แม้คนเมืองอย่างเราๆจะเห็นฝนแล้วหวาดระแวง แต่สำหรับสรรพชีวิตในผืนป่าแล้ว สายฝนเปรียบเสมือนความชุ่มฉ่ำที่ชุบชีวิตให้ฟื้นคืนสู่ความมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนต้นหนาวอย่างนี้ ดอกไม้ป่านานาชนิดก็กำลังผลิบานเหมือนอย่างที่ “ทุ่งโนนสน” ในอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ที่มีอาณาเขตครอบคลุมจังหวัดพิษณุโลกและเพชรบูรณ์
ดอกเหลืองพิศมรยามเช้าบนลานหิน
ทุ่งโนนสน ถูกยกให้เป็น 1 ใน 10 ทุ่งดอกไม้ที่สวยที่สุดของไทย ซึ่งทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพิษณุโลก กับอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงได้ร่วมกันผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ศึกษาธรรมชาติตามแนวคิดเที่ยวหัวใจใหม่ เมืองไทยยั่งยืน ที่คนรักดอกไม้ไม่ควรพลาดชม
ลานสนสองใบ ที่มาของชื่อทุ่งโนนสน
ทุ่งโนนสนตั้งอยู่ใจกลาง อช.ทุ่งแสลงหลวง บนความสูง 700 ม. เป็นที่ราบทุ่งหญ้าสลับป่าสนเขา ช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. ของทุกปี เป็นช่วงที่ป่าไม้จะมีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุด และมีการสะสมตะกอนดินที่เป็นปุ๋ยอินทรีย์ ทำให้มีดอกไม้ประเภทดอกไม้ดินบานสะพรั่งเต็มทั้งบนลานทุ่งโนนสนและตามลานหิน
แรงชักหมดเมื่อเริ่มไต่เนินป่าซาง
เมื่อก่อนนี้หากใครอยากจะไปดูดอกไม้บนทุ่งโนนสนจะต้องเดินเท้าจากหน่วยพิทักษ์อุทยาน สล.8 หรือหน่วยฯ หนองแม่นา อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เป็นระยะทางไกลถึง 16 ก.ม. แต่ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา ทาง อช.ทุ่งแสลงหลวงได้เปิดเส้นทางใหม่เดินตรงสู่ทุ่งโนนสนได้ใกล้กว่าเดิม โดยตั้งต้นจากหน่วยพิทักษ์ฯ สล.12 บ้านรักไทย ในอำเภอเนินมะปราง จ.พิษณุโลก ย่นระยะทางเหลือเพียง 9 ก.ม. อีกทั้งตอนนี้ก็ได้เวลาดีที่ดอกไม้ป่านานาพันธุ์กำลังผลิบาน จึงเป็นที่มาของการเดินทางของ “ตะลอนเที่ยว” ในทริปนี้
สภาพเส้นทางเดินขึ้นเขาอันร่มรื่น
ทุ่งโนนสนจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับผู้รักธรรมชาติโดยเฉพาะ เพราะนอกจากจะต้องเดิน-ปีน-ป่าย ถึง 9 ก.ม. ขึ้นไปให้ถึงยอดแล้ว ด้านบนยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ไม่มีร้านอาหาร ต้องเตรียมเสบียงและโชว์ฝีมือเสน่ห์ปลายจวักกันเอง ไม่มีไฟฟ้า ยามค่ำคืนมีแต่แสงของดวงจันทร์และดวงดาว ไม่มีบ้านพัก แต่มีที่พักที่กว้างขวางใต้ต้นสนและต้นรังให้เลือกมุมกางเต็นท์ได้ตามใจชอบ ไม่มีห้องน้ำ แต่มีอ่างอาบน้ำธรรมชาติให้นอนแช่น้ำเย็นฉ่ำที่ลำธาร ที่สำคัญยังมีห้องส้วมแบบ Open Air ใกล้ชิดธรรมชาติแบบสุดๆ ให้ใช้บริการอีกด้วย แต่หากใครไม่เคยชินหรือรู้สึกเขินๆ ทางอุทยานมีห้องน้ำขึงด้วยผ้าใบแบบเรียบง่ายไว้ให้บริการ แต่ต้องเตรียมน้ำมาทำความสะอาดเอง
ลานกางเต็นท์อยู่ไม่ไกลกับทุ่งดอกไม้
เมื่อเตรียมกายเตรียมใจพร้อมแล้วก็ได้เวลาเดินทางมุ่งหน้าสู่ทุ่งโนนสนกันได้ อากาศสดใสเหมือนจะเป็นใจเมื่อ “ตะลอนเที่ยว” เริ่มออกเดินทาง โดยจากหน่วยฯ รักไทย เราต้องนั่งรถกระบะไปอีก 8 ก.ม. ไปยังจุดเริ่มต้นเดินเท้าที่บ้านฐานแตก อันเป็นหมู่บ้านที่เคยเป็นพื้นที่สีแดงในยุคคอมมิวนิสต์ และเริ่มต้นเดินก้าวแรก ของ 9 ก.ม. ที่นี่ ซึ่งเส้นทางเดินเท้านั้นต้องผ่านทุ่งหญ้าคา ก่อนจะเข้าสู่พื้นที่ป่าดิบแล้งและป่าดิบเขาตามลำดับ เดินได้ราว 2-3 ก.ม. เราหยุดแวะพักเป็นจุดแรกบริเวณ “เนินหินลาด” น้ำตกบนลานหินเล็กๆ ก่อนจะเดินต่อไปยัง “เนินทดลอง” ซึ่งเป็นเนินลาดชันแต่ไม่มากนักเหมือนให้ทดลองกำลังของตัวเอง ส่วน “เนินลองใจ” ก็เป็นอีกหนึ่งเนินทดสอบกำลังใจของตัวเองเช่นกัน
เหลืองพิศมร หรือเอื้องนวลจันทร์ นางเอกของทุ่งโนนสน
แต่เมื่อถึง “เนินป่าซาง” องศาเริ่มชันมากขึ้นจนต้องค่อยๆ ปีนป่ายเกาะราวไม้ไผ่ขึ้นไปทีละก้าว เมื่อเดินถึงยอดเนินจึงต้องพักกินข้าวกลางวันเอาแรงกันที่นี่ เมื่อมีแรงจากข้าวเหนียวหมูทอดแล้ว “ตะลอนเที่ยว” ไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆ ผ่าน “เนินดูใจ” ผ่าน “จุดชมวิว” และในที่สุดก็พาตัวเองขึ้นมาถึงที่ราบยอดเขาหรือ “ทุ่งโนนสน” บนความสูง 700 ม. จนได้ ใช้เวลาไปราว 5 ช.ม. ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับปกติ
คืนนี้เราพักผ่อนนอนเต็มที่จนคลายความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินขึ้นเขา ในตอนรุ่งเช้า “ตะลอนเที่ยว” จึงพร้อมแล้วที่จะออกเดินทางชมสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนทุ่งโนนสน ซึ่งในช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือตั้งแต่เดือน ต.ค.-พ.ย. จะเป็นช่วงที่มีดอกไม้ป่าหลากหลายชนิดบานสะพรั่งบนทุ่งโนนสน โชคดีที่ได้พี่ “มะขามป้อม-ปัญญา จันทร์มา” เจ้าหน้าที่สื่อความหมายของ อช.ทุ่งแสลงหลวง ผู้คุ้นเคยกับดอกไม้ใบหญ้าบนทุ่งโนนสนแทบทุกชนิด เป็นคนพาเดินชมดอกไม้ใบหญ้าในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่มีระยะทางราว 2.5 ก.ม.
เอื้องนวลจันทร์-เอื้องม้าวิ่ง
“ตะลอนเที่ยว” ไม่ผิดหวังเลยเพราะระหว่างทางได้พบเจอดอกไม้และต้นไม้น่าสนใจที่พี่มะขามป้อมชี้ชวนให้ชมไปตลอดทาง เริ่มตั้งแต่ หม้อข้าวหม้อแกงลิง พืชกินแมลงที่ปกติแล้วพันธุ์ที่พบนั้นจะขึ้นอยู่ในที่สูงประมาณ 1,400 ม. จากระดับน้ำทะเล แต่กลับพบเป็นดงอยู่บนทุ่งโนนสนที่สูงประมาณ 700 ม. เท่านั้น
หม้อข้าวหม้อแกงลิงที่นี่พบ 2 พันธุ์ด้วยกัน คือพันธุ์สีเขียวดอกใหญ่ พันธุ์สีแดงดอกเล็ก ขณะที่ตามพื้นดินในเส้นทางช่วงแรกนั้น เต็มไปด้วยดอกจอกบ่วาย หรือ หยาดน้ำค้าง พืชกินแมลงอีกชนิดหนึ่งที่ออกดอกเป็นรูปวงกลมสีแดงอยู่เรี่ยพื้นดิน และจะมีน้ำหวานลักษณะเหมือนหยดน้ำค้างเกาะอยู่ที่ดอกตลอดทั้งวันเพื่อล่อและเป็นกับดักจับแมลงและยังเป็นน้ำย่อยภายในตัว
ดงดอกดุสิตา (บน) กุหลาบพันปี (ล่าง)
ด้าน กระดุมเงิน กระดุมทอง และ จุกนกยูง เป็นดอกไม้ป่าที่มีดอกลักษณะกลมเป็นปุย พบเห็นได้ตลอดเส้นทาง แม้ไม่สวยโดดเด่นแต่ก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง หญ้ารากหอม ที่ออกดอกเป็นช่อสีม่วง นอกจากจะน่ารักแล้วยังมีกลิ่นหอมที่รากอันเป็นลักษณะเฉพาะ ใช้เป็นยาสมุนไพรแก้เป็นลมได้ด้วย
นอกจากนั้นในบริเวณลานหินใกล้ลำธารยังพบ ข้าวตอกฤาษี มอสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่พบในไทย และยังมีชื่อสามัญเป็นภาษาไทยอีกด้วย ข้าวตอกฤาษีจะขึ้นในที่ที่อากาศสะอาด และไวต่อสภาพเป็นพิษ แสดงถึงธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของทุ่งโนนสน
สิงโตกลอกตา-สิงโตรวงข้าว
คราวนี้มาชมกล้วยไม้หายากกันบ้าง อย่าง สิงโตสมอหิน สิงโตรวงข้าว และ สิงโตกลอกตา กล้วยไม้ป่าที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก สิงโตสมอหิน เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยขึ้นเกาะตามต้นไม้ใหญ่ ออกดอกเป็นช่อสีเหลืองแกมเขียว ขณะที่สิงโตรวงข้าวออกดอกเป็นช่อสีเหลืองคล้ายรวงข้าว ส่วนสิงโตกลอกตาขึ้นอยู่ตามซอกหิน ในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ พบเพียงแห่งเดียวที่ทุ่งโนนสนนี้เท่านั้น
หม้อข้าวหม้อแกงลิง (บน) จอกบ่วาย (ล่าง)
ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติยังมีดอกไม้ป่าอีกหลากหลายให้ยลไม่ว่าจะเป็น สร้อยสุวรรณา สีเหลืองสดใส ทิพย์เกสร สีม่วงอ่อนหวาน สรัสจันทร สีน้ำเงินอมม่วง ดุสิตา ดอกไม้สีน้ำเงินอมม่วง ต่างเป็นดอกไม้ที่ได้ชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อีกทั้งยังมีดอกไม้น่ารักๆ อย่าง เอื้องม้าวิ่ง เอื้องบายศรี เอื้องมัน เอื้องน้ำต้น เอนอ้า หงอนนาค จ่าห้อม ปราบภู ที่ขึ้นอยู่ตามโขดหินบ้าง ตามพื้นดินและต้นไม้บ้าง ให้คนชอบถ่ายรูปได้เพลินเพลินกับการถ่ายมาโครกันไป ดอกไม้เหล่านี้มีเยอะจนมีผู้นำมาแต่งเป็นเพลงประจำทุ่งโนนสน โดยเอาชื่อดอกไม้มาเรียงร้อยต่อกันอย่างไพเราะ (คลิกฟังเพลงทุ่งโนนสน)
ข้าวตอกฤาษี-เสม็ดแดง
แต่ดอกไม้ที่ “ตะลอนเที่ยว” ยกให้เป็นนางเอกของทุ่งโนนสนก็คือดอก เหลืองพิศมร หรือ เอื้องนวลจันทร์ กล้วยไม้ดินอีกชนิดหนึ่งที่ผลิบานเต็มลานหิน เป็นดอกไม้ที่ขึ้นอยู่เยอะที่สุดบนทุ่งโนนสน อวดสีเหลืองสดใสท้าแดดลมอย่างเบิกบาน แต่ช่วงเวลาที่ดอกเหลืองพิสมรงดงามที่สุดคงเป็นช่วงเช้าตรู่ที่น้ำค้างยังคงเกาะอยู่บนกลีบใบ ผสมกับแสงแรกของวันที่สาดส่องมากระทบอย่างอ่อนโยน บวกกับหมอกจางๆ มองเห็นทิวสนเป็นฉากหลัง สวยจนเผลอกดชัตเตอร์ไม่ยั้งเลยทีเดียว แต่มีข้อควรระวังสำหรับการเดินชมดอกเหลืองพิศมร เพราะลานหินบางช่วงมีตะไคร่น้ำเกาะจนลื่น หากเดินไม่ระวังอาจเจ็บตัวและเจ็บใจที่กล้องตกกระแทกพื้นได้
ดอกไม้กับผู้หญิงเป็นของคู่กัน
นอกจากดอกไม้นานาชนิดแล้ว ต้นไม้ต่างๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน มาถึงทุ่งโนนสน จะไม่พูดถึงต้นสนก็กระไรอยู่ พี่มะขามป้อมบอกกับเราว่า ต้นสนบนทุ่งโนนสนนี้ประมาณ 90% เป็นสนสองใบ ที่จะพบในระดับความสูง 500 ม. ขึ้นไป เปลือกลำต้นจะแตกเป็นร่องลึกเหมือนหนังจระเข้ สีค่อนข้างเข้ม นอกจากนั้นยังชี้ชวนให้ดูไลเคนชนิดต่างๆ ทั้งไลเคนแบบปรสิตสีขาวที่เกาะอยู่ตามต้นไม้ ไลเคนแบบแผ่น และไลเคนแบบฝอยลม ซึ่งจะอยู่ได้ในสภาพอากาศที่สะอาดทั้งยังมีสรรพคุณเป็นสมุนไพร นำมาต้มกับน้ำดื่มแก้ท้องอืดท้องเฟ้อได้ด้วย และอีกหนึ่งต้นไม้น่าสนใจที่ไม่ควรกล่าวข้ามคือ ต้นเสม็ดแดง ที่ลำต้นมีสีน้ำตาลแดง ปกติแล้วเสม็ดเป็นต้นไม้ที่ขึ้นในป่าชายหาด จึงเป็นข้อสันนิษฐานได้ว่าแต่เดิมบริเวณนี้อาจเคยเป็นทะเลมาก่อนก็เป็นได้
พี่มะขามป้อมกำลังอธิบายเกี่ยวกับไลเคนฝอยลม
ในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาตินอกจากจะได้ชมดอกไม้ใบหญ้าแล้ว ยังมีภูมิประเทศที่น่าสนใจ บางช่วงเป็นทางเดินแคบๆ ระหว่างโขดหินใหญ่ดูคล้ายกำแพงเมือง บางช่วงเป็นลานหินที่เรียกว่า ซันแคร็ก (Sun Crack) ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่ธรรมชาติสร้างขึ้นโดยการบีบอัดและยกตัวของผิวโลกที่เคยเป็นทะเลมาก่อน และเกิดการกัดกร่อนจากแสงแดด ลม ฝน
โขดหินใหญ่ราวกับเป็นกำแพงเมือง
เดินชมธรรมชาติกันมาเป็นชั่วโมงๆ หลายคนเริ่มเหนื่อย ร้อน และหิวได้ที่ โชคดีที่ระหว่างทางมีน้ำตกเล็กๆ ที่ยังไม่มีชื่อ แต่ “ตะลอนเที่ยว” และชาวคณะขอเรียกว่า น้ำตกกุหลาบแดง เพราะมีต้นกุหลาบพันปีชนิดหนึ่งกำลังออกดอกสีแดงสดใสอยู่ริมลำธารพอดี ที่นี่เราได้แวะกินข้าวและเล่นน้ำคลายร้อนกัน
น้ำตกแห่งนี้แม้จะมีเพียงธารน้ำเล็กๆ แต่ทุกคนก็สนุกสนานเย็นฉ่ำกันมาก ในลำธารมีแอ่งเล็กบ้างใหญ่บ้างที่เกิดขึ้นเพราะถูกน้ำและหิน กรวด ทราย กัดเซาะ กลายเป็นอ่างธรรมชาติให้เราได้ลงไปแช่ตัวกัน สายน้ำที่เกิดขึ้นจากการเก็บรักษาของดินและต้นไม้นั้นเย็นยะเยือก แต่ก็สร้างความสดชื่นและคลายความเหนื่อยล้าให้เราได้เป็นอย่างดี
เล่นน้ำในแอ่งกลางน้ำตกกุหลาบแดง
“ตะลอนเที่ยว” ใช้เวลากับทริปท่องเที่ยวทุ่งโนนสน 3 วัน 2 คืน เต็มอิ่มกับธรรมชาติ ทั้งดอกไม้ ต้นไม้ ลำธาร อากาศสดชื่น รวมไปถึงความสนุกสนานและมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง นับเป็นความประทับใจที่อยากบอกต่อให้ใครๆ ได้เดินทางมาเก็บความประทับใจด้วยตัวเอง แต่ขอบอกว่าต้องรีบหน่อย เพราะดอกไม้จะมีให้ชมถึงราวปลายเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น หรือหากใครจะเตรียมตัวไว้เพื่อเป็นทริปท่องเที่ยวในปีหน้า ทุ่งโนนสนและหมู่มวลดอกไม้ก็ยินดีต้อนรับทุกคนเสมอ
ขอขอบคุณข้อมูล http://www.manager.co.th