1. Ristorante Grotta Palazzese อิตาลี
Ristorante Grotta Palazzese ห้องอาหารหรู และอลังการที่สุดในอิตาลี ตั้งอยู่ในถ้ำ Polignano ชายหาด Mare ของโรงแรม Hotel Ristorante Grotta Palazzese ซึ่งเปิดให้บริการมานานกว่าทศวรรษแล้ว ใครอยากลองหาประสบการณ์ดินเนอร์แบบหรูเลิศแล้วล่ะก็ อย่าได้พลาด
2. Chichilianne, Rhone Alpes ฝรั่งเศส
ภูเขามหึมา Mont Aiguille ที่สูงเกือบ 7,000 ฟุต เป็นหนึ่งในเทือกเขา The French Prealps (Préalpes) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของเทือกเขาแอลป์ในฝรั่งเศส ตั้งสงบนิ่งเป็นแบ็กกราวด์ให้กับเมืองที่อยู่เบื้องล่าง เป็นวิวที่สุดแสนอลังการ ใครได้อยู่ที่นี่ขอบอกคำเดียวว่า อิจฉาตาร้อนสุดๆ คงจะรู้สึกเหมือนอยู่ในเมืองลับแลอะไรบางอย่าง
3. Tiger’s Nest Monastery, Paro Valley ภูฏาน
วัดทั๊กซัง หรือ วัดถ้ำเสือ เป็นวัดที่โด่งดังที่สุดในภูฏาน ตั้งอยู่บนขอบของหน้าผาที่สูง 3,000 ฟุตจากระดับน้ำทะเลเหนือหุบเขาพาโร ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังศรัทธาอย่างแรงกล้าในพระพุทธศาสนา และการเดินทางไปที่แห่งนี้นอกจากความเพียรแล้วต้องมีศรัทธาอันแรงกล้า และความแข็งแกร่งของแรงขาทั้งสองข้างในการเดินขึ้นเขาที่สูงชันท่ามกลางอากาศที่บางเบา
4. Dubrovnik โครเอเชีย
ดูบรอฟนิก (Dubrovnik) เป็นเมืองยุคกลางที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 และทุกวันนี้ก็ยังคงสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งของยุคกลางไว้ได้อย่างครบถ้วนริมชายฝั่งทะเลเอเดรียติก เสน่ห์ของเมืองที่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหินสูงพอๆ กับกำแพงเมืองจีนนี้ไม่สามารถบรรยายได้โดยเฉพาะในเขตเมืองเก่า (Grad – Old City) ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ ใครมาที่นี่คงได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ ประวัติศาสตร์ และเสน่ห์ที่ลึกลับของยุคกลางเป็นแน่
5. Albarracín, Aragon สเปน
เมือง Albarracín เป็นหมู่บ้านยุคกลางตั้งอยู่บนภูเขาหินทางเหนือของสเปน ซึ่งรายล้อมไปด้วยกลุ่มของบ้านสีชมพูที่ล้อมรอบด้วยกำแพงโบราณ ป้อมปราการ Alcázar ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 สูงขึ้นไปเหนือไหล่เขาทำให้สามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งเมือง
6. Bagan พม่า
พุกามเป็นเมืองโบราณที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของพม่า เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 ที่ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะความยิ่งใหญ่ของทุ่งทะเลเจดีย์ จนได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองแห่งเจดีย์สี่พันองค์ เพราะในสมัยรุ่งเรืองเคยมีเจดีย์มากมายถึง 4,446 องค์ ปัจจุบันเหลือแค่เพียง 2,217 องค์ เจดีย์แห่งแรกของพุกามคือ เจดีย์ชเวสิกอง สร้างโดยพระเจ้าอโนรธามังช่อ ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรพุกาม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในประเทศพม่า
7. Aescher สวิตเซอร์แลนด์
โรงแรม Aescher ตั้งอยู่บนภูเขา Appenzellerland ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อาจจะยากเย็นสักหน่อยสำหรับการที่จะไปถึง แต่เคเบิ้ลคาร์ก็ทำให้ดูง่ายขึ้นมาอีกนิดหน่อยสำหรับไปการเที่ยวที่นี่ โรงแรมนี้ดูเหมือนๆ โรงแรมทั่วไปที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกธรรมดาๆ แต่ไฮไลท์หลักคืออาหารที่รสชาติเป็นเลิศ และเว้นทางการผจญภัยริมหน้าผาที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ตะหาก
8. Haiku Stairs ฮาวาย
บันไดที่เหมือนจะพาขึ้นมาถึงสวรรค์แห่งนี้อยู่ที่ฮาวาย เป็นเส้นทางเดินป่าสูงชันที่ถูกปิดและห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวย่างกรายเข้าไป แต่ยังไงก็ตาม หนทางสู่สวรรค์อยู่ตรงหน้าก็ต้องเสี่ยงกันหน่อย นักท่องเที่ยวหลายคนยังคงปีนขึ้นไป แม้จะมีป้ายห้ามขึ้นก็ตาม ด้วยทางสูงชัน และสิ้นสุดที่จุดสูงสุด 2,800 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเลแน่นอนว่าภาพที่ได้เห็นตรงหน้าคุ้มค่ามากสมกับที่ปีนขึ้นมาอย่างแน่นอน
9. Þingvallavatn Lake, ไอซ์แลนด์
ว่ายน้ำข้าม 2 ทวีปได้ในพริบตา เพียงมาที่นี่ Þingvallavatn Lake ที่ไอซ์แลนด์ ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติซึ่งเป็นเขตแดนระหว่างทวีปอเมริกาเหนือ และยุโรป นักดำน้ำโชคดีจะสามารถว่ายน้ำในระหว่างแผ่นเปลือกโลกของทั้งสองทวีปได้ และที่สำคัญแผ่นเปลือกโลกตรงนี้จะกว้างขึ้นปีละ 2 เซนติเมตร หมดปัญหานักดำน้ำตัวใหญ่หน่อยก็สามารถลงไปได้แล้วด้วย
10. Chefchaouen ตะวันตกเฉียงเหนือของโมร็อคโค
เมืองเชฟชาอูน(Chefchaouen) หรือนครสีฟ้า เป็นเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ใน หุบเขาริฟ (Rif Mountain หรือ Er-Rif) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโมร็อคโค เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานกว่า 538 ปี นักท่องเที่ยวที่มาต้องหลงใหลในอากาศบริสุทธิ์ และความสะอาดของเมืองที่ได้สร้างบรรยากาศผ่อนคลายสบายๆ ทำให้นักท่องเที่ยวที่เหนื่อยล้ามาจากการตระเวนเที่ยวที่เมืองอื่นหายเหนื่อยได้ และด้วยตึกรามบ้านช่องสีฟ้า และขาว สดใสไปทั้งเมืองสร้างแรงบันดาลใจให้หลายอย่างทีเดียว
11. Lord Howe Island ออสเตรเลีย
Lord Howe Island เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ทะเลแทสมันระหว่างประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้รับการขนานนามอีกด้วยว่าเป็นเกาะที่สวยที่สุดในทะเลแปซิฟิก คนที่หวังจะไปเชยชมเกาะที่สวยที่สุดแห่งแปซิฟิกนี้อาจจะไปได้ยากนิดนึง เพราะจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้เหยียบผืนทรายบนเกาะปีละ 400 คนเท่านั้น เป็นการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเพื่อรักษาสมดุลย์ทางธรรมชาติ และรักษาภาพผืนทรายพื้นน้ำที่สวนราวกับคริสตัลนี้ไว้นั่นเอง นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นจุดที่มีปะการังสวยงามอย่างมากอีกด้วย
12. Bishop Castle, San Isabel National Forest โคโลราโด
Bishop Castle ปราสาทรูปทรงสุดประหลาดเท่าที่เคยเห็นตั้งแต่เกิดมานี้ตั้งอยู่ที่ภูเขา Wet Mountains ในป่าสงวนแห่งชาติ San Isabel National Forest ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง Rye โคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา สร้างขึ้นด้วยฝีมือ และแรงงานเพียงตัวคนเดียวของศิลปินดัง Jim Bishop น่าแปลกที่ปราสาทแห่งนี้กลายเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานอันเลื่องชื่อ และดึงดูดให้ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกมาที่นี่เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจของตัวเอง
13. Huacachina, Peruvian desert เปรู
Huacachina เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเปรู ที่นี่มีคนอาศัยอยู่เพียงแค่ร้อยกว่าคนเท่านั้นในโอเอซิสเขียวชอุ่มท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ใครมาที่นี่แล้วมักจะติดอกติดใจกับกิจกรรมท้าทายก็คือ sandboarding ซึ่งแน่นอนว่า เราจะสามารถเช่า sandboarding จากชาวบ้านมาลองกันสักครั้งในชีวิตได้อีกด้วย
14. The Bastei Bridge in the Elbe Sandstone Mountains เยอรมนี
The Bastei Bridge หรือ สะพานหิน Bastei สูงตระหง่าน 194 เมตรเหนือแม่น้ำ Elbe ในภูเขาหินทรายของอุทยานแห่งชาติ Saxon Switzerland National Park ประเทศเยอรมนี และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 305 เมตร หินเหล่านี้เกิดจากการกัดเซาะของน้ำตลอดหนึ่งล้านปีที่ผ่านมานั่นเอง แน่นอนว่าถ้าขึ้นไปถึงด้านบนจะรู้สึกเหมือนมีสายหมอกมาห่อหุ้มตัวเราเลยทีเดียว
15. Cappadocia ตุรกี
คัปปาโดเกีย (Cappadocia) เมืองมหัศจรรย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศตุรกี คัปปาโดเกีย เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ แปล ว่า “ดินแดนม้าพันธุ์ดี” นั่นเอง เป็นพื้นที่พิเศษเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยส และภูเขาไฟ ฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว เป็นพื้นที่ดูคล้ายกับภูเขาขนาดใหญ่มีรูพรุนเหมือนรวงผึ้งรายล้อมไปด้วย หินทรงกระโจม กรวยคว่ำ และเจดีย์เต็มไปหมด ที่สำคัญก็คือส่วนหนึ่งของหินเหล่านี้มีคนอาศัยอยู่ภายใน ในลักษณะ “บ้านถ้ำ” มาหลายศตวรรษแล้ว
16. Hallstatt ออสเตรีย
เมืองฮัลล์ชตัทท์ (Hallstatt) เมืองริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก เป็นเมืองยุคกลางที่มีคนอาศัยอยู่ไม่ถึง 1,000 คน และยังเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศออสเตรียอีกด้วย นอกจากวิวที่สวยงามเหมือนในเทพนิยายแล้ว ที่นี่ยังเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์การทำเหมืองมาอย่างยาวนาน ลองแปลงร่างเป็นคนงานไปสำรวจเหมืองเก่าดูก็น่าตื่นเต้นไม่น้อย
17. Leptis Magna, Tripoli ลิเบีย
Leptis Magna เป็นเมืองสำคัญของจักรวรรดิโรมันโบราณที่ตอนนี้เหลือเพียงซากปรักหักพังที่แสนน่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งตั้งอยู่ที่ Khoms 130 กิโลเมตร หรือ 81 ไมล์ทางตะวันออกของเมือง Tripoli และที่สำคัญที่นี่นับว่าเป็นเมืองโบราณของโรมันที่สวยงามที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกด้วย
18. The Alcázar of Segovia สเปน
The Alcázar of Segovia คือป้อมปราการหินขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง Segovia และยังเป็นหนึ่งในปราสาทที่โดดเด่นมากที่สุดในสเปนด้วยรูปร่างที่เหมือนคันธนูของเรือ ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำ Eresma และเคยถูกใช้เป็นที่อยู่อาศัยของเชื้อพระวงศ์ ที่นี่เองเป็นต้นแบบปราสาทซินเดอเรลล่า ของฟอริด้า สหรัฐอเมริกา นั่นเอง เพราะฉะนั้นใครอยากเป็นซินเดอเรลล่าตัวจริงต้องมาที่นี่
19. Alter do Chão บราซิล
Alter do Chão ห่างจากเมือง Santarém ไป 33 กิโลเมตร ที่นี่เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของ Ilha do Amor หรือ เกาะแห่งความรัก เป็นเมืองที่เลาะเลียบไปตามป่าฝนอะเมซอน และชายหาดที่น่าตื่นตาตื่นใจ เพียงไม่กี่เมตรจากชายหาดขาวก็จะเจอกับทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์ป่า ซึ่งแน่นอนว่าที่ทะเลสาบนี้เป็นอะไรที่เหมาะกับการพายเรือแคนูเล่นมาก
20. Hotel Moulin de Roc ฝรั่งเศส
ลึกเข้าไปในเมือง Dordogne ของฝรั่งเศส จะได้พบกับโรงสีข้าวเก่ากลายเป็นโรงแรมที่แปลกตาน่าอัศจรรย์อยู่ริมฝั่งแม่น้ำสงบเงียบ นอกจากนี้ยังเป็นที่กินข้าวที่อร่อยเหาะด้วยรางวัลการันตีจากมิชลิน แน่นอนว่าที่นี่จะเป็นที่สำหรับมาพักผ่อนหย่อนใจมากที่สุด
21. The peacock room in Castello di Sammezzano แคว้นทัสคานี อิตาลี
ปราสาท Castello di Sammezzano สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1605 เป็นผลงานสไตล์แขกมัวร์ ตั้งอยู่ในแคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี ความโดดเด่นของที่นี่อยู่ที่ห้องนกยูงที่ซ่อนตัวอยู่ภายในปราสาท การออกแบบที่ซับซ้อน และความหลากหลายที่งดงามของรูปแบบและสี ทำให้ที่แห่งนี้ไม่มีที่ไหนเทียบได้
22. Deception Island แอนตาร์กติก
Deception Island เป็นหมู่เกาะที่น่าทึ่งแห่งหนึ่งของโลก ที่นี่มีภูเขาไฟที่ยังครุกรุ่นอยู่ ตั้งอยู่ทางใต้ของแอนตาร์กติก มีลักษณะดูไปคล้ายกับรูปวงแหวน หรือรูปเกือกม้า เป็นสถานที่เดียวในโลกที่สามารถแล่นเรือผ่านไปใจกลางของภูเขาไฟเพื่อเข้าสู่หาดด้านในที่เต็มไปด้วยธารน้ำแข็ง และเหล่าเพนกวินกว่าร้อยตัวที่จะคอยต้อนรับอยู่ ถ้าต้องการหลบความหนาวเย็นล่ะก็ที่นี่คือแหล่งที่ดีที่สุดเพราะบนเกาะเต็มไปด้วยบ่อน้ำพุร้อนมากมาย
23. Melissani Cave, Kefalonia กรีซ
Melissani Cave เป็นถ้ำที่ตั้งอยู่บนเกาะ Kefalonia ประเทศกรีซ ถ้ำแห่งนี้ได้สำรวจพบในปี 1951 มีการขุดพบวัตถุโบราณหลายชิ้นด้วยกัน ภายในถ้ำมีทะเลสาบน้ำกร่อยอยู่เข้าไปลึกกว่า 500 เมตรจากทะเล เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอีกที่หนึ่ง นักท่องเที่ยวจะล่องเรือไปตามเส้นทางเพื่อชมธรรมชาติที่สวยงามของน้ำที่ใสราวกับกระจก ตามตำนานเทพเจ้ากรีกโบราณ เหล่านางไม้ที่อาศัยอยู่ในถ้ำที่งดงามนี้จะล่อลวงคนด้วยความงามของพวกเขา และถ้ำนี้ก็ได้ล่อลวงนักดำน้ำหลายคนในหลงเข้าไปในโลกที่เต็มไปด้วยความงามของธรรมชาติ
24. Meghalaya อินเดีย
รัฐเมฆาลัย ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนืออินเดีย และเนินเขาแห่งนี้สูงเกือบๆ 40 ฟุต เป็นพื้นหุบเขาป่าที่สวยงาม แต่ห่างไกลสักหน่อย ฝนที่ตกลงมาทำให้ผืนป่าชุ่มฉ่ำ และสะพานจากต้นไม้นี้ก็จะทำให้เราสามารถข้ามเข้าไปสู่ป่าอันสวยงามได้
25. Craco, Matera, Basilicata อิตาลี
เมืองร้างที่ถูกล้อมด้วยกำแพงในยุคกลางของเมืองคราโค่ที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 400 ฟุต เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า “ต้องคำสาป” ด้วยภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้งที่ทำให้ผลิตผลทางการเกษตรไม่ดี การถูกโจรปล้นบ้านเรือน และสุดท้าย การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลายครั้งติดกัน ทำให้ผู้คนเสียชีวิตไปมากมาย และเสียหายเกินกว่าที่จะได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ ประชากรกลุ่มสุดท้ายได้อพยพออกไป เพราะเกรงกลัวแผ่นดินไหว ในที่สุดทำให้เมืองล่มสลายลงใน ปี 1960
26. Quinta da Regaleira, Sintra โปตุเกส
Quinta da Regaleira เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ใกล้ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของ Sintra จัดเป็นหนึ่งในมรดกโลกโดยยูเนสโก้ เป็นสถานที่ที่ดูสวยงามและลึกลับในคราวเดียวกัน บ่อน้ำที่ลึกถึง 27 เมตรนี้ดูเป็นฉากสยองเล็กๆ ในหนังเลยก็ว่าได้ เหมือนเป็นหอคอยที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางความลึกลับอยู่ที่ว่าคุณจะเลือกเดินทางลงไปลึกที่สุดของโลก หรือปีนขึ้นมาจากความมืดเพื่อค้นหาแสงสว่าง
27. Weißgerbergasse, Nuremberg เยอรมนี
เมืองเก่าแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ Nuremberg ประเทศเยอรมนี เป็นแหล่งที่เราจะพบกับสถาปัตยกรรมยุคเก่า เป็นที่รวมช่างฝีมือมากมาย หอระฆัง สวนตามบ้านต่างๆ เป็นจุดบอกความมั่งคั่งในอดีต ปัจจุบันที่นี่เป็นแหล่งรวมร้านกาแฟ, ร้านอาหาร, บาร์เก๋ๆ เป็นที่นิยมของชาวเมืองโดยทั่วไป และนักท่องเที่ยว และสามารถเดินขึ้นไปบนปราสาท Altenburg castle เพื่อชมวิวทั่วทั้งเมืองได้ในคราวเดียว
28. Procida อิตาลี
เมือง Procida เป็นเมืองที่มีความสวยงาม เป็นเกาะสวรรค์ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่นี่เป็นเกาะที่เล็กที่สุดของอ่าวเนเปิลส์เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยว และโบราณคดีทางประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังมี Terra Murata ซึ่งเป็นหัวใจของเมืองที่นักท่องเที่ยวจะพลาดไม่ได้
29. Lofoten Islands นอร์เวย์
Lofoten เป็นกลุ่มของหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือของนอร์เวย์ภายในอาร์กติกเซอร์เคิล เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมงที่แสนจะล่อตาล่อใจนักจับปลาทั้งหลาย คนที่ชื่นชอบการตกปลามักมาที่นี่กันในวันหยุดเพื่ออวดปลาตัวใหญ่ให้โลกเห็น นอกจากนี้ยังมีแนวปะการังที่ลึกที่สุดของโลกอยู่ที่นี่อีกด้วย แน่นอนว่าความสวยงามแห่งซีกโลกเหนืออยู่ที่นี่แหละ
30. Cocos Island คอสตา ริก้า
เกาะ Cocos Island เป็นเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่เลย ห่างจากชายฝั่งคอสตา ริก้า ประมาณ 300 ไมล์ เพราะฉะนั้นจึงเป็นอุทยานแห่งชาติที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว ที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งดำน้ำที่ดีที่สุดของโลก เพราะโลกใต้น้ำจะเต็มไปด้วยสัตว์น้ำดาษดื่น
31. Rock tombs in Myra, Lycia ตุรกี
Myra เป็นเมืองกรีกโบราณเล็กๆ ใน Lycia ปัจจุบันตั้งอยู่ในรัฐ Antalya ริมแม่น้ำ Myros ของประเทศตุรกี เป็นเมืองกรีกโบราณที่ยังคงซากปรักหักพังไว้อย่างสมบูรณ์ให้ได้พบเห็น สุสานเหล่านี้รู้จักกันในชื่อว่า Rock tombs สุสานหินตัดสลักบนหน้าผา สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ Lion’s tomb หรือ Painted Tomb นั่นเอง หลังจากเดินชมหน้าผาสุสานหินแล้ว สามารถเดินขึ้นไปขอพรที่โบสถ์ Saint Nicholas ก่อนอำลาที่นี่ไป
32. Herrenchiemsee New Palace, Lake Chiemsee เยอรมนี
ในปี 1873 กษัตริย์ลุดวิกที่สองแห่งบาวาเรีย ทรงให้สร้างพระราชวังแฮร์เรนคีมเซ (Herreninsel) ขึ้นเป็นพระราชวังใหม่ของพระองค์โดยได้แรงบันดาลใจมาจากพระราชวังแวร์ซายส์ที่สร้างโดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส พระราชวังแฮร์เรนคีมเซเป็นพระราชวังอยู่บนเกาะแฮร์เรนอินเซลซึ่งเป็นเกาะอยู่กลางทะเลสาบ Chiemsee เรียกได้ว่าพระราชวังแห่งนี้เป็นพระราชวังที่ใหญ่ และหรูหราที่สุดของกษัตริย์ลุดวิกที่สองเลยก็ว่าได้
33. Fès โมร็อคโค
ถ้ากำลังมองหาแหล่งทำเครื่องหนักที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อย่าลืมที่นี่ เมืองเฟส (Fes) โมร็อคโค ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเชิงเทือกเขารีฟ (Rif Mountain) ทางตอนเหนือกับเขตเทือกเขาแอตลาสตอนกลาง อยู่ห่างจากกรุงราบัตไปทางตะวันออก 180 กิโลเมตร เฟส เป็นเมืองแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของโมรอคโค มีสถานที่ที่น่าสนใจหลายแห่ง ที่ดูจะดึงดูดเรามากที่สุดก็คงเป็น เขตเมืองเก่า ซึ่งเรียกกันว่า “เมดินา” มีกำแพงเมืองโบราณโดยรอบสีฟ้าซึ่งสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมของศิลปะอิสลาม ผ่านพ้นกำแพงเมืองเข้ามาจะเริ่มเป็นตรอกซอกซอยเล็กๆ มากมาย วกวนซับซ้อนอยู่ภายในคล้ายเขาวงกตเป็นหมื่นๆ ซอยเลยทีเดียว มีเสน่ห์ที่สุดแสนจะคลาสสิค
34. Blagaj บอสเนีย และ เฮอร์เซโกวีน่า
Blagaj เป็นหมู่บ้านเมือง Kasaba ในตะวันออกเฉียงใต้ของลุ่มน้ำ Mostar ของบอสเนียและเฮอร์เซโกวีน่า เป็นเมืองที่ผสมผสานความเป็นเมืองและชนบทไว้ได้เป็นอย่างดี Blagaj Tekija ถูกสร้างในปี 1520 ที่มีองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมออตโตมัน และสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนไว้อย่างลงตัว
35. Cesky Krumlov สาธารณรัฐเช็ก
เมือง Cesky Krumlov นี้ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 13 และมีการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อยจนมาถึงปัจจุบัน เป็นเมืองขนาดเล็กในภูมิภาคโบฮีเมียใต้ของสาธารณรัฐเช็ก มีชื่อเสียงจากสถาปัตยกรรมและศิลปะของเขตเมืองเก่าและปราสาทกรุมลอฟ ซึ่งเขตเมืองเก่านี้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ทุกครั้งที่ได้ก้าวเข้ามาในปราสาทกรุมลอฟจะทำให้กลับมานึกถึง Renaissance festival ซึ่งจะจัดขึ้นทุกปีในเดือนมิถุนายน
36. Saint Petersburg รัสเซีย
เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (Saint Petersburg) เป็นเมืองท่าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซีย ตั้งอยู่ปากแม่น้ำเนวา ริมอ่าวฟินแลนด์ในทะเลบอลติก สร้างโดยพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางแห่งความเจริญที่เก่าแก่ที่สุดรวมไปถึงด้าน นโยบายการเมืองและเศรษฐกิจที่มีบทบาทและความสำคัญในหน้าที่ประวัติศาสตร์ สมัยที่เคยเรืองอำนาจในยุโรปจนถูกขนานนามว่า “หน้าต่างของยุโรป”
37. Ittoqqortoormiit กรีนแลนด์
การเดินทางไป Ittoqqortoormiit อาจเป็นเรื่องที่ยากแสนยาก แถมยังออกเสียงผิดๆ ถูกๆ เพราะชื่ออันยาวเหยียดแต่ถ้าไปถึงก็นับว่าคุ้มค่าความพยายามอย่างมาก จากเมืองหลวงของไอซ์แลนด์ คุณต้องรีบจองตั๋วไฟลท์บินเพียงเที่ยวเดียวต่อสัปดาห์เพื่อไปยังกรีนแลนด์ และขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปถึงเมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยสีสันริมแม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลกแห่งนี้
38. Mount Ai-Petry, Crimea ยูเครน
ความเสียวระดับสูงนี้ตั้งอยู่บนภูเขา Kastron mountain คุณจะต้องปีนขึ้นไปโดยไม่หันกลับมามองแม้หัวใจจะกองอยู่แทบเท้าแล้วก็ตาม และบนจุดสูงสุดเราจะได้พบกับวิวที่สวยอลังการของอ่าว Balaklava ที่แสนคุ้มค่ากับการขึ้นมา ณ ที่นี้
39. Marsaxlokk มอลตา
Marsaxlokk เป็นหมู่บ้านชาวประมงแบบดั้งเดิมตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของมอลตา ที่นี่คือแหล่งรวมตลาดปลาที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุดในแทบทุกวันอาทิตย์สุดสัปดาห์
40. Monument Valley ยูทาห์
Monument Valley ตั้งอยู่ที่เส้นเขตแดนระหว่างรัฐยูทาห์กับรัฐแอริโซนาทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา ชื่อหุบเขามีที่มาจากแท่งหินค้ำขนาดมหึมา ซึ่งกระจัดกระจายอยู่บนที่ราบไม้พุ่มอันแห้งแล้ง หุบเขาที่คุ้นเคยนี้ หลายคนคงจะเคยเห็นในหนังคาวบอยอยู่แล้วบ้าง ที่นี่อยู่ไกล และเงียบกว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่คล้ายกันอย่างแกรนแคนยอน
ขอบคุณข้อมูลจาก
– distractify.com
– travel truelife