วัดอมรินทรารามวรวิหาร ในตำนานโกโบริ

0

หากย้อนไปราวปีพ.ศ.2485 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สงครามมหาเอเชียบูรพา      ประเทศไทยได้รับความเสียหายจากภัยสงครามนี้โดยตรง ทำให้หลายจุดในประเทศหายนะด้วยลูกระเบิด              หนึ่งในจุดยุทธ์ศาสตร์ที่กองทหารญี่ปุ่นจะทิ้งระเบิดนั้นได้แก่ สถานีรถไฟริมคลองบางกอกน้อย อันเป็นบริเวณที่ตั้งของวัดที่ดูเอเซีย.คอมจะพามารู้จักและแนะนำกันในทริปนี้ ซึ่งก็คือ วัดอมรินทรารามวรวิหาร นั่นเอง

วัดอมรินทรารามวรวิหาร  สร้างขึ้นประมาณปีพ.ศ.2200 ไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง เดิมทีมีชื่อวัดว่า “วัดบางว้าน้อย” ตั้งคู่กับ “วัดบางว้าใหญ่” หรือวัดระฆัง โฆสิตารามในปัจจุบันเป็นวัดที่มีพื้นที่อาณาเขตอยู่ในกำแพงเมืองฝั่งตะวันตกของกรุงธนบุรี

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกระดับขึ้นให้เป็นวัดอารามหลวง จากเดิมเป็นวัดชั้นตรีชนิดวรวิหาร ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่1 ได้ทำการปฏิสังขรณ์ใหม่หมดทั้งพระอาราม และโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชูปถัมภ์ในการสร้างถาวรวัตถุอื่นๆ ที่ยังคงค้างคาอยู่ให้เสร็จสิ้น แล้วพระราชทานนามวัดใหม่เป็น “วัดอมรินทรารามวรวิหาร” ซึ่งมี “หลวงพ่อโบสถ์น้อย” ประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ในวิหาร

ทางรถไฟ  ได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่เมื่อพ.ศ.2492 และมีการปฏิสังขรณ์อีกหลายครั้ง ขนาดของวิหารมีความยาว 11.50 เมตร กว้าง 7.50 เมตร สูงถึงเพดานประมาณ 7 เมตร นับว่าเป็นโบสถ์ที่มีขนาดเล็ก เหมือนดังชื่อเรียกขานว่า โบสถ์น้อย ภายในวิหาร ที่ฝาผนังเขียนภาพพุทธประวัติ มีพระประธานคือ “หลวงพ่อโบสถ์น้อย” เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นศิลปะแบบสุโขทัย ปางมารวิชัยลงรักปิดทอง หน้าตักกว้าง 4 ศอก 22 นิ้ว ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมมากราบสักการะขอพรจากหลวงพ่อกันเป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยความศักดิ์สิทธ์ของหลวงพ่อตั้งแต่ในครั้งสงครามมหาเอเชียบูรพา จากภัยในครั้งนั้นทำให้บริเวณวัดเสียหายเกือบทั้งหมด พระครูวิหารกิจจานุการ

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสของวัดอมรินทรารามวรวิหารในปัจจุบัน ท่านได้ให้ข้อมูลว่า ตอนที่ระเบิดลง ภายในวัดนี้เสียหายพังพินาศหมด เนื่องจากวัดอยู่ติดกับสถานีรถไฟพอดี คงเหลือไว้แต่เพียงวิหารหลวงพ่อโบสถ์น้อย และมณฑปพระพุทธบาทจำลอง ที่รอดพ้นภัยมาได้ แต่ด้วยแรงระเบิดจึงทำให้เศียรของหลวงพ่อร้าว แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรหลวงพ่อโบสถ์น้อยได้

สำหรับมณฑปพระพุทธบาทจำลอง สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่1 เป็นมณฑปทรงจัตุรมุขหลังคา 2 ซ้อน 2 ตับ ตับล่างเป็นกันสาด ยอดมณฑปมีความสูงตลอดยอด 8 วา 3 ศอก ประดับด้วยกระเบื้อง และชามเขียนสีของจีน สวยงามทีเดียวค่ะ ภายในประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง มีกำแพงล้อม และประตูเข้าออกทั้ง 4 ทิศ แต่ช่วงที่ดูเอเซียไปนั้น มณฑปกำลังปรับปรุงซ่อมแซมพอดีค่ะ จึงไม่มีโอกาสไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาทจำลองในส่วนของอุโบสถนั้นเป็นอุโบสถที่สร้างขึ้นใหม่ เป็นแบบประเพณีทรงจัตุรมุข มีมุขโถงทั้ง 4 ด้าน ฐานของอาคารเป็นฐานสิงห์ลูกแก้ว หลังคา 4 ซ้อน 3 ตับ มุงกระเบื้องดินเผาเคลือบสีเครื่องตกแต่งที่หน้าบัน เป็นแบบเครื่องลำยอง มีช่อฟ้า ใบระกาหางหงส์  ลายหน้าบันเป็นรูปพระอิศวรทรงช้างเอราวัณ ออกแบบก่อสร้างโดย หลวงวิศาลศิลปกรรม สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2512 ทิ้งท้ายไว้ด้วยเรื่องเล่าจากพระครูวิหารกิจจานุการ ท่านให้ข้อมูลของ ทหารหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัยที่ชื่อคุ้นๆสำหรับแฟนภาพยนตร์ไทยนามว่า “โกโบริ” กับดูเอเซียอีกด้วยล่ะค่ะ ท่านกล่าวว่า มีศาสตราจารย์นายแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราชเล่าให้นักศึกษาฟังว่า แท้จริงแล้วโกโบริเนี่ย มาตายที่โรงพยาบาลศิริราชนี้เอง ท่านกล่าวว่าตอนแรก ไม่ทราบนึกว่าเป็นแค่เรื่องในนิยาย พอได้ยินเช่นนี้มาจึงทราบว่าโกโบริเนี่ยมีตัวมีตนจริงๆ แล้วก็มาตายที่โรงพยาบาลใกล้ๆวัดนี้เอง

สำหรับเพื่อนๆที่อยากหันหน้าเข้าวัด มาสำรวมกายใจ  ให้หายเครียดจากเหตุการณ์บ้านเมือง (อ้อลืมบอกไปค่ะ ขณะที่ดูเอเซีย.คอม มาที่วัดนี้ มีทหารเรือรักษาความปลอดภัยอยู่ภายในวัดเพียบเลยค่ะ) หรืออยากจะขอพรจากหลวงพ่อโบสถ์น้อยในเมืองไทยสงบเสียที มาได้เลยนะค่ะที่วัดอมรินทรารามวรวิหารแห่งนี้ วัดอยู่ใกล้กับรพ.ศิริราช หากห้างพาต้าตรงมาถึงแยกอมรินทร์แล้วเลี้ยวขวา ตรงมาเรื่อยๆ ข้ามสะพานอรุณอมรินทร์ วัดจะอยู่ทางซ้ายมือบริเวณเชิงสะพานค่ะ ใครที่ไปแล้วอาจจะเดินเล่นแถวๆสถานีรถไฟบางกอกน้อยก็ได้นะค่ะ บางทีอาจจะเจอโกโบริ แต่เป็นไปได้สูงว่าจะเจอทหารเรือซึ่งรักษาความปลอดภัยอยู่เสียมากกว่าค่ะ

ขอบคุณภาพจาก lib.thapra.su.ac.th

เชิญแสดงความคิดเห็น