สวนนก
ชัยนาท
สวนนก
ชัยนาท
จังหวัดชัยนาท เป็นจังหวัดที่อยู่ในภาคกลางตอนบน เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน
ปัจจุบันนอกจากเป็นเมืองน่าเที่ยวแล้ว ยังมีอาหารอร่อยมีสินค้าด้าหัตถกรรมที่มีชื่อเสียง
การจักสาน การปั้น การทอ การทำเครื่องเบญจรงค์ ที่มีฝีมือประณีต งดงามมาก
อีกทั้งมีรูปแบบทันสมัย ราคาย่อมเยา เป็นสินค้าส่งจำหน่ายทั่วประเทศ และสินค้าส่งออกต่างประเทศ
ชัยนาท หากแปลตามศัพท์มีความหมายว่า ชัยชนะที่มีเสียงบันลือ เป็นเมืองโบราณเมืองหนึ่ง
ตัวเมืองเดิมอยู่บริเวณฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ปากคลองแพรก ศรีราชา
ใต้ปากลำน้ำเก่า ตั้งขึ้นทีหลังเมืองพันธุมวดี (สุพรรณบุรี) เป็นเมืองหน้าด่านของกรุงสุโขทัย
สร้างในแผ่นดินเลอไท แห่งกรุงสุโขทัย ระหว่าง พ.ศ.๑๘๖๐ - ๑๘๗๙ ตั้งอยู่ปากคลองแพรก
จึงได้ชื่อว่า เมืองแพรก
หรือเมืองสรรค์
มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านทางใต้ของสุโขทัย
เมื่อกรุงสุโขทัยเสื่อมอำนาจลง เมืองแพรก จึงกลายเป็นเมืองหน้าด่านตอนบนของกรุงศรีอยุธยา
ต่อมาได้เกิดชุมชนใหม่ ไม่ไกลจากเมืองสรรค์ มีเจ้าสามพระยาเป็นผู้ครองเมือง
ซึ่งต่อมาได้เป็นกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่
๒ เมืองที่เกิดขึ้นใหม่นี้ เป็นเมืองใหญ่มีชื่อว่า ชัยนาท
ในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ย้ายเมืองจากแหลมยาง
มาตั้งตรงฝั่งซ้ายแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนเมืองสรรค์นั้น เสื่อมลงเรื่อย ๆ ผู้คนพากันอพยพมาอยู่เมืองชัยนาทมากขึ้น
ในที่สุดเมืองสรรค์ก็กลายเป็นเพียงอำเภอหนึ่งของชัยนาท ชัยนาทเป็นเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญ
เคยใช้เป็นพื้นที่ตั้งรับข้าศึกพม่าหลายครั้ง และมีชัยทุกครั้งไป จึงเป็นที่มาของชื่อ
ชัยนาท
ชัยนาทในปัจจุบันมีเนื้อที่ประมาณ ๒,๖๓๕ ตารางกิโลเมตร ไม่มีอุทยานแห่งชาติ
แต่มีเขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนแห่งแรกของไทย แบ่งการปกครองออกเป็น ๖ อำเภอ
๒ กิ่งอำเภอคือ อำเภอเมืองชัยนาท อำเภอหันคา อำเภอมโนรมย์ อำเภอสรรค์บุรี
อำเภอสรรพยา อำเภอวัดสิงห์ กิ่งอำเภอหนองมะโมง และกิ่งอำเภอเนินขาม
เส้นทาง ชัยนาทอยู่ห่างจากกรุงเทพ ฯ ประมาณ ๑๙๕ กม. ผมไปจากบ้านลาดพร้าว ออกถนนรามอินทรา
แยกเข้าถนนเลี่ยงเมือง ไปออกถนนพหลโยธินแล้วเลี้ยวซ้ายไป เลี้ยวขวาเข้าถนนสาย
๓๒ หรือถนนเอเซีย ที่กรมทางนับหมายเลขหลัก กม.ใหม่ คือ เริ่มต้น ๑ กันใหม่
จนกว่าจะพ้นทางแยกเข้าชัยนาท กม.๑๓๑ (เดิม กม.๑๘๓) เป็นจุดที่ถนนพหลโยธิน
จากตาคลี มาบรรจบ
แต่วันนี้ ผมลองเปลี่ยนเส้นทางคือ พอออกถนนเลี่ยงเมือง ผ่านด่านเก็บสตางค์
๓๐ บาท (ด่านไม่ขึ้นราคา) ไปแล้วถึงแยกไป อ.คลองหลวง ก็แยกซ้ายไปผ่านตลาดไท
ตรงไปข้ามสะพานข้ามถนน ไปลงถนนสาย ๓๔๗ แล้วเลี้ยวขวา ตามป้ายไป " บางปะหัน"
ถนนสายนี้กลายเป็นถนน ๔ เลน หมดแล้ว จะไปบรรจบกับถนนเอเซีย สาย ๓๒ อีกครั้งที่แยกเข้าบางปะหัน
ซึ่งเลยทางแยกเข้าอยุธยามาแล้ว มาผ่านทางแยกซ้ายเข้าอ่างทอง (แยกขวาไป เจ้าปลุก
ไปลพบุรี) ผ่านแยกซ้ายไปยังวัดไชโยวรมหาวิหาร ต่อไปอีก จะผ่านแยกเข้าร้านอาหารสำคัญ
๒ ร้าน คือ ร้านกุ้งเผา ที่ กม.๗๐ เผากุ้งแม่น้ำเก่งทั้ง ๒ ร้าน ราคากุ้งแม่น้ำก็เก่งด้วย
มาผ่านทางแยกเข้าสิงห์บุรี (เลี้ยวขวาไปลพบุรี) พอถึง กม.๙๙.๕๕๐๐ ก็จะถึงร้านอาหาร
มีอาหารขายอร่อยด้วย เลยต่อไปจนถึง กม.๑๐๔.๕๐๐ ถึงอำเภออินทร์บุรี เดี๋ยวนี้มีศูนย์อาหารใหม่
ใหญ่โต อยู่ทางซ้ายมือชื่อ ปลาทู ฟู๊ดเซ็นเตอร์ เลยอินทร์บุรีไปแล้ว หากจะไปวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์
ในสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ก็เลี้ยวซ้ายข้ามถนนกลับไปทางจะไปตาคลี
ต่อจากจุดนี้ไปอีกนิดเดียว ก็จะถึงหลัก กม.๑๓๑ (หลักใหม่) ก็เลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ
๘ กม. สวนนก ชัยนาท จะอยู่ทางขวามือ
สวนนก ชัยนาท
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดชัยนาท เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๖
ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาพลอง หมู่ที่ ๔ ตำบลเขาท่าพระ ริมถนนพหลโยธิน (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
๑) กม.๒๗๗.๕๐ ก่อนถึงตัวเมืองชัยนาท ประมาณ ๔ กม. (ถนนยังเป็นถนน ๒
เลน) สวนนกชัยนาท มีพื้นที่ ๒๖๐ ไร่ แต่มีกรงนก กรงใหญ่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเซียคือ
พื้นที่มากถึง ๒๖ ไร่ คลุมพื้นที่ป่า ตั้งแต่เชิงเขาไปจนถึงไหล่เขา
เป็นการปล่อยให้นกได้อยู่ตามธรรมชาติ และยังมีกรงนกขนาดกลาง และขนาดเล็กอีก
๖๓ กรง สวนนกชัยนาท เปิดให้เข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ - ๑๘.๐๐ ค่าเข้าชมคนละ
๓๐ บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร ๐๕๖ ๔๑๑ ๔๑๓
เมื่อผ่านประตูทางเข้า ที่อยู่ติดกับศาลาไทย จำหน่ายสินค้าโอท๊อป ซึ่งจะหาซื้อเครื่องเบญจรงค์ที่แสนสวยได้ที่ร้านค้าแห่งนี้
รวมทั้งวัตถุมงคล ของหลวงปู่ศุข ปากคลองมะขามเฒ่า ก็มีจำหน่าย (นักเดินทางควรมีวัตถุมงคลของหลวงปู่ศุข
ฯ ไว้หน้ารถจะเดินทางปลอดภัย) ซึ่งในร้านศาลาไทยนี้ นอกจากสินค้าโอท๊อป
แล้วยังมีพวกเซรามิค
ตะกร้าทำจากพลาสติคสวย ๆ "ถังเงิน ถังทอง" เอาไว้เก็บสตางค์ ยาสมุนไพร สินค้าแปรรูป
เช่น กล้วยอบ กล้วยกวน ส้มโอแปรรูป เป็นต้น และหากออกไปทางด้านหน้า ทางขวาของศาลาไทยนี้
จะมีแผงขายส้มโอมากมาย ราคาไม่แพง เช่น ลูกโตมาก ๆ ขายลูกละ ๕๐ บาท มีตั้งแต่ราคา
๑๐ ลูก ร้อยบาท ไปจนถึง ๔ ลูก ๒๐๐ บาท อย่าลืมว่า ส้มโอพันธุ์ขาวแตงกวา ของชัยนาทนั้น
อร่อยสุด ๆ หวานฉ่ำ
เมื่อผ่านเข้าประตูไปแล้ว ตรงหน้าคือ สระน้ำใหญ่ มีหุ่นฟางนกอินทรีย์ตัวใหญ่มหึมา
อยู่กลางสระน้ำ การเดินชมให้เดินไปทางขวามือก่อน ผ่านกรงนกขนาดเล็ก ขนาดกลาง
และทางเข้าไปในกรงนกขนาดใหญ่ ที่มีนกสารพัดชนิด เดินต่อไปจะมีน้ำตกที่เกิดขึ้นจากสร้างฝายกั้นดินพังทลาย
เลยกลายเป็นน้ำตก มีต้นไทรอยู่ริมธาร หากมองผ่านต้นไทรไปน้ำตก จะได้ภาพที่สวยอีกภาพหนึ่ง
เดินต่อไปทางขวาจะเป็นสวนพฤกษศาสตร์ บนไหล่เขาและเหนือสวนคือ วิหารหลวงปู่ศุข
ปากคลองมะขามเฒ่า ได้สร้างวิหารของหลวงปู่ไว้ ณ ที่นี้ ต้องเดินขึ้นเขาไปหน่อยหนึ่ง
ควรแก่การนมัสการ เดินต่อไปจะผ่านกรงสัตว์ต่าง ๆ เช่น สวนสัตว์ป่า
ละมั่ง เลียงผา กวางดาว เนื้อทราย สวนงู สวนกระต่าย เดินต่อไปทางขวาคือ พิพิธภัณฑ์ปลาน้ำจืด
เปิดเป็นเวลา มีปลาจากแม่น้ำเจ้าพระยา ๖๓ ชนิด มาใส่ตู้ไว้ให้ชม เช่น ปลาเสือตอ
ปลาตองลาย ปลาเสือสุมาตรา ปลากดหิน เป็นต้น เดินชมจนครบเป็นวงรอบพอดี เข้าร้านสินค้า
"โอท๊อป"
วัดธรรมามูลวรวิหาร
พระอารามหลวง ชั้นตรี เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองชัยนาท มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
ตั้งอยู่บนไหล่เขาธรรมามูล ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ไปวัดธรรมามูลคราวนี้ตกใจ
ในความเจริญอย่างรวดเร็วของเมืองชัยนาท หลังจากที่ไม่ได้ไปที่วัดมานานร่วม
๕ ปี ไม่น่าจะเจริญเร็วขนาดนี้ หากไปจากสวนนก ตามถนนพหลโยธิน ไปจนถึงสี่แยก
"แขวงการทาง" เลี้ยวขวาเข้าสาย ๑ (ตรงไปเข้าตัวเมือง) ตามป้ายที่บอกว่าไปนครสวรรค์
คราวนี้ถนนจะเป็นถนนสี่เลน รถราวิ่งกันหนาตา สองข้างทางมีอาคารสิ่งก่อสร้างเต็มไปหมด
ผมถึงบอกว่าเจริญเร็วเหลือเกิน เลี้ยวมาผ่านโรงพยาบาลชัยนาท แล้วเลี้ยวซ้าย
(มีป้ายบอกทางตลอด) ไปอีกประมาณ ๑.๖ กม. ต้องขอชมเกาะกลางของถนนพหลโยธิน
ที่ปลูกต้นไม้ตกแต่งสวยงามมาก วัดนี้ในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ จะมีงานตักบาตรเทโวด้วย
เพราะตัวอุโบสถอยู่บนไหล่เขา จึงตั้งโต๊ะสองข้างทางลง ให้พระท่านลงมาบิณฑบาตรได้
และก่อน ๑ วัน ก็จะมีงานประเพณีแข่งเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา (ชัยนาทมีแม่น้ำผ่าน
๓ สาย คือ เจ้าพระยา ท่าจีน และแม่น้ำน้อย) เมื่อวิ่งเลี้ยวมาถึงริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ก็จะมีทางแยกซ้ายขึ้นไปยังตัววัด หากไม่เลี้ยวตรงไปก็มีสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
สร้างเสร็จใหม่เอี่ยม พึ่งเปิดใช้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๑ เพื่อข้ามไปยัง อ.วัดสิงห์
ได้ เมื่อขึ้นไปถึงหน้าพระอุโบสถ ทางซ้ายมีหลวงพ่อสุโขทัย มีบันไดขึ้นไปนมัสการหลวงปู่ทวด
หลวงปู่ศุข หลวงพ่อวัดไร่ขิง และพระสังกัจจายน์ และหากขึ้นไปนมัสการวิหารนาค
ต้องขึ้นบันไดไป ๕๖๕ ขั้น (ผมยังไม่เคยขึ้น) หน้าพระอุโบสถมีเสมาใบคู่
สร้างด้วยศิลาทรายสีแดง สลักลวดลายแบบสมัยอยุธยา พระประธานเป็นพระสร้างใหม่
แต่พระพุทธรูปสำคัญ จะอยู่ที่วิหารด้านหลัง ที่อยู่ติดกันคือ "หลวงพ่อธรรมจักร"
เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ประทับยืนบนฐานดอกบัว เป็นศิลปะประยุกต์ สมัยเชียงแสนตอนปลาย
ถึงสมัยสุโขทัยตอนต้น ผสมกับสมัยอยุธยา มีรูปธรรมจักรปรากฎอยู่กลางฝ่าพระหัตถเบื้องขวา
เป็นเครื่องหมายแห่ง มหาปุริสลักษณะ คือ ลักษณะของมหาบุรุษ ๓๒ ประการ ตามคติอินเดีย
ฝ่าเท้ามีจักรลักษณะ มีลายตาข่าย ในฝ่ามือ ฝ่าเท้า เหมือนสังข์ที่ตั้งขึ้น
เหมือนคางราชสีห์
มื้อกลางวัน ผมกินก่อนเข้าไปชมสวนนก เพราะพอดีเที่ยงเมื่อใกล้จะถึง และพบว่าก่อนถึงสวนนก
ประมาณ กม.๒๗๖.๕๐๐ มีร้านอยู่ทางซ้ายมือ คนแน่นเต็ม ลักษณะชาวพื้นเมือง เพราะผมไปวันราชการ
นักท่องเที่ยวย่อมน้อย ร้านเป็นศาลาโถง หลังใหญ่มาก และคนแน่นเต็มยังกับจัดงานแต่งงาน
หรืองานเลี้ยง แสดงว่าร้านนี้ไม่ใช่ธรรมดา ก็เลี้ยวรถเข้าไปทันที ต้องขอบอกไว้ก่อนว่า
ไม่ผิดหวัง อาหารดีมาก บริการเยี่ยม ข้อสำคัญราคาถูกมาก พนักงานแต่งเครื่องแบบเรียบร้อย
มารยาทดี
คำแรกต้องสั่ง "ลาบเป็ด" ไม่ผิดหวัง เผ็ดนิดเดียว พอเป็นเผ็ดอร่อย ตามด้วยจานผัก
แตงกวา โหระพา กล่ำปลี ผักบุ้ง ร้านนี้อาหารประเภทเป็ดดีมาก เช่น ต้มยำเป็ด
สั่งกันแทบทุกโต๊ะ ต้มยำเป็ด หม้อไฟ สั่งกันมาก ขนาดต้องมีรถเข็นตอนตามเก็บหม้อไฟ
ลาบเป็ด แกงเป็ด พะโล้เป็ด ผัดเครื่องในเป็ด ผัดขี้เมาเป็ด รวนเป็ด ยำตีนเป็ด
ฯ
สั่งผัดตีนเป็ด จานนี้หากสั่งร้านอาหารจีนในกรุงเทพ ฯ หลายร้อยบาท แต่ที่นี่ไม่ถึงร้อย
แค่ ๖๕ บาท เท่านั้นเอง ผัดมากับเห็ด ต้นหอม มีน้ำซีอิ๊ว มาให้เติมรส
ยังมีอาหารเป็ด อีกมากไม่กล้าสั่ง เพราะพุงรับไม่ไหว น่ากิน ปากเป็ดทอด เป็ดพริกไทยดำ
ส่วนพวกหมึกก็มี หมึกไข่ย่าง หมึกไข่ทอด หมึกไข่นึ่งมะนาว ยำหมึกไข่
ส้มตำปูม้า ราคา ๔๐ บาท ใส่ปูทั้งตัว รสแซ๊บ ปิดท้ายด้วยกาแฟเย็น
..............................................................
|