้าสู่ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ ให้สังเกตว่าหากอำเภอที่เป็นเมืองเก่ามาก่อนเช่น
เชียงแสน เชียงของ จะมีตำบลเวียง ในอำเภอเหล่านี้ แหล่งท่องเที่ยวในตัวอำเภอเชียงของนั้นมีน้อย
ความจริงแล้วเป็นย่านกลางที่ท่องเที่ยวต่อไป เช่นไปผาตั้ง ไปภูชี้ฟ้า ไปกิ่งอำเภอเวียงเชียงรุ้ง
เป็นต้น
ในตัวอำเภอมีท่าเรือบั๊ก ซึ่งเป็นท่าเรือที่มีแพขนานยนต์ นำรถข้ามไปฝั่งลาวได้
เมื่อข้ามไปแล้วคือ เมืองห้วยทราย จะมีถนนไปได้ถึงจีน คือสิบสองปันนา ในมณฑลยูนาน
ไปเชียงรุ้งได้ถนนยังไม่ดีนัก แต่หากจับมือกัน ลาว จีน ไทย หรือจะแถมด้วยเวียดนามก็จะช่วยให้มีถนนที่เชื่อมต่อกันทั้ง
๓ - ๔ ประเทศ และเป็นการเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้า และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ
มีแต่ข่าวว่าจะสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว ข้ามแม่โขงที่เชียงของแต่ยังไม่เห็นสร้างสักที
ในเชียงของเวลานี้ฝรั่งเดินเที่ยวกันแยะ ประเภทสะพายเป้ หาที่พัก ที่กินราคาถูกมีแยะ
ส่วนวัดสวย ๆ ก็มีหลายวัด เช่น วัดหัวเวียง
มีพระธาตุ วัดพระแก้ว ศาลเจ้าพ่อพญาแก้ว
ตรงปั๊ม ปตท. วัดศรีดอนชัย ตรงข้ามธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง
มีพญานาคสร้างไว้ที่อุโบสถ สวยสง่างามมาก แต่ที่แปลกคือที่ทำการไปรษณีย์ที่นี่
เขาเขียนบอกว่าที่ทำการไปรษณีย์ไทย วงเล็บไว้ด้วย "THAI POST" ไม่เข้าใจทำไมต้องบอกว่าไปรษณีย์ไทย
ในเมื่อตั้งอยู่บนแผ่นดินไทย วัดริมโขงอีกวัดหนึ่งคือ วัดหาดไคร้
ที่เราจะไปชิมอาหารกันที่ร้านนางนวลอยู่ข้าง ๆ วัดนี้ และหลังวัดหรือหน้าวัดก็ไม่ทราบเพราะหันลงแม่โขง
เป็นท่าเรือเรียกท่านี้ว่า
"ท่าจับปลาบึก"
เป็นจุดท่องเที่ยวของเชียงของ ท่าจับปลาบึกมีป้ายบอกไว้ว่า "ปลาบึกนั้นอยู่แม่น้ำโขงตอนล่าง
เมื่อถึงฤดูวางไข่ อพยพขึ้นไปทางแม่โขงตอนบน ผ่านบ้านหาดไคร้ สู่ทะเลสาปต้าหลี่
มณฑลยูนาน ฤดูแล้งบริเวณนี้น้ำจะตื้นและแคบง่ายต่อการจับปลาบึก วันที่ ๑๘
เมษายน ทุกปีชาวบ้านหาดไคร้ จะทำพิธีบวงสรวงและเริ่มฤดูการจับปลาบึก ไปจนถึงประมาณเดือนมิถุนายน"
แต่เดี๋ยวนี้บางปีจับปลาบึกไม่ได้เลย ร้านอาหารต้องนำปลาบึกเลี้ยงตามแหล่งเพาะเลี้ยงต่าง
ๆ ซึ่งกรมประมงเพาะพันธุ์ปลาบึกได้หลายปีแล้ว แต่เมื่อนำมาเลี้ยงในน้ำนิ่ง
น้ำไหลไม่แรง แม่น้ำจะลึกเช่นในกว๊านพะเยาก็จะไม่ได้ปลาบึกใหญ่ ขนาด ๑๐๐ กิโลกรัม
และข้อสำคัญส่วนที่อร่อยที่สุดของปลาบึกคือ "หนัง " จะไม่หนาซึ่งปลาบึกตามธรรมชาตินั้นหนังหนา
เคี้ยวกรุบ ๆ อร่อยกันสุด ๆ ตรงนี้แหละ
ไปวัดหาดไคร้ถามเขาก็ได้ว่า ไปท่าจับปลาบึกทางไหน ไปเองก็ขับรถผ่านหน้าอำเภอไปผ่านปั๊ม
ปตท.เลี้ยวซ้ายเข้าซอยจะไปพบถนนเลียบแม่โขง ให้เลี้ยวขวาวิ่งชลอ ๆ จะพบทางเข้าวัดหาดไคร้
จะเห็นป้ายร้านอาหารนางนวล ท่าจับปลาบึก เลี้ยวซ้ายวิ่งเลาะกำแพงวัดไปจอดที่ลานท่าจับปลาบึก
หรือลานหน้าร้านนางนวลที่อยู่ติดกับท่านี้ นั่งกินอาหารร้านนางนวลจึงมองเห็นวิวแม่น้ำโขงสวยนัก
เห็นเกาะกลางน้ำ เห็นเมืองห้วยทรายของลาวที่ผมไม่ได้ข้ามไปนานกว่า ๒๐ ปีแล้ว
ลมพัดเย็นชื่นใจไม่ต้องใช้พัดลม ตกแต่งร้านดีมาก บริการดีเยี่ยมแต่ราคานั้นต้องว่าพอสมควร
ตามรสอาหารและการบริการ
ปลาบึกผัดเผ็ด โชคดีที่มีปลาบึกให้เคี้ยวหนังกรุบ ๆ เอาน้ำผัดเครื่องแกงคลุกข้าว
เหยาะน้ำปลาพริกลงไปนิดหนึ่ง ตักข้าวเข้าปากแล้วซดต้มยำปลาคัง
ต้มยำปลาคัง ปลาแม่น้ำโขง เปรี้ยวนำ ใส่มะเขือเทศและเห็ดฟาง ร้อนไม่ถึงใจเลยให้เขาเปลี่ยนมาใส่หม้อไฟ
ทีนี้ซดกันโฮกอือไปเลย
ปลาสะโม้ ทอดกระเทียมพริกไทย ปลาแม่โขงเช่นกัน เป็นปลาเนื้ออ่อน ตัวโตมาก
ตัวที่เอามาทอดนี้เขาบอกว่าหนักถึง ๒๐ กิโลกรัม ตัดเป็นชิ้นทอดมา เคียงด้วยตะไคร้
หอม กระเทียม พริก ถั่ว มะเขือเทศ จิ้มซอส หรือน้ำจิ้มรสแซ๊บ
ผัดเผ็ดปลาเข้ มาทั้งทีต้องกินปลาแม่โขงให้สมใจที่มาไกล แล้วปิดท้ายเสียด้วยไอศครีมรวมมิตร
มาเที่ยวนี้กลับถึงบ้านดูระยะทางรวมได้ถึง ๒,๔๒๐ กิโลเมตร เอาเลขท้ายไปแทงหวยแล้วไม่ยักกับถูก
----------------------------------
|