ไอศครีม” หรือ “ไอติม” ที่คนไทยเรียกกันนั้น เป็นของหวานเย็น ที่ชื่นชอบกันทุกเพศทุกวัย ทุกชาติ ทุกภาษา ที่สำคัญสามารถ ปรับประยุกต์ ให้เข้ากับความนิยมของแต่ละชาติได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนอาจจะกล่าว ได้ว่า ไอศครีมเป็นอาหารของคนทั้งโลก และการได้กินไอศครีมถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับไอสครีมกันดีกว่าว่ามีที่มาที่ไปยังไง “ไอสครีม” ทับศัพท์จากภาษาอังกฤษ Ice Cream จนคนทั่วไปคิดว่า มีถิ่นกำเนิดมาจากตะวันตก แต่จริง ๆ แล้วกำเนิดในประเทศจีนนี่เอง เกิดจากการ นำหิมะ บนยอดเขามาผสมกับนํ้าผลไม้ และกินในขณะ ที่หิมะยัง ไม่ทันละลายดี จนปลายศตวรรษที่ 13 มาร์โคโปโล เดินทางไปจีน และชื่นชอบ จึงนำสูตรกลับไป อิตาลีขณะเดินทางมีการเติมนมลงไป กลายเป็นสูตร ของเขาโดยเฉพาะ และแพร่หลายไปในอิตาลี ฝรั่งเศสและข้ามไปอังกฤษ คนอิตาลีถือว่าตนเองเป็นต้นตำรับไอศครีมแบบที่นำมาปั่นให้เย็นจนแข็ง เรียกว่าเจลาติน (Gelatin) แล้วแพร่หลายไปในฝรั่งเศสช่วงศตวรรษที่ 16 ข้ามไปอเมริกา ในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 กลายเป็นที่ชื่นชอบของคนอเมริกันมาก ประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน ลงทุนถึง 200 ดอลลาร์ซื้อเครื่องปั่นไอสครีม ไปทำกินเองในหน้าร้อน
ในเมืองไทยไอศครีมเข้ามาช่วงไหนไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่คาดว่าคงมาหลังสมัย ร.5 ซึ่งมีการผลิตนํ้าแข็งกินเอง ไอสครีมตอนนั้น ทำจากนํ้าหวานหรือนํ้าผลไม้นำไปปั่นเย็นจนแข็ง ไม่มีนมหรือครีมผสมด้วย เรียกว่า “ไอติม” ใช้แรงคนในการปั่น โดยมีหม้อทองเหลือง เส้นผ่าศูนย์กลาง 50-60 ซม.สูง 30 ซม.ภายในมีรูคล้ายลังถึงสำหรับเสียบกระบอกโลหะ ทรงกลมขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ซม. ภายในบรรจุนํ้าผลไม้หรือนํ้าหวาน กระบอกนี้คือแม่พิมพ์ที่ทำให้ไอติมเป็นแท่ง การปั่นต้องใช้มือจับหูหม้อทองเหลืองทั้ง 2 ข้าง และแกว่งหรือหมุนไปมาในถังไม้ที่ใส่นํ้าแข็งผสมเกลือหลังจากปั่นได้ 1/2 – 1 ชม.ไอของความเย็นจะเริ่มเกาะรอบนอกของกระบอก นํ้าหวานข้างในจะเริ่มแข็งตัว ช่วงนี้เองที่ต้องเสียบไม้เข้าไป ตรงกลางเพื่อ เอาไว้จับกิน หมุนต่อไปอีกจนไอติมแข็งตัว จึงเอากระบอกโลหะไปจุ่มในนํ้าอุ่นเพื่อ ให้ดึงไอติมออกจากกระบอกง่ายขึ้น นำไปใส่กระติกเร่ขาย ปัจจุบันมีพ่อค้าฟื้นการทำไอติมแบบนี้ออกขายด้วย ต่อมาบริษัทป๊อบผู้ผลิตไอสครีมตราเป็ด ซึ่งเป็นผู้ผลิตไอสครีมรายแรกของเมืองไทย ได้สั่งซื้อเครื่องทำไอสครีมจากต่างประเทศ มาผลิตไอสครีมได้ครั้งละมาก ๆ เน้นความสะอาดและคุณภาพ ทำให้ไอสครีมเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว ไอสครีมตราเป็ดยุคแรก ๆ ยังเป็นไอติมหวานเย็น ต่อมาจึงมีการดัดแปลงรสชาติใหม่ ๆ เป็น เป็นรสระกำ เฉาก๊วย ลอดช่อง โอเลี้ยง ข้าวเหนียวแดง ถั่วดำ ฯลฯ พร้อมกับนำสูตรใส่นมจากต่างประเทศใส่ถ้วย ทำให้เนื้อไอศครีมละเอียดและเนียน คนจึงนิยมกินไอศครีมใส่นมหรือครีมกันมาก
อย่างไรก็ตามคนไทยสามารถดัดแปลงไอศครีมจนเป็นเอกลักษณ์ของไทยคือ ไอติมกะทิ โดยใช้กะทิสดผสมนํ้าตาล ใส่แทนนมและครีม ที่อาจจะเป็นไปได้มากว่าไอสครีมกะทิมีต้นกำเนิดจากเมืองไทยเป็นแห่งแรก และไม่ต้องใช้กระบอกทำเป็นแท่ง แต่ใช้ตักใส่ถ้วยเป็นลูก ๆ ซึ่งมีคำเรียกขานใหม่ว่า “ไอติมตัก” ต่อมาจึงมีการตักใส่ถ้วยกรอบ และขนมปังผ่ากลาง จุดเด่นของไอสครีมกะทิคือดัดแปลงให้มีรสชาติต่าง ๆ ได้ง่าย เช่น เติมลอดช่อง เม็ดแมงลัก ข้าวโพด ขนุน ทุเรียน และเผือก เป็นต้น
ครับ…วันนี้ ดูเอเซีย.คอมจะพาเพื่อนๆไปชิมไอติมหรือไอศครีม แต่ขออนุญาตเรียกกันง่ายๆภาษาชาวบ้านว่าไอติมดีกว่านะครับไอติมที่ว่านี้ คือ ไอติมบางแค แต่อย่าเข้าใจผิดคิดไปไกลว่าเป็นบางแคกรุงเทพฯนะครับ ไอติมบางแคที่ว่านี่คือ บางแค อัพวาแม่กลองนะครับผม ไอติมที่ นี่เป็นไอติมโบราณที่ทำกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่สืบทอดกิจการต่อๆกันมานับได้ว่าเกือบๆ50-60 ปีได้แล้วมั้งครับซึ่งจะเน้นกะทิเป็นส่วนประกอบหลักในการทำส่วนรสชาตินั้นไม่ต้องพูดถึงครับอร่อยถูกปากแน่นอนครับผม จะรอช้าอยู่ทำไมล่ะครับเราไปตามหาไอติมที่ว่ากันดีกว่าครับ
บางแคไอศครีม ตั้งอยู่ในตลาดน้ำอัมพวา สังเกตง่ายๆตรงสีแยกธนาคารออมสิน บรรยากาศร้านจะเป็นร้านเล็กๆอยู่ตรงข้างๆถนน ร้านนี้เปิดมานานกว่า 20 ปีแล้ว เจ้าของคือ คุณ บุญลือชัย ทองเปี่ยม เจ้าของกิจการไอติมบางแคที่ได้สืบทอดสูตรการทำไอติมมาจากพ่อและแม่ ไอติมของ พี่ บุญลือชัยเขานั้นจะเน้นการผลิตเองและขายเองเรียกได้ว่าครบวงจรครับผม
ไอติมที่นี่เป็นไอติมกะทิครับ รสชาตินั้นอร่อยถูกปากมากเลยทีเดียว หอม และไม่หวานบาดคอ เข้มข้นด้วยกะทิที่คัดสรรมาอย่างดี สอบถามจากพี่ บุญลือชัย เจ้าของร้าน เขาบอกกับเราว่า ไอติม บางแค จะเน้นหลักๆเป็นกะทิสด และมะพร้าวที่นำมาคั้นกะทิก็เป็นมะพร้าวจากสวนของพี่เขาโดยเฉพาะปลอกเองคั้นเองจนได้กะทิที่สะอาดไม่มีเจือปนและถ้ากะทิจากสวนไม่พอจริงๆ มะพร้าวที่นำมาคั้นกระทินั้นต้องเป็นมะพร้าวจากบางคนทีเท่านั้นเนื่องจากมะพร้าวของอำเภอบางคนทีถือว่ามีกะทิที่เข้มข้นได้คุณภาพที่ดีที่สุดแล้วและพี่เขายังบอกอีกว่าจะไม่ซื้อกะทิจากตลาดมาทำไอติมเด็ดขาด เพราะว่าไม่มั่นใจในคุณภาพที่อาจจะมีอย่างอื่นเจือปนมาอีกด้วยและอาจจะทำให้ไอติมไม่ได้คุณภาพ
ดูเอเซีย.คอม สอบถามกับพี่เขาถึงขั้นตอนในการไอติม พี่เขาบอกว่าลักษณะของไอติมบางแคจะทำอยู่ 2ประเภท คือ 1 ไอติมกะทิแบบโบราณ และ 2 ไอติมกะทิแบบสมัยปัจจุบัน ที่มีการนำนมข้นมาเป็นส่วนประกอบด้วย
1ไอติมโบราณแบบกะทิ ลักษณะจะเป็นเกร็ดน้ำแข็งที่เน้นส่วนผสม คือกะทิ น้ำตาล เท่านั้น รสชาติจะหวานมันกะทิ แต่จะค่อนข้างละลายง่าย เวลาขายจะต้องตักขาย
2 ไอติมที่ผสมนมข้น คือนอกจากกะทิและน้ำตาลแล้วจะเพิ่มนมข้นมาเป็นส่วนประด้วยลักษณะเนื้อจะข้นและละเอียดกว่า รสชาตินั้นก็อร่อย หวานมันกะทิและนมข้น แบบนี้จะค่อนข้างสะดวกในการขายเพราะจะละลายช้าสะดวกต่อการทานของลูกค้า
สอบถามวิธีในการทำไอศครีม พี่ บุญลือชัย ก็ไม่หวงสูตรเลย พี่เขาบอกว่า การทำไอติมนั้นเริ่มจากจากคัดสรรวัตถุดิบต้องมีคุณภาพ มะพร้าวที่นำมาทำจะปลอกเองคั้นเองเมื่อได้กะทิที่ต้องการแล้วก็นำมาผสมกับน้ำตาลทรายขาว ในอัตรา มะพร้าว 5 ลูก จะใช้น้ำตาล 1 กิโลกรัม คนกะทิกับน้ำตาลให้เข้ากันเมื่อน้ำตาลละลายเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับกะทิแล้ว ก็นำมากรองด้วยผ้าขาวบางจากนั้นผสมน้ำนิดหน่อยน้ำที่นำมาผสมต้องเป็นน้ำที่สะอาดเช่น น้ำฝน หรือน้ำต้มสุข อาจจะผสมสมุนไพรด้วยก็ได้เช่น ใบเตย เมื่อทุกอย่างผสมเข้ากันหมดแล้วก็นำไปปั่นในเครื่องทำไอศครีมใช้เวลาปั่นประมาณ 15 นาทีก็จะได้ ไอติมกะทิแบบโบราณ แต่ถ้าต้องการให้เนื้อเข้มข้นและละเอียดก็เติมนมข้นลงไปก็จะได้ไอติมแบบใส่นมข้นที่อร่อยเนื้อละเอียด แต่เคล็ดลับในความอร่อยนั้นต้องใช้ประสบการณ์ล้วนๆครับพี่เขาบอก
หากว่าเพื่อนคนไหนได้มีโอกาสมาเที่ยวที่ตลาดน้ำอัมพวาแล้วละก็อย่าลืมมาชิมไอศครีมบางแคได้นะครับ ไอติมที่นี่อร่อย หอม หวานมันกะทิแท้ๆ แถมราคายังถูกอีกต่างหาก ร้านไอศครีมบางแค ตั้งอยู่ ในตลาดน้ำอัมพวาครับ ตรงสี่แยกธนาคารออมสิน ร้านเปิดขายตั้งแต่ 13.00-24.00 น.ยังไงก็มาอุดหนุนกันได้นะครับรับรองไม่ผิดหวังในรสชาติและการบริการที่เป็นกันเองแน่นอนครับ ดูเอเซีย.คอม การันตีความอร่อยสุดยอดครับ
บางแคไอศครีม รับจัดทำไอศครีมในงานเลี้ยงพิธีต่างๆ สนใจติดต่อ คุณ บุญลือชัย ทองเปี่ยม บ้านเขที่ 3 หมู่ 2 ตำบล จอมปลวก อำเภอบางคนที จังหวัด สมุทรสงคราม 75120 โทรศัพท์ 034-730-298 มือถือ 089-918-7347
การเดินทางมาอัมพวา
รถยนต์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) ถึง กม.ที่ 63 เข้าตัวเมืองสมุทรสงคราม ผ่านตัวเมือง จากนั้นเข้าทางหลวง 325 สมุทรสงคราม-บางแพ กม.ที่ 36-37 มาทางแยกซ้ายเข้าไปทางที่จะไปอุทยานฯ ร.2 ตลาดน้ำจะอยู่ใกล้กับอุทยานฯ ร.2จอดรถบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภออัมพวา หรือ ที่วัดอัมพวันเจติยารามได้
รถทัวร์ปรับอากาศ กรุงเทพฯ – ดำเนินสะดวก สาย 996 ลงที่ตลาดอัมพวา รถออกทุก 30 นาที
