ถ้าจะคิดถึงน้ำตกในประเทศไทยแล้วเขียนเป็นชื่อออกมาให้ดูตอนนี้คงเขียนไม่หมดครับเพราะว่าน้ำตกในประเทศไทยมีเยอะมากมาย บางคนอาจไม่รู้จักน้ำตกในจังหวัดตนเองด้วยซ้ำ ทริปนี้ดูเอเซีย.คอม เลยอยากจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวน้ำตกแห่งหนึ่งที่อยู่ทางภาคเหนือตอนบนของไทยครับ และน้ำตกนี้ก็คือ น้ำตกโป่งพระบาท จังหวัดเชียงราย
น้ำตกโป่งพระบาทเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งของตำบลบ้านดู่ ปัจจุบันอยู่ในการควบคุมของวนอุทยานลำน้ำกก (ฝั่งขวา ) โดยการควบคุมดูแลอยู่ในอำนาจของวนอุทยานลำน้ำกกทั้งหมด น้ำตกโป่งพระบาทอยู่ตรงจุดสิ้นสุดของถนนเส้นทางสาย 1151 โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 3,275ไร่ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 500-1,000 เมตร บริเวณของน้ำตกโป่งพระบาทมีจุดที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแก่งหินต่างๆที่เป็นจุดพักผ่อน เช่น แก่งกระดานลื่น แก่งจู๋จี๋ แก่งรื่นรมย์ เป็นต้น
นอกจากนั้นยังมีจุดกางเต้นท์สำหรับบริการนักท่องเที่ยว แต่ต้องติดต่อล่วงหน้าก่อนที่จะเข้าพักประมาณ 2-3 วัน ส่วนค่าบริการแล้วแต่ผู้เข้าพักจะมอบให้ครับ สำหรับบรรยากาศและอากาศดีมากๆ และสะดวกสบายสำหรับลูกค้าที่จะกางเต้นท์ ผมขอรับรองว่าสะดวกจริงๆ และจะเจอคนในท้องถิ่นนิยมมาปิกนิก เล่นน้ำตก มีร้านอาหาร เครื่องดื่ม บริเวณลานจอดรถ
จุดที่น่าสนใจและจุดเด่นของวนอุทยานลำน้ำกก คือ น้ำตกโป่งพระบาท เป็นน้ำตกแบบแก่ง มีลักษณะเป็นแก่งหิน มีความลาดชันไม่มากนัก ลักษณะการไหลของน้ำที่ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆลงมา มีความต่างระดับกันไม่มาก มีน้ำไหลตลอดปี น้ำที่ไหลก็ใสสะอาดและเย็นมากๆ การเดินทางขึ้นไปน้ำตกโป่งพระบาทจนถึงจุดสิ้นของน้ำตกโป่งพะบาทก็สะดวก ถ้าไปเป็นหมู่คณะพูดคุยกันไปใช้เวลาไม่นานนัก
เราเดินจากจุดบริการนักท่องเที่ยวจนถึงจนสิ้นสุดของน้ำตกโป่งพระบาทระยะทางประมาณ 900 เมตร จากจุดเริ่มต้นสิ่งแรกที่เห็นคือลานจอดที่กว้างขวางจอดรถได้สะดวกสบาย
เดินไปอีกนิดความสวยงามของต้นไม้ที่สูงมากๆระหว่างทางการเดินขึ้นน้ำตกน้ำที่ไหลลงมาตามหินที่ลดหลั่นกันลงมาสวยงามมากจะเจอก้อนหินรูปทรงต่างๆ และยังมีตะไคร่น้ำเกาะหินทุกก้อนเขียวมาก ระหว่างทางขึ้นไม่ลื่นเดินสะดวก ไม่ลำบากทางขึ้นก็ไม่ชันเท่าไร่ พอเราถึงจุดที่สิ้นสุดก็ไม่สามารถขึ้นต่อไปได้ครับ ลืมบอกไปว่าระหว่างเดินขึ้นเราสามารถเก็บภาพระหว่างการเดินขึ้นน้ำตกโป่งพระบาท
วนอุทยานน้ำตกโป่งพระบาท ไม่มีบ้านพักบริการแก่นักท่องเที่ยว หากนักท่องเที่ยวมีความต้องที่จะเดินทางไปพักแรม ต้องนำเต็นท์ไปกางเองแล้วไปติดต่อขออนุญาตกับหัวหน้าวนอุทยานโป่งพระบาท โดยตรง หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ฝ่ายจัดการวนอุทยาน สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรุงเทพฯ 10900 โทร. 0-25614292-3 ต่อ 719 หรือ สำนักบริหารจัดการในพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) โทร.(053)714914 โทรสาร.(053)711961
หรือติดต่อโดยตรงกับวนอุทยานโป่งพระบาท สำนักบริหารจัดการในพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) ต.บ้านคู่ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย โทร.(053) 714914 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่เทศบาลตำบลบ้านดู่ ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย โทร / แฟ็กซ์ 053-703653 (เทศบาลตำบลบ้านดู่ )
ส่วนเรื่องของการเดินทาง หากเดินทางมาจากจังหวัดเชียงราย (ห้าแยกพ่อขุนฯ) ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (เชียงราย-แม่จัน) ระยะทาง 6 กิโลเมตร ถึงตลาดบ้านดู่แล้วให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1151 (ตลาดบ้านดู่-บ้านหัวฝาย) ระยะทาง 8 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งหมด 14 กิโลเมตร หากมาโดยรถประจำทาง นั่งสองแถวสายถนนแม่จัน-เชียงราย ลงที่ตลาดบ้านดู่ นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างจากตลาดบ้านดู่มายังน้ำตก ค่ารถ 30 บาท หรือเหมารถสองแถวจากตัวเมืองเชียงรายมาก็ได้ ส่วนเรื่องราคาต้องตกลงกับเจ้าของรถเองครับ
นอกจากดูเอเซีย.คอม พาเที่ยวน้ำตกโป่งพระบาทให้สดชื่นแล้วตอนขากลับลงมาจากน้ำตกโป่งพระบาทไม่เกิน 5 กิโลเมตรยังมีบ่อน้ำแร่ธรรมชาติที่เปิดให้บริการให้นักท่องเที่ยว มานั่งแช่นอนแช่ให้ผ่อนคลาย สบายตัว อัตราค่าบริการก็ไม่แพง คนละ 20 บาท และนอกจากแช่น้ำพุร้อน น้ำแร่ธรรมชาติยังมีนวดแผนโบราณให้เลือกใช้บริการอีกด้วย
“น้ำพุร้อน น้ำแร่ธรรมชาติ” ถ้าพูดถึงคำนี้เมืองไทยของเรานั้นมีแหล่งน้ำพุร้อน น้ำแร่ธรรมชาติ ที่ผุดขึ้นมาจากใต้พิภพมากมายหลายแห่งกระจายกันอยู่ทั่วไปในทุกภูมิภาคของประเทศ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเมืองไทยเป็นเมืองร้อน
น้ำพุร้อนในธรรมชาติจึงมิได้ถูกนำมาใช้ในเชิงสุขภาพกันอย่างแพร่หลายเหมือนเช่นในประเทศแถบเมืองหนาวอย่างญี่ปุ่นที่นิยมอาบน้ำแร่กันทั้งประเทศ แต่ในปัจจุบันกระแสการดูแลรักษาสุขภาพด้วยน้ำแร่ร้อนจากธรรมชาติได้รับความนิยมสูงขึ้น แหล่งน้ำพุร้อนหลายแห่งจึงได้มีบริการสถานอาบน้ำแร่กันมากยิ่งขึ้น และคาดว่าในอนาคตจะมีการเติบโตอย่างแน่นอน
ผมมีเคล็บลับการอาบน้ำแร่มาฝาก การอาบน้ำแร่นั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะจะทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ทำให้ผิวพรรณผ่องใส แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและบำบัดอาการทางกระดูกและไขข้อได้ดี จึงทำให้มีผู้คนสนใจอาบน้ำแร่กันมากขึ้น แต่ข้อสำคัญการอาบน้ำแร่ร้อนนั้น ในการลงไปอาบลงไปแช่แต่ละครั้งควรมีระยะเวลาไม่เกิน10-15 นาที แล้วขึ้นมาเดิน ขึ้นมาพักสูดอากาศภายนอก แล้วจึงลงไปแช่ใหม่ เพราะการแช่นานๆเกินไปนั้น จะทำให้ร่ายกายเสียเหงื่อและขาดน้ำ อาจจะเกิดอาการหน้ามืดหมดสติได้