ร้อยเอ็ด
ร้อยเอ็ด
ผมไปมหาสารคามพักที่โรงแรมดีราคาย่อใมเยา ออกจากโรงแรมเลี้ยวซ้ายมาจนจดถนนสาย
"๒๓" ก็เลี้ยวขวาเพื่อไปร้อยเอ็ด การไปร้อยเอ็ดในครั้งนี้ ความตั้งใจเพื่อไปนมัสการ
"พระมหาเจดีย์ชัยมงคล"
หรือในหนังสือหลายเล่มเรียกว่า พระมหาเจดีย์ชัยบาดาล แต่นามปัจจุบันคือ พระมหาเจดีย์ชัยมงคล
ซึ่งน่าจะเป็นเจดีย์ใหญ่ที่สุดในประเทศ และสวยงามอย่างยิ่งแห่งหนึ่ง
จังหวัดร้อยเอ็ด อยู่ในภาคอีสานตอนกลางของประเทศ มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน
นามเมืองปรากฎในตำนานอุรังคธาตุ
ตั้งแต่สมัยพุทธศักราชล่วงได้ร้อยปีเศษ เคยมีความรุ่งเรืองอย่างสูง มีเมืองขึ้นถึงร้อยเอ็ดหัวเมือง
บ้างก็ว่า ๑๑ หัวเมือง) ในตำนานเรียกเมืองนี้ว่า "เมืองร้อยเอ็ดเจ็ดประตู"
และเมื่อถึงยุคเสื่อมก็กลายเป็นเมืองร้างอยู่นานจน พ.ศ.๒๔๓๔ รัชกาลที่ ๕
โปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งขึ้นเป็นบริเวณร้อยเอ็ดแล้วจึงมาเป็นจังหวัดร้อยเอ็ดในยุคประชาธิปไตย
เมื่อครั้งยังรุ่งเรืองเมืองนี้ชื่อว่า สากตุนคร
ถนนสาย ๒๓ จากมหาสารคามมาร้อยเอ็ด ๔๐ กม. ถนนจะพุ่งเข้าสู่ใจกลางของอำเภอเมืองคือ
บึงพลาญชัย
เป็นบึงน้ำขนาดใหญ่มีเนื้อที่กว่า ๒ แสนตารางเมตร ภายในบึงมีศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
พระพุทธรูปปางลีลาขนาดใหญ่ สวนสมเด็จย่าและรูปปั้นของสมเด็จย่า พานรัฐธรรมนูญและนาฬิกาดอกไม้
ภูพลาญชัยมีลักษณะเป็นสวนสัตว์ และน้ำตกจำลอง สนามเด็กเล่น สวนสุขภาพ รวมกันอยู่ในเกาะกลางบึงพลาญชัย
ภายในบึงน้ำมีปลาชนิดต่าง ๆ หลากพันธุ์ มีอาหารปลาขายอยู่ริมบึง มีจักรยานน้ำให้เช่าถีบชมบึง
มีสะพานข้ามจากถนนใหญ่ไปสู่เกาะกลางบึง ไปร้อยเอ็ด หากไม่ได้ข้ามไปยังเกาะกลางบึงเหมือนไม่ได้มาถึงเมืองร้อยเอ็ด
และสะพานข้ามไปสู่เกาะด้านเข้าไปยังสวนสมเด็จย่านั้น จะมีถนนพุ่งเข้าสู่บึง
ลักษณะเป็นสามเหลี่ยม ตรงเข้ามายังป้ายชื่อบึง ตรงหัวมุมจะมีอาหารอร่อยร้านตรงหัวมุมขายข้าวมันไก่
เลยมาทางขวาของร้านข้าวมันไก่ จะมีแผงขายข้าวเหนียวปิ้ง ข้าวเหนียวหน้าและข้าวเหนียวมะม่วง
ทุกครั้งทีมผมไปต้องซื้อข้าวเหนียวปิ้ง หรือไปถึงเช้าหน่อยก็กินข้าวมันไก่ตามด้วยข้าวเหนียวปิ้งพอดีง่วงกัน
ซื้อข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย ไส้เผือกติดรถไป เจ้าเก่าหน้าเดิม
วัดบูรพาภิราม
พระอารามหลวงชั้นตรี บอกทางยาก อยู่ริมถนนสาย ๒๐๔๔ ถนนไปโพนทอง ถามที่ร้านข้าวเหนียวปิ้งก็ได้เพราะ
อยู่ห่างจากบึงพลาญชัยคงไม่ถึง ๒๐๐ เมตร เดิมชื่อวัดหัวรอ มีพระพุทธรูปปางประทานพรที่สูงที่สุดในโลกคือ
พระพุทธรัตนมงคลมหามุนี
หรือหลวงพ่อใหญ่ ความสูงจากพระบาทถึงยอดเกศสูงถึง
๕๙ เมตร ๒๐ เซนติเมตร ใต้ฐานพระพุทธรูปเป็นห้องพิพิธภัณฑ์ ควรแก่การเข้าไปชมและนมัสการพระพุทธรูปองค์ประธาน
ด้านหน้าห่างจากพระพุทธรูปสัก ๓๐ เมตร มีต้นไทรย้อย ซึ่งรากไทรย้อยลงมาคลุมศาลาพระพุทธรูป
แต่มองเห็นและเข้าไปนมัสการได้ รอบศาลามีรูปปั้นเช่น พระพุทธเจ้าปฐมเทศนา
ให้แก่เบญจวัคคีย์ ทางตะวันออกของบริเวณวัดติดกับคูเมืองสมัยเก่า เป็นที่สร้างศาลาศาลเจ้าพ่อมเหศักดานุภาพ
วัดกลางมิ่งเมือง
ตั้งอยู่บริเวณเนินในเมือง เป็นวัดโบราณ สันนิษฐานว่าสร้างก่อนสร้างเมืองร้อยเอ็ด
ส่วนอุโบสถสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ผนังรอบอุโบสถ มีลวดลายภาพวาดแสดงถึงพุทธประวัติ
งดงามและมีค่าทางงศิลปะ
วัดสระทอง
หรือวัดบึงพลาญชัย
ประดิษฐานหลวงพ่อพระสังกัจจายน์
ผมเที่ยวในตัวเมืองร้อยเอ็ดเท่านี้ เพราะจะรีบไปยังจุดที่เป็นเป้าหมายซึ่งไม่เคยไปมาก่อน
เส้นทางที่แน่นอนก็ไม่ทราบ ทราบแต่ว่าอยู่ อ.หนองพอก และใกล้เที่ยงพอดี เลยไปหาอาหารกินเสียก่อน
ไปร้านที่เคยชิมกันมานานหลายปี
ร้านอาหารไทย อยู่ไม่ไกลจากบึงพลาญชัย ร้านใหญ่ขนาดสองห้อง มีป้ายคลีนฟู๊ด
กูดเทสท์ มีป้ายธงฟ้าราคาประหยัด มีอาหารสำเร็จรูปหรือข้าวแกงมากกว่า ๒๐ อย่าง
ใส่ถาด ใส่หม้อวางไว้ อย่าไปรอให้เขามาถาม เดินไปชี้เอาจะได้อาหารอร่อย สั่งไม่อั้น
เพราะอร่อยมาก ราคาถูกน่าจะมาก ๆ สั่งมาคือ
น้ำพริกลงเรือ มีหมูหวาน ผักสดหลายอย่าง ใส่จาน ชามธรรมดา แต่สะอาด
สั่งมาเพิ่มแนมน้ำพริกคือ ปลาทูทอด สั่งคะน้าผัดหมูกรอบ (คนที่กลัวมะเร็ง
หรือเป็นมะเร็ง กินผักคะน้ามาก ๆ จะช่วยป้องกันมะเร็งได้) ต้นมะระ ใส่ถ้วยมาร้อนโฉ่
สั่งอาหารมาได้แค่นี้ เพราะไปกันแค่ ๒ คน ข้าวสวยร้อน ๆ จานเดียวไม่พอ ปิดท้ายด้วยขนมหวานมีหลายอย่าง
สั่งข้าวเหนียวถั่วดำ และเต้าส่วน จ่ายไปร้อยกว่าบาท
จากร้านอาหาร กลับมาทางจะมาวัดบูรพาภิรม ถนนสาย ๒๐๔๔ วิ่งไปตามถนนสายนี้ มุ่งหน้าไปทาง
อ.โพนทอง (อำเภอนี้มีแหลมพยอม เป็นแหล่งท่องเที่ยว) เมื่อถึง อ.โพนทอง (ไม่ต้องเข้าตัวอำเภอ)
ไปตามถนนสาย ๒๑๓๖ ถนนสายนี้จะไปยัง อ.เลิงนกทาและเลี้ยวซ้ายเข้าสาย ๒๑๒ ไปยัง
จ.มุกดาหาร ทางเข้าวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม
จะอยู่ริมถนนสาย ๒๑๓๖ เลยจากตัวอำเภอหนองพอกมาประมาณ ๑๒ กม. ใกล้จะถึงทางเข้าสัดจะมีรีสอร์ทหลายแห่ง
ประตูเข้าวัดอยู่ทางซ้ายมือ เมื่อเลี้ยวซ้ายเข้าไปจะพบร้านอาหารประเภทไก่ย่าง
ปลาเผา ส้มตำหลายร้านมายืนโบกมือเรียกลูกค้า อยู่รุมถนน วิ่งรถไปตามถนนที่ขึ้นเนินตลอดประมาณ
๕ กม. จะถึงลานจอดรถของวัดที่จะต้องเดินต่อไป ระหว่างทางมีป้ายบอกไว้ว่า "อย่าเผาป่า
หมูป่ากำลังจู๋จี๋กัน" น่ากลัวว่าจะมีหมูป่ามาก เพราะสองข้างทางยังเป็นป่าที่สมบูรณ์
เมื่อถึงลานจอดรถที่มีรถทัวร์เข้ามาบจอด มีร้านสินค้าโอท๊อป ร้านเครื่องดื่ม
ทีนี้ต้องลงเดินผ่านประตูใหญ่ที่ปิดไว้ไม่ให้รถเข้า คนเดินผ่านเข้าไปได้
เดินต่อไปอีกประมาณ ๓๐๐ เมตร จึงจะถึงพระมหาเจดีย์ เป็นการเดินขึ้นเนินตลอด
สองข้างทางจะพบไก้แจ้บ้าง นกยูงบ้าง หากินอยู่ข้างทาง ไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้ว
เห็นแล้วจะตกใจว่าพระมหาเจดีย์องค์นี้ยิ่งใหญ่จริง ๆ งามไปคนละแบบกับพระมหาเจดีย์ภักดีประกาศ
ที่ประจวบตีรีขันธ์ พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ตั้งสูงเด่นงามนักอยู่บนเนินเขา ความกว้างยาว
สูง ด้านละ ๑๐๑ เมตร หลวงปู่ผู้ริเริ่มในการสร้างคือ "หลวงปู่ศรี มหาวิโร"
หรือพระเทพวิทุธิมงคล ศิษย์องค์หนึ่งของหลวงปู่มั่น ภูริทัต เหตุที่สร้างเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
ที่ท่านได้อัญเชิญมาจากลังกา
เมื่อเดินไปถึง ยังไม่ได้เข้าไปภายในพระมหาเจดีย์ รอบนอกห่างประตูเข้าสัก
๑๐๐ เมตร เป็นที่พัก น่าจะทำไว้รับรองผู้มาไกลได้ หรือเป็นที่ตั้งอาหารเวลาเทศกาลทำบุญใหญ่
ๆ และมีห้องสุขาไว้บริการ รวมทั้งห้องอาบน้ำ และน้ำดื่มด้วย เข้ามาในบริเวณนี้
จะไม่มีอะไรมาขาย มีแค่หน้าประตูทางเขช้าเท่านั้น ยืนชมพระมหาเจดีย์ภายนอกที่สูงเด่น
งามสง่า ให้สมใจกับที่ตั้งใจมา และสมหวังที่มาพบความยิ่งใหญ่จริง ๆ กลางงป่า
กลางดงเลยทีเดียว หลงวงปู่ศรี เคยสร้างพระมหาเจดีย์มาแล้วที่วัดป่ากง หรือวัดประชาคมวนาราม
ได้จำลองเอาไว้ให้ชม แต่ไม่ได้บอกว่าอยู่ที่ไหน จังหวัดอะไร ผมจะพยายามค้นคว้าหาทางไปให้ได้
เพราะเจดีย์ที่วัดป่ากงนั้นบอกว่าเหมือน "บุโรพุทโธ" ที่ประเทศอินโดนีเซีย
ที่ผมเคยไปมาแล้ว สมัยที่ยังเป็นนายกสมาคมกีฬาปัญจักสีลัท
องค์พระมหาเจดีย์ชัยมงคล มองจากภายนอกเสร็จไปมากแล้วกว่า ๘๐ ไม้แกะสลยัก ปิดทอง
ปิดกระจกสี งามเหลือเกิน แบ่งองค์พระเจดีย์เป็น ๕ ชั้นคือ
ชั้นที่ ๑ เมื่อเข้าไปแล้ว ภายในเป็นอาคารอเนกประสงค์ใหญ่ โตมโหฬารเลยทีเดียว
พื้นที่กว้าง ยาวด้านละ ๑๐๑ เมตร ไม่ใช่น้อย ชั้นนี้เป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนา
มีรูปหล่อหลวงปู่ศรี
ชั้นที่ ๒ ขึ้นบันไดต่อไป เป็นสถานที่จัดประชุมหรือสัมมนา ห้องนี้ยังไม่ได้ตกแต่ง
ยังเป็นห้องโล่ง ๆ อยู่ มีพระพุทธรูป ๑ องค์
ชั้นที่ ๓ ขึ้นบันไดต่อไป ตกแต่งแล้วเป็นส่วนใหญ่ เพดานสวยมาก เสาแต่ละต้นงามนัก
ไม้แกะสลยัก ปิดทอง ปิดกระจกสี กระจกด้านข้างของผนังเป็นกระจกสี พระมหาเจดีย์องค์นี้เป็นการตกแต่งของศิลปะยุคใหม่
และยุคเก่าผสมผสานเป็นศิลปะร่วมสมัย ที่หาชมได้ยากยิ่ง เห็นแล้วอยากยืนดูนาน
ๆ และการสร้างนั้นรับทิศทางลม ภายในจึงไม่ร้อนเลย เย็นสบาย ไม่ต้องมีพัดลม หรือติดแอร์
ชั้นที่ ๓ นี้เป็นอุโบสถ มีพระประธาน ช่อไฟกลางเพดานนั้นงามนัก ถ่ายภาพติดได้เหมือนมีแสงสว่างที่กระจายออกมา
ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เปิดไฟ และตามระเบียง และเสาภายในห้องอุโบสถมีรูปปั้นของพระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศจำนวนมากถึง
๑๐๑ องค์ แต่เวลานี้ยังสร้างไม่ครบ แต่ก็มีมากเกินครึ่งแล้ว เช่นหลวงปู่แหวน
วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่ก็มีหลวงปู่มั่น หลวงปู่ฝั่น ฯ
ชั้น ๔ เป็นชั้นที่ขึ้นบันไดต่อไปชมทิวทิศน์ ทั่วบริเวณวัด ซึ่งวัดนี้มีเนื้อที่ประมาณ
๒,๕๐๐ ไร่
ชั้น ๕ เป็นพิพิธภัณฑ์ ที่แสดงประวัติหลวงปู่ศรี ซึ่งยังสร้างไม่เสร็จ กำลังรวบรวมอยู่
ชั้น ๖ หรือชั้นยอด ซึ่งไม่เปิดให้ขึ้นไป คือชั้นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และอัฐิธาตุของพระอรหันต์
ผมบรรยายความงดงามของพระมหาเจดีย์ชัยมงคลได้ไม่ถึง ๑ ใน ๑๐๐ ของที่ตาเห็น
ท่านผู้อ่านชมภาพที่ผทมพยายามถ่ายภาพมาแล้วก็พยายามต่อไป คือพยายามไปชมของจริงให้ได้
ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจากกรุงเทพ ฯ ประมาณ ๕๑๒ กม. แล้ววิ่งต่อไปอีกไม่ถึงร้อย
กม. ก็จะถึงเจดีย์ชัยมงคล จากพระมหาเจดีย์กลับมาออกถนน ๒๑๓๖แล้วไปต่อถนนสาย
๒๑๒ รวมระยะทางจากดหน้าทางเข้าพระมหาเจดีย์ไปอีก ๖๖ กม.ก็จะถึงมุกดาหาร ไปนอน
ไปเที่ยว มุกดาหารต่อ หรือจะเลยข้ามไปเที่ยวประเทศลาวฝั่งสุวรรณเขตเลย ก็ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำโขงบสะพานมิตรภาพ
๒ ไปได้
กลับลงมาจากพระมหาเจดีย์ อย่าลืมแวะชมสินค้าโอท๊อปของร้อยเอ็ด
...........................................................
|