ท่องเที่ยว || เพิ่มข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว|| ดูดวงตำราไทย|| อ่านบทละคร|| เกมส์คลายเครียด|| วิทยุออนไลน์ || ดูทีวี|| ท็อปเชียงใหม่ || รถตู้เชียงใหม่
  dooasia : ดูเอเซีย   รวมเว็บ   บอร์ด     เรื่องน่ารู้ของสยาม   สิ่งน่าสนใจ  
 
สำหรับนักท่องเที่ยว
ตรวจสอบระยะทาง
แผนที่ 77 จังหวัด
คู่มือ 77 จังหวัด(PDF)
จองโรงแรม
ข้อมูลโรงแรม
เส้นทางท่องเที่ยว(PDF)
ข้อมูลวีซ่า
จองตั๋วเครื่องบิน
จองตั๋วรถทัวร์
ทัวร์ต่างประเทศ
รถเช่า
197 ประเทศทั่วโลก
แลกเปลี่ยนเงินสากล
ซื้อหนังสือท่องเทียว
dooasia.com แนะนำ
  เที่ยวหลากสไตล์
  มหัศจรรย์ไทยเแลนด์
  เส้นทางความสุข
  ขับรถเที่ยวตลอน
  เที่ยวทั่วไทย 77 จังหวัด
  อุทยานแห่งชาติในไทย
  วันหยุดวันสำคัญไทย-เทศ
  ศิลปะแม่ไม้มวยไทย
  ไก่ชนไทย
  พระเครื่องเมืองไทย
 
 
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเกาหลี
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศลาว
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเวียดนาม
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศพม่า
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศจีน
 
เที่ยวภาคเหนือ กำแพงเพชร : เชียงราย : เชียงใหม่ : ตาก : นครสวรรค์ : น่าน : พะเยา : พิจิตร : พิษณุโลก : เพชรบูรณ์ : แพร่ : แม่ฮ่องสอน : ลำปาง : ลำพูน : สุโขทัย : อุตรดิตถ์ : อุทัยธานี
  เที่ยวภาคอีสาน กาฬสินธุ์ : ขอนแก่น : ชัยภูมิ : นครพนม : นครราชสีมา(โคราช): บุรีรัมย์ : มหาสารคาม : มุกดาหาร : ยโสธร : ร้อยเอ็ด : เลย : ศรีสะเกษ : สกลนคร : สุรินทร์ : หนองคาย : หนองบัวลำภู : อำนาจเจริญ : อุดรธานี : อุบลราชธานี : บึงกาฬ(จังหวัดที่ 77)
  เที่ยวภาคกลาง กรุงเทพฯ : กาญจนบุรี : ฉะเชิงเทรา : ชัยนาท : นครนายก : นครปฐม : นนทบุรี : ปทุมธานี : ประจวบคีรีขันธ์ : ปราจีนบุรี : พระนครศรีอยุธยา : เพชรบุรี : ราชบุรี : ลพบุรี : สมุทรปราการ : สมุทรสาคร : สมุทรสงคราม : สระแก้ว : สระบุรี : สิงห์บุรี : สุพรรณบุรี : อ่างทอง
  เที่ยวภาคตะวันออก จันทบุรี : ชลบุรี : ตราด : ระยอง

  เที่ยวภาคใต้ กระบี่ : ชุมพร : ตรัง : นครศรีธรรมราช : นราธิวาส : ปัตตานี : พัทลุง : พังงา : ภูเก็ต : ยะลา : ระนอง : สงขลา : สตูล : สุราษฎร์ธานี

www.dooasia.com > มรดกไทย > มรดกท่องเที่ยว > พระธาตุศรีสองรัก
 
พระธาตุศรีสองรัก
| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

พระธาตุศรีสองรัก

            ก่อนที่ผมจะพาไปเที่ยวพระธาตุศรีสองรัก ซึ่งอยู่เกือบสุดแดนไทย คืออำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ผมจะพาท่านตามผมไปเที่ยว ไปกินเสียก่อน ว่าผมไปอย่างไรในคราวนี้ ในโอกาสที่มีวันหยุดตอนปีใหม่หลายวัน เลยไปได้หลายแห่ง วิ่งกันเหนื่อยแต่สนุก และยังไปกันหลายคน รถสองคันจึงสนุกพิลึก
            ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไปพักที่เขื่อนจุฬาภรณ์ เป็นลำดับแรก ต่อจากนั้นจะไปชมสวนหินงาม (เขาพยายามเรียกว่าสวนหินคุนหมิง ผมไม่เรียกชื่อจีน) ไปดูปากแม่น้ำเหืองบรรจบกับแม่น้ำโขง ไปไหว้พระใหญ่ ไปน้ำตกตาดเหือง ที่เป็นน้ำตกเกิดจากแก่งหินกั้นแม่น้ำเหืองทั้งสายเอาไว้ และเป็นแม่น้ำกั้นเขตแดนไทย - ลาวด้วย จะจบด้วยการไปพระธาตุศรีสองรัก อำเภอด่านซ้าย ทั้งหมดนี้ผมมีเวลาเที่ยวไป กินไป รวม ๔ วัน ๓ คืน ลองตามผมไปดู
            วันแรกออกจากกรุงเทพ ฯ ตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ ที่ออกสายเพราะเช้าวันแรกของวันหยุดเลยไม่แข่งกับเขาในการเดินทาง คิดว่าออกสายหน่อยรถน่าจะไม่ติด ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น
            อาหารเช้าเมื่อเลี้ยวเข้าถนนมิตรภาพที่สระบุรีแล้วไปสัก ๕ กิโลเมตร มีปั๊ม คิว ๘ ก็เลี้ยวเข้าปั๊มปลดเปลื้องความทุกข์ด้วย ร้านอาหารในปั๊มชื่อครัวไทย ข้าวแกงอร่อย สั่งแพนงหมู ปลาช่อนแดดเดียว กุนเชียง มะระต้มซี่โครงหมู และผัดเผ็ดปลาดุก อร่อยทุกอย่าง
            จบแล้ววิ่งต่อไปตามถนนมิตรภาพจนถึงสีคิ้ว มีถนนแยกซ้ายเข้าสาย ๒๐๑ ไปอำเภอจตุรัส ต่อไปยังชัยภูมิ อย่าเพิ่งเลี้ยว ให้ตรงต่อไปตามถนนสาย ๒ ไปอีกประมาณ ๑๕ กิโลเมตร จะถึงทางแยกเข้าอำเภอสูงเนิน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสู่อำเภอสูงเนิน เข้าไปประมาณ ๔ กิโลเมตร ถนน ๔ เลน จะผ่านปราสาทโนนปู่ ผ่านตลาด ผ่านโรงเรียน ข้ามทางรถไฟ ผ่านศาลเจ้าพ่อสูงเนิน เลี้ยวขวาไปอีก ๕ กิโลเมตร จะถึงเมืองเก่าโบราณพันปี คือเมืองโคราชเดิม เมืองเสมาธรรมจักร เมืองนี้อยู่ติดกับวัดธรรมจักรเสมาราม ในอำเภอสูงเนินนั้นถือว่ามีของดี คือเมืองโบราณเสมาโคราช พระพุทธไสยาสน์ศิลาใหญ่ ปราสาทหินโบราณ ใบเสมาอายุพันปี และธรรมจักร
            พระนอนวัดธรรมจักรเสมารามนี้สร้างด้วยศิลาทราย และการสร้างนั้นไม่ใช่เอาหินก้อนเดียวมาแกะสลัก แต่เอาหินหลายก้อนแกะสลักแต่ละส่วนเสียก่อน แล้วจึงเอามาวางซ้อนกันเป็นองค์พระพุทธรูปนอน มองดูคล้าย ๆ กับการสร้างของขอม พระพุทธรูปองค์นี้ถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่สร้างด้วยศิลาทรายแดงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือยาว ๑๓.๓๐ เมตร สูง ๒.๘๐ เมตร สร้างในยุคทวาราวดี อายุประมาณ ๑,๒๐๐ ปี และได้สร้างหลังคาคลุมองค์พระพุทธรูป แต่ยังไม่แล้วเสร็จดี ข้าง ๆ องค์พระมีเสมาอายุพันปี และไม่ไกลกันนักคือวิหารที่ตั้งของธรรมจักรศิลานมัสการพระพุทธรูปแล้วจึงกลับออกมาไปวนรถชมเมืองโบราณ ซึ่งยังรักษากำแพงดินและคูน้ำไว้ได้ แต่น่าเสียดายที่วันลอยกระทง มาลอยกระทงกันแล้วทิ้งโฟมกระทงเอาไว้เต็มคูเมือง ไม่ทราบว่าป่านนี้มีใครเก็บแล้วหรือยัง และยังมีซากของศิลาแลงกองอยู่อีก ๒ แห่งด้วย
            สูงเนินนี้เขาบอกว่ามีของดี คือเป็ดพะโล้ กับข้าวขาหมู ไม่ได้สำรวจว่าร้านอยู่ตรงไหน เพราะมีเวลาน้อย พอออกจากวัดธรรมจักรเสมาราม ก็ไม่ต้องย้อนออกมาถนนสาย ๒ อีก ให้เลี้ยวซ้ายทันทีที่หน้าประตูวัด ไปอีกสักระยะหนึ่งจะบรรจบกับถนนสาย ๒๐๑ ที่มาจากสีคิ้ว แล้ววิ่งต่อไปยังอำเภอจตุรัส รวมระยะทางแค่ ๔๐ กิโลเมตร แวะที่จตุรัสเพื่อกินอาหารกลางวัน จำได้ว่ามีขาหมูอร่อยชื่อร้านจตุรัสขาหมู จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ตรงไหน เพราะบ้านเมืองเปลี่ยนไปมาก ถนนขยายกว้าง วนหาจนพบปรากฏว่าปิดร้านเลยต้องหาร้านใหม่ มาจากด่านขุนทดพอเข้าจตุรัส ก่อนถึงไฟสัญญาณสัก ๒๐๐ เมตร ให้ดูทางซ้ายมือ ร้านเม้งโภชนาร้าน ๒ ห้อง เม้งช่างคุยและร้านจะสะอาดมากรวมทั้งห้องน้ำด้วย เม้งยังไม่ยอมให้นั่งจนกว่าจะเช็ดโต๊ะ เก้าอี้ซ้ำจนสะอาด แต่ทำอาหารมาเร็วมากและอร่อย ปล่อยให้หน้าที่หน้าเตาเป็นของแม่ครัวควงตะหลิวอยู่คนเดียว เม้งบริการและคุย ขาหมูน้ำใส อร่อยสุด ๆ มีทั้งไส้หมู คากิ และขาหมู สั่งกัน ๓ จาน จึงพอ ไก่ผัดพริก ต้มยำรวม และที่เยี่ยมยุทธอีกอย่างคือ เนื้อตุ๋น
            จากร้านเม้งวิ่งมาจนถึงกิโลเมตร ๙๓ บ้านดอนละนาม มีร้าน ๒ ห้อง ชื่อดอนละนามอยู่ทางซ้ายมือ มีป้ายนำเป็นระยะ ๆ แวะซื้ออาหารเป็นเสบียงไว้ก่อน เพราะไม่รู้หนทางข้างหน้าว่าจะหามื้อเย็นได้ที่ไหนเพราะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับห้องอาหารที่เขื่อนจุฬาภรณ์ ซื้อได้ไก่กระบอก แหนมกาละมัง ไส้อั่วปิ้งเตาดิน และแหนมหม้อ กับข้าวเหนียว ติดไปเป็นเสบียงมื้อเย็น
            จากร้านดินละนามวิ่งกันรวดเดียวถึงชัยภูมิ ลงคารวะอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพระยาแล แล้ววิ่งผ่านท่านตรงไปจนสุดทางก็เลี้ยวขวาเข้าถนน ๒๐๕๑ สัก ๖ กิโลเมตร ก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนน ๒๑๕๙ ไปยังอำเภอหนองบัวแดง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ ไปบรรจบกับถนนที่มาจากคอนสาร ก็เลี้ยวซ้ายวิ่งขึ้นเขาลูกเดียวเพื่อไปยังเขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนนี้มีมติ ครม.ให้สร้างได้เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๒ ต่อจากนั้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้เริ่มสร้างแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๕ ถึงขั้นจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ และต่อมาสร้างเขื่อนขนาดเล็กชื่อ เขื่อนพรมธารา นำน้ำกลับมาสู่อ่างทำให้ได้น้ำเพิ่มขึ้นอีกปีละ ๒ ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนยาว ๗๐๐ เมตร สันเขื่อนกว้าง ๘ เมตร สูง ๗๐ เมตร
            บริเวณเขื่อนร่มรื่นธรรมชาติงดงาม ไปชมวิว ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ในที่เดียวกันคือที่ศาลาพรมพิศมัย มีสนามกอล์ฟ ค่ากรีนและแคดดี้ถูก มีสโมสรที่มีร้านอาหาร "เรือนน้ำพรม" อยู่ที่นี่
            บ้านพักมีหลายแบบ หลายราคา ไม่ได้มุ่งให้เช่า มุ่งบริการพนักงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต เมื่อว่างก็ให้เข้าพักได้จึงต้องจองกันล่วงหน้านาน ๆ จึงจะได้ไปพักในสถานที่สะดวกสบาย และอากาศหนาวเย็นตลอดปี ราคาต่ำสุดห้องพัดลม ห้องน้ำ รวมพักได้ ๑๘ เตียง ๙๐๐ บาท ส่วนผมได้พักบ้านหลังเบอร์ ๔ มี ๔ ห้องนอน มีเตียงนอน ๑๐ เตียง จัดที่พักสวยมีทั้ง ที.วี.แอร์ (ไม่ต้องเปิด) ตู้เย็น น้ำอุ่น ห้องรับรอง ห้องอาหารพร้อม นอกจากนี้ยังมีห้องสัมนา ติดต่อจองที่พัก ๐๔๓ ๓๘๔๙๖๙ ต่อ ๒๒๘๗,๐๔๔ ๘๖๑๖๖๙ ต่อ ๒๒๘๗
            ผมพักนอน ๒ คืน จึงมีเวลาเที่ยวได้อย่างสบาย ๆ ในวันรุ่งขึ้น ไปเที่ยวมาดังนี้ เริ่มตั้งแต่อาหารเช้าไข่ดาว ขนมปัง ไส้กรอก กาแฟ ราคาเพียงชุดละ ๕๐ บาท ชุดข้าวต้มก็มี ไปกันมาก ๆ เป็นคณะใหญ่ สั่งอาหารที่เรือนน้ำพรมนี้ได้ในราคามื้อเช้า ๔๐ บาท กลางวัน เย็น คนละ ๘๐ บาท อาหารดีทีเดียว
            จบอาหารเช้าแล้ววิ่งรถไปเที่ยว แต่ชุดที่ตื่นเช้าชมพระอาทิตย์ที่ศาลาพรมพิศมัย หรือที่พระตำหนักนั้นไปกันตั้งแต่เช้ามืดส่วนมากจะเป็นฝ่ายสตรี ฝ่ายบุรุษสมัครนอนมากกว่า
            สถานีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากลับลงมาประมาณ ๔ กิโลเมตรอยู่ทางขวามือ ต้องขออนุญาตที่ป้อมยามและเข้าไปประมาณ  ๒๘ กิโลเมตร จะถึงที่ทำการซึ่งมีบ้านพักให้เช่าพักได้อีก หากรถไม่มากนักจะพบ เก้ง กวาง อยู่ริมถนน วันนี้ขาเข้าไปพบเก้ง ๑ ตัว เที่ยวกลับพบกวาง ๑ ตัว แต่ตรงที่พักและที่ทำการนั้นมีกวาง "ขี้ดื้อ" เขาเรียกมันว่า อีแจ่ม (ชาวสถานีเขาเรียก ) เดินอยู่แถวนั้นหาอาหารจากนักท่องเที่ยว เข้าไปในเขตนี้เหมือนอยู่ในป่าใหญ่เพราะยังเป็นป่าที่สมบูรณ์อยู่ในอุทยานภูเขียว และล้อมรอบทุ่งกระมัง
            เลยลงมาอีกเล็กน้อยมีจุดชมวิว เยื้อง ๆ กันมีเพิงอาหารขาย มี ๒ เจ้า ได้กินมื้อกลางวันที่ร้านทางด้านซ้าย ไก่ย่างอร่อย เกาเหลาเนื้อ ไข่ปิ้ง ปลาเผา ส้มตำที่ขาดไม่ได้ ที่มาแปลกคือมีผักดองใส่ถุงเอาไว้ มีน้ำแจ่วใส่ถุงแขวนพ่วงอยู่ ถุงละ ๑๐ บาท ผักดองจิ้มแจ่ว เรียกน้ำย่อยดีนัก
            และไม่ไกลกันคือสถานีวิจัย เพาะเลี้ยงพันธุ์สัตว์ป่า มีสัตว์ป่านานาชนิดที่หายากให้ชม และมักจะเป็นสัตว์ที่กำลังจะสูญพันธุ์ เช่น นกกะเรียนพันธุ์ไทยที่สูญพันธุ์ไปแล้วจากไทย แต่สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงโปรดให้หามาจากเขมรที่ยังมีพันธุ์ไทยหลงอยู่ นำมาเพาะเลี้ยงจนออกลูกแล้ว แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน เป็ดก่าก็มาก นกยูงก็มี
            มื้อเย็น กินอาหารที่สโมสร คือที่ร้านเรือนน้ำพรม จองเขาไว้ตั้งแต่เช้า เขาเลยจัดที่ศาลาริมระเบียงให้ วิวดี มีไวน์เตรียมไปดื่มแก้หนาว ซื้อไวน์กระชายดำ กับไวน์โด่ไม่รู้ล้มซื้อมาจากจัสโก้ (ที่ฟู๊ดแลนด์ก็มีขาย) ซึ่งเขาให้แกล้มกับไข่เจียวหมูสับเข้ากันนัก จึงสั่งแกงป่าไก่ ไข่เจียวหมูสับ ไข่ยัดไส้ ยำหมูยอ ปลานิลทอดกระเทียมพริกไทย ปลาช่อนผัดคึ่นช่าย หมูผัดน้ำมันหอย อร่อยทุกอย่างราคาไม่แพงเลย
            เช้าวันรุ่งขึ้นออกเดินทางจากเขื่อนจุฬาภรณ์ตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ มุ่งหน้าไปยังอำเภอคอนสาร แล้วเลี้ยวขวาออกไปหน่อย เลี้ยวซ้ายอีกที จนบรรจบกับถนนสาย ๒๐๑ ที่มาจากอำเภอชุมแพ สายที่จะไปยังจังหวัดเลย ไปตามถนนสายนี้จนถึงผานกเค้าที่มองแหงนขึ้นไปตอนเช้าจะยิ่งสวย เหมือนนกจับอยู่ยอดไม้กลางแดดยามเช้า ทางขวามือมีร้านแจ้กิม และใกล้ ๆ กันมีไก่ย่าง  ซื้อไก่ย่างมากินข้าวแกงร้านเจ้กิม อาหารอร่อยทุกอย่าง มีห้องสุขามากมายหลายสิบห้อง สั่งกับข้าวมากินกับไก่ย่างคือ พะแนงหมู พะโล้ ไข่ดาว กุนเชียง แกงเผ็ดหน่อไม้ ผัดเผ็ดปลาดุก ข้าวสวยร้อน ๆ

            จากผานกเค้า วิ่งต่อไปจนถึงกิโลเมตร๑๕๘ เลี้ยวซ้ายเข้าไป ๑๖  กิโลเมตร จะถึงป่าหินงามที่เขาอุตริไปตั้งชื่อว่า ป่าหินคุนหมิง ตามชื่อป่าหินที่คุนหมิงประเทศจีน ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องไปตั้งชื่อตามจีนเขา ไม่จำเป็นต้องเอาชื่อคุนหมิงเพื่อเรียกร้องคนมาเที่ยว ปากต่อปากของคนไทยก็จะเรียกคนมาเที่ยวเอง สำคัญที่การดูแลสถานที่อย่าทำลายธรรมชาติ ป่าหินแห่งนี้พบมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๐ และเริ่มมีคนไปเที่ยวมากขึ้น ชื่อ "ป่าหินงาม เมืองเลย" เสียจะดีกว่า เปลี่ยนชื่อเสียเถอะรักษาเอกลักษณ์ของความเป็นไทยเอาไว้ให้มาก ๆ คนที่ไปป่าหินคุนหมิงมาแล้วจะทราบว่าไม่เหมือนกัน เหมือนกันแค่ ๑๐ % กระมัง แต่สวยอย่างไทย ๆ แปลกไปจากป่าหินงาม ที่ชัยภูมิ ภูผาเทิปที่มุกดาหาร มีความงามเฉพาะตัว ไม่ใช่งามอย่างคุนหมิง จึงไม่ประทับใจในชื่อ
            จบจากป่าหินงามมากินข้าวกลางวันที่ร้านเรียม อยู่ตรงอำเภอแถวกิโลเมตร๑๖๒.๕ มีก๋วยเตี๋ยวเป็นตุ๋นอร่อยนัก
            จากนั้นมุ่งหน้าไปเลย พักที่โรงแรมดีราคาถูก ชื่อโรงแรม คิงส์ ๐๔๒ ๘๑๑๗๘๓ คืนละ ๔๐๐ บาท เตียงคู่ สะอาด สะดวกสบายอยู่กลางเมือง
            เข้าที่พักแล้ว วิ่งไปแก่งคุดคู้ อำเภอเชียงคาน แวะซื้อผ้าห่มนวม เพราะที่เชียงคานปลูกฝ้ายมาก ทำผ้าห่มนวมดีที่สุด แวะซื้อที่ร้านบ่วยเฮีย ๒ ซึ่งเขามีโรงงานทำเอง ผ้านวมที่นี่เขาชั่งกิโลขาย
            เห็นเวลายังมีแยะเลยยังไม่ไปแก่งคุดคู้ ไปวัดก่อนมีวัดศรีคุณเมือง มีพระพุทธรูปปางสมาธิ แต่หัตถ์ท่านวางแปลก และเป็นวัดที่มีศิลปะผสมผสานแปลกตา ด้านหน้าอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนังที่กำลังเลอะเลือนน่าเสียดาย อีกวัดคือวัดท่าแขก อยู่ริมทางเข้าแก่งคุดคู้ ซึ่งแก่งนี้อยู่ห่างจากตัวอำเภอ ประมาณ ๘ กิโลเมตร ไปทางปากชม ๓ กิโลเมตรแล้วเลี้ยวซ้ายเข้ามา ๕ กิโลเมตรจะผ่านวัดท่าแขก เป็นวัดธรรมยุต ภายในโบสถ์มีพระพุทธรูป ๓ องค์ สกัดจากหินแกรนิตทั้งก้อน หน้าตักกว้าง ๒ ศอก เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่
            ส่วนแก่งคุดคู้ ยังอยู่ในเขตน่านน้ำไทย ในแม่น้ำโขง แต่สายน้ำกำลังแทงเข้าสู่ฝั่งไทยจนลึกเข้ามาเป็นอ่าว กินเข้ามาในแผ่นดินไทยเรื่อย ๆ หากไม่หาทางยับยั้งไว้ นานไปแก่งนี้จะเข้าไปอยู่ในเขตลาวทั้งหมด ฤดูแล้งน้ำจะลด แก่งจะผุดเด่นกลางลำน้ำโขง แม้จะไม่เต็มทั้งลำน้ำเช่นแก่งหลี่ผี หรือคอนพะเพ็งในลาว แต่ก็สวยน่าชม ริมฝั่งมีร้านอาหารของกลุ่มสตรีพื้นเมืองรวมตัวกันขาย ไก่ย่าง ปลาเผา กุ้งทอดอร่อยมาก กุ้งเต้น เป็นต้น ของขายมีแยะ

            จากในตัวอำเภอเชียงคาน หากวิ่งเลียบแม่น้ำโขงไปเรื่อย ๆ ไปประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ผ่านบ้านดีหมี เลี้ยวขวาเข้ามายังสำนักสงฆ์ปากน้ำเหือง เมื่อถึงสำนักสงฆ์แล้วแวะไปถวายอาหารแห้งให้ท่านไว้จะดีอย่างยิ่ง หรือปัจจัยด้วยยิ่งดี เพราะอยู่ห่างจากหมู่บ้านมากเป็นวัดป่าจริง ๆ ถนนข้าง ๆ สำนักสงฆ์ขึ้นสู่ยอดเขาซึ่งชาวบ้านเรียกพระใหญ่ และเป็นจุดที่ชม ปากแม่น้ำเหือง ลำน้ำเหืองพบกับแม่น้ำโขงตรงจุดนี้ บนยอดเขามีพระใหญ่ที่กองทัพภาคที่ ๒ เป็นหัวเรือใหญ่ในการสร้างไว้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๒ นี้เองสร้างร่วมกับประชาชนและ ๑๙ จังหวัดในอีสานนาม "พระพุทธนวมินทรมงคลลีลาทวินคราภิราช" ประทัยยืนสูง ๑๙ เมตร รอบฐาน ๗.๒ เมตร (๗๒ พรรษา) ๑๙ เมตรหมายถึงรัชกาลที่ ๙ และ ๑๙ จังหวัดในภาคอีสาน บรรจุพระธาตุจากธาตุพนม พระธาตุเชิงชุม บังพวน ขามแก่น นาดูน และศรีสองรัก และพระบรมสารีริกธาตุ จากสมเด็จพระสังฆราชประทานให้มาบรรจุ
            จากจังหวัดเลย ไปยังอำเภอภูเรือ แต่ไปสายแล้วจึงขึ้นไปชมวิวบนยอดภูเรือเท่านั้น ไม่ได้ชมพระอาทิตย์ขึ้น เคยขึ้นไปแล้วสวย แต่ไม่สวยเท่าที่ภูชี้ฟ้า ภูเรือกำลังมีงานวันดอกไม้พอดี ดอกไม้เมืองหนาวมีมากและสวย ๆ  เมืองเลยดูจะเป็นแหล่งสมุนไพร โดยเฉพาะกระชายดำที่กำลังดัง ราคาที่แก่งคุดคู้กิโลกรัมละ ๒๐๐ บาท มาที่งานดอกไม้ราคากิโลกรัมละ ๑๕๐ บาท พอไปถึงตลาดชายแดนบ้านเหมืองแพร่เหลือราคาที่ร้านกลุ่มแม่บ้านพื้นเมืองกิโลกรัมละ ๑๒๐ บาท ถูกหนักเข้าไปอีก ซื้อมาดองน้ำผึ้งกินบำรุงกำลังดีนักแล ดอง ๒ เดือนจึงจะใช้ได้
            จากภูเรือ หากวิ่งตรงมายังด่านซ้ายระยะทางประมาณ ๓๓ กิโลเมตร จะถึงด่านซ้ายที่เป็นอำเภอชายแดน ที่เจริญมากกว่าอำเภอที่อยู่สุดเขตคือ อำเภอนาแห้ว ห่างตัวอำเภอมาทางจะมาหล่มเก่าสัก ๑ กิโลเมตร พระธาตุศรีสองรัก อยู่บนเนินเขา พระธาตุองค์นี้มีประวัติว่า พระธาตุศรีสองรัก สร้างโดย ๒ กษัตริย์ คือ กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ และกษัตริย์ลาวคือ พระไชยเชษฐา หลานตาของพระเจ้าเชียงใหม่ เคยครองเมืองเชียงใหม่อยู่ ๒ ปี แล้วกลับไปครองล้านช้าง ตอนไปนำพระแก้วมรกตซึ่งอยู่ที่วัดเจดีย์หลวงไปด้วย พระแก้วมรกตจึงไปอยู่ที่เวียงจันทน์เสียสองร้อยปีเศษ จนลาวรุ่นหลังไม่รู้เรื่องหาว่าสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มาเอาของลาวไป กษัตริย์ทั้งสองสร้างขึ้นเพื่อเป็นสักขีพยาน ในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน องค์พระธาตุสูงประมาณ ๓๐ เมตร ศักดิ์สิทธิ์มาก ตั้งจิตอธิษฐานดี ๆ จะสมหวัง วันที่ไปมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งไม่ทราบว่าไปทำแบบไหน เขาพยายามถ่ายรูปถ่ายกี่ครั้งกล้องก็ไม่ทำงาน แต่พอลงมาถ่ายกันข้างล่างกล้องกลับทำงาน เขาเห็นผมถ่ายรูปเขาเลยเข้ามาถาม ก็บอกให้เขาไปจุดธูปเทียนขอขมาเสียว่าไปทำอะไรเข้า จึงถ่ายรูปได้
            จากอำเภอด่านซ้าย หากวิ่งไปอำเภอนาแห้วระยะทาง ๓๕ กิโลเมตร จะถึงตัวอำเภอเล็ก ๆ ผ่านอำเภอตรงไปทางชายแดน ด่านเหมืองแพร่ประมาณ ๒ กิโลเมตรมีทางแยกซ้าย แยกเข้าอุทยานนาแห้ว ซึ่งจะไปยังน้ำตกตาดเหือง ผมไปที่ชายแดนก่อน กินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านริมเหืองโภชนา ร้านนี้ตั้งอยู่หน้าด่านที่จะเดินข้ามแม่น้ำเหืองไปฝั่งลาวได้ ใครอยากไปฝั่งลาวก็แจ้งเจ้าหน้าที่ขอไปเท่านั้น ใกล้ ๆ กันมีตลาดเล็ก ๆ มีสมุนไพรขายเช่น ว่านชักมดลูก หรือว่านทรหดหัวโต ๆ ราคาถูก กระชายดำ มีเหล้าไวน์ บรั่นดี แชมเปญจากจีนขายในราคาที่ถูกมากคือขวดละ ๑๔๐ - ๑๕๐ บาท อร่อยหรือเปล่ายังไม่ได้ชิมจึงยังไม่ทราบ เหล้าจากจีนมีบุหรี่จีนขายห่อละ ๑๒๐ บาท มีคนคอยวิ่งข้ามแม่น้ำเหืองไปซื้อให้ หากเป็นฤดูน้ำ
            กลับมากินก๋วยเตี๋ยว ร้านริมเหืองโภชนา ร้านตรงหัวมุมเยื้องกับตลาด และตรงกันข้ามกับร้านขายกระชายดำ ซึ่งเป็นของกลุ่มแม่บ้านเหมืองแพร่ ขายกล่องละ ๔๐ บาท  มี ๒๐ ซอง นำมาชงน้ำกิน จะมีพละกำลังมากนัก (จะบอกว่าเหมือนผมก็เกรงใจ)
            ร้านก๋วยเตี๋ยวร้านเล็ก ๆ นี้ของอร่อยก็คือ ก๋วยเตี๋ยวน้ำธรรมดา ๆ นี่แหละ ชามละ ๒๐ บาท แต่ที่แปลกคือเขามีขวดเต้าหู้ยี้อย่างดี กับกะปิอย่างดีวางไว้ และมีพริกขี้หนูสดด้วย หมดก็ขอได้ เมื่อเขายกชามก๋วยเตี๋ยวที่ควันโขมง ร้อนโฉ่มาให้ก็จัดการเอา เต้าหู้ยี้ใส่ลงไปเสียก่อนแล้วค่อยชิม ยังไม่ถูกใจ อ่อนเปรี้ยว หวาน เค็ม อย่างไรก็เติมตามความพอใจ สำคัญที่ต้องเติมเต้าหู้ยี้เสียก่อน อร่อยอย่าบอกใคร ไม่ได้อร่อยแบบเย็นตาโฟด้วย อร่อยตามความแปลกของเขา และได้แค่ชามเดียวเพราะชามโตเหลือเกิน แล้วตามด้วยผัดซีอิ้ว ทดลองเอาพริกขี้หนูสดจิ้มกะปิกินตามเข้าไปดูแปลกดีแต่น่าจะกินกับข้าวผัดจะถูกกันมากกว่า เคยเห็นที่อินโดนีเซีย รถเข็นขายมันทอดของเขามีพริกขี้หนูใส่ถ้วยวางไว้ให้ด้วย แต่ก็เข้าใจเพราะมันทอดของเขาคือปอกมันแล้วฝานเป็นชิ้นโยนลงกะทะไปเลย ไม่ได้ชุบแป้งผสมมะพร้าวทอดให้มีรสอย่างบ้านเรา เขาจึงเติมรสด้วยพริกขี้หนูสด แต่ที่ร้านนี้ให้เอาพริกขี้หนูสด จิ้มกะปิเพื่อเพิ่มรสชาดอาหาร หากเคี้ยวพริกขี้หนูพลาดไปโดนลิ้นก็คงวิ่งกันตกแม่น้ำเหืองไปเลย เพราะแม่น้ำก็อยู่ตรงหน้านั่นเอง
------------------------

| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |

พระธาตุศรีสองรัก: ข้อมูลพระธาตุศรีสองรัก ท่องเที่ยวพระธาตุศรีสองรัก ข้อมูลเที่ยวพระธาตุศรีสองรัก


 
 
dooasia.com
สงวนลิขสิทธิ์ © 2550 ดูเอเซีย    www.dooasia.com

เว็บท่องเที่ยว จองที่พัก จองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ ข้อมูลท่องเที่ยว ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม แผนที่ การเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร จองที่พักและโรงแรมออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตทั่วโลก คลิปวีดีโอ ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ลาว เวียดนาม ขอขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวลาว การท่องเที่ยวกัมพูชา การท่องเที่ยวเวียดนาม มรดกไทย กรมป่าไม้
dooasia(at)gmail.com ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย. สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์