Biei เป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน ที่ตั้งอยู่ใจกลาง เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น นับว่าเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างมาก เสน่ห์ที่น่าดึงดูดและน่าหลงใหลของ Biei ก็ คือ ฟาร์มพืชผักดอกไม้ต่างๆ ที่ปลูกขึ้นบนพื้นที่เนินสูงต่ำ ซึ่งต่างจากไร่นาในบ้านเราที่มักเป็นที่ ลุ่ม ผมว่า สิ่งที่ทำให้ฟาร์มในเมืองนี้ดูน่ามองและสบายตาก็น่าจะมาจากความ เป็นระเบียบเรียบร้อยในการปลูกพืชที่ปลูกเรียงรายกันเป็นแถวยาว และประกอบ กับความสูงต่ำของพื้นที่ เลยทำให้ดูมีเสน่ห์มีมิติ ดังที่เห็นในรูปนั่นเอง
Biei ศิลปะบนผืนดิน
การเดินทางไปถึงตัวเมือง Biei ก็ไม่ยากเย็นครับ เพราะ อย่างที่เรารู้กันว่า การคมนาคมของประเทศญี่ปุ่นนั้นสะดวกสบายและครอบคลุม พื้นที่ สำหรับทริปนี้ เราเริ่มต้นขึ้นรถไฟจากเมือง Sapporo ที่ เป็นเมืองหลักที่ใหญ่ที่สุดในเกาะฮอกไกโด ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงก็ถึง แล้วครับ พอก้าวลงจากรถไฟก็สัมผัสได้ถึงความสงบของเมืองครับ สถานีรถไฟเป็น สถานีเล็กๆ ช่วงที่เราไปเป็นช่วงประมาณปลายพฤษภาคมถึงต้นมิถุนายน นับว่า เป็น Low season สุดๆ ก็เลยยิ่งเห็นความเงียบเข้าไปใหญ่ ชอบครับชอบ
เส้นทางชมวิวทิวทัศน์ของเมืองนี้ จะแบ่งออกเป็นสองสายหลักๆคือ Patchwork area และ Panorama road โดยในแต่ละสายจะมีจุดCheckpoints ที่ให้เราไปเยี่ยมชมถ่ายรูป ส่วนใหญ่ จะเป็นต้นไม้รูปร่างแปลกๆ มีเอกลักษณ์ บางจุดก็เป็นจุดอ้างอิงในนิยายของ ญี่ปุ่น สำหรับพาหนะที่ใช้ในการชมวิวของผมนั้น เนื่องจากอากาศเย็นๆเหมือน อยู่ในห้องแอร์ ผมตัดสินใจเช่าจักรยานจากร้านอยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟครับ
ร้านให้เช่าจักรยาน ซึ่งก่อนที่จะได้เช่า เราต้องยืนฟังเจ้าของร้านอธิบายเส้นทางการปั่นจักรยานก่อน ที่สำคัญ อธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่น ปนภาษามือนะจ้ะ จากนั้นก็ออกปั่นชมวิวกันเลย เริ่มที่เส้นทาง Patchwork Area ก่อนครับ
ฟ้าครึ้มๆ เหมือนฝนจะตก ทำให้แดดไม่ร้อนเกินไป ปั่นจักรยานๆสบายๆในห้องแอร์จ้า
ดอก Shiba Sakura มักจะเจอตามริมทาง มีหลากหลายสีด้วยนะ
หนึ่งใน Check point จ้า “ต้นไม้พ่อ แม่ ลูก” ส่วนพื้นที่ด้านหน้าเค้ากำลังเตรียมหน้าดินเพื่อลงต้นกล้า ถ้าไปช่วงกรกฎาคมจะเห็นสีสันของดอกไม้นานาชนิดตามฟาร์มดอกไม้อีกด้วย
รูปวาดโดยรถแทรกเตอร์ แบบนี้เค้าเรียก มีศิลปะในหัวใจจริงๆ
ระหว่างทางก็จะมีร้านต่างๆให้แวะพัก กิน นั่งชมวิวสวยๆจ้า นี่เป็นร้านกาแฟน่ารักๆ
หลังจากท่องเส้น ทาง Patchwork Area เสร็จ ผมก็กลับที่พัก ซึ่งเป็นคล้ายๆกับ Homestay แต่ว่าเป็นบ้านในเมืองครับ เจ้าของบ้านเองก็อยู่ในบ้านด้วยเหมือนกัน ตอนกลางคืนหิวๆ ผมก็ออกไปหาซื้ออะไรมากิน พอกลับมาก็เลยขออุปกรณ์การกินจากเจ้าของบ้าน แต่ได้แถม Melon ที่สุดแสนจะหวานจากเจ้าของบ้านมาด้วย ใจดีมาก
ส่วนวันต่อมา ไปตะลุยต่อที่เส้นทาง Panorama Road สำหรับเส้นทางนี้ จะมองเห็นภูเขาเป็นแนวตลอดทางอีกด้วย
ระหว่างทางเจอลุงคนนี้ พร้อมทั้งลูกสมุนสุดแสนน่ารัก เลยแวะคุยกับแก ที่จริงแล้วเราจะเล่นกะลูกสมุนของแกต่างหาก ซึ่งลุงก็พูดอังกฤษได้นิดหน่อย ได้ความมาว่า แกรู้จักเมืองไทย เคยไปมาสองครั้งแล้ว
ระหว่างทางก็มีป้ายชี้เข้ามาที่บ้านหลังนึง ก็เลยลองเข้ามาดูพบว่า บ้านหลังนี้ นอกจากจะทำฟาร์มแล้ว สามีเค้าเป็นช่างไม้ด้วย เลยทำผลงานแกะไม้น่ารรักๆออกมาขายด้วยจ้า
จากนั้นก็ปั่นจักรยานต่อ มาเจอร้านกาแฟร้านนึง ก็เลยนั่งกิน ปรากฏว่า ซักพัก ลุงคนที่เจอตอนแรก เป็นสามีของป้าที่ทำขนมนั่นเอง
วิวสองข้างของเส้นทางสาย Panorama Road จ้า
แล้วก็พบฟาร์มเลี้ยงสัตว์ มีทั้งแกะ กระต่าย วัว ฯลฯ ที่สำคัญก็คือ มีร้านสเต๊กเนื้อด้วยนะเออ
ต้นไม้เอียงๆ หนึ่งใน Check point
แวะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายของเมือง ทำให้เห็นความสวยงามของเมืองในฤดูอื่นๆด้วย อยากไปอีกๆๆ
รถไถ คงจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับฟาร์มที่นี่ ไม่งั้น ใช้แรงคนแรงควาย คงไถขึ้นเนินกันจนเป็นลมเลยทีเดียวเชียว
อยากไปอยู่บ้านหลังนี้จังเลย…
แวะกินโซบะเย็นอร่อยๆ แป้งหอมนุ่มหนึบจ้าา
ขากลับเข้าตัวเมือง เลยแวะเดินเล่นซะหน่อย ผมว่าเมืองนี้น่ารักดีนะ
พอตกดึกเริ่มจะหิว อยากจะหาอะไรดีๆกิน ไม่รู้ร้านไหนดีร้านไหนอร่อย ถ้ามีคนพาเที่ยวบอกก็คงจะดี แต่ตอนนั้นไม่มี ก็เลยมองซ้ายมองขวา เจอเกิร์ลแก๊งค์ ทีแรกเจอ 3 คนซ้าย ก็เลยถามว่า ที่ไหนมีของอร่อยๆกินบ้าง? ซึ่งเค้าไม่รู้จะตอบเรายังไงดีเพราะพูดอังกฤษไม่ได้ เค้าก็เลยโทรหาเพื่อน(คนขวาสุด) ว่าให้มาช่วยพูดให้หน่อย พอมาถึง เค้าพูดภาษาอังกฤษคล่องเลยเพราะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ซึ่งเค้าแนะนำร้านเล็กๆเก่าแก่ร้านหนึ่ง บอกว่าราเมงอร่อยมาก ต้องขอบคุณความพยายามของสี่คนนี้จริงๆคร้าบ
สุดท้ายได้จบมื้อค่ำด้วย ราเมงรสชาติกลมกล่อมอย่างนี้นี่เองงงงงงงง….
ก่อนหน้านี้ที่ไปเที่ยวในโตเกียว เป็นเมืองที่พลุกพล่านและวุ่นวาย พบแต่ผู้คนซึ่งเฉยชาใส่กัน หน้าบึ้งใส่กัน เร่งรีบกับทุกสิ่ง ไม่เป็นมิตรกับคนรอบข้าง แต่พอได้มาเที่ยวเมืองนี้ กลับได้สิ่งที่ตรงกันข้าม ผมว่าเมืองนี้น่ารัก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่หรือคนในเมืองก็ตาม ประทับใจเมืองนี้มาก อยากกลับไปอีกจ้าาา
ขอขอบคุณข้อมูล http://travel.mthai.com/member-blog/42718.html