วันว่าง..หากใครกำลังมองหาที่เที่ยวอยู่ แต่ไม่อยากไป่ไกลจากกรุงเทพฯนัก ดูเอเซียอยากแนะนำที่นี่เลย “พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย” จ. นครปฐม ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แถมการเดินทางก็ไม่ยุ่งยาก หรือหากยังตัดสินใจไม่ถูก..ไม่เป็นไร..วันนี้ดูเอเซียจะพาคุณๆไปเที่ยวเอง
“พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย”ได้ก่อกำเนิดเกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของศิลปินกลุ่มหนึ่ง นำโดยอาจารย์ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ คิดจะสร้างหุ่นขี้ผึ้งไทยตามแบบหุ่นขี้ผึ้งของมาดามทรูโซ ในอังกฤษ แต่พอได้ลองปั้นแล้วมีเกิดปัญหาหลายๆอย่าง คือ ประเทศไทยเราเราเป็นเมืองร้อน และมีฝุ่นละอองมาก แถมยังมีความชื้นสูง ปัญหาต่างๆเหล่านี้มันส่งผลต่อการคงรูปของหุ่นขี้ผึ้ง ดังนั้น อ.ดวงแก้ว และคณะ จึงได้คิดพลิกแพลงทดลองนำวัสดุหลายๆอย่างมาใช้แทน ที่สุดก็ทำให้รู้ว่า การใช้ไฟเบอร์กลาส..สามาถแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวหุ่นขี้ผึ้งได้ เพราะไฟเบอร์กลาสมีคุณสมบัติพิเศษที่คงทน ให้ความรู้สึกนุ่มนสล สวยงาม จึงได้สร้างหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสของ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ดฉิมพลี ขึ้นเป็นรูปแรก ต่อมาได้จัดสร้างหุ่นขึ้นอีกหลายๆชุด กระทั่งเมื่อปีพ.ศ. 2533 จึงเปิดให้ชมกันอย่างเป็นทางการ
เป็นไงล่ะครับ อ.ดวงแก้ว และกลุ่มศิลปินของท่าน ได้ทุ่มเททั้งเวลา และความสามารถ บรรจงสรรค์สร้างผลงานชิ้นยอดเยี่ยมออกมาอย่างนี้ คนธรรมดาที่ไม่ใช่ศิลปินจ๋าอย่างเราๆ (รวมถึงพวกอารมณ์ติ๊ด..ไม่สนโลก ประมาณว่าเีพี้ยนไปชั่วขณะ..555) ต้องไปชื่นชมให้เห็นเป็นขวัญตาซะหน่อยล่ะครับ
ทริปนี้สบายๆครับ..ไม่ต้องอะไรมากมายเพราะอยู่ไกล้ๆกรุงเทพนี่เอง ดูเอเซียขับรถยิงยาวไปทางสะพานปิ่นเกล้า วิ่งเส้น ถ. ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ผ่านทางต่างระดับที่พุทธมณฑล ตรงไปเรื่อยๆ ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำนครชัยศรี วิ่งไปอีกประมาณ 3 กม. จะมองเห็นพิพิธภัณฑ์อยู่ทางขวามือ อยู่ติดถนนเลยครับ แต่เราต้องเลยไปแล้ว ยูเทิร์นกลับมาอีกที (ระวังอย่าให้เลยที่กลับรถนะ ไม่งั้นไปอีกยาวกว่าจะได้กลับรถ)
เข้ามาข้างในบริเวณ ลานจอดรถกว้างขวางดีครับ จอดรถบัสได้หลายสิบคันเลยล่ะ หายห่วงเรื่องที่จอด.. จอดรถเสร็จมองหาที่ซื้อตั๋วเข้าชม ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียว มีป้ายบอกชัดเจน ราคาค่าเข้าชมก็..ผู้ใหญ่คนไทยราคา 50 บาท เด็ก 10 บาท นักเรียนในเครื่องแบบ 20 บาท และชาวต่างชาติ 200 บาทต่อคน
ได้บัตรได้ตั๋วมาแล้ว ด้านหลังที่ขายบัตรจะมีของที่ระลึกต่างๆไว้ให้ซื้อหากันด้วย ลองๆแวะชมกันดูนะ.. ดูๆของที่ระลึกได้แป๊บนึง ดูเอเซียก็ไม่รอช้าที่จะเดินเข้าสู่อาคารจัดแสดง ด้านหน้าประตูทางเข้าอาคารจะมีน้องๆพนักงานสาวสวย..คอยต้อนรับและรับบัตรอยู่ (รึไปเจอแต่ผู้หญิงหว่า..คนดวงมันสมพงษ์กะสาวสวยก็งี้แหละ..อิๆ)
เข้ามาภายในอาคารปุ๊บก็เจอ คุณตานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ กะพนักงานสาวกะลังจดบันทึกอะไรสักอย่างอยู่ด้านซ้ายมือ ดูผ่านๆนึกว่าคนจริงๆ ที่ไหนได้เป็นหุ่นขี้ผึ้งทั้งคู่.. (สุดยอด..เข้ามาปุ๊บก็สับขาหลอกกันแล้ว เนียนจริงๆ) ถัดเข้าไปด้านในอีก จะเป็นการจัดแสดงที่มีชื่อชุดว่า “อริยสงฆ์” การแสดงชุดนี้ จะเป้นหุ่นจำลองของพระเกจิที่มีชื่อเสียงจากทั่วประเทศ ที่พอจะจำๆได้ก็จะมี ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา พระธรรมญาณมุนี พระโพธิญาณเถระ หลวงจีนคณาณัติจีนพรต ครูบาศรีวิชัย หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ และอีกหลายๆรูป ที่เหล่าศิลปินได้สร้างสรรค์ และเก็บรายละเอียดได้แบบเป๊ะๆเลย
เดินถัดมาอีกหน่อย บริเวณด้านซ้ายมือก็จะพบกับหุ่นชายอ้วนผอมสองคนกำลังนอนหลับอย่างสบายอารมณ์สมกับชื่อชุด “เหนื่อยนักพักก่อน” ซึ่งถ้าไม่สังเกตุดีๆก็จะเหมือนๆคนที่มานั่งรอจนหลับไป เพราะชุดนี้เค้าไม่ได้จัดแสงสีอะไรให้ดูเหมือนกับว่าเป็นของที่จัดแสดงอยู่ (เนียนอีกแล้วววว..)
และที่ตรงข้ามกันนั้นก็มีชุด “หมากรุกไทย” ซึ่งเป็นหุ่นชายวัยกลางคนสองคนกำลังเดินหมากรุก ด้วยสีหน้าท่าทางเอาจริงเอาจัง มีอีกคนนั่งเป็นกองเชียร์อยู่ข้าง ซึ่งชุดๆนี้ดูเอเชียได้พบเห็นในนิตยสารหลายๆเล่มมาแล้วเหมือนกัน
ถัดจากชุดหมากรุกไทย ดูเอเซียเดินมาถึงห้องสุดท้ายของชั้นแรก ที่จัดเป็นท้องพระโรง ภายในมีพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์ไทย ในราชวงศ์จักรีตั้งแต่รัชกาลที่ 1- รัชกาลที่8 ซึ่งเมื่อเข้าไปถึงแล้ว การจัดแสงสีในห้องนี้ทำให้บรรยากาศดูน่าขนลุกเชียว เพราะรู้สึกเหมือนๆว่าเราเข้าเผ้า ได้อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์เลย นอกจากนี้เดินเข้าไปยังห้องด้านหลังก็ยังมี “นิทรรศการสมเด็จย่าครบ 100 ปี” โดยจัดแสดงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน และยังมีพระบรมรูปของสมเด็จย่าตั้งอยู่บริเวณกลางห้องด้วย
สำหรับชั้น 2 นั้นขึ้นมาแล้วจะพบกับการแสดงของชุด ” 3 ครูเพลงไทย” ได้แก่ ครูจวงจันทน์ จันทร์คณา “บรมครูพรานบูรพ์”, ครูเอื้อ สุนทรสนาน “สุนทราภรณ์” และครูไพบูลย์ บุตรขัน “ราชานักแต่งเพลงลูกทุ่ง” ถัดมาติดๆกันก็จะเป็นชุด “ 3 บุคคลสำคัญของโลก” ได้แก่ มหาตมา คานธี ซึ่งเป็นบิดาแห่งประชาชาติอินเดีย อับราฮีม ลินคอร์น ผู้ปลดปล่อยทาสของสหรัฐอเมริก่ และเวอรื วินสตัน เชอร์ชิล วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ
เดินเข้ามาด้านในอีกจะเป็นการจัดแสดง “ชุดการละเล่นของเด็กไทย” จัดแสดงการเล่นรีรีข้าวสาร แมงมุม จ้ำจี้ ขี่ม้าส่งเมือง และหัวล้านชนกัน ชุดๆนี้ดูแล้วสีหน้าท่าทางหุ่นทุกๆตัวมีความสุกสนุกสนานกันมากเลย.. ถัดเข้าไปด้านในอีกห้องจะพบกับเรื่องราวในวรรณคดีชื่อดัง ได้แก่ “ชุดวรรณคดีไทย” ซึ่งชุดนี้ได้จัดแสดงเรื่องพระอภัยมณี โดยมีหุ่นพระอภัยมณี นางผีเสื้อสมุทร นางเงือก สุดสาคร ม้านิลมังกร ฯลฯ เรียกได้ว่าน่าจะครบตัวละครทุกตัวในเรื่องเลยนะ และห้องนี้ยังมีหุ่นของสุนทรภู่ซึ่งเป็นผู้แต่งเรื่องนี้จัดแสดงไว้ด้วย จากนั้นจะเข้ามาพบกับ “ชุดประวัติศาสตร์ไทย” ที่จัดแสดงพระบรมรูปของสมเด็จพระปิยมหาราช และยังจำลองภาพการเลิกทาสในประเทศไทย (การแสดงชุดนี้ทางพิพิธภัณฑ์ไม่ให้ถ่ายภาพนะครับ) ยังไม่หมดนะครับ ยังมีชุดสุดท้ายให้ชมกันอีก ชุดนี้มีชื่อว่า “ชุดบ่อนเบี้ย” ชุดนี้จะเป็นชุดแสดงบรรยากาศในบ่อนพนัน โดยจะมีหุ่นเด็กที่ถูกนำมาใช้หนี้ในบ่อนพนัน หุ่นแต่ละตัวในชุดนี้มีความละเอียดทั้งสีหน้า ท่าทาง และแววตาเด่นชัดมากๆเลยครับ
แหะๆ..ไม่ผิดหวังเลยที่ได้มาเที่ยวชม “พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย” ในวันนี้เลย สมบูรณ์มากๆกับการจัดแสดงห่นของที่นี่ แถมพนักงานยังต้อนรับด้วยความสุภาพในทุกๆจุดที่เข้าชม และอีกไม่นานนี้เราจะได้ชมหุ่นขี้ผึ้งที่กลุ่มศิลปินเค้ากำลังทุ่มเทแรงกายแรงใจสร้างขึ้นมาอีกหลายๆชิ้นเช่น หุ่นพระรูปของสมเด็จพระพี่นาง ที่ใกล้จะแล้วเสร็จ และหุ่นของเหล่านักชกไทยที่สร้างชื่อไว้ตั้งแต่ในอดีต อาทิเช่น โผนกิ่งเพชร ที่อีกไม่นานเราจะได้ชื่นชมกัน
เปิดให้ชม
วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-17.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30-18.00 น.
โทร. 0-3433-2607, 33-2109
การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว ไปทางสะพานปิ่นเกล้า วิ่งเส้น ถ. ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ผ่านทางต่างระดับที่พุทธมณฑล ตรงไปเรื่อยๆ ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำนครชัยศรี วิ่งไปอีกประมาณ 3 กม. จะมองเห็นพิพิธภัณฑ์อยู่ทางขวามือ อยู่ติดถนนเลยครับ แต่เราต้องเลยไปแล้ว ยูเทิร์นกลับมาอีกที
รถประจำทาง นั่งรถสายกรุงเทพฯ-นครปฐม (สายใหม่) ที่สายใต้ใหม่ ลงที่หน้าพิพิธภัณฑ์
รถตู้ นั่งรถตู้กรุงเทพฯ-นครปฐม ลงหน้าพิพิธภัณฑ์
ขอบคุณภาพ พิพิธภัณฑ์หุ่นขึ้ผึ้งไทย -Thai Human Imagery Museum