ล่องเรือชมนก บึงบอระเพ็ด สวรรค์ของนกน้ำ
ในประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวดูนกชมวิวมากมาย แต่ถ้าพูดถึงแหล่งชมนกน้ำอันดับหนึ่งของเมืองไทย แน่นอนต้องที่ “บึงบอระเพ็ด” จ.นครสวรรค์ ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในปนะเทศไทย ที่ ๆ ใคร ๆ ก็กล่าวขาลกันว่าเป็น “สวรรค์ของนกน้ำ” โดยเฉพาะบรรดานักส่องนกทั้งหลายต่างก็ยกให้ที่ “บึงบอระเพ็ด”แห่งนี้ เป็นแหล่งส่องนกอันดับหนึ่ง ด้วยทัศนียภาพและระบบนิเวศของทะเลสาบน้ำจืดที่สวยงาม ที่พร้อมพรั่งไปด้วยความสะดวก ทั้งอาหารการกิน และที่พัก จึงเหมาะแก่การมาพักผ่อนส่องนกในวันหยุดเป็นอย่างยิ่ง และทริปนี้ดูเอเซียดอทคอมขอพาเพื่อน ๆ ไปล่องเรือส่องนก ดูธรรมชาติใน “เขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด” ซึ่งประสบเหตุการณ์อุทกภัยน้ำท่วมเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา ไปดูกันค่ะว่า ระบบนิเวศต่าง ๆ ของบึงบอระเพ็ดจะยังคงสภาพเดิม ๆ หรือเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรกันบ้าง
พื้นที่ของบึงบอระเพ็ดในอดีตนั้นเป็นที่ราบลุ่ม แวดล้อมไปด้วยป่าไม้เบญจพรรณอันอุดมสมบูรณ์ มีลำคลองเล็กๆ ไหลผ่านและประกอบไปด้วยหนองน้ำหลายแห่ง เมื่อถึงฤดูฝนจะมีน้ำทางเหนือไหลหลากทำให้บริเวณบึงบอระเพ็ดมีน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างจนกลายเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ อุดมไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด ทั้งพันธุ์ปลาชนิดต่างๆ จระเข้ กุ้งก้ามกรามและตะพาบน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องจระเข้แล้วเป็นที่เลื่องลือกันว่าบึงบอระเพ็ดมีจระเข้ชุกชุมมาก จนผู้คนที่นั่งรถไฟผ่านบึงบอระเพ็ดสามารถมองเห็นจระเข้ที่ลอยอยู่ในบึงและส่วนหนึ่งก็ขึ้นมานอนผึ่งแดดตามชายบึงหรือบนเกาะ
ในปี พ.ศ. 2466 ดร.ฮิวจ์ เอ็ม สมิท ชาวอเมริกันซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการประมง กระทรวงเกษตราธิการได้ออกสำรวจบึงบอระเพ็ดและได้รายงานผลการสำรวจเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2466 ว่าบึงบอระเพ็ดเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่และมีความสำคัญมากเกี่ยวกับเรื่องการประมง เพราะว่าเป็นแหล่งพันธุ์ปลา เป็นทำเลที่ปลาอาศัยเลี้ยงตัว วางไข่ และแพร่พันธุ์ ควรจะมีการบำรุงรักษาให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลา กระทรวงเกษตราธิการจึงได้นำเรื่องนี้กราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตสงวนบึงบอระเพ็ดไว้เป็นที่สงวนพันธุ์สัตว์น้ำ โดยการสร้างคันกั้นน้ำและประตูระบายน้ำ เพื่อเก็บกักน้ำที่ระดับ 23.80 ร.ท.ก. ตลอดปี และได้รับพระบรมราชานุญาตให้ดำเนินการเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2469 การก่อสร้างทำนบกั้นน้ำและประตูระบายน้ำเริ่มจากปี พ.ศ. 2470 และเสร็จในปี พ.ศ. 2471 สามารถกักเก็บน้ำได้ตลอดปี
กระทรวงพระคลังมหาสมบัติในเวลานั้นได้ประกาศกำหนดเขตบึงบอระเพ็ดไว้เป็นที่รักษาพืชพันธุ์ปลาน้ำจืด ในปี พ.ศ. 2471 และพิจารณาแก้ไข ในปี พ.ศ. 2473 โดยกำหนดเนื้อที่ประกาศเป็นเขตหวงห้ามไว้ประมาณ 250,000 ไร่ และต่อมารัฐบาลได้ตราพระราชกฤษฎีกา ลงวันที่ 4 สิงหาคม 2480 ถอนการหวงห้ามเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน 132,737 ไร่ 56 ตารางวา โดยมีอาณาเขตติดต่อกัน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอชุมแสง และอำเภอท่าตะโก ในปี พ.ศ. 2490 กระทรวงเกษตราธิการได้แบ่งเขตรักษาพืชพันธุ์ออกเป็น 2 เขต คือ เขตที่ 1 เป็นเขตหวงห้ามมิให้ผู้ใดทำการประมง โดยเด็ดขาด มีเนื้อที่ 38,850 ไร่ เขตที่ 2 เป็นเขตหวงห้ามที่อนุญาตให้ราษฎรทำการประมง
โดยใช้เครื่องมือบางชนิดที่กำหนดให้ใช้ได้ มีเนื้อที่ 93,887 ไร่ 56 ตารางวา ส่วนในเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่า ประกอบด้วยสัตว์ป่าสงวน และสัตว์ป่าคุ้มครอง มีการสำรวจพบ “นกเจ้าฟ้าหญิงสิริทร” ที่เป็นสัตว์หายาก รวมทั้งพันธุ์สัตว์อื่น ๆ อาศัยอยู่ประมาณ 200 กว่าชนิด นอกจากนี้ยังมีอุทยานนกน้ำ เป็นพื้นที่ด้านทิศใต้ของบึงบอระเพ็ด จัดให้เป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ ซึ่งจะมีนกเป็ดน้ำและนกอพยพอื่น ๆ จำนวนมาก ให้นักท่องเที่ยวได้ชมในราวเดือน พฤศจิกายนถึงมีนาคมของทุกปี