สถาน ที่ท่องเที่ยวที่ฮอดฮิต 10 ลำดับนะช่วงปีใหม่นี้ก็ลองดูซิว่าจะถูกใจกันบ้างหรือเปล่า แหมแต่ละที่ทั้งน่าสนใจ แถมยังสวยงามมาก ๆ ด้วย ใครที่ยังไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวปีใหม่ที่ไหน ก็รีบรวบรวมสมัครพรรคพวก แล้วไปทิ้งความเครียดพร้อมกับเติมพลังชีวิตด้วยการไปดื่มดำความงามตาม ธรรมชาติกันเถอะค่ะ (แต่ก็อย่าลืมว่างแผนการใช้เงินให้คุ้มค่าด้วยนะคะ) แล้วอย่าเที่ยวดูธรรมชาติอย่างเดี่ยวแต่ละที่ที่แนะนำนะก็มีวัดที่มีความงด งามไม่แพ้ธรรมชาติเหมือนกันเอาไว้มีเวลามากกว่านี้จะแนะนำวัดประจำจังหวัด ดัง ๆ และวัดที่สวยงามแต่ไม่มีคนที่รู้จักมากนักให้นะค่ะ
1. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ….อ่านแค่ชื่อก็ต้องนึกถึงคำว่า“สูงสุดแดนสยาม”สำหรับดอยอินทนนท์ที่ยอมรับก้คือเรื่องของความหนาวเย็นที่สุดยอด ๆ จริงๆ สำหรับฤดูหนาว (ช่วงกลางคืนนะขอบอก) และเสน่ห์สำคัญท่ทำให้นักท่องเที่ยวมาเยือนเป็นครั้งแล้วครั้งเล่า น่าจะเป็นเพราะความสวยงามทางธรรมชาติ ตั้งแต่ทางขึ้นเลย (ไปมาแล้วนะ) รับรองเลยว่ามีธรรมชาติของป่าที่หลากหลายมาก ทั้งป่าดิบป่าสนป่าเบญจพรรณรวมถึง สีสันของดอกไม้นานาพรรณ สัตว์ป่าหลากชนิดโดยเฉพาะนกพันธุ์หายาก ท่สำคัยในช่วงฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมดอย เกือบทั้งวันและบางครั้งจะมีน้ำค้างแข็งเกาะอยู่ตามต้นไม้ใบหญ้า
2. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง… (ที่นี้นะยังไม่ได้ไปเลย ..)ที่นี้เป็นที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยงขาลุยทั้งหลายนะค่ะ เอาเป็นว่า “สักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปให้ได้นะ” คำนี้สามารถใช้ได้กับขาเที่ยวขาลุยทั้งหลายเนื่องจากที่ภูกระดึงมีสภาพธรรมชาติที่สมบูรณ์ประกอบด้วยระบบนิเวศและภูมิประเทศที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้า ป่าสนเขาป่าดงดิบ น้ำตก และหน้าผาชมทิวทัศน์อีกทั้งนักท่องเที่ยวที่หวังจะพิชิตป่าเขาท่ภูกระดึง ต้องใช้คำว่าอึดนะเพราะว่าจะต้องเดินและปีนเขาเป็นระยะทางราว 9 กิโลเมตร ซึ่งนับว่าเหนื่อยไม่น้อยสำหรับสถานที่ที่แนะนำว่าไม่ควรพลาดได้แก่ ผานกแอ่น ผาหล่มสัก น้ำตกขุนพองและน้ำตกเพ็ญที่ค้นพบใหม่
3. ภูชี้ฟ้า…อีกสักหนึ่งภูนะค่ะอย่าพึงเบื่อกับไปเสียก่อนละเป็นเทือกเขาที่มคนบอกกันว่าธรรมชาติสร้างขึ้นมาได้เก๋ ๆๆ สุด ๆเลยเป็นลักษณะเฉพาะของยอดภูชี้ฟ้าซึ่งมีลักษณะเป็นหน้าผามีปลายยอดแหลมชี้เข้าไปยังฝั้งประเทศลาวอันเป็นชุดชมทะเลหมอกในตอนเช้าที่สวยงามแล้วบริเวณไหล่เขาของภูชี้ฟ้านั้นยังเป็นทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้สวยงามนานาชนิดอีกด้วยสำหรับนักท่องเที่ยวท่อยากซึมวับบรรยากาศเมืองเหนือแท้ ๆขอแนะนะให้ไปเที่ยวภูชี้ฟ้าในช่วงปีใหม่ที่จะถึงนะเพราะชาวเขาที่นั่นจะแต่งตัวแบบม้งรวมทั้งมีการโยนลูกช่วงหรือลูกหินระหว่างหนุ่ม ๆสาว ๆ ก้นด้วยนะ
4. อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง…เป็นอุทยานแห่งชาติลักษณะเป็นเทือกเขาและภูเขาสูงสลับซับซ้อนสถานที่เที่ยวยอดนิยมในอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ ได้แก่บริเวณห้วยน้ำดัง (ดอยกิ่วลม)ที่ได้ชื่อว่าเป็นทะเลหมอกที่งดงามยิ่งในประเทศไทยสามารถมองเห็นดอยเชียงดาวรวมทั้งรอชมพระอาทิตย์ขึ้นและชมทะเลหมอกอันสวยงามในช่วงเช้าตรู่ไดในช่วงปลายฤดูหนาวที่ดอกไม้กำลังบาน บริเวณดังกล่าวจะทวีความงดงามมาก ๆ
5. ดอยอ่างขาง …เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาวที่กำลังมา ถึงอยู่นี้ เพราะเป็นช่วงที่ดอกไม้เมืองหนาวกำลังแข่งกันออกดอกมาให้เราชมกันมากมายหลาย สายพันธุ์ นอกจากสีส้นของดอกไม้ยังมีแม่คะนิ้งให้ชมอีก (ต้องไปดูตอนที่แสงแดดยังอ่อนอยู่จะสวยงามมาก) และอีกจุดที่นักท่องเที่ยงห้ามพลาดไม่ได้ก็คือ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ซึ่งภายในโครงการมีสิ่งที่น่าสนมากมาย เช่นแปลงปลูกไม้ดอกไม้ประดับกลางแจ้ง, แปลงปลูกไม้ในร่ม, แปลงทดลองปลูกกุหลาบ, แปลงปลูกผักในร่ม , สวนท้อ, สวนบ๊วย, ป่าซากุระ, ป่าเมเปิ้ล และพระตำหนักอ่างขาง สำหรับสาว ๆ ที่ชื่นชอบทั้งดอกไม้และผลไม้เมืองเหนือ ห้ามพลาด
6. อุทยานแห่งชาติภูเรือ….ก็เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจเหมือน กันสำหรับธรรมชาติในเมืองไทยเรา ด้วยลักษณะเป็นภูเขาสูงใหญ่ ซึ่งบนยอดเขาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ มีต้นสนขึ้นสลับซับซ้อน ลักษณะเด่นของภูเรือคือมีส่วนหนึ่งเป็นผา ชะโงกยื่นออกมาเหมือนหัวเรือสำเภาใหญ่ จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของอุทยานแห่งชาติภูเรือ ได้แก่ยอดภูเรือ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในอุทยาน ที่สามารถมองเห็นแม่น้ำเหืองและแม่น้ำโขงที่กั้นพรมแดนระหว่างไทย – ลาว สำหรับบริเวณโดยรอบของยอดภูเรือนั้นเป็นลานหินที่มีทุ้งหญ้าขึ้นแซมสลับกับ ป่าสน มีทั้งสนสองใบที่ขึ้นตามธรรมชาติ และสนสามใบที่เป็นสนที่ทางอุทยานเป็นผู้ปลูก
7. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า… ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยงที่นอกจากจะ มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในฐานะเป็นสถานที่อยู่อาศัยของอดีตผู้ก่อการร้าย คอมมิวนิสต์ แล้วยังมีทรัพยากรทางธรรมชาติที่สวยงามแปลกตาควรค่าแก่การมาเยือน อาทิ ลายหินแตก ซึ่งมีลักษณะเป็นรอยหินที่มีรอยแตกเป็นแนวเป็นร่องเหมือนแผ่นดินแยก โดยรอยแตกนี้มีตั้งแต่ขนาดแคบตั้งแต่รากหญ้าชอนไชไปได้ จนถึงขนาดกว้างมากจนคนไม่สามารถกระโดดข้ามถึง ส่วนความลึกของร่องหินแตกมักปกคลุมไปด้วยมอส, ไลเคนส์, ตะไคร่, เฟิร์น, และกล้วยไม้ชนิดต่าง ๆ
8. อุทยานแห่งชาติเขาค้อ… ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองทะเลภูเขา” หรือ “ดินแดนสวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย” เพราะมีความสวยงามของธรรมชาติและมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี อีกทั้งยังเป็นสถานที่ซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพอีกด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และทิวทัศน์ที่สวยงาม เช่น น้ำตก ถ้ำ เกาะ แก่ง หน้าผา จุดชมทิวทัศน์ โดยป่าไม้ของอุทยานแห่งชาติเขาค้อ มีทั้งธรรมชาติและป่าปลูก ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายากนานาชนิด เช่น เสือไฟ, กระจง, ค่าง, อีเห็น, ลิงลม, นางอาย, งูชนิดต่าง ๆ ชนิดสุดท้ายนี้คงไม่มีใครชอบสักเท่าไหร่นักเอาไปว่าทางใครทางมันก็แล้วกันนะ และรวมทั้งนกชนิดต่าง ๆ อีกกว่า 100 ชนิด เหมาะสำหรับคนที่ชอบดูนกชนิดแปลก ๆ ที่หาพบได้ยากนะ
9. อุทยานแห่งชิต่ภูสอยดาว ช่วงนี้สำหรับ ที่นี้เป็นที่ที่เหมาะกับการมาเที่ยวชมความงามของทิวทัศน์โดยรอบาของอุทยาน เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นช่วงที่กล้วยไม้รองเท้านารีพันธุ์ อินทนนท์ออกดอก รวมถึงใบเมเปิ้ลแดงที่เปลี่ยนสี ทำให้ลานสนสามใบภูสอยดาวซึ่งเป็นที่ราบบนภูสอยดาวงดงามตระการตา นอกจากนี้ ความลดหลั่นสูงกลับซับซ้อน หุบเขา เนินเขาถือเป็นเสน่ห์ เฉพาะอย่างยิ่งในยามเช้าที่มีเมฆหมอกปกคลุม สำหรับสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจที่ขาเที่ยวธรรมชาติมึควรพลาด ได้แก่น้ำตกสอยดาว
10. วนอุทยานทุ่งบัวตองดอยแม่คำอู…..และขอปิดท้ายด้วยแห่งท่องเที่ยวทาง ธรรมชาติชื่อดังของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งจะทวีความงามอย่างยิ่งในช่วงปลายปีเช่นนี้ อันเป็นช่วงที่ทั้งภูเขาจะถูกปกคลุมไปด้วยสีเหลืองอร่ามของดอกบัวตองที่เบ่ง บานสุดขีด สำหรับภูมิประเทศของ “วนอุทยานทุ่งดอกบัวตอง” นั้นประกอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อนคล้ายคลื่นทะเล โดยมีป่าธรรมชาติและป่าสนปลูกขึ้นสลับกัน นอกจากทุ่งบัวตองแล้ว ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ความหลากหลายของสัตว์ป่า รวมทั้งน้ำตกที่สวยงาม ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้บรรดา นักท่องเที่ยวหลงรักวนอุทยานแห่งนี้
ขอขอบคุณข้อมูล http://board.palungjit.com