หากใครได้ชมละครเรื่อง “คมแฝก” เมืองพล เมืองที่ถูกกุมอำนาจด้วยผู้มีอิทธพลที่ชื่อ แสน ราชสีห์ และใช้ไม้คมแฝกต่อสู้กันอย่างระเบิดระเบ้อ.. เบื้องหลังสถานที่ถ่ายทำละครเรื่องนี้ เมืองพลในละครก็คือ ตลาดบางหลวง อ.บางเลน จ.นครปฐม ตลาดบางหลวงแห่งนี้โด่งดังมากขึ้น จากการที่ได้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่อง “คมแฝก” ที่ออนแอร์ทางช่อง 7 และเพิ่งจบไปไม่นานมานี้ กว่า 80% ของฉากละครถ่ายทำที่ตลาดบางหลวงนี้ จนทำให้หลายๆร้านค้าเริ่มเป็นที่โด่งดังออกไป แต่จริงๆแล้วตลาดแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำทั้งละคร และภาพยนต์อีกหลายๆเรื่อง วันนี้ดูเอเซียเลยพามาตะลุยเมืองพล เพื่อจัดการกับ แสน ราชสีห์ (555..ว่ากันไปโน่น อินซ้าาา..)
ตลาดบางหลวงไม่ใช่แต่เป็นสถานที่ถ่ายทำละครเพียงเท่านั้น ตอนนี้ตลาดบางหลวงได้เปิดให้เป็นที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ และมีของกินอร่อยๆมากมายในแบบฉบับของต้นตำหร้บดั้งเดิมเลยล่ะ ลองไปดูกันครับว่ามีอะไรกันบ้าง
ตลาดบางหลวงเป็นชุมชนเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี จากข้อมูลก่อตั้งตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๔๖ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน (หรือแม่น้ำสุพรรณบุรี) ด้านฝั่งตะวันตก เป็นห้องแถวไม้สองชั้นหันหน้าเข้าหากัน ยาวจากหัวตลาดถึงท้ายตลาดประมาณ หกสิบแปดห้อง. ปัจจุบันยังคงสภาพความสวยงามและบรรยากาศ ของสถาปัตยกรรมตลาดเก่าในอดีตไว้อย่างสมบูรณ์ ทั้งรูปแบบวิถีชีวิต ที่เรียบง่าย การค้าขายของคนในชุมชน รวมทั้งประเพณีและวัฒนธรรม ที่ผสมกลมกลืนระหว่างวัฒนธรรมไทย-จีนที่สืบทอดกันมาเป็นเวลากว่า 100 ปี การสร้างตลาดบางหลวงในอดีต ได้เริ่มจากคนจีนโพ้นทะเล ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่บางหลวง จนกลายเป็นชุมชนที่ประกอบการค้า จึงสร้างเป็นตลาดเรือนไม้สองชั้น หันหน้าเข้าหากัน โดยสร้างตลาดบนก่อนเป็นตลาดแรก เมื่อตลาดมีความเจริญรุ่งเรืองชุมชนเริ่มขยาย ได้มีการสร้างตลาดล่าง และตลาดกลางตามลำดับ เดิมตลาดบางหลวงเป็นแหล่งค้าขายทางน้ำ ที่สำคัญแห่งหนึ่งของอำเภอบางเลน เพราะมีท่าเรือ สะดวกในการขนถ่ายสินค้า มีบริษัทสุพรรณขนส่งให้บริการเดินเรือจากสุพรรณบุรีไปยังสถานีรถไฟงิ้วราย เพื่อเดินทางระหว่างหมู่บ้านหรือเข้ากรุงเทพฯ เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไปเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาแทน มี การสร้างถนน รถยนต์ก็มาแทนที่เรือ ทำให้การค้าขายทางน้ำเริ่มซบเซาลง แต่การค้าขายของชาวตลาดบางหลวงก็ยังคงอยู่ และยังคงรักษาเอกลักษณ์ด้านต่าง ๆไว้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายยาจีนสมุนไพร ร้านทำฟันปลอม ร้านทำทอง ร้านบัดกรีโลหะ ร้านทำเส้นก๋วยเตี๋ยวก็ยังคงอนุรักษ์ไว้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของบางหลวงต่อไป
ถึงตลาดก็เกือบๆจะเที่ยงแล้ว แดดไม่ร้อนเท่าไหร่ และบรรยากาศที่นี่ดูจะเงียบสงบมากๆ ผู้คนอยู่กันอย่างเรียบง่าย ส่วนใหญ่ที่เห็นๆจะไม่ค่อยมีเด็กๆ หรือวัยรุ่นเท่าไหร่นัก ส่วนมากที่เจอจะเป็นคนสูงวัยซะมากกว่า เพราะที่นี่วันธรรมดาลูกๆหลานๆก็จะไปทำงานที่กรุงเทพฯ หรือไม่ก็ย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่นๆ แต่เมื่อวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็จะกลับมาช่วยกันขายของที่ตลาดนี้ บรรยากาศภายในตลาดก็ดูเก่าแก่ อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ก็ได้รับการซ่อมแซมไปเยอะเหมือนกัน แต่ยังคงรูปแบบเดิมไว้อยู่ ด้านในติดน้ำจะมี่แพไว้บริการให้นักท่องเที่ยวไว้นั่งเล่นพักผ่อน เราสามารถสั่งอาหารมานั่งทานในแพนี้ได้ครับ แถมยังมีเรือนำเที่ยวไว้คอยบริการให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมสองฝั่งแม่น้ำท่าจีน ราคาไม่แพงเลยครับเพียงคนละ 30บาทเอง แต่ต้องมาในวันเสาร์-อาทิตย์ นะ หากมาในวันธรรมดาอย่างดูเอเซียถ้าจะไปก็ต้องเหมาลำไปกัน ราคาเหมาก็ 500 บาทครับ ดูเอเซียสั่งก๋วยเตี๋ยวมาทานบนแพ แถมด้วยหมูสะเต๊ะอีกชุดหนึ่ง อร่อยดีครับรสชาติก๋วยเตี๋ยวเป็นแบบก๋วยเตี๋ยวโบราณแท้เลยครับ หมูสเต๊ะก็นุ่มลิ้นอร่อยอีกเหมือนกัน ได้อาหารอร่อยๆและนั่งทานในบรรยากาศดีๆอย่างนี้ อิจฉาดูเอเซียมั๊ยล่ะ..555
อิ่มท้องนิดหน่อยก็ได้เวลาเดินย่อยอาหารกันซะหน่อยแล้ว แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวเราก็ต้องมาหยุดที่ร้านหนึ่งที่ขายของทอด แหม๋…ไม่หยุดได้ไงครับ ร้านนี้เค้าออกทีวีด้วยนะ ขายของที่เราไม่เคยได้ทานกันด้วยสิ ว่าแต่มันคืออะไรล่ะ..(ให้ทาย)ปอเปี๊ยะ ใครๆก็รู้จักและน่าจะเป็นของว่างกินเล่นที่หาทานกันได้ง่ายๆตามท้องตลาดทั่วไป แต่ถ้าดูเอเซียจะพูดถึง “ชุนเปี๊ยะ” ล่ะ จะมีใครพอจะนึกออกบ้างไม๊ว่ามันคืออะไร หน้าตาเป็นยังไง เป็นของกินหรืออะไรกันแน่ วันนี้ดูเอเชียจะพามารู้จักและลิ้มรสของชุนเปี๊ยะกันครับ
ชุนเปี๊ยะ จะว่าไปแล้วหน้าตามันก็คล้ายๆ ปอเปี๊ยะ นั่นแหละครับ มีชื่อแบบไทยๆเรียกว่า “ขนมบ้อง”เป็นของว่างของกินเล่นที่ทำมาจากแผ่นแป้งบางๆ นำมาม้วน สอดไส้ไว้ข้างใน แล้วนำไปทอดให้เป็นสีเหลืองทอง ความแตกต่างระหว่างชุนเปี๊ยะกับปอเปี๊ยะจะต่างกันตรงที่ว่าถ้าเป็น ปอเปี๊ยะ ไส้ข้างในจะทำมาจากวุ้นเส้น ถั่วงอก หมูสับ สามารถทานได้ทั้งแบบสด และแบบทอด เวลาทานก็จะราดด้วยน้ำจิ้มถึงจะครบตามสูตรของปอเปี๊ยะ ส่วนชุนเปี๊ยะ ไส้ข้างในจะทำมาจากใบกุยช่ายผัด กุ้งแห้ง และหมูหั่นชิ้นบางๆ เมื่อนำแผ่นแป้งมาม้วนแล้วทอดให้กรอบ รสชาติจะกลมกล่อมมีทั้ง เค็ม มัน ผสมกับความกรอบของแป้ง ดูเอเซียต้องยกนิ้วให้เชียวแหล่ะครับว่าอร่อยจริงๆ ชุนเปี๊ยะจะทานได้เฉพาะแบบทอดเท่านั้น และที่สำคัญไม่ต้องมีน้ำจิ้มหรือเครื่องเคียงใดๆทั้งสิ้น แค่นี้ก็อร่อยเหาะแล้วล่ะครับ
ดูเอเซียสอบถามเจ้าของร้านขายชุนเปี๊ยะ ซึ่งเป็นเจ้าของสูตรชุนเปี๊ยะเจ้าแรกของตลาดบางหลวง ได้ความว่า สามีของอาม่าเจ้าของร้าน เป็นคนได้สูตรมาจากเมืองจีน ขายชุนเปี๊ยะอยู่ที่เมืองจีน พอกลับมาเมืองไทยก็นำสูตรชุนเปี๊ยะมาทำขายที่เมืองไทยด้วย ขายอยู่ที่ตลาดบางหลวงมากว่า 50 ปีแล้ว
เปิดร้านขายอยู่ที่ตลาดบางหลวงทุกวัน โดยตั้งร้านอยู่ที่หน้าบ้านของตัวเอง ชื่อร้านว่า “ปึงใฮ้ฮวด” อาม่ากับลูกสาวเจ้าของร้านอัธยาศัยดีมากๆ บอกว่าต้องเป็นร้านชื่อนี้เท่านั้นถึงจะได้กินชุนเปี๊ยะสูตรแท้ๆจากเมืองจีน เพราะวันเสาร์-อาทิตย์ที่ตลาดบางหลวงจะมีร้านขายชุนเปี๊ยะหลายร้าน เจ้าของร้านแอบแซวว่า นี่ขนาดยังไม่ได้ขายเฟรนไชน์นะเนี่ย แต่ยังไงซะจ้าของร้านรับรองว่ากินชุนเปี๊ยะร้านไหนๆ ก็ไม่มีทางเหมือนชุนเปี๊ยะร้านปึงใฮ้ฮวด แน่นอน แอบๆถามว่าเคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่ไหน ก็ได้คำตอบว่าอยู่ที่แป้งบางๆที่ใช้ห่อจะเป็นสูตรที่ไม่เหมือนใคร แต่ขอเก็บเป็นความลับไว้ให้ลองมาชิมกันเองถึงที่ตลาดบางหลวงจะดีกว่า
อาม่าและลูกสาวบอกว่าถ้าอยากกินชุนเปี๊ยะแบบทันอกทันใจต้องมาวันธรรมดา ถึงจะได้กินแบบไม่ต้องรอนานนัก ถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ล่ะก็ รับรองรอเป็นชั่วโมงๆเลยล่ะครับ เพราะใครมาเที่ยวตลาดบางหลวงก็ต้องมาสั่งชุนเปี๊ยะ สั่งทีเป็นสิบๆกล่อง ใครอยากกินก็ต้องรอกันไป เพราะแกไม่ยอมทำทิ้งไว้เยอะๆ มันจะทำให้แป้งไม่กรอบ และไม่อร่อย ที่สำคัญไม่มีเวลาทำทิ้งไว้ด้วยเพราะขายออกหมดทำแทบไม่ทันขาย เพราะฉะนั้นถ้าอยากกินก็ต้องรออย่างเดียวครับ ราคาก็ถูกแสนถูก 4 อัน 10 บาทเท่านั้นสำหรับใครทีต้องการซื้อชุนเปี๊ยะไปเป็นของฝาก ก็ต้องบอกเค้าด้วยนะครับ เพราะเค้าจะได้ทอดชุนเปี๊ยะให้แค่พอเหลืองเล็กน้อย เวลานำกลับบ้านก็จะได้เอาไปลงกระทะทอดซ้ำใหม่ ก็จะได้ชุนเปี๊ยะสีเหลืองทองกรอบนอก อร่อยใน เหมือนต้นฉบับเป๊ะ ของว่างแปลกๆ กรอบ อร่อย น่ากิน ต้องชุนเปี๊ยะตลาดบางหลวงครับ
ส่วนของว่างธรรมดาที่ไม่ธรรมดาอีกอย่าง ที่ดูเอเซียขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดเวลามาเที่ยวตลาดบางหลวง ก็คือ ข้าวเกรียบปากหม้อ อ๊ะอ๊ะ! อย่าเพิ่งโวยกันสิ ข้าวเกรียบปากหม้อมันจะไม่ธรรมดาตรงไหน เดี๋ยวดูเอเซียมีคำตอบให้หายสงสัยแน่ๆ เพราะข้าวเกรียบปากหม้อที่ตลาดบางหลวงไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนแน่นอน ตามมาชิมกันเลยครับ
ข้าวเกรียบปากหม้อที่ว่าเนี่ย เป็นข้าวเกรียบปากหม้อไส้ผัก อย่าเพิ่งทำหน้างงกันสิครับ มีด้วยเหรอข้าวเกรียบปากหม้อไส้ผัก ก็โดยปกติข้าวเกรียบปากหม้อจะเป็นไส้หมูกับไชโป้ว แต่ข้าวเกรียบปากหม้อ ร้าน “เจ๊สมนึก” เป็นต้นตำหรับข้าวเกรียบปากหม้อไส้ผักของตลาดบางหลวง ความพิเศษของข้าวเกรียบปากหม้ออยู่ที่ไส้ เพราะมีให้เลือกหลากหลาย มีทั้งไส้หมูกับไชโป้วแบบปกติ ไส้หน่อไม้+กุ้งแห้ง ไส้กุยช่าย ไส้ถั่วฝักยาว และที่ฮอทฮิตสุดๆ เพราะขายดีมากๆ ก็จะเป็นไส้ผักกระเฉด
ตอนแรกดูเอเซียก็ยังสงสัยอยู่ว่าข้าวเกรียบปากหม้อไส้ผัก โดยเฉพาะผักกระเฉดเนี่ยนะ แล้วมันจะอร่อยเหรอ ถามเจ้าของร้านออกไปก็ได้คำตอบว่าต้องลองดู พร้อมกับรอยยิ้มแบบเยาะเย้ยว่า ไม่รู้อะไรซะแล้ว ไม่ยอมง่ายๆหรอกครับ โดนคำท้าทายพร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ยแบบนี้ มีรึจะยอม ต้องสั่งมาลองซะหน่อย แต่กว่าจะได้กิน ก็ต้องรอคิวยาวเหมือนกันครับ นี่ขนาดวันธรรมดานะเนี่ย รอตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง พอได้กิน โอ้โห! ต้องบอกว่าไม่ผิดหวังเลยล่ะครับ อร่อยมากๆ
ร้านข้าวเกรียบปากหม้อ เจ๊สมนึก นี่ก็เป็นอีกร้านที่บอกว่าถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ต้องรอกันเป็นชั่วโมง แถมไม่มีเวลามานั่งคุยกับดูเอเซียแบบนี้ด้วย เพราะแค่ทำขายอย่างเดียวก็แทบไม่ทันแล้ว เพิ่มเตาขึ้นอีกเตายังทำขายไม่ทันเลย เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากกินต้นตำหรับก็ต้องรอกันไปตามระเบียบ แต่ก็อร่อยคุ้มค่ากับการรอนะครับ ถามถึงเคล็ดลับความอร่อย เจ้าของร้านบอกว่าอยู่ที่น้ำจิ้ม ใครอยากได้สูตรน้ำจิ้มหรืออยากหัดทำข้าวเกรียบปากหม้อ เจ้าของร้านเค้ายินดีสอนให้โดยไม่หวง จะเอาไปทำขายหรือเอาไปทำเลียนแบบที่ไหนก็ไม่ว่า เพราะแกบอกว่าจะเอาไปทำขายได้ไม่ใช่ง่ายๆ ต้องมีความอดทนสูง เพราะต้องอยู่หน้าเตาทั้งวันดูเอเซียคอนเฟิร์มนะครับว่า ข้าวเกรียบปากหม้อไส้ผัก ร้าน ”เจ๊สมนึก” เป็นอาหารว่างง่ายๆที่แปลก และอร่อยมากๆอีกอย่างหนึ่ง ที่ไม่ควรพลาดเวลาไปเที่ยวที่ตลาดบางหลวง ร.ศ.๑๒๒ แถมราคาก็ถูกมาก ตัวละบาทเดียวเท่านั้น ลองดูนะครับ อ่อๆ..อีกร้านที่ดูเอเซียไม่พลาดที่จะแวะคือร้านกาแฟ ซึ่งร้านนี้ก็โด่งดังจากในฉากละครเรื่องคมแฝก ร้านนี้ชื่อร้านกาแฟพ่อปาน ในละครร้านนี้เป็นร้านขายกาแฟของกระเพราไงครับ ลองแวะชิมรสชาติกาแฟพ่อปานดูนะ
นี่เป็นแค่เสน่ห์เพียงบางส่วนของตลาดบางหลวงแห่งนี้ หากใครได้มาเที่ยวชมในวันหยุดเสาร์-อาทติย์ ล่ะก็..คุณจะได้สัมผัสตลาดบางหลวงที่เปิดแบบเต็มรูปแบบ ข้าวของจะมีให้เลือกชิมเลือกทานมากกว่านี้ แต่ผู้คนก็จะเดินไปมามากกว่านี้ จากปากของคนในตลาดบอกดูเอเซียว่าช่วงเวลาที่คนเยอะมากๆก็จะเป็นในวันอาทิตย์ ช่วง 10.00-15.00 น. แต่ดูเอเซียว่าหากใครอยากจะสัมผัสชีวิตที่สงบจริงๆของคนที่นี่วันจันทร์-ศุกร์น่าจะเหมาะที่สุดครับ
การเดินทาง
จากรุงเทพมหานคร ใช้เส้นทางถนนบรมราชชนนี แยกต่างระดับฉิมพลี เข้าเส้นทางวงแหวนรอบนอกกรุงเทพสู่อำเภอบางบัวทอง (ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี) หมายเลข 340 ถึงแยกนพวงศ์ เส้นทางบางเลน-ลาดหลุมแก้ว สาย 346 เข้าอำเภอบางเลน ใส้เส้นทางบางเลน-บางหลวง (สุชาติพัฒนา สาย3351)
จากสนามหลวงถึงตลาดบางหลวงระยะทางประมาณ 85 กิโลเมตร
จากจังหวัดนครปฐม ใช้เส้นทางสายมาลัยแมน (นครปฐม-สุพรรณบุรี) ผ่านอำเภอกำแพงแสน ผ่านมหาวิทยาลัยเกษตรฯวิทยาเขตกำแพงแสน ผ่านทางเข้า โรงเรียนการบินกำแพงแสน กลับรถที่แยกเข้าท่าเสา เข้าถนนกระตีบ-บางหลวง [สาย 3231]อีก 15 กิโลเมตร ถึงตลาดบางหลวง
ระยะทางรวม 55 กิโลเมตร
รถโดยสารประจำทาง
จากสนามหลวง รถตู้โดยสารสนามหลวง-บางหลวง ค่าโดยสาร 80 บาท มีรถออกทุก 45 นาที คันแรกออกจากสนามหลวงเวลา 06:40 น. และคันสุดท้าย ออกจากบางหลวงเวลา 16.45 น.
จากนครปฐม รถโดยสารประจำทางสายนครปฐม-วัดไผ่โรงวัว ค่าโดยสาร 35 บาท ใช้เวลาเดินทางระมาณ 1.45 ชั่วโมง