“ภูเขาไฟฟูจิ” หรือ “ฟูจิยามา” ประเทศญี่ปุ่น นับเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ใครหลายคนฝันจะไปเยือน เนื่องจากภูเขาไฟแห่งนี้เป็นภูเขาไฟที่สูง มีลักษณะเป็นปล่องไฟ ในช่วงฤดูหนาวของประเทศญี่ปุ่นช่วงที่หิมะตกนั้น ภูเขาไฟฟูจิจะปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ทำให้มีทัศนียภาพที่งดงาม
“ภูหอ” หรือ “ฟูจิเมืองเลย” มียอดเขาเป็นหัวตัด
ระหว่างทางขึ้นภูป่าเปาะ
แต่หากไม่มีโอกาสไปชมภูเขาไฟฟูจิของจริงที่ญี่ปุ่น ขอให้ลองมาชมที่ “ภูป่าเปาะ” ใน อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวของจังหวัดเลย ที่สามารถมองเห็น “ภูหอ” ที่ว่ากันว่ามีลักษณะคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิ ของประเทศญี่ปุ่น จนทำให้ใครหลายคนขนานนามให้เป็น “ฟูจิเมืองเลย”
แต่ก่อนที่จะไปเที่ยวชมฟูจิเมืองเลยนั้น เราจะพาไปรู้จักกับ “ภูป่าเปาะ” ซึ่ง เป็นจุดชมวิวของภูหอกันก่อน ภูป่าเปาะ ตั้งอยู่ที่บ้านผาหวาย ต.ปวนพุ อ.หนองหิน จ.เลย ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อ-ภูกระแต ซึ่งห่างจากสวนผาหินงามหรือคุนหมิงเมืองไทยประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นจุดชมวิวที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 900 เมตร บนภูป่าเปาะนั้นมีจุดชมวิวอยู่ด้วยกัน 4 จุด โดยจุดชมวิวแต่ละจุดมีระยะทางห่างกันประมาณ 200 เมตร
จุดชมวิวสามารถมองเห็นพื้นราบได้ชัดเจน
การเดินทางขึ้นไปยังภูป่าเปาะต้องใช้รถอีแต๊กเท่านั้น โดยรถอีแต๊กหนึ่งคันสามารถนั่งได้ 4–6 คน แบ่งเป็นด้านหน้าและด้านหลังเท่าๆ กัน สภาพเส้นทางในช่วงแรกรถอีแต๊กจะค่อยๆ ผ่านไปตามถนนลูกรัง ตลอดสองข้างทางจะผ่านทุ่งนาอันเขียวขจี จากนั้นจะผ่านเส้นทางการเกษตร เมื่อพ้นเส้นทางการเกษตรไปแล้วจะเป็นทางขึ้นเขาบางจุดพื้นที่เป็นดินโคลน เละๆ ทำให้คนขับรถอีแต๊กต้องเร่งเครื่องยนต์เพื่อให้ผ่านหลุมโคลนไปให้ได้ ระหว่างนั้นคนนั่งก็ช่วยขย่มรถไป ลุ้นไปว่ารถจะจมโคลนหรือไม่ บางคันรถอีแต๊กจมโคลนขึ้นไม่ไหวคนขับก็ต้องจอดรถลงมาช่วยกันเข็นรถ กว่าจะไปถึงจุดชมวิวแต่ละจุดได้ก็เรียกความตื่นเต้นให้นักท่องเที่ยวได้ดีที เดียว
ทัศนียภาพของภูเขาและทุ่งนาอันเขียวจี
เมื่อฝ่าฟันผ่านพ้นจากดินโคลนได้แล้ว จะพบกับจุดชมวิวจุดที่หนึ่ง ที่จะมีเฉลียงไม้ยื่นออกไปด้านนอกเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ยืนชมวิว เบื้องหน้าเป็น “ภูหอ” หรือฟูจิเมืองเลยที่มีลักษณะเป็น ภูเขาสูงฐานกว้าง มีพื้นที่ด้านล่างเป็นพื้นราบโล่ง ปลายยอดภูเขาเป็นเขาหัวตัดเหมือนปล่องภูเขาไฟ บนยอดเขาจะมีกลุ่มเมฆปกคลุมจางๆ เมื่อมองแล้วทำให้คล้ายกับภูเขาไฟฟูจิ ของประเทศญี่ปุ่น
นักท่องเที่ยวต่างขึ้นมาชมความงามของธรรมชาติ
และเมื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวที่สองจะมองเห็นภูหอในมุมที่กว้างขึ้น ซึ่งนอกจากจะเห็นภูหอแล้ว จะมองเห็นภูหลวงอีกด้วยที่อยู่ด้านหลังอีกด้วย สำหรับจุดชมวิวที่สามนั้น จะมองเห็นทัศนียภาพในมุมที่กว้างขึ้นอีก สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้ในตอนเช้า ที่จุดนี้ เมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า จะเห็นพระอาทิตย์ดวงกลมโตค่อยๆ โผล่พ้นก้อนเมฆขึ้นมาเหนือภูเขาหิน ด้านล่างเป็นภาพทุ่งนาเขียวขจี ช่างเป็นภาพธรรมชาติที่งดงามลงตัว
จุดชมวิวสามารถมองเห็นภูเขาที่อยู่ไกลออกไป
ส่วนจุดชมวิวสุดท้ายต้องเดินเท้าขึ้นไปอีกประมาณ 100 เมตร ทางขึ้นจะต้องผ่านป่าเล็กๆ ไปโผล่ยังจุดชมวิวที่สี่ เมื่อขึ้นมายังจุดนี้จะมีจุดชมวิวด้วยกันอยู่ 2 มุม สำหรับมุมแรกจะอยู่ในทิศตะวันออกและมุมที่สองทางด้านทิศตะวันตก จุดชมวิวที่สี่นี้เรียกได้ว่าสามารถมองเห็นทัศนียภาพได้ถึง 360 องศา เมื่อขึ้นมายังจุดนี้ในวันที่ฟ้าโปร่งจะสามารถมองเห็นวิวได้ถึง 8 สถานที่ด้วยกัน ได้แก่ ภูหินร่องกล้า ภูหอ ภูหลวง ภูกระดึง ภูผาจิต ภูผาม่าน สวนหินผางาม และเขาค้ออีกด้วย
รถอีแต๊กติดหลุมโคลน คนนั่งก็มาช่วยกันเข็น
สำหรับ “ภูป่าเปาะ” นั้น ถือเป็นจุดชมวิวที่เพิ่งค้นพบได้ไม่นาน โดยนายบุญลือ พรมหาลา ผู้ใหญ่ บ้านหนองหิน เล่าให้ฟังถึงสาเหตุของการเปิดภูป่าเปาะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวว่า “จริงๆ แล้วเห็นพื้นที่ตรงนี้มานานแล้ว แต่ที่เห็นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจริงๆ ก็เมื่อวันที่ 15 กันยายนปีที่แล้ว เมื่อก่อนมีชาวบ้านบุกรุกป่าทำไร่เลื่อนลอย ก็เลยไปคุยกับหัวหน้าป่าไม้ว่าจะมีวิธีไหนที่จะไม่ให้ชาวบ้านบุกรุกต่อ เลยคิดหาวิธีให้ชาวบ้านมีรายได้ ก็เลยคิดหาวิธีว่าจะทำจุดชมวิวดีไหม ทำที่ตรงนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวไปเลย เพราะตรงนี้ก็มีวิวสวยงาม”
หมอกยามเช้าปกคลุมยอดเขาภูหอ
“ในตอนแรกนั้นยังไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ เลยไปของบจาก อบต.(องค์การบริหารส่วนตำบล) ให้เขาช่วยเข้ามาดูว่าที่ตรงนี้สามารถทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ชาวบ้านผมได้ ไหม เพื่อเป็นการป้องกันการบุกรุกป่า เขาบอกว่าที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวไม่ได้หรอก ยังไงก็เกิดไม่ได้ แต่ทีนี้ชาวบ้านบอกว่ามันเป็นได้ เพราะวิวมันสวย ผมก็เลยตัดสินใจว่าลุยกับชาวบ้านไป ทำมาเรื่อยๆ ตอนทำจุดชมวิวแรกกับจุดชมวิวที่สองก็หาเงินทุนโดยการเปิดหมวกตามที่ท่อง เที่ยว มีคุณหมิงบ้าง เชียงคานบ้าง ภูเรือบ้าง ก็มีคนติดต่อให้ไปเปิดที่ไกลๆ แต่ผมคงไปไม่ได้ เพราะถ้าไปก็มีค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมันเข้ามาอีก พอเปิดหมวกได้เงินมาก็เอามาสร้างเป็นจุดชมวิวขึ้นทีละจุด” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวปิดท้าย
หากฤดูหนาวที่กำลังมาถึงนี้ใครมีโอกาสมาเที่ยวจังหวัดเลย ก็อย่าลืมมาแวะชมภูหอ หรือฟูจิเมืองเลย กันที่ “ภูป่าเปาะ” นอกจากจะได้ชมความงามของธรรมชาติในช่วงฤดูหนาวแล้ว ยังได้สัมผัสอากาศเย็นๆ พร้อมความประทับใจของภูป่าเปาะเล็กๆ แห่งนี้กลับบ้านไปอีกด้วย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางขึ้นไปชมวิวบนยอดภูป่าเปาะ ติดต่อสอบถามได้ที่นายบุญลือ พรมหาลา โทร.08-9764-6829 และที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเลย โทร.0-4281-2812
ขอขอบคุณข้อมูล www.manager.co.th