มหัศจรรย์ค้างคาวร้อยล้าน ที่เขาช่องพราน ปรากฏการณ์ที่แสนจะมหัศจรรย์ยิ่งที่ไม่ว่าใครก็ตามที่มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนอำเภอโพธาราม หรือ จังหวัดราชบุรี จะพลาดไม่ได้ทีเดียว เพราะถ้าหากพลาดการชมปรากฏการณ์ ธรรมชาติอันนี้แล้ว จะเสียดายที่สุดหรืออาจจะพูดได้ว่าเหมือนกับไม่ได้มาเยี่ยมเยือนโพธารามเลยครับวันนี้ดูเอเซีย.คอมจะพาเพื่อนๆไปดูปรากฎการณ์แห่งความมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นในบริเวณวัดเขาช่องพราน ที่มีผู้คนพบเห็นในทุก ๆ วัน เมื่ออาทิตย์ใกล้อัสดงบรรดาค้างคาวหนูจำนวนมหาศาลราวร้อยล้านตัว เคลื่อนตัวเป็นสายไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เป็นเวลานานกว่า 2 ชม. และจะกลับมายังบริเวณถ้ำแห่งนี้ก่อนอรุณรุ่ง เป็นภาพอันน่าประทับใจ ของปรากฎการณ์ มหัศจรรย์ทาง ธรรมชาติ เป็นอย่างยิ่ง
วัดเขาช่องพราน ตั้งอยู่ในท้อง หมู่ 2 ตำบลเตาปูน อำเภอโพธาราม ห่างจากว่าการอำเภอโพธารามไปทางทิศตะวันตกของแม่น้ำแม่กลองเพียง 9 กิโลเมตร โดยอยู่ห่างจากจังหวัดราชบุรีไปตามถนนราชบุรี – เบิกไพร ประมาณ 25 กิโลเมตร ในบริเวณดังกล่าวนี้ มีภูเขาสองลูกตั้งคู่กันแบ่งตรงกลางเป็นช่อง ในสมัยเมื่อป่ายังอุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่าชุกชุม สัตว์จะใช้ช่องระหว่างเขาสองลูกเป็นทางเดิน เหล่าพรานเห็นเป็นทำเลดีที่จะจับสัตว์จึงได้ไปซุ่มดักยิงสัตว์ในบริเวณนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อ เขาช่องพราน นับแต่นั้นมาเขาแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “เขาช่องพราน”ตามตำนานเรื่องเขาช่องพรานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า พระรามัญญาธิบดีที่ 2 เป็นผู้พบเขาช่องพรานและถ้ำในบริเวณนี้หลายแห่ง เห็นเป็นทำเลดีจึงได้ชักชวนชาวมอญมาตั้งรกรากทำมาหากินในถิ่นนี้ และสร้างวัดติดกับเขาทางด้านใต้อีกด้วย และ ณ บริเวณเขาช่องพราน ตรงกึ่งกลางเขามีถ้ำอยู่ถ้ำหนึ่ง ชื่อว่า “ถ้าพระ” ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปเก่าแก่ปางต่าง ๆ จำนวนร้อยกว่าองค์และมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่องค์หนึ่ง อยู่เกือบถึงก้นถ้ำมีความยาวถึง 9 เมตรเศษ สูง 1 เมตรเศษและมีพุทธบาทจำลองอยู่ภายในถ้ำนี้อีกด้วย
ลักษณะเป็นถ้ำที่เกิดจากหินปูน สูงจากพื้น 30 เมตร ปากถ้ำกว้าง 2 เมตร มีลักษณะคล้ายห้องโถงขนาดใหญ่ กว้าง ุ60 เมตร ยาว 100 เมตร ลึกประมาณ 60 เมตร มีเนื้อที่ประมาณ 77 ไร่ ภายในถ้ามีหินงอกหินย้อยที่งามน่าดูชม ยิ่งนัก ก็เข้าสูตรที่ว่าที่ไหนมีถ้าที่นั่นก็ต้องมีหินงอก หินย้อย ถ้าหากไม่มีหินงอกหินย้อยก็ ดูกระไรอยู่ค้างคาวที่เขาช่องพรานนี้ ส่วนมากเป็นค้างคาวหนูหรือค้างคาวหางหนู ซึ่งเป็นค้างคาวขนาดเล็ก ที่มีหางยาวมาก อยู่ในวงศ์เอมบอลโลนูริแด ทั้งนี้เพราะมีหน้าสั้น จมูกไม่มีแผ่นเนื้อข้าง ๆ หูใหญ่มักติดกันใบหูชั้นในมักเล็กและสั้น หางยาวและปลายหางไม่มีหนังปีกยึด
ก่อนจะได้เวลาที่ค้างคาวเหล่านี้ บินออกมาจากถ้ำ จะมีเหยี่ยวหรือกามาบินวนเวียน อยู่ตรงปากถ้ำ เพื่อคอยโฉบกินค้างคาว ถ้าค้างคาวตัวใดบินเดี่ยวออกมาก่อนกำหนดเวลา จะถูกโฉบจับกินเป็นอาหาร พอถึงเวลา 6 โมงเย็นหรือช้ากว่านั้นเล็กน้อย ค้างคาวตัวหัวหน้าจะบินนำฝูงขึ้นมาจากปากถ้ำโดยบินเกาะกลุ่มกันเป็นสาย หรือ เป็นเกลียวเหมือนพายุไซโคลนตอนแรก ๆ จะออกมาเป็นสายเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ เป็นระลอกใหญ่คล้ายคลื่น โดยม้วนตัวหรือ หมุนตัวก่อนแล้วจึงตามกันออกมาเป็นสาย ยาวเป็นกิโลเมตร ๆ ทีเดียว พอออกมาได้สัก 20-30 นาที ก็จะกระจายแถวออกเป็นสาย 2 สายบ้าง 3 สายบ้างมองดูแล้วตื่นเต้นจริงๆครับเพราะค้างคาวมีจำนวนเยอะมากๆเกือบๆร้อยล้านตัวเลยก็ว่าได้เยอะมากจริงๆ
ลักษณะการบินในแถวนั้น เสียงปีกจะดังพึ่งพั่บสนั่นหวั่นไหวไปหมด มันจะบินต่ำๆขึ้นๆลงๆคล้ายกับลูกคลื่นหรือเล่นสิงโตกันไม่มีผิด กว่าค้างคาวจะบินออกจนหมดถ้ำนั้นก็กินเวลาร่วม 2 ชั่วโมงทีเดียวและก่อนที่จะออกจากถ้ำ ค้างคาวพวกนี้จะส่งเสียงดังขึ้นมาก่อน อันเป็นสัญญาณ บอกให้รู้ว่าได้เวลาที่ข้าจะออกหากินแล้วนะ
ระหว่างที่ค้างคาวออกจากถ้ำเป็นสายนี้จะไม่มีเหยี่ยวหรือกากล้าเข้าไปรบกวนรังควาญได้ ทั้งนี้เพราะจะถูกกระแทกด้วยความแรงของสายกระแสคลื่นค้างคาว แต่ถ้าตัวใดแตกฝูงออกห่างมาเมื่อใด เมื่อนั้นแหละ ค้างคาวเคราะห์ร้ายตัวนั้นจะถูกโฉบจับกินทันที ยิ่งตอนกลับเข้าถ้ำตอนเช้า ประมาณ 05.30 น.แล้ว ก็ยิ่งเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดยิ่งนัก เพราะพอได้เวลาค้างคาวจำนวนมากมายเหล่านี้บินมาจากไหนก็ไม่รู้มากันหลายทิศทาง จะบินตรงมาที่ปากถ้ำเดียวกันนี่แหละ แล้วก็จะทิ้งตัวดิ่งหายเข้าไปในถ้าอย่างรวดเร็วซึ่งก็เป็นภาพที่ค่อนข้างหาดูได้ยากเลยทีเดียว
ตอนที่ค้างคาวบินเข้า-ออกถ้ำนี้ จะมีพระที่จำพรรษาอยู่ที่วัดเขาช่องพรานมาเฝ้าปากถ้ำเพื่อคอยดูแลไม่ให้คนเข้ามาลักตีค้างคาวได้ ซึ่งนอกจากค้างคาวจะมีเหยี่ยวกาและงู เป็นศัตรูคอยรังควาญแล้ว มนุษย์เราก็ยังมาเพิ่มการรังควาญให้หนักข้อยิ่งขึ้นไปอีกซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีเลยนะครับ
การที่มีค้างคาวมาอาศัยอยู่ในถ้ำเขาช่องพรานนี้ ทำให้เกิดมูลค้างคาวทับถมในถ้า ปีละประมาณ 50-60 เกวียน ซึ่งทำรายได้ให้แก่วัดไม่น้อย ซึ่งผู้ซื้อจะจัดพาหนะมาขนเอาเอง เพื่อนำไปทำปุ๋ยโดยนำไปผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอื่นให้อ่อนลงเสียก่อน เพราะถ้าใช้มูลค้างคาวล้วน ๆ จะมีผลทำให้ต้นหมากรากไม้ตายหมด ทั้งนี้เพราะมูลค้างคาวล้วน ๆ นี้ มีความแรงมาก หรืออาจจะนำไปทำดินประสิวหรือวัตถุระเบิดต่าง ๆ ก็ได้ กล่าวกันว่ามูลค้างคาวเขาช่องพรานนี้แท้บริสุทธิ์ไม่มีอะไรเจือปนและคุณภาพสูงมาก การขนย้ายมูลค้างคาวออกจากถ้ำนั้น ต้องนำไปเก็บไว้ยังยุ้งฉางเพื่อรอ ผู้ซื้อ บางครั้งถึงกับลุกเป็นไฟไหม้ยุ้งก็มี และต้องว่าจ้างคนที่มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง เพราะคนที่อ่อนแอจะไม่สามารถทนกลิ่นอันฉุนของมูลค้างคาวได้ ดังนั้นค่าจ้างแรงงานขนมูลค้างคาวจึงสูง(ยังมีมูลค้างคาวที่เขานำมาจำหน่ายก็มีนะครับ ถ้าสนใจ) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.(032) 354643วัดเขาช่องพราน เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมค้างคาว ในตอนเย็นตั้งแต่เวลาประมาณ 18.00 น.ทุกวัน มีลานจอดรถกว้างขวาง(กว้างมากๆ) และมีร้านอาหารเล็กๆหลายร้านคอยบริการผู้ที่เข้ามาชมด้วย และที่นี่ยังมีร้านขายของที่ระลึกเป็นตุ๊กตาค้างคาวซึ่งก็น่ารักมากเลยทีเดียวมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกราคายังเป็นกันเองอีกด้วย
การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว
ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่าน จ.นครปฐม ขับตรงไปทางจ.ราชบุรี จะลอดใต้สะพานลอยที่จะไป จ.กาญจนบุรี จะผ่านสหกรโคนมหนอง โพธิ์ จะพบสะพานลอยข้ามสี่แยกบางแพไปยัง จ.ราชบุรี (ไม่ต้องขึ้นสะพานลอย) ให้ชิดซ้าย จากนั้นจะพบไฟแดง ให้เลี้ยวขวาเพื่อไปยัง อ.โพธาราม ตามเส้นทางหลวงหมาย เลข 3080 ขับมาประมาณ 5.4 กม. จะข้ามสะพานแม่น้ำแม่กลอง จากนั้นจะพบสามแยก (แยกซ้ายไปทางวัดเขาช่องพราน แยกขวาไปวัดขนอน) ให้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทาง หลวงหมายเลข 3089 ประมาณ 11.6 กม. จะพบวัดเขาช่องพราน ติดถนนทางด้านขวามือ
รถโดยสารประจำทาง
มีรถโดยสารปรับอากาศของบริษัทโพธารามทัวร์ จำกัด ออกเดินทางจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6.30-19.30 น. อัตราค่าโดยสารคนละ 55 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-4355036
ขอบคุณภาพ www.pptvhd36.com