อุทยานแห่งชาติตาดโตน
อช.ตาดโตน
- อช.ภูแลนคา
อุทยานแห่งชาติตาดโตน อยู่ในท้องที่อำเภอเมือง จ.ชัยภูมิ มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่บนเทือกเขาภูแลน
มีเนื้อที่ประมาณ ๒๑๗ ตารางกิโลเมตร หรือ ๑๓๔,๗๓๗ ไร่
เส้นทางไปยัง อช.ตาดโตน ไปได้ ๒ เส้นทางคือ
เส้นทางแรก ตรงไปยัง จ.ชัยภูมิ ไปตามถนนมิตรภาพ พอถึงสีคิ้ว ก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย
๒๐๑ ตามป้ายไปผ่าน อ.ด่านขุนทด อ.จตุรัส ตรงเข้าชัยภูมิ ตรงหน้าอนุสาวรีย์พญาแล
ตรงต่อไปผ่านถนนในเมือง ตรงออกไปนอกเมืองตามถนน ๒๐๕๑ ผ่าน ม.ราชภัฎ เข้าประตูอุทยานไปอีก
๒ กม. จะมีทางแยกซ้าย ป้ายบอกว่าไป มอหินขาว (อช.ภูแลนคา) ตรงต่อไปผ่านด่านเก็บค่าธรรมเนียม
(รถคันละ ๓๐ บาท ผู้ใหญ่ ๒๐ บาท) ตรงต่อไปสองข้างทาง จะเป็นป่าที่สมบูรณ์
ทางขวาของถนนประมาณสัก ๕๐ เมตร จะเห็นลานหินที่น้ำอาจจะท่วมในตอนฝนตกหนัก
เลยลานหินไปคือ ธารน้ำที่ไหลมาจากธารน้ำตกตาดโตน ตรงไปจนถึงที่ทำการอุทยาน
ซึ่งด้านขวา ก่อนไปถึงตัวน้ำตก จะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และร้านขายของที่ระลึกของอุทยาน
ส่วนทางด้านซ้ายมีลานจอดรถ มีสุขา มีร้านอาหารอยู่ ๕ - ๖ ร้าน ขายอาหารเหมือน
ๆ กัน เหนือร้านอาหารไปทางขวา มีศาลพ่อปู่ด้วง และศาลแม่ย่าดี
เส้นทางที่ ๒ ผมไปจาก อช.ป่าหินงาม โดยมาจากกรุงเทพ ฯ มาผ่านสระบุรี
แยกขวาเข้าถนนสาย ๒๑ ที่ประมาณ กม.๑๒๒ มาเลี้ยวขวาเข้าถนน ๒๐๕ ที่สี่แยกม่วงค่อม
ก่อนถึงตัวอำเภอชัยบาดาล มาผ่านชัยบาดาล ลำสนธิ เทพสถิต แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน
๒๓๕๔ ไป ๑๗.๔๐๐ กม. เลี้ยวซ้ายเข้าถนนอุทยานไป อช.ป่าหินงาม แต่จะไปชัยภูมิก็ไม่เลี้ยวเข้า
อช.ป่าหินงาม ตรงต่อไปตามถนนสาย ๒๓๕๔ จะไปผ่าน อ.ซับใหญ่ หนองบัวระเหว ที่ไม่อ่านว่า
"เหว" ลองอ่านออกเสียงตามภาษาอังกฤษ ที่เขาเขียนกำกับไว้ จะได้เสียงที่ชาวเมืองออกเสียงคือ
Boa Ra Wae หรือ We หรือ Vay ขืนออกว่า เหว เชย ชาวบ้านขำกลิ้งเลยทีเดียว
ผ่าน อ.หนองบัวระเหว ไปแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนสาย ๒๒๕ ตามป้ายไปชัยภูมิ
วิ่งตรงต่อไป ๒๒ กม. ถึง อ.บ้านเขว้า อำเภอนี้มีชื่อเสียงทางผ้าไหม มีร้านผ้าไหมหลายร้าน
มีโอท๊อปบ้านเขว้า มี โค ออพอินน์ มีจุดล่องแพในแม่น้ำชี ตรงทางขวาของสะพานปูน
ข้ามลำน้ำชี ประมาณ กม.๑๕๓.๕๐ ซึ่งทางขวาของสะพาน จะเห็นแพ ลอยอยู่หลายลำ
มีทั้งแพอาหาร แพคาราโอเกะ ที่จะรับล่องไปตามแม่น้ำชี หิวข้าวแวะกินข้าว ร้านในแพได้
เรียกว่า จุดล่องแพลำน้ำชี - ท่าวังหิน
เลยจุดล่องแพไปแล้ว พอเหลืออีก ๓ กม. จะถึงตัวจังหวัดชัยภูมิ (ดูจาก หลัก
กม.) ทางซ้ายมือจะเห็นประตูเข้าไปยัง ศาลเจ้าพ่อพญาแล
และสวนสาธารณะหนองปลาเฒ่า จำจุดนี้ไว้ให้ดี ๆ ค่ำนี้ผมจะพามากินอาหารที่ร้านอร่อย
เลยไปอีก ๓ กม. หากชิดซ้ายตรงห้าแยกโนนไฮ จะพบป้ายพาไป อช.ตาดโตน ตามป้ายไป
แล้วจะไปซ้ำกับเส้นทางที่ ๑
อช.ตาดโตน
ได้รับรางวัลประเภทอุทยานดีเด่น เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๘ ลานหินริมน้ำไม่อนุญาตให้เอาอาหารไปนั่งกิน
หรือตั้งวงก๊งสุรา น้ำตกไม่สูงนัก มีความสูงประมาณ ๖ เมตร กว้าง ๕๐ เมตร และยาวไปตามลำน้ำประมาณ
๓๐๐ เมตร เหนือน้ำตกเป็นลานหินกว้างขวาง เล่นน้ำได้ อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ ใน อช.ตาดโตน ยังมีน้ำตกผาเอียง น้ำตกตาดฟ้า
น้ำตกผานิด น้ำตกผาสองชั้น ส่วน ศาลเจ้าพ่อตาดโตน
หรือศาลพ่อปู่ด้วง
นั้น ประวัติของท่านคือ เป็นคนรุ่นเดียวกับท่านเจ้าพ่อพญาแล เจ้าเมืองคนแรกของชัยภูมิ
เป็นชีปะขาว รักษาโรคให้แก่ชาวบ้าน เมื่อท่านตาย ชาวบ้านจึงนับถือท่านมาก
และตั้งศาลให้
ชมน้ำตกแล้ว ได้เวลากินข้าวพอดี ดูร้านอาหาร ๔ - ๕ ร้าน แล้ว สั่งไก่ย่างมา
๑ ตัว เป็นไก่ย่างหนังกรอบเสียด้วย ตามด้วยสูตรกินไก่ย่างคือ ส้มตำไทย ย้ำว่าอย่าให้เผ็ด
และไข่ปิ้ง คือ ไข่ที่ดูดเอาไข่ออกมา ผสมกับเครื่องเทศ และซ๊อส แล้วฉีดกลับเข้าไปในเปลือกไข่
เอาไปนึ่งพอสุกแล้วจึงมาเสียบไม้ปิ้ง เรียกว่า ไข่ปิ้ง มีรสชาติในตัวไม่ต้องไปจิ้มอะไรอีก
สั่งข้าวเหนียวมาด้วย
ก่อนเดินไปน้ำตก ได้แวะไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่บริการเยี่ยมจริง
ๆ สมกับได้รับรางวัล ไปถามถึงเส้นทาง และการไปชม มอหินขาว ทางศูนย์จัดการโทรศัพท์หารถให้
เพราะรถเก๋งอย่าได้คิดขึ้นไปเป็นอันขาด ใต้ท้องรถจะพัง ปรากฎว่า รถรับจ้าง
ก็รถแถวร้านอาหารนั่นแหละ ค่าเช่า ๗๐๐ บาท นัดหมายกันเวลาบ่ายสองโมง รถวิ่งกลับออกมานอกอุทยาน
แล้วเลี้ยวขวาไป ๑๓ กม. จะเป็นถนนลาดยางตลอด ผ่านบ้านหินหนีบ บ้านนี้ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง
แต่ทางราชการทำไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ ให้ไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ แล้วเลี้ยวซ้ายไปหน่อยเดียว
ถนนเป็นลูกรังจะไปถึงยังหมู่บ้าน ที่หมู่บ้านนี้ยังเอารถเก๋งมาได้ จากนี้ไปอย่าได้เสี่ยงไป
มีรถให้เช่า
จากหมู่บ้าน ถนนจะวิบากมาก หากฝนตกอาจจะไปไม่ได้ เพราะลื่น รวมระยะทางจากหน้า
อช.ตาดโตน จนถึงมอหินขาว ประมาณ ๒๒ กม.
มอหินขาว
คือ จุดที่จะชมเป็นจุดแรก และเป็นไฮไลท์ของการมาชม เป็น Stone Henge of Thailand
คือ มีลักษณะคล้ายคลึงกับที่อังกฤษ ซึ่งเป็น ๑ ใน ๗ สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง
แต่มีขนาดเล็กว่า พื้นที่รอบบริเวณประมาณ ๒๐๐ ไร่ แบ่งกลุ่มหินขนาดใหญ่เป็น
๓ กลุ่ม กลุ่มแรก คือ เสาหิน ๕ ต้น
เป็นแท่งหินมีความสูงถึง ๑๒ เมตร ตั้งขึ้นไป ก้อนที่ใหญ่ที่สุดขนาด ๒๒ คนโอบ
กลุ่มที่ ๒ ห่างจากกลุ่มแรก ๕๐๐ เมตร เรียกว่า ดงหิน มีรูปร่างคล้ายเจดีย์
หอเอียงปิซ่า กระดองเต่า ปีนขึ้นไปชมวิวได้ กลุ่มที่ ๓ ห่างออกไปอีก ๑,๕๐๐
เมตร กระจายกันอยู่ในลานกว้าง เป็นแท่งหิน และเสาหินขนาดเล็ก การไปกลุ่มที่
๒ และ ๓ ต้องเดินไป รถจอดรอ
ที่จุดนี้ มีป้ายบอกว่า หากไปต่อ ไปชมจุดชมวิวหัวนาค
๒,๘๐๐ เมตร สวนหินล้านปี ๑,๕๕๐ เมตร ลานหินต้นไทร
๑,๒๐๐ เมตร ๓ จุดนี้ต้องเดินไป ส่วนหินเจดีย์
และกลุ่มหินโขลงช้าง
๙๕๐ เมตร เอารถไปได้ ผมไปดูกลุ่มหินโขลงช้างก่อน แล้วจึงกลับมาดู
มอหินขาว ที่เรียกว่า
มอหินขาว เพราะชาวบ้านที่เกิดมาก็เห็นแล้ว จึงไม่เป็นของแปลก มาดังกันเมื่อ
๒ - ๓ ปี มานี้เอง ที่เรียกว่า มอ (เนินเขา) หินเขาเพราะหินทรายสีขาว
ยามต้องแสงแดดในเวลากลางวัน ยิ่งช่วงหลังเวลาฝนตก ไม่นานจะมองเห็นเป็นสีขาวเด่นชัด
มองในระยะไกลยิ่งจะสะดุดตา จึงเรียกกันต่อ ๆ มาว่า มอหินขาว ลักษณะของมอหินขาว
และบริเวณโดยรอบ ประกอบด้วยหินชั้น หรือหินตะกอน ยุคจูแรสสิก - ครีเทเชียส
(๑๙๕ - ๖๕ ล้านปี ) จัดอยู่ในกลุ่มหินโคราช ประกอบด้วยหมวดหินภูกระดึง
และหมวดหินพระวิหาร จากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ทำให้เกิดการคดโค้งและแตกหักของชั้นหิน
รวมทั้งการผุพัง และกัดเซาะจากน้ำฝน และน้ำไหลตามผิวดิน จึงเกิดเป็นหินรูปร่างประหลาด
ๆ อย่างที่มองเห็น
๙๕๐ เมตร จากมอหินขาว คราวนี้ชมหินโขลงช้าง เป็นโขลงใหญ่ทีเดียว มองดูคล้ายช้างหมอบอยู่ก็มี
ช้างยืนก็มี และยังมีรูปร่างแปลก ๆ อีกมากมาย ได้เห็น มอหินขาว สมใจไม่ต้องถ่อร่างไปดูที่อังกฤษ
เพราะตั้งใจไว้แล้ว เก็บสตางค์หยอดกระปุกได้พอเมื่อไร จะไปชม ตอนนี้ไม่คิดไปแล้ว
ผมเคยไปเช่ารถขับในอังกฤษ น่าจะง่ายกว่าขับในกรุงเทพ ฯ ชมหินโขลงช้างแล้ว
จึงกลับมาชม มอหินขาว จนอิ่มตา อิ่มใจแล้ว จึงกลับมาเอารถที่ อช.ตาดโตน และขอขอบคุณในการบริการของเจ้าหน้าที่
ของศูนย์บริการ
ขับรถกลับเข้าเมืองชัยภูมิ ตรงมาจนถึงอนุสาวรีย์พระยาแล
แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านหน้าโรงพยาบาล แล้วเลี้ยวขวาตรงสี่แยกไฟสัญญาณ เข้าประตูของรีสอร์ทใหญ่กลางเมือง
สถานที่กว้างขวางท่ามกลางแมกไม้ และสายธารน้ำตก มีห้องอาหารเป่า เปา ราคาห้องเดอลุกซ์
๙๙๐ บาท แถมอาหารเช้า อาคาร ๒ ชั้น พักชั้นล่าง สบายมาก สงบเงียบ ไม่พลุกพล่าน
จอดรถหน้าห้องพักได้เลย
ร้านอาหาร ออกจากโรงแรมเลี้ยวซ้าย พอมาถึงอนุสาวรีย์เลี้ยวซ้าย แล้วไปเลี้ยวขวาเข้าถนนสาย
๒๒๕ ไปอีก ๓ กม. ทางเข้าทางเดียวกับไปศาลเจ้าพ่อพญาแล อยู่ทางขวามือ เข้าไปในซอยนี้ประมาณ
๓๐๐ เมตร จะถึงลานจอดรถกว้าง ควรได้จอดรถ เดินไปที่ศาลเจ้าพ่อสักการะเสียก่อนไปกินข้าว
ศาลใหญ่โตหันหน้าสู่ริมบึงใหญ่ เสร็จแล้วจึงขับรถไปตามถนนเลียบริมบึง ประมาณ
๒๐๐ เมตร ร้านจะอยู่ทางขวามือ เป็นร้านใหญ่ มีหลายระดับ ชั้นล่างในสวน ชั้นบนเหมือนในบ้านชั้นดาดฟ้า
ห้องแอร์ ฯ เรียกว่า มีหลายระดับ อาหารแนะนำคือ ส้มตำทอด ปลาตะเพียนสวย น้ำพริกโต่งหมู
ยำสามสาว
พอนั่งปุ๊บ ก็ยกน้ำแดงมาเสริฟ บอกว่า Wellcome Drink แต่ตอนชิมยำที่สามสาว
อร่อยแต่เผ็ดต้องขอเวลคัม ดริงค์ อีกถ้วย
ปลาตะเพียนสวย ราคา ๑๔๙ หมด คงสั่งกันทุกโต๊ะ
ส้มตำทอด มะละกอทอดกรอบ วางข้างบน ข้างล่างมีปลาหมึก หมูยอ หอยแมลงภู่ กุ้ง
ใส่มาด้วย ข้างล่างเหมือนน้ำยก จานนี้เกลี้ยงจาน
เห็ดโคนญี่ปุ่นผัดกุ้ง ผัดกับต้นหอม พริกชี้ฟ้าแดง ปิดท้ายด้วยยำสามสาว ที่มีกุ้งลวก
หอยนางรมสด ปลาหมึกลวก วางบนกล่ำปลีหั่นฝอย ราดด้วยน้ำยำ มีหอมเจียว วางมาข้าง
ๆ จาน ผักชีโรยหน้า กลิ่นหอมเจียว หอมน่ากิน เสียงตรงเผ็ดจริง ๆ นี่แหละ
ปิดท้ายด้วย ข้าวผัดกุ้ง
...............................................
|